ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 74 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1461 - 1480 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1461 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/05/2559 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. จากการที่มีพยากรณ์อากาศว่าสภาพอากาศช่วงนี้ยังคงร้อนจัดและมีแนวโน้มที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก จึงให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมการรองรับผู้ป่วยโรคลมแดด (heat stroke) และให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการฝึกกำลังพลกลางแจ้งในเวลากลางวันให้เหมาะสมด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการพลิกฟื้นผืนป่าต้นน้ำ (เขาหัวโล้น) โดยเฉพาะบริเวณเขาหัวโล้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยด่วน ๓. ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการขุดลอกคูคลองและแม่น้ำที่ในขณะนี้มีปริมาณน้ำน้อย จัดทำแก้มลิง รวมทั้งพิจารณานำเครื่องดูดเลนมาใช้ในการดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของแหล่งน้ำในการเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง ๔. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการผลิตและใช้กังหันน้ำและโซล่าเซลล์ เช่นเดียวกับกังหันของมูลนิธิชัยพัฒนาในการบำบัดน้ำในทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ๕. ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการสถาบันทางด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและเวชพันธุ์รักษ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ๖. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดทำข้อมูลผู้ประกอบการในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่ผลิตอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ส่วนราชการใช้งาน เช่น เตียงทันตกรรม เตียงผู้ป่วย เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายในการนำเข้าอุปกรณ์หรือเครื่องมือจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูง ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งข้อมูลดังกล่าวให้ทุกส่วนราชการเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม โดยในการนำไปดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๗. ให้สำนักงบประมาณร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการปฏิรูประบบงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน เพื่อให้การบริหารจัดการงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๘. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำสื่อวีดิทัศน์เผยแพร่ภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนหรือเรื่องที่สมควรสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน และส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อนำไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติหรือรายการเดินหน้าประเทศไทย นั้น ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) และกรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการ (๑) จัดทำแผนการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมโดยจัดลำดับความสำคัญของแต่ละภารกิจและนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์ (๒) ประสานทุกสถานีโทรทัศน์และวิทยุเพื่อนำสื่อวีดิทัศน์ที่ส่วนราชการจัดทำขึ้นไปออกอากาศตามรูปแบบรายการ รวมทั้งช่องทางอื่นของแต่ละสถานีต่อไปด้วย และ (๓) ประสานหน่วยงานที่มีจอภาพในที่สาธารณะ เช่น จอภาพของกรุงเทพมหานคร จอภาพของกระทรวงคมนาคมในสถานีขนส่งหรือท่าอากาศยาน เพื่อนำสื่อที่ส่วนราชการจัดทำขึ้นไปเผยแพร่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๑ เดือน
|
||||||||||||||||||
1462 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 03/05/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ณ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ หน่วยงานมีการเบิกจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น ๒๐,๕๐๐.๐๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๑.๗๖ ของวงเงินที่หน่วยงานลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๒๒,๓๔๑.๕๗ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑.๑.๑ หน่วยงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๖,๒๒๐.๑๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายรวม ๖,๑๙๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๒,๓๗๑.๓๘ ล้านบาท และกระทรวงคมนาคม วงเงิน ๓,๘๒๕.๔๖ ล้านบาท ๑.๑.๒ หน่วยงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๑๖,๑๒๑.๔๕ ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ววงเงินรวม ๑๔,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท คงเหลือวงเงินที่คาดว่าจะเบิกจ่าย ๑,๘๑๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงกลาโหม คงเหลือ ๑ โครงการ คือ โครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ วงเงิน ๑.๙๐๗ ล้านบาท (๒) กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๑,๐๓๗.๖๓ ล้านบาท และ (๓) กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน ๗๗๗.๓๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติขยายระยะเวลาให้หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก กระทรวงกลาโหม สามารถเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ตามโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๑,๙๐๗,๐๖๑ บาท ได้จนถึงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้แล้วเสร็จให้ไปใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก) เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ทำให้โครงการก่อสร้างต้องล่าช้า ซึ่งหากพบว่าผู้รับจ้างต้องรับผิดก็ให้ดำเนินการเรียกร้องค่าปรับและค่าเสียหายตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) ๓. ในส่วนของโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการและยังเบิกจ่ายไม่แล้วเสร็จ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1463 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ | 03/05/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในส่วนของงบทำการ จำนวนทั้งสิ้น ๒๓,๓๒๗.๓๓๒๖ ล้านบาท สำหรับงบลงทุนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นภาพรวมระดับประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การยางแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนและสอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ที่กำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ในประเด็น “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ให้ใช้จากสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้การยางแห่งประเทศไทยนำเงินกองทุนพัฒนายางพาราคืนให้ ธ.ก.ส. เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป” และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การยางแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับภารกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและการสนับสนุนการพัฒนายางทั้งระบบตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการพัฒนาตามยุทธศาสตร์พัฒนายางพารา ฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำต่อไป รวมทั้งควรมีการจัดทำรายงานการประเมินผลโครงการที่ได้ดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาลและโครงการและกิจกรรมสำคัญที่การยางแห่งประเทศไทยดำเนินการเอง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีและการพิจารณางบทำการและงบลงทุนของการยางแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณถัดไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1464 | ข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal: R-PP) | กค | 03/05/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal : R-PP) โดยสาระสำคัญของร่างข้อตกลงฯ ธนาคารโลกได้อนุมัติความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย ในวงเงิน ๓,๖๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัสหรือกลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ป่า โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือและดำเนินโครงการ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จากธนาคารโลกเข้าเยี่ยมชมและตรวจสอบการดำเนินโครงการได้ การจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งให้แก่ธนาคารโลกภายหลังวันสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งการจัดซื้อสินค้าและจัดจ้างบริการที่ไม่ใช่ที่ปรึกษา และการว่าจ้างที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงการคลัง โดยนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แผนงานโครงการ และเงื่อนไขตามมาตรฐานของธนาคารโลกอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ ควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในเขตป่า โดยเน้นให้มีกลไกการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และคำนึงถึงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ดำเนินการอย่างรอบด้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1465 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มเติมภายใต้กรอบโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 ของกรมทางหลวง | คค | 03/05/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการก่อสร้างทางกลับรถต่างระดับบนทางหลวงหมายเลข ๔๐๒ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากที่มีการขอถอนเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง กรมทางหลวงโดยแขวงทางหลวงภูเก็ตและจังหวัดภูเก็ตได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อชี้แจงรายละเอียดและรูปแบบของโครงการเพิ่มเติม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทาง รูปแบบและตำแหน่งที่จะทำการก่อสร้าง กรมทางหลวงจึงเริ่มดำเนินโครงการ โดยประกาศประกวดราคาแล้วเมื่อวันที่ ๑๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และจะประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รวมถึงจะลงนามในสัญญาก่อสร้างภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. อนุมัติโครงการเพิ่มเติมภายใต้กรอบโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของกรมทางหลวง แผนงานบำรุงรักษาทางหลวง จำนวน ๕๓ รายการ ภายในกรอบวงเงิน ๒๔๓,๗๗๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ และหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้ฯ พ.ศ. ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1466 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2559 | นร11 | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการดำเนินการไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป โดยมีผลประชุมและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้
๑. โครงการด้านการบริหารจัดการน้ำ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานรับไปดำเนินการ โดยพิจารณาถึงความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการตามที่ภาคเอกชนเสนอ ประกอบด้วย (๑) โครงการจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทานเพื่อส่งเสริมการเกษตร จังหวัดหนองคาย ได้แก่ โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านคำแก้ว โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านโคกคอน-ห้วยลาน ระยะ ๒ โครงการแก้มลิงหนองโซงเซงพร้อมอาคารประกอบ โครงการแก้มลิงหนองเอิบเอ้อพร้อมอาคารประกอบ และโครงการแก้มลิงหนองปากกรวดพร้อมอาคารประกอบ (๒) โครงการพัฒนาแก้มลิง จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ โครงการพัฒนาแก้มลิงอ่างเก็บน้ำหนองสำโรง และโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองหมัด (๓) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อส่งเสริมการเกษตรและแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ โครงการขุดลอกหนองส้มโฮง บ้านศรีอุดม ตำบลพรเจริญ อำเภอพรเจริญ และโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำบ้านท่าศรีชมชื่น ตำบลหนองหัวช้าง อำเภอพรเจริญ และ (๔) โครงการประตูระบายน้ำลำพะเนียงหลวงปู่หลอด จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อบรรจุไว้ในแผนงานและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการอย่างเป็นระบบ ๒. โครงการส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และกระทรวงคมนาคมพิจารณาส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อเสนอการพัฒนาแหล่งน้ำหนองนาตาลของภาคเอกชนไปพิจารณาในรายละเอียดถึงความเหมาะสมและความจำเป็นของการดำเนินการ โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าทั้งภาคประชาชนและอุตสาหกรรมอย่างมีส่วนร่วม ๓. โครงการพัฒนาพื้นที่ทำ Container yard ที่สถานีรถไฟหนองตะไก้ จังหวัดอุดรธานี สำหรับคลังกระจายสินค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าส่งออก มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการดำเนินโครงการตามที่ภาคเอกชนเสนอ |
||||||||||||||||||
1467 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2559 | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๗ แห่ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) รวมถึงการประเมินผลการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจครั้งที่ ๑ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘) และมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และกระทรวงการคลัง ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับการประเมินผลในครั้งที่ ๒ (ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙) ๑.๒ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนจากการสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบหลักการการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุน ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มิได้ดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานรัฐวิสาหกิจในปีที่เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจริง ๑.๕ รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลที่เปิดเผยของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๒๕๖๐) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อแก้ไขปัญหาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในการเตรียมการแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์หรือการป้องกันการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับการดำเนินการเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ พ.ศ. .... ควรเตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและหลักเกณฑ์การประเมินผลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นั้น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้จากการบริการ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและปรับปรุงระบบการบริหารการเงินให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1468 | การแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์และเลขาธิการอาเซียนสำหรับโครงการ Annual Diplomatic Training for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016 - 2019 | กต | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ถึงเลขาธิการอาเซียน และร่างหนังสือตอบของเลขาธิการอาเซียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ (รวม ๒ ฉบับ) สำหรับโครงการ Annual Diplomatic Training for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016-2019 โดยหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ฯ ระบุถึงข้อตกลงของการดำเนินโครงการฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสนับสนุนโครงการฯ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและจัดการฝึกอบรมให้แก่นักการทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการรวมตัวระดับภูมิภาค โดยเน้นเรื่องวิวัฒนาการการรวมตัวในระดับภูมิภาค การระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี การเชื่อมโยงและความร่วมมือทางวัฒนธรรม สำหรับหนังสือตอบของเลขาธิการอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการยอมรับข้อตกลงตามที่ระบุในหนังสือของฝ่ายเนเธอร์แลนด์ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบเลขาธิการอาเซียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ สำหรับโครงการฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||
1469 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร | คค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินในประเทศ จำนวน ๑๗,๑๖๔.๐๘ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงินในประเทศและนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำหรับค่าเวนคืนที่ดินและค่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการประกวดราคา วงเงิน ๑๒๖.๕๕ ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรเร่งรัดการประกวดราคาและลงนามในสัญญาจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อที่จะได้สามารถเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ การกำหนดราคากลางให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน ก่อนเริ่มดำเนินการจัดหาตามนัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม การเร่งพิจารณาเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ๓ เส้นทาง ได้แก่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ช่วงนครปฐม-หัวหิน และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกัน รวมถึงการเร่งพิจารณากำหนดแผนพัฒนาระบบรถไฟให้สามารถสนับสนุนการพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ประหยัด และสร้างภาระงบประมาณต่อภาครัฐและภาระหนี้สาธารณะของประเทศให้น้อยที่สุด โดยให้คำนึงถึงบทบาทของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่จะสามารถเข้ามาร่วมลงทุนดำเนินโครงการอีกทางหนึ่ง การพิจารณาการจัดหาประโยชน์ในการใช้ที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟ การดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่เกิดจากการดำเนินการในอดีต รวมทั้งการเร่งปรับปรุงการบริหารจัดการองค์กรในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ การจัดทำบัญชี/งบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไปและเป็นปัจจุบัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง ๒ ช่วงดังกล่าวเข้าข่ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ หรือไม่ หากเห็นว่าเข้าข่ายคำสั่งดังกล่าว ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับการรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ๔. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดการยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๕. ให้กระทรวงคมนาคมประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความก้าวหน้าและแผนการดำเนินการโครงการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ขนาดทาง ๑ เมตร (Meter Guage) และโครงการด้านคมนาคมขนส่งอื่น ๆ โดยแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงการดังกล่าวต่อประเทศชาติทั้งผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงเส้นทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||
1470 | โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | นร11 | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (Thailand Earth Observation System : THEOS-2) มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ขั้นตอน กระบวนการดำเนินโครงการ และการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รับไปดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการให้ครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุนโครงการ (Feasibility Study) ก่อนที่จะเสนอรายชื่อประเทศเป้าหมายที่จะจัดทำความร่วมมือในโครงการฯ หรือขออนุมัติดำเนินโครงการฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เกี่ยวกับกรณีที่มีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติฯ โดยเคร่งครัด การเปรียบเทียบต้นทุนและความคุ้มค่าในการดำเนินงานระหว่างการใช้งบประมาณของรัฐกับการให้เอกชนร่วมลงทุน การกำหนดเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ การพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ และคำนึงถึงถ้อยคำตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้ภายในปี ๒๕๕๙ ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนที่จะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการเสนอเรื่องและการขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนว่า จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องฉบับใดบ้างหรือไม่ และควรต้องมีการกำหนดระเบียบ แนวทางปฏิบัติ หรือขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
1471 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง เพิ่มเติม (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๖๒๕,๙๕๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘๔ โครงการ ต่อไป ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||
1472 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรี | อื่นๆ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงาน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตตามผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเพชรบุรี ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าควรเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์) ระยะทางประมาณ ๔๒ กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมปรับปรุงเส้นทางโดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การทำทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ และเร่งปรับปรุงซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดทรุดโทรมโดยเฉพาะเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๒ การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายในการรักษาฐานการท่องเที่ยวของประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ และเพิ่มการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ เช่น วิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒.๒ ในการเป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลให้กับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด และเครือข่าย ๘ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชน เช่น นโยบายประชารัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ กับผู้เข้าสัมมนาด้วย
|
||||||||||||||||||
1473 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/04/2559 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงโครงการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการบ้านประชารัฐ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสามารถและฐานะของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการในอนาคตด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก โดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ เส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๓ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น พัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (จังหวัดเพชรบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกร โดยหาวิธีอื่นแทนการแจกเมล็ดพันธุ์ เช่น การนำเมล็ดพันธุ์ดีไปแลกเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปกรอบความร่วมมือในภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยร่วมมือกับต่างประเทศในระดับต่าง ๆ เช่น กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) กรอบความร่วมมืออาเซียน กรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) กรอบความร่วมมือกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในองค์การสหประชาชาติ (Group of 77 : G77) กรอบความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยจัดทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการให้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดจะต้องดำเนินการภายในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) และกิจกรรมใดจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้มีแผนที่นำทาง (Roadmap) ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน จำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นั้น ให้ดำเนินการ ๓.๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยในการจัดทำ Roadmap ให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เป็นสำคัญ และให้พิจารณาในด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เช่น การเกษตร การบริหารจัดการน้ำ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ การศึกษา สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความมั่นคง การค้าการลงทุน การสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดระเบียบพื้นที่ ระบบการคมนาคมขนส่ง การจัดการเมืองใหญ่ การบริหารจัดการแรงงานทั้งในและต่างประเทศ กฎหมายและการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านส่ง Roadmap ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓.๑.๒ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการเกี่ยวกับภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนหรือเรื่องที่สมควรสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน โดยจัดทำสื่อวีดิทัศน์เผยแพร่ภารกิจในลักษณะดังกล่าวส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อนำไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติหรือรายการเดินหน้าประเทศไทย รวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลภารกิจในลักษณะดังกล่าว และ Application ในความรับผิดชอบกับศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center : GAC) ๓.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ นั้น ในการจัดทำโครงการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของส่วนราชการในระยะต่อไป ให้ส่วนราชการเชิญคณะกรรมการสานพลังประชารัฐและคณะทำงาน ๑๒ คณะ ภาคธุรกิจ เข้าร่วมตามความเหมาะสมด้วย เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ตามแนวทางประชารัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดหารถไฟฟ้าสำหรับโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) และพิจารณาเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานี เช่น ลิฟท์ และทางลาดสำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระ รวมทั้งพิจารณาช่องทางการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น โดยให้คำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||
1474 | แผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย | วท | 19/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินโครงการวิจัย พัฒนา และสนับสนุนองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับใช้ในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์สำคัญสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นเองภายในประเทศ และลดการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบที่สำคัญอื่น ๆ เพิ่มเติม การศึกษาคุณลักษณะเฉพาะของยานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย สภาพของถนนและพื้นที่ในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย การดูแลรักษาและตรวจสอบสภาพยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างการใช้งาน การส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร โดยจัดโครงการฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรในหลายภาคส่วน เช่น บุคลากรภาครัฐ ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่สนใจ และอาจพิจารณาจัดหาทุนการศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการสู่สาธารณชนให้เกิดการรับรู้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แผนมุ่งเป้าฯ ควรต้องเชื่อมโยงกับแผนที่นำทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในปี ๒๕๖๒ และการกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละแผนงานให้ชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันวิจัย และสถาบันการศึกษา สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการชนิดและพัฒนาเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
1475 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่หล่าย จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 19/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่หล่าย จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่หล่าย อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ การกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว” ที่ระบุไว้ในการใช้ที่ดินแต่ละประเภทให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ และการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมฉบับนี้ เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรม แหล่งน้ำ และสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
1476 | โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ | กค | 19/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ) ซึ่งมีกรอบการดำเนินโครงการในหลักการเดียวกับโครงการบ้านประชารัฐที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นรขอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวและหรือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ โดยให้สถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษ แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) และเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอปรับถ้อยคำในวัตถุประสงค์ของโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ในข้อ ๒.๑.๑.๑ ของหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๓๑๔/๖๕๗๔ ลงวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ จาก “เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวและหรือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง” เป็น “เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวและหรือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง” เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของโครงการฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมาย หากมีจำนวนความต้องการเกินกว่าอุปทาน อาจพิจารณากลุ่มสูงอายุและกลุ่มที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็นกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูง ส่วนการสำรวจที่ดินราชพัสดุที่ยังมิได้นำมาใช้ประโยชน์และมีศักยภาพในการพัฒนา ทั้งที่เป็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย และการพัฒนาพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ และการให้ ธอส. และธนาคารออมสินพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบเพื่อป้องกันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ รวมทั้งธนาคารทั้งสองแห่งควรมีกระบวนการพิจารณาคัดกรองการให้สินเชื่อที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) แบบผ่อนปรนหลักเกณฑ์ Debt Service Ratio (DSR) และ Debt to Income Ratio (DTI) โดยให้คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความสามารถในการใช้จ่ายประจำวัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการฯ เข้าข่ายตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้กรมธนารักษ์ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวและประกาศคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ ธอส. และธนาคารออมสินแยกบัญชีมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และไม่นับรวมหนี้ NPLs ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ ธอส. และธนาคารออมสิน รวมทั้งให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการฯ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดย ธอส. และธนาคารออมสินจะต้องไม่ขอรับการชดเชยงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ในอนาคต ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการคัดเลือกเอกชนที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้เอกชนที่มีศักยภาพและสามารถดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ๕. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับการบูรณาการโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการบำนาญ และข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว เพื่อให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการสำรวจจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อวางแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในระยะยาว รวมทั้งกำหนดรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินโครงการต่อไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง บ้านประชารัฐ) |
||||||||||||||||||
1477 | ขอความเห็นชอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ปี 2558 - 2560 และขออนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2558 | พม | 19/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ จำนวน ๑๑๖ โครงการ ๓๕,๓๔๒ หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๒๓,๒๓๔.๔๑๙ ล้านบาท แหล่งที่มาของเงินลงทุน ประกอบด้วย เงินกู้ภายในประเทศ ๑๔,๐๙๓.๐๙๓ ล้านบาท เงินรายได้ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ๒,๔๘๔.๓๒๔๑ ล้านบาท และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ๖,๖๕๗.๐๐๑๙ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๔๓ โครงการ ๑๑,๔๘๕ หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๗,๗๙๒.๙๕๓ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ๘๙๓.๓๒๔๙ ล้านบาท เงินกู้ภายในประเทศ ๕,๕๖๑.๗๗๒ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กคช. ๑,๓๓๗.๘๕๖๑ ล้านบาท ๒. การขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กคช. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ ให้ กคช. ปฏิบัติตามกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ มีโครงสร้างเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ กคช. จึงควรเร่งดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยพิจารณาดำเนินโครงการในพื้นที่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงสูงก่อน พร้อมกับกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและวางแผนการขายเพื่อการเข้าถึงของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย กำกับ ติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงประเมินผลกระทบทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1478 | การดำเนินโครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) | กค | 19/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงรายละเอียดการดำเนินโครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมทั้งรับทราบผลการพิจารณาแนวทางการบูรณาการระบบ CCTV เพื่อการควบคุมทางศุลกากร กับระบบ CCTV ของหน่วยงานอื่น ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน โดยกรมศุลกากรได้เสนอรูปแบบการบูรณาการใช้งานร่วมกันในลักษณะต่าง ๆ และให้กรมศุลกากรใช้บริการโครงข่ายสื่อสาร CCTV และอุปกรณ์ต่อพ่วงกับเครือข่ายของบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้งานระบบหรือพัฒนาต่อยอดจากระบบของหน่วยงานอื่นที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว การจัดทำรายละเอียดสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ที่แสดงให้เห็นภาพรวมของการดำเนินการ การจัดหากล้องโทรทัศน์วงจรปิดควรอ้างอิงตามเกณฑ์ราคากลางและคุณลักษณะพื้นฐานของกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกำหนด และการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ให้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะที่เปิดกว้างไม่เจาะจงเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง และควรมีคณะทำงานหรือหน่วยงานที่กำหนดรูปแบบมาตรฐานในการเชื่อมต่อและเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูล ตลอดจนการจัดทำรายละเอียดนโยบายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การจัดทำรายละเอียดนโยบายด้านความปลอดภัยทางไอที แผนการบริหารความเสี่ยง แผนการโอนย้ายระบบ แผนการบูรณาการระบบ คุณลักษณะของรายการอุปกรณ์ที่จัดหา สถาปัตยกรรมองค์กร และจัดให้มีกระบวนการทำ POC (proof of concept) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1479 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 19/04/2559 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายที่จะใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินโดย ๑๒ คณะภาคธุรกิจ และให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ นั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะภาคธุรกิจทั้ง ๑๒ คณะ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับทุกส่วนราชการรวบรวมกิจกรรมที่ต้องดำเนินการและพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมดังกล่าวโดยจัดทำเป็นแผนการดำเนินการให้ชัดเจน ทั้งนี้ โครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนให้เริ่มดำเนินการภายในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ส่วนที่เหลือให้ส่งต่อให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องเชื่อมโยงในระยะยาวต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยสร้างความเข้าใจกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเน้นหลักการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในภาคส่วนต่าง ๆ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามแผนอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยให้วิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแนวทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนให้คณะรัฐมนตรีทราบภายหลังเทศกาลสงกรานต์ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้ในประเทศไทย รวมทั้งนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บข้อมูลการก่ออุบัติเหตุของผู้ขับขี่เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ เช่น การต่อใบอนุญาตขับขี่รถ ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยให้เขียนข่าวประชาสัมพันธ์ (press release) เน้นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจหรือประเด็นที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลไม่ถูกต้อง รวมถึงประโยชน์โดยตรงที่ประชาชนจะได้รับ โดยให้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวให้สื่อมวลชนเผยแพร่เป็นประจำทุกวัน นั้น ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวและสำเนาข่าวประชาสัมพันธ์ส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๒.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติม ๓ คณะ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ ด้านการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ด้านการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และด้านการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ทั้งนี้ ให้นำเสนอคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีลงนามโดยด่วน ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ก่อสร้างโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ (คลองด่าน) นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ อาจพิจารณาปรับลดพื้นที่การดำเนินโครงการลงเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียเฉพาะในเขตพื้นที่ดังกล่าว และนำพื้นที่ส่วนที่เหลือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น การจัดทำแหล่งท่องเที่ยว การจัดทำศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อรองรับเหตุอัคคีภัยในอาคารสูง เช่น การจัดให้มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนอาคาร การเตรียมรถกระเช้าที่ใช้ในการดับเพลิงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และการให้มีช่องทางติดต่อสื่อสารเฉพาะระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
|
||||||||||||||||||
1480 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | ทส | 12/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายการโครงการสำรวจเบื้องต้นเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับหมู่บ้านที่ไม่มีน้ำประปาใช้ วงเงิน ๓๕.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่กรมทรัพยากรน้ำได้ขอยกเลิกโครงการเงินกู้ฯ ก่อนหน้านี้แล้ว ๒ รายการ ได้แก่ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองปลิง บ้านหนองแหน หมู่ที่ ๑ ตำบลนครเดิฐ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย วงเงิน ๗.๕๐ ล้านบาท และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบ้านหัวควน ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล วงเงิน ๙.๘๖ ล้านบาท เนื่องจากมีการดำเนินการซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการ จึงเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความซ้ำซ้อนของหน่วยดำเนินการก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....