ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1441 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2559 และแนวโน้มปี 2559 | นร11 | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ ๑๒ ไตรมาส เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ขยายตัวจากไตรมาสสี่ของปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๐.๙ สูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการท่องเที่ยวขยายตัวในระดับสูง เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวที่สำคัญ รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐-๓.๕ โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ ๓.๓ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๕๘ โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวต่อเนื่องจาก (๑) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง (๒) แรงขับเคลื่อนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้จัดทำเพิ่มเติมในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙ (๓) จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง (๔) ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ และ (๕) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของการผลิตภาคเกษตรในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะลดลงร้อยละ ๑.๗ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๓ และร้อยละ ๔.๒ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๑-๐.๖ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๙.๔ ของ GDP ๓. การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ควรให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ประสิทธิภาพการดำเนินการตามมาตรการภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การดูแลเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากและเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเกษตรกรและเตรียมเกษตรกรให้มีความพร้อมสำหรับปีการเพาะปลูก ๒๕๕๙/๒๕๖๐ การสนับสนุนการฟื้นตัวและการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน การดูแลและขับเคลื่อนภาคการส่งออก และการดูแลภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||
1442 | ขอความเห็นชอบโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน อาคารฝ่ายอำนวยการและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมครุภัณฑ์ ของสถาบันการบินพลเรือน | คค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้สถาบันการบินพลเรือนดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารเรียนศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน อาคารฝ่ายอำนวยการและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมครุภัณฑ์ของสถาบันการบินพลเรือน ในระยะที่ ๑ (ยกเว้นอาคารกีฬา วงเงิน ๗๔.๗ ล้านบาท) ในกรอบวงเงิน ๑, ๒๕๕.๔๘ ล้านบาท สำหรับอาคารกีฬาและการดำเนินโครงการในส่วนที่เหลือ เห็นควรให้ชะลอการลงทุนไปจนกว่าสถาบันการบินพลเรือนจะมีความพร้อมในด้านฐานะทางการเงินโดยให้พิจารณาการลงทุนในส่วนที่มีความสำคัญและจำเป็นที่จะสามารถสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของสถาบันการบินพลเรือนให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ตามความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและสถาบันการบินพลเรือนรับความเห็นของกระทรวงการคลัง คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นว่า โครงการนี้เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ควรให้ความเห็นชอบในการดำเนินโครงการในระยะแรกก่อน ส่วนโครงการในระยะที่สองให้พิจารณาการลงทุนในส่วนที่มีความสำคัญและจำเป็นที่จะสามารถสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของสถาบันการบินพลเรือนให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาแหล่งเงินทุนโครงการให้เกิดความเหมาะสม โดยให้พิจารณาจากสภาพคล่องที่มีอยู่ของสถาบันการบินพลเรือนเป็นลำดับแรกแต่ต้องไม่กระทบกับสภาพคล่องในการดำเนินกิจการปกติขององค์กร นอกจากนี้ สำนักงบประมาณ กระทรวงคมนาคม สถาบันการบินพลเรือน และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยควรร่วมกันกำหนดแผนธุรกิจในระยะยาวและปรับอัตราค่าเล่าเรียนให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาแหล่งเงินทุนโครงการให้เกิดความเหมาะสมต่อไป โดยขอให้พิจารณาจากสภาพคล่องที่มีอยู่ที่ปราศจากภาระผูกพันของสถาบันการบินพลเรือนเป็นลำดับแรกแต่ต้องไม่ให้กระทบกับสภาพคล่องในการดำเนินกิจการปกติขององค์กรต่อไปได้ ตามความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและกระทรวงการคลัง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย) และกระทรวงกลาโหม (กองทัพอากาศ) เร่งรัดการจัดทำแผนการผลิตนักบินให้สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศโดยพิจารณาร่วมกับสถาบันด้านการบินของทั้งภาครัฐ กองทัพอากาศ และภาคเอกชน โดยเฉพาะในส่วนของปริมาณและประเภทนักบินที่ต้องการ รวมทั้งการแบ่งภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการดำเนินการผลิตนักบินให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
1443 | วีดิทัศน์เรื่อง รายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาครูแกนนำด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ "English Boot Camp" | ศธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานด้วยวีดิทัศน์เรื่อง ความคืบหน้าในการจัดทำโครงการพัฒนาครูแกนนำด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ “English Boot Camp” ว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมพัฒนาทักษะการสอนของครูสอนภาษาอังกฤษ โดยในเบื้องต้นมีครูสอนภาษาอังกฤษเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน ๓๕๐ คน ซึ่งเมื่ออบรมแล้วเสร็จ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะมีการติดตามและประเมินผลการสอนของครูที่เข้ารับการฝึกอบรม โดยครูที่เข้ารับการฝึกอบรมจะต้องจัดทำวีดิทัศน์ตัวอย่างการสอนเพื่อใช้ประกอบการประเมินผลด้วย ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะนำครูที่เข้ารับการฝึกอบรมที่มีศักยภาพโดดเด่นมาพัฒนาเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมเพื่อขยายผลโครงการให้สามารถฝึกอบรมครูสอนภาษาอังกฤษเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย ๒. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับติดตามดูแลครูที่ผ่านการฝึกอบรมให้นำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปปฏิบัติอย่างจริงจัง และให้รายงานปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาเทคนิคการสอนต่อไป รวมทั้งให้มีการประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนที่เรียนกับครูที่ผ่านการฝึกอบรม ทั้งนี้ ให้พิจารณานำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการดำเนินการการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวด้วย ๒.๒ จัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ รวมทั้งครูที่ผ่านการฝึกอบรมในระยะ ๖ เดือน และนำผลการประเมินมาปรับปรุงและขยายผลการดำเนินโครงการเพื่อให้ครูสอนภาษาอังกฤษได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวอย่างทั่วถึงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1444 | การเข้าร่วมโครงการ The ratification and early implementation of the Minamata Convention on Mercury | ทส | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของบันทึกข้อตกลงโครงการ The ratification and early implementation of the Minamata Convention on Mercury ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อประเมินกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปรอท และการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท การประเมินผลกระทบและผลประโยชน์ รวมทั้งการวิเคราะห์กฎหมายที่จำเป็นสำหรับการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ การจัดเตรียมแผนการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และการจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ โดยหน่วยงาน United Nation Institute for Training and Research (UNITAR) จะให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการ ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมดำเนินโครงการฯ และมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกข้อตกลงโครงการฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มหน่วยงานระดับชาติและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโครงการในภาคผนวก ๑ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่จะมีส่วนสำคัญในช่วงปฏิบัติการตามอนุสัญญาฯ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการขยะที่สามารถเป็นแหล่งปลดปล่อยปรอทที่สำคัญ ทั้งจากซากผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทที่หมดอายุแล้ว และนำมาทิ้งปะปนกับขยะชุมชน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทตามที่ระบุในข้อ ๔ และภาคผนวก A และจากการเผาไหม้ขยะชุมชน ตามที่ระบุในข้อ ๘ การปลดปล่อย และภาคผนวก D ของอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1445 | โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ระยะที่ 2 | มท | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ระยะที่ ๒ ในวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๒,๐๓๐ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ วงเงิน ๑,๕๒๒ ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. วงเงิน ๕๐๘ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๕๒๒ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการดังกล่าว โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความต้องการใช้ไฟฟ้าของเกษตรรายย่อยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และสนับสนุนให้เกษตรกรใช้พลังงานทางเลือก เช่น การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar cell) ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินและการบริหารการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของแหล่งเงินทุน และหากต้องจัดทำโครงการในระยะอื่น ๆ ต่อไป ให้เร่งดำเนินการจัดทำแผนงานและขออนุมัติโครงการล่วงหน้า การเร่งรัดการดำเนินโครงการเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของเกษตรกรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต การเร่งสำรวจจำนวนเกษตรกรที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เพื่อประโยชน์ในการประเมินและวางแผนการขยายเขตไฟฟ้าให้กับเกษตรกรในพื้นที่ห่างไกล การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างต้นทุนและผลประโยชน์ของการเชื่อมโยงระบบจำหน่ายไฟฟ้าจากระบบหลักกับการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าภายในพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานทดแทน การทบทวนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเกษตรกรภายใต้โครงการให้มีความสอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของเกษตรกรและสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบไฟฟ้า การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน การทบทวนแนวทางในการดำเนินมาตรการค่าไฟฟ้าฟรี การกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด การสำรวจข้อมูลการมีไฟฟ้าใช้ทั้งในส่วนของพื้นที่ทางการเกษตรและพื้นที่ที่อยู่อาศัยของประชาชนในส่วนภูมิภาคเพื่อนำผลมาเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมและทั่วถึง การติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาโครงการ รวมทั้งการรณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงาน เน้นการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานแก่เกษตรกร โดยมีการวางแผนระยะยาวรองรับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้ กฟภ. พิจารณาความเหมาะสมของการใช้แหล่งเงินทุนของโครงการดังกล่าวในปีต่อ ๆ ไป จากเงินรายได้ของ กฟภ. เป็นหลัก |
|||||||||||||||||||||
1446 | การแลกเปลี่ยนหนังสือและการจัดทำความตกลงโครงการ ASEAN Secretariat Post 2015 - Institutional Strengthening and Capacity Development (2016 - 2018) | กต | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘-การสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพองค์กร (๒๕๕๙-๒๕๖๑) [ASEAN Secretariat Post 2015-Institutional Strengthening and Capacity Development (2016-2018)] โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระเป็นการตอบรับข้อเสนอของฝ่ายเยอรมนี โดยระบุข้อเสนอที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน ระหว่างปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ เป็นมูลค่ารวม ๑,๙๕๐,๐๐๐ ยูโร โดยให้สมาคมเยอรมันเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (Deutsche Gesellschaft fur Internationale Zusammenarbeit : GIZ) และสำนักเลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ดำเนินโครงการ ส่วนร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ จัดทำขึ้นระหว่าง GIZ กับอาเซียน โดยระบุรายละเอียดของการดำเนินโครงการ เช่น การสนับสนุนทางการเงิน/ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง การจัดหาสถานที่ การบริหารจัดการโครงการ การประเมินผล การปรับแก้ และบอกเลิกความตกลง รวมทั้งการระงับข้อพิพาทและการตีความ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความยินยอมของรัฐบาลไทยให้สำนักเลขาธิการอาเซียนทราบผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
1447 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการผลิต | กษ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ปี ๒๕๕๙/๖๐ โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีฯ ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช ซึ่งได้รับจัดสรรจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการอีกจำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กรมการข้าวดำเนินการโดยการปรับแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ๑.๒ โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๖๓๖,๕๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยในหลักเกณฑ์เดียวกันกับโครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤตภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลจะรับภาระอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓.๕ ต่อปี ภายในกรอบวงเงิน ๗๔,๕๕๐,๐๐๐ บาท โดยกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจ่ายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี สำหรับวิธีการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนตามที่โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ กำหนดไว้ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการชดเชยอัตราดอกเบี้ย ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามภาระค่าใช้จ่ายจริง ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณและกำหนดพื้นที่ดำเนินการโครงการให้ชัดเจน และให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีฯ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองและการเก็บรักษาให้ได้คุณภาพดีและมีความแข็งแรง รวมถึงการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารและจัดการในการบริหารจัดการผลผลิตของหมู่บ้านและบริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองในหมู่บ้าน ควรดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างทั่วถึง ส่วนโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายฯ ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชชนิดอื่น และให้มีแผนการตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอนและชัดเจน ตลอดจนติดตามการดำเนินโครงการและสถานการณ์ด้านการตลาดของพืชทดแทนอย่างต่อเนื่อง และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ ควรมีกระบวนการประสานความร่วมมือและบูรณาการงานร่วมกัน และให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและเกษตรกรตามแนวทางของเกษตรกรแปลงใหญ่ เพื่อให้โครงการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
1448 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุนสังคมดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ เช่น การกำหนดมาตรการการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการสำคัญตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านบูรณาการการจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap) ในเรื่องสำคัญที่จะดำเนินการเพื่อการปฏิรูปในระยะที่ ๑ ร่วมกับส่วนราชการในกำกับ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ส่วนราชการมีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการบริหารราชการแผ่นดิน ๒.๓ ให้ทุกส่วนราชการที่เสนอขอเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการต่อคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาทบทวนการเสนอขอเพิ่มอัตรากำลังโดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและปริมาณภารกิจเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดจ้างผู้ที่มีคุณวุฒิพิเศษมาดำเนินภารกิจเฉพาะ รวมทั้งการจ้างพนักงานราชการเพื่อทดแทนการบรรจุข้าราชการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1449 | การบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน | กษ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กในวัยเรียน และเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมโคนมไทยโดยใช้น้ำนมดิบในประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายในการเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานของนมโรงเรียนให้สูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาตลอดห่วงโซ่ของนมโรงเรียนตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง และมีแผนยกระดับนมโรงเรียนใน ๓ ส่วน ได้แก่
๑. ต้นทาง คือ มาตรฐานฟาร์มโคนม โดยใช้มาตรฐาน GAP เป็นสำคัญ โดยเฉพาะอาหารโคและความสะอาด ซึ่งฟาร์มโคนมที่ดีต้องมีแหล่งน้ำและฟาร์มที่สะอาด ได้มาตรฐาน ส่วนอาหารโคนมต้องมีคุณภาพดี ซึ่งจะทำให้น้ำนมดิบมีคุณภาพดี ๒. กลางทาง คือ มาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ โรงงานแปรรูป และกระบวนการขนส่ง โดยมาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและโรงงานแปรรูปจะใช้มาตรฐาน GMP เป็นตัวกำหนด ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์และสหกรณ์ ๑๖๗ ศูนย์ และโรงงานแปรรูป ๖๗ แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนได้ผ่านมาตรฐาน GMP ครบแล้ว ส่วนกระบวนการขนส่งและจัดเก็บต้องควบคุมความสะอาดและอุณหภูมิเป็นสำคัญ ๓. ปลายทาง คือ เด็กนักเรียน โดยมีการสุ่มตรวจคุณภาพของนมที่ให้เด็กนักเรียนดื่มด้วยการตัดชิมก่อนที่จะให้เด็กนักเรียนเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๗.๔๕ ล้านคนทั่วประเทศ จะได้ดื่มนมโรงเรียน รวม ๒๖๐ วันต่อปี นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีแผนการยกระดับในการติดตาม และกำกับตามนโยบายประชารัฐ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1450 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2559 | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อทราบ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. (๒) ความคืบหน้าการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ (๓) สถานะการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา ๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบก (๒) การขอขยายแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) (๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยายช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน (๔) โครงการระบบขนส่งมวลชนระบบรองของกรุงเทพมหานคร (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา โครงการรถไฟฟ้าสายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง) (๕) มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ (๖) การจำกัดความสูงของรถพ่วงและการใช้รถบรรทุกที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (๗) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (๘) การพัฒนาและแก้ไขการจราจรแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินต่าง ๆ และ (๙) การเชื่อมโยงระบบโครงข่ายคมนาคมของภูมิภาคเข้ากับเมืองใหญ่
|
|||||||||||||||||||||
1451 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าศาลา ตำบลไทยบุรี ตำบลหัวตะพาน ตำบลโพธิ์ทอง และตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดคำนิยามคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว” ให้ชัดเจน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน และข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นดูแลและให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณชุมชนเมือง บริเวณริมฝั่งลำน้ำและชายฝั่งทะเล เพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับภูมิสังคมและการขยายตัวของเมืองอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1452 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา พ.ศ. 2556) | มท | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา พ.ศ. ๒๕๕๖) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงยกเลิกบัญชีโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่ลุ่มน้ำ และควรเร่งรัดในการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และนำข้อกำหนดดังกล่าวกำหนดไว้ในผังเมืองรวมชุมชนต่อไป รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมฉบับนื้อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1453 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๑ การเข้าร่วมกิจกรรมในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพร้อมคณะได้เป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในโอกาสเสด็จทรงร่วมงานเทศกาลฯ และทรงเป็นประธานงาน Thai Night เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการร่วมลงทุนกับต่างชาติ รวมทั้งความเหมาะสมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ๑.๒ การหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสมัยที่ ๗๒ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทในฐานะหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกด้านโดยเฉพาะการค้าการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก การให้ความช่วยเหลือของไทยแก่ฟิจิกรณีเหตุภัยพิบัติ การจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร การให้สิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย (Visa on Arrival) กับผู้ถือหนังสือเดินทางฟิจิ ในการนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ด้วย ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ คณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ โดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติได้ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้โดยตรงจากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ และใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ และในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีแผนในการดำเนินโครงการติดปีกความรู้ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน และโครงการรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ การให้บริการ และกิจกรรมที่จัดในแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย รวมทั้งได้กำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ในการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ระยะเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙) โดยมีเป้าหมายให้พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและพัฒนาไปสู่ประเทศที่มั่นคงและมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต ๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับโลก ครั้งที่ ๔๐ (ACM-ICPC World Finals 2016) ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยจาก ๔๐ ประเทศ ๖ ทวีปทั่วโลก จำนวน ๑๒๘ ทีม โดยมีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วม จำนวน ๒ ทีม คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัล First to Solution เนื่องจากสามารถแก้โจทย์ข้อแรกสำเร็จได้รวดเร็วที่สุด ๓. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ มีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น เพื่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงควรเร่งรัดโครงการลงทุนภาครัฐให้สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนงานและสนับสนุนให้มีการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่า ๔.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ โดย (๑) จะมีการบูรณาการแผนงานในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำร่วมกัน ทั้งลำน้ำสายหลัก สายรอง และแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักน้ำสามารถกระจายน้ำเข้าสู่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึง (๒) ใช้เครื่องจักรและเครื่องมือของทุกส่วนราชการที่มีอยู่แล้วในการดำเนินการ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน (๓) กำชับทุกส่วนราชการในการประสานความร่วมมือและดำเนินการร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามความต้องการและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และ (๔) จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด และจะได้รายงานผลการบูรณาการแผนงานฯ ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องเชิงนโยบายและการบริหาร เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ของพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่น โครงการระบบรถไฟทางคู่ รถไฟชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกล โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก และการก่อสร้างโรงพยาบาล รวมทั้งการประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม การแต่งตั้งกรรมการ เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเร่งรัดการควบคุม ติดตาม กำกับ ดูแลเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ๕. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานความคืบหน้าการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ ได้แก่ การจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ พิธีตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลและพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติของทั้ง ๒ กิจกรรม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
1454 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีการดำเนินโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจทวาย ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในการพัฒนา โครงการดังกล่าว ที่มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวทวาย | กต | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีการดำเนินโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจทวาย ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในการพัฒนาโครงการดังกล่าว ที่มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวทวาย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานดังกล่าว โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนในต่างประเทศ และกรณีโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจทวาย ร่างขอบเขตงาน (Terms of reference) ของสัญญาหรือข้อตกลงที่จะมีขึ้นในอนาคต กลไกกำกับดูแลหรือสนับสนุนภาคเอกชนในการเคารพหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน การผลักดันมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้มีการนำหลักการดังกล่าวไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้มีการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการและธุรกิจ นอกจากเสริมสร้างองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจแล้วยังมีการสอดแทรกสร้างความตระหนักให้ผู้ประกอบการเห็นถึงความสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนผ่านการอบรมสัมมนาและการจัดกิจกรรม รวมทั้งจัดประกวดและมอบรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1455 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2559 | อื่นๆ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ประกอบด้วย มาตรการให้ความช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท มาตรการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท มาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และโครงการค้ำประกันสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาลของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ๒. รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร โดย ธ.ก.ส. และมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ ๓. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านระดับ A และ B และหากกองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ให้ปรับลดระดับกองทุนหมู่บ้านจากระดับ A และ B เป็นระดับ C และ D เพื่อให้สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง ๔. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร โดย ธ.ก.ส. ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทุกเดือน ๕. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ มีหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้รับทราบสถานะของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) ที่ยังมีโครงการหลายโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาเตรียมแผนการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ ๖. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำตารางสรุปผลการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ มาตรการที่สนับสนุนภาคเกษตร มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยระบุวงเงินและแหล่งเงินของแต่ละมาตรการ รวมทั้งรายงานสถานะของการเบิกจ่ายของแต่ละกลุ่มมาตรการเพื่อแสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และให้นำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทราบต่อไป ๗. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว คือ โครงการบ้านประชารัฐ มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ
|
|||||||||||||||||||||
1456 | ขอความเห็นชอบโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | ทส | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝน และเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร สำหรับช่วงปลายฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดยให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายใน ๑ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินโครงการในระยะแรกให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ให้หน่วยงานผู้ปฏิบัติหารือรายละเอียดโครงการและงบประมาณที่จะดำเนินการกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการทหารช่าง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยในการดำเนินโครงการฯ ๔. กรณีการเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยกรณีที่จะกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานดำเนินการ มีอำนาจเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และมีอำนาจเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันได้ นั้น เห็นสมควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้ครอบคลุมครบถ้วน และมีความชัดเจน แต่หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือรายการที่เป็นสาระสำคัญ ก็ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๕. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
1457 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ โครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ | กก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ ประกอบด้วยการแข่งขัน Air Race 1 แบบ Pre-Event ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ และการแข่งขันสะสมคะแนนชิงแชมป์โลก Air Race 1 Race of Thailand (World Series 2017) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพโครงการดังกล่าว จำนวน ๓๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการที่ประเทศไทยขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุก ๆ ด้าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งขัน ส่วนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่ภาคเอกชนให้การสนับสนุน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเป็นสำคัญ รวมถึงปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และควรพิจารณาให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งให้หารือในรายละเอียดร่วมกับกองทัพเรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและรูปแบบการดำเนินโครงการการขอรับเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Air Race 1 ตลอดจนแนวทางการอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสวัสดิภาพของนักบินและลูกเรือเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ก่อนการลงนามในสัญญาเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับ Air Race CC Limited (Air Race 1 World Cup) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
1458 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างภายใต้โครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก - อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 สัญญา | กษ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการอนุมัติขยายระยะเวลาโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๖๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิม ๕,๑๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของสัญญาก่อสร้าง จำนวน ๒ สัญญา ภายใต้โครงการดังกล่าว ๑.๒ อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โดยให้เพิ่มวงเงินจากเดิม ๒,๒๗๐,๑๒๖,๒๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๓๖๘,๓๔๖,๑๙๓ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๘) เป็น ๘ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐) ๑.๓ อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ โดยให้เพิ่มวงเงิน จากเดิม ๒,๓๔๗,๑๑๕,๘๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๓๗๔,๒๖๕,๔๓๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) เป็น ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๙) ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของรายการงานระบบท่อส่งน้ำฯ สัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ ให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และก่อนการดำเนินโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ในอนาคต ควรทำการศึกษาออกแบบการก่อสร้างโครงการที่เหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้างอย่างละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เช่น สภาพภูมิประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากภูมิอากาศ และภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแก้ไขปรับปรุงงานก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภายหลัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการก่อสร้างโครงการและสิ้นเปลืองงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1459 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวดง จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | มท | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวดง จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว รวมทั้งควรมีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนมีการประกาศใช้บังคับ นอกจากนี้ ข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ มีการใช้บัญชีกำหนดประเภทและจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม/เมือง/ชุมชน ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้ยกเลิกการใช้บัญชีกำหนดประเภทและจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม/เมือง/ชุมชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1460 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 2/2559 | นร11 | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจำแนกโครงการตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) ทั้ง ๒๐ โครงการ ออกเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดระยะเวลา (On Schedule) และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดระยะเวลา (Off Schedule) พร้อมทั้งให้นำเสนอแนวทางเร่งรัดการดำเนินการในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศครั้งต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับข้อมูลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาตินำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศต่อไป ๔. เห็นควรกำหนดเป็นแนวปฏิบัติให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการแล้ว จัดทำสรุปผลการดำเนินงาน และรายงานต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อทราบแล้วจึงตัดออกจากกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ใช้ในการติดตามความคืบหน้า ๕. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติประสานธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการพิจารณากองทุนระดับ C และ D ที่มีความประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ (ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙) ๖. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทุกเดือน
|
.....