ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1541 | การเสนอโครงการที่ต้องอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี | นร | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในกรณีที่ส่วนราชการจะเสนอขออนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการหรือขออนุมัติดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี เห็นควรให้มีการชี้แจงข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย
๑. ความสอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์ นโยบายรัฐบาล หรือข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๒. การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลการหารือที่ได้ข้อยุติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของความเหมาะสมของโครงการ ข้อกฎหมาย และประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการดำเนินการ ๓. การพิจารณางบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ โดยคำนึงถึงความประหยัดและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๔. การกำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการ และผลที่ได้จากการดำเนินการในแต่ละระยะอย่างชัดเจน เช่น รอบ ๑ เดือน ๓ เดือน หรือ ๖ เดือน หากเรื่องใดเป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเรื่องที่ส่วนราชการจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามเงื่อนไขข้างต้นก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1542 | ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (ICAD 2) และการเสนอวิดีทัศน์สรุปผลการประชุมฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development-UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development 2 : ICAD 2) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร โดยการประชุมแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง ได้แก่ ๑.๑ การศึกษาดูงาน ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ พื้นที่บ้านหย่องข่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ โดยสาระสำคัญที่ได้รับจากการดูงานคือ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากนานาประเทศตระหนักและได้เห็นประจักษ์ว่าแนวทางปฏิบัติแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกเป็นกรอบการดำเนินงานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทางเลือก ๑.๒ การประชุมระดับสูง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โดยสาระสำคัญจากการประชุมคือ การที่ผู้แทนจากรัฐบาล จำนวน ๒๐ ประเทศ ๒ องค์กรระหว่างประเทศ ร่วมกล่าวถ้อยแถลงแสดงความสำคัญของงานพัฒนาทางเลือกและคำมั่นจากภาครัฐของตนในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือก ๒. กระทรวงยุติธรรมจะผลักดันเนื้อหาในผลการประชุมครั้งนี้ให้กับประชาคมโลกในรูปแบบข้อมติ และจะจัดทำเอกสารอ้างอิงเชิงวิชาการแสดงให้เห็นเชิงประจักษ์ว่า แนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง รวมทั้งการใช้หลักนิติรัฐและนิติธรรมเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทางเลือก ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ UNODC และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เพื่อให้เอกสารดังกล่าวใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการประชุม CND สมัยที่ ๕๙ และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษ ว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก (UNGASS 2016) ซึ่งจะจัดขึ้นในปี ๒๕๕๙ ต่อไป โดยขณะนี้ กำลังดำเนินการร่วมกับ UNODC ในการจัดทำเอกสารจัดทำร่างข้อมติเพื่อเสนอต่อที่ประชุม CND สมัยที่ ๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1543 | โครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี | นร11 | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการให้มีการดำเนินโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี เพราะจะช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายระยะเร่งด่วนภายใต้ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยเป็นโครงการนำร่องรูปแบบการจัดการ (Model L) สำหรับรองรับปริมาณขยะมูลฝอยขนาด ๓๐๐ ตันต่อวันขึ้นไป ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป ดังนี้ (๑) เร่งประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในการยื่นคำร้องและข้อเสนอการขายไฟฟ้า (๒) ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในรายละเอียดความเป็นไปได้ และสิทธิประโยชน์ที่คาดว่าเอกชนจะได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน (๓) จัดทำแผนการลดปริมาณและการคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิดควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการฯ (๔) ให้หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่อนุญาตให้มีการก่อสร้างและเดินระบบผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ติดตามตรวจสอบการดำเนินงานตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด (๕) เสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พิจารณาเรื่องค่าลงทุนและเทคโนโลยีของโครงการฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น รวมทั้งผลประโยชน์ที่เอกชนจะได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เกี่ยวกับการวางแผนการกำจัดขยะมูลฝอยส่วนที่เหลือและกากเถ้า แผนการจัดการขยะมูลฝอยของโครงการฯ กรณีที่โครงการฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่วางแผนไว้ การพิจารณานำอัตราค่ากำจัดขยะมูลฝอยเป็นปัจจัยในการพิจารณาข้อเสนอของเอกชน การคัดแยกของเสียอันตรายชุมชนและขยะมูลฝอยที่ไม่สามารถเผาไหม้ได้ออกตั้งแต่ต้นทางจากบ้านเรือน ชุมชน และร้านค้าพาณิชย์ต่าง ๆ แผนบริหารระบบและแผนสำรองด้านงบประมาณรองรับในกรณีที่ไม่มีการประกาศอัตราการรับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ การพิจารณาความเสี่ยงหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการบริหารจัดการโครงการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1544 | ขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ. 2559 - 2568) แผนปฏิบัติการการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561) และแผนปฏิบัติการการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย 1 ปี (พ.ศ. 2559) | พม | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) เป็นการส่งเสริมความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านการอยู่อาศัย โดยการจัดเตรียมที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในชุมชนที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่จำเป็นให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย วงเงินลงทุน ๗๑๖,๕๙๙.๕๔ ล้านบาท แบ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มเป้าหมายที่สามารถรับภาระได้ จำนวน ๑,๗๐๗,๔๓๗ ครัวเรือน และกลุ่มเป้าหมายที่ไม่สามารถรับภาระได้ จำนวน ๑,๐๔๔,๕๑๐ ครัวเรือน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยยึดแนวทางตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้รับความเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการจัดทำรายละเอียดแผนงาน เป้าหมาย และแหล่งเงินดำเนินการให้ชัดเจน การศึกษาวิเคราะห์ในเชิงปริมาณของอุปสงค์ที่แท้จริงของประเภทที่อยู่อาศัย ขนาดพื้นที่ที่เหมาะสม ระดับราคาของที่อยู่อาศัย ต้นทุนค่าก่อสร้างในแต่ละช่วงเวลา และแนวทางการบริหารจัดการโครงการหลังการเข้าอยู่อาศัย การพิจารณาสาระสำคัญของการพัฒนาองค์ความรู้ในการพึ่งตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้กับผู้มีรายได้น้อยที่อยู่อาศัยในโครงการเพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดียิ่งขึ้น และมีข้อสังเกตในเรื่องรายละเอียด พื้นที่ดำเนินการให้คำนึงถึงทิศทางการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการกระจายที่อยู่อาศัยจากชุมชนเมืองตามทิศทางเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เป็นข้อมูลประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยต่อไป รวมทั้งการพิจารณาดำเนินโครงการที่มีลำดับความสำคัญสูง มีความจำเป็นเร่งด่วน และมีความพร้อม ตลอดจนการพิจารณาปรับปรุงแผนปฏิบัติการฯ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) และแผนปฏิบัติการฯ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙) ให้สอดคล้องกับผลการทบทวนเป้าหมายครัวเรือน โดยให้ความสำคัญกับขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดให้มีความสมบูรณ์และชัดเจนเพื่อให้สามารถพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนของแต่ละโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ๒ ระยะ ได้แก่ ๓.๑ ระยะสั้น (เดือนมกราคม ๒๕๕๙-เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) ตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เพื่อให้เป็นแผนในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการดำเนินโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลก่อน เช่น โครงการฟื้นฟูชุมชนเมืองดินแดง และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว ๓.๒ ระยะยาว ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ตามกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปีด้วย รวมทั้งให้ส่งแผนดังกล่าวให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อนำไปบรรจุในแผนปฏิรูปประเทศต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1545 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารี ระยะที่ 2 และขออนุมัติปรับเพิ่มอัตราทุนเดิม | ศธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารี ระยะที่ ๒ จำนวน ๖๐๐ คน/ทุน/ปี จำนวน ๑๐ รุ่น รวม ๖,๐๐๐ คน/ทุน โดยแต่ละทุนจะได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๗ ระยะเวลา ๑๗ ปีการศึกษา (๑๘ ปีงบประมาณ) หรือผู้รับทุนจบครบตามระยะเวลาของหลักสูตรในระดับปริญญาตรี งบประมาณตลอดระยะเวลาโครงการจำนวน ๑,๙๑๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๘,๒๕๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติในหลักการเสนอของบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเป็นรายปีจนสิ้นสุดโครงการ ๑.๒ อนุมัติการปรับเพิ่มอัตราทุนการศึกษาให้กับผู้รับทุนที่กำลังศึกษาในโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารี ในปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๘๐๑ รูป/คน ระยะเวลา ๕ ปี จนสิ้นสุดโครงการฯ เดิม งบประมาณที่เสนอขอเพิ่มทั้งสิ้น ๑๑๔,๔๑๒,๕๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๔,๓๘๗,๕๐๐ บาท ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๒ และค่าใช้จ่ายการปรับเพิ่มอัตราทุนให้กับผู้รับทุนโครงการเดิมที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาที่เห็นควรติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการทุนฯ ในระยะแรกที่ดำเนินการไปแล้วอย่างเข้มข้นในทุกประเด็น และในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๒ ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาการออกในระหว่างที่ยังไม่จบช่วงชั้นและการไม่เรียนต่อ โดยการแนะแนวอาชีพที่เหมาะสม และการเรียนต่อในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและเชื่อมโยงกับการพัฒนาในพื้นที่ เพื่อการมีงานทำหลังสำเร็จการศึกษา รวมทั้งพัฒนาฐานข้อมูลโครงการฯ และนักเรียนทุนอย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1546 | สรุปความต้องการใช้ยางพาราในการดำเนินโครงการของส่วนราชการ | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการยางพารา ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการบริหารจัดการยางพาราเพื่อให้เกิดกลไกการรับซื้อในราคาสูง โดยสร้างทางเลือกให้แก่เกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถ ความเข้มแข็ง นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาให้ภาคเอกชน แบ่งออกเป็นมาตรการ ๓ ระยะ ๑.๑.๑ มาตรการระยะที่ ๑ การลงทุนเรื่องการวิจัยและพัฒนาการแปรรูปยางพารา โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา และให้การสนับสนุนผู้ประกอบการที่นำผลวิจัยไปผลิตผลิตภัณฑ์ แปรรูปยางพารา ทั้งผู้ประกอบการรายใหม่ (Start Up) และผู้ประกอบการรายเดิมที่มีการปรับปรุงหรือขยายกิจการ และให้ส่วนราชการจัดซื้อหรือจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราดังกล่าว ๑.๑.๒ มาตรการระยะที่ ๒ การขยายตลาดภายในประเทศ โดยให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในผลิตภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยขยายจากภาคราชการไปสู่ภาคเอกชน ๑.๑.๓ มาตรการระยะที่ ๓ การสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราอย่างต่อเนื่อง และให้สามารถนำไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศได้ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการทางภาษี เป็นต้น ๑.๒ ในระยะ ๓ เดือนก่อนการปิดกรีดจะมีปริมาณยางพาราออกสู่ตลาด ๘ แสนตัน-๑ ล้านตัน ดังนั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคายาง ขอให้กระทรวงพาณิชย์ (องค์การคลังสินค้า) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย รวมทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนดกลไกรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปก่อนจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการ (อาจจำหน่ายในลักษณะน้ำยางดิบในกรณีที่นำไปผสมทำถนน) โดยให้ส่วนราชการใช้งบประมาณที่มีอยู่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราในสัดส่วนที่สูงขึ้น ๒. เนื่องจากข้อมูลสรุปความต้องการใช้ยางพาราในการดำเนินโครงการของส่วนราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมมานั้น ยังไม่สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการยางพาราของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในวัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพาราพิจารณาทบทวนการดำเนินงานตามแนวทางข้างต้นแล้วเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) พิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเร่งรัดการเปิดโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราใหม่ ๗๙ โรง ซึ่งคาดว่าหากโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าวเปิดดำเนินการครบทุกแห่งจะมีการใช้ยางพาราประมาณ ๘.๗ แสนตัน และได้เร่งรัดให้โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเพิ่มปริมาณการเก็บสต็อกยางพาราเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งให้เตรียมการรองรับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยางพาราจากส่วนราชการต่าง ๆ โดยในขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพิ่มมากขึ้น เช่น หมอนสุขภาพ ถุงมือ รองเท้า แผ่นยางปูพื้น กาวน้ำยาง เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีโครงการในการสนับสนุนผู้ประกอบการยางพารา เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง เป็นต้น ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ และแนวทางดำเนินการตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1547 | การขออนุมัติโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ 4 (ปีงบประมาณ 2560 - 2569) | กต | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ ๔ จำนวน ๓๐ ทุน (สำหรับบุคคลทั่วไปและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ) ระยะเวลา ๑๐ (ปีงบประมาณ ๒๕๖๐-๒๕๖๙) ในสาขาวิชาภูมิภาคศึกษา กฎหมายระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ประมาณ ๖ ล้านปอนด์ หรือประมาณ ๓๓๐ ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลปอนด์ ๑ ปอนด์ เท่ากับ ๕๕ บาท ณ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงภายใต้งบเงินอุดหนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลทำให้วงเงินบาทเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติไว้ โดยวงเงินสกุลต่างประเทศที่ได้รับความเห็นชอบไม่เปลี่ยนแปลง เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนในกรณีดังกล่าวได้ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มสาขาวิชา ความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ และความรู้เฉพาะด้านที่มีความขาดแคลนเป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งการกำหนดประเทศที่ไปศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1548 | การรับโอนภารกิจการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน | กค | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ในการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติสามารถเบิกเงินคงคลังเป็นเงินทดรองราชการเพื่อทดรองจ่ายในการแก้ไขปัญหา และดำเนินการช่วยเหลือเพื่อผ่อนคลายความเดือดร้อนเฉพาะหน้าแก่ประชาชน ผู้ประสบภัยพิบัติจากภัยพิบัติต่างๆ ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว รวมทั้งกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินทดรองราชการโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินต่อไปได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน ๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และขอตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาร่วมกันเกี่ยวกับการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมให้แก่กรมบัญชีกลางเพื่อรองรับภารกิจที่ได้รับโอนมา ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้กรมบัญชีกลางมีการเตรียมการรองรับภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยเงินทดรองราชการ สำหรับงบประมาณโครงการพัฒนาสารสนเทศให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และการพิจารณาของสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสม การให้สำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดินทำหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต้นฉบับของแต่ละหน่วยงานไว้ตามเดิม การวางระบบการบริหารจัดการอัตรากำลัง การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะข้อมูลผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินและพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกันและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมทั้ง การพัฒนาระบบฐานข้อมูลดังกล่าวให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสามารถเชื่อมโยงกับระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1549 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. โครงการที่สำคัญของปี ๒๕๕๘ ภายใต้แผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ได้แก่ โครงการ ASEAN Cyberkids Camp 2015 โครงการ ASEAN ICT Awards 2015 การประชุม The 4th ASEAN Network Security Action Council โครงการ ASEAN ICT Skill Upgrading และโครงการ Intra-ASEAN Secure Transaction Framework Implementation Workshop ๒. รายงานการประเมินผลแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ซึ่งประเทศไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการการประเมินผลตามแผนแม่บทฯ รายงานว่า อาเซียนสามารถดำเนินการตามแผนแม่บทฯ อย่างครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ประกอบด้วย ๒๙ แผนงาน ๖ ยุทธศาสตร์ ๘๗ โครงการ และเป้าหมาย ๔ ข้อ พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะว่า อาเซียนควรให้ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์ทั้งในส่วนของการจัดสรรงบประมาณ และการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น ๓. สถานะงบประมาณของกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนเงินคงเหลือ ๒,๗๕๑,๐๕๙.๑๘ ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอนุมัติงบประมาณจากกองทุน ASEAN ICT Fund จำนวน ๔๐๑,๑๗๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือในปี ๒๕๕๙ ได้แก่ โครงการ Study on Agricultural Market Information Systems in ASEAN Member States โครงการ ASEAN Broadband Strategy และการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ Impacts of Internet of Things to e-Government applications in ASEAN เป็นต้น ๔. ปฏิญญาดานัง ว่าด้วยประชาคมอาเซียนที่มุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้ดิจิทัล อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง มั่นคงปลอดภัย และยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาดานัง โดยมีสาระสำคัญคือ การรับรองแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2020 ๕. อาเซียนมีการหารือกับประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ๖. การหารือทวิภาคี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สิงคโปร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1550 | การขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจน ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | มท | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของกระทรวงการคลัง รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนระมัดระวังไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานในพื้นที่ เพื่อให้มีการกระจายงบประมาณให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ขอให้คำนึงถึงการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ผลิตภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1551 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2558 ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ โดยยอดหนี้สาธารณะคงค้างมีจำนวน ๕,๗๘๓,๓๒๓.๑๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๒.๙๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๔๖๕,๒๐๐.๔๓ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงิน ๑,๒๙๕,๕๘๔.๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๔๓ ของแผนฯ และจากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๘ แห่ง พบว่ามีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ที่มีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1552 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก) | มท | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เป็นโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ภายใต้วงเงินงบประมาณเดิม จำนวน ๒๒,๖๓๓,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยขอตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดทำความเข้าใจกับเจ้าของที่ดินที่อยู่ระหว่างตัดสินใจเข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อให้โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนเร่งรัดการก่อสร้างถนนโครงการตามผังเมืองรวมเมืองพิษณุโลก สาย ฉ ๑ เพื่อเปิดพื้นที่และบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพให้สอดคล้องกับการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1553 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2558 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมฯ มีความเห็นและข้อเสนอแนะ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย มาตรการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน และมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงตารางการรายงานความคืบหน้าของโครงการภายใต้การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มีความชัดเจน อาทิ ประเภทของแหล่งเงินในการดำเนินโครงการ ระยะเวลาการดำเนินโครงการ แผนการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายปีและรายไตรมาส อัตราการเบิกจ่ายจริงเทียบกับประมาณการอัตราการเบิกจ่ายตามแผน รวมถึงปัญหาและอุปสรรคในกรณีที่อัตราการเบิกจ่ายจริงต่ำกว่าเป้าหมาย และเสนอแนะแนวทางหรือมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย และนำเสนอที่ประชุมในโอกาสต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานกับธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อแจ้งผลการให้สินเชื่อกับประชาชนผู้มีรายได้น้อยแก่ผู้ว่าราชการและนายอำเภอได้รับทราบ เพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งให้มีการพิจารณาเรื่องการประเมินผลเพื่อยกระดับกองทุนที่มีศักยภาพจากระดับ C เป็นระดับ B ๔. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการภายใต้มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ๕. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานธนาคารออมสินสอบถามความเห็นของธนาคารพาณิชย์ว่ามาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ตรงกับความต้องการของตลาดมากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๖. มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการการเงินการคลังเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ (๑) มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (๒) มาตรการการลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ (๓) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ (สำหรับอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดมูลค่าไม่เกิน ๓ ล้านบาท) ๗. ให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน และมาตรการการเงินการคลังเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ถือเป็นมาตรการที่อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ให้มีการติดตามความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค เพื่อรายงานต่อที่ประชุมทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1554 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดอ่างทอง ถึงบริเวณวัดต้นสน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง) | มท | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากโครงการซ่อมแซมและปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ้านท่าไคร้ หมู่ที่ ๒๐ ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโครงการซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดอ่างทอง ถึงบริเวณวัดต้นสน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในวงเงิน ๑๑,๖๘๗,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒,๓๔๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๙,๓๔๗,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดงานซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าวโดยด่วน เพื่อสามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากครั้งต่อไปได้อย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1555 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ในประเทศไทย พ.ศ. 2560 | ศธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๑ ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษา และเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้เยาวชนไทยในระดับโรงเรียนได้มีการพัฒนาความรู้และศักยภาพด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้มีการเรียนการสอนดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างนักดาราศาสตร์สมัยใหม่ให้กับประเทศไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ งบประมาณดำเนินการรวมทั้งสิ้น ๖๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเตรียมการที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แผนงานพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลผลิตผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับการพัฒนาและส่งเสริม งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ตามความจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและรายได้จากแหล่งอื่นที่ได้รับในการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันดังกล่าว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1556 | ขอขยายวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 | พณ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการอนุมัติวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อรวมกับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ (๓๘๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จะมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินรวม ๕๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือของโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น ที่กรมการค้าภายในเบิกจ่ายแทนสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลือหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำรายละเอียดและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและกำกับการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1557 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเพื่อดำเนินโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง | กษ | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางเพิ่มเติม จำนวน ๓๐๗,๙๙๘,๔๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ประกอบด้วย ๑.๑ เงินชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกร วงเงิน ๓๐๒,๙๙๐,๐๐๐ บาท จากเงินทุนสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๑.๒ ค่าบริหารจัดการและค่าธรรมเนียมการโอนเงินของ ธ.ก.ส. ที่เสนอขอจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม ๕,๐๐๘,๔๐๐ บาท จำแนกเป็น ๑.๒.๑ ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่เกินวงเงินในรอบแรก วงเงิน ๒๐๘,๔๐๐ บาท ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๑.๒.๒ ค่าบริหารจัดการและค่าธรรมเนียมการโอนเงินของ ธ.ก.ส. ให้เกษตรกรที่ใช้เอกสาร ภ.บ.ท. ๕ ภ.บ.ท. ๖ และ ภ.บ.ท. ๑๑ แจ้งขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองยืนยันสิทธิ์จากคณะกรรมการบริหารโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ระดับจังหวัด ๑๗,๓๖๙ ครัวเรือน วงเงิน ๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้ดำเนินการจ่ายเงินของโครงการฯ เป็นไปอย่างระมัดระวัง และให้มีหน่วยงานตรวจสอบ เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น ตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ และการจ่ายเงินของโครงการฯ อย่างถี่ถ้วน และในการดำเนินโครงการฯ จะต้องพิจารณาดำเนินการไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนโดยรวม นอกจากนี้ ควรเร่งดำเนินกระบวนการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ยังเหลืออยู่รวม ๒๒,๙๒๘ ครัวเรือน ให้ทันภายในกำหนดระยะเวลาในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งการจ่ายเงินให้เกษตรกร การจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกร พื้นที่การเพาะปลูก จะต้องมีการจัดทำบัญชีและทะเบียนคุมอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล มีการดำเนินการโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1558 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลน (สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล) | คค | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลนสำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะต้องดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน ไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ ให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินโครงการฯ ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การก่อสร้างสะพานข้ามคลองดูดังกล่าวเป็นการดำเนินโครงการในบริเวณปากคลองที่เชื่อมต่อกับทะเล พื้นที่สองฝั่งคลองเป็นป่าชายเลน ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการจับสัตว์น้ำตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่จะต้องถือปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และเห็นควรรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และป่าชายเลนอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ หลังจากก่อสร้างโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ควรมีการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าชายเลนอย่างจริงจัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะทำการศึกษาเพื่อกำหนดวิธีการประเมินต้นทุนค่าเสียโอกาสจากการทำลายป่าชายเลนเพื่อใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการประเมินความเหมาะสมของโครงการที่มีการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1559 | โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ 2 | กค | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ และงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๐,๐๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาพรวมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ เห็นควรให้เสนอคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณาก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวให้ธนาคารออมสินพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการอย่างรอบคอบและตรง SMEs กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอย่างแท้จริง สำหรับค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้ธนาคารออมสินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และหากธนาคารออมสินจะขอนำส่วนต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ได้รับชดเชยมาบวกกลับเพื่อคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานนั้น เห็นควรให้ธนาคารออมสินเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังทำการประเมินผลการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๑ ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ และเมื่อดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ เสร็จสิ้นแล้ว ให้กระทรวงการคลังประเมินผลการดำเนินโครงการดังกล่าวและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1560 | โครงการประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย | นร04 | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยขอรับการสนับสนุนงบกลาง จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติสนับสนุนให้กองทุนชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๙๕๘ กองทุน และกองทุนชุมชนทหารในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑๘๐ กองทุน จำนวน ๑,๑๓๘ ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการ จำนวน ๑๖๒ ล้านบาท และโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมออกเงินทุนสนับสนุนในการจัดทำตลาดประชารัฐทั้งสี่มุมเมือง ทั้งในเรื่องโครงสร้าง รูปแบบ การบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามนัยมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง เพื่อขอรับเงินอุดหนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในการดำเนินโครงการฯ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประมาณ ๕๐ ล้านบาท นั้น เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและสถาบันการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
.....