ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1581 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 (จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ) | นร11 | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ) เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อติดตามความคืบหน้าผลการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการขับเคลื่อนของรัฐบาลในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับศักยภาพ ตามความต้องการและมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นอย่างแท้จริง ๒. เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป โดย ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนรายละเอียดและกรอบวงเงินคงเหลือตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล วงเงินงบประมาณ ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดให้ทุกจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการ กรอ. จังหวัด ตามโครงสร้างใหม่ที่ได้หารือร่วมกับภาคเอกชนเรียบร้อยแล้ว และให้มีการประชุมอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย ๒ เดือน/ครั้ง ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลการดำเนินโครงการธนาคารข้าว เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้ประชาชนกู้ไปประกอบอาชีพ และสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรอย่างอื่นมาชำระคืนได้ในมูลค่าราคาที่เท่าเทียมกัน อย่างทั่วถึง ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายถนนเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดและภูมิภาคให้เป็นถนน ๔ ช่องทาง และเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเหมาะสม ๒.๕ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่อยู่ในแนวระบบสายส่ง และดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ๒.๖ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาจัดโซนนิ่งพื้นที่อุตสาหกรรมโดยเน้นการเป็นเมืองอุตสาหกรรมสีเขียว และให้ติดตามผลการขออนุญาตตั้งโรงงานให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๒.๗ ในกรณีที่กลุ่มจังหวัดฯ จะเสนอโครงการพัฒนา ให้จัดทำข้อเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยโดยให้มีการพิจารณากลั่นกรองร่วมกันกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และนำเสนอไปยังคณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลางต่อไป ๒.๘ ขอความร่วมมือภาคเอกชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตามแนวทาง “ประชารัฐ” หรือ การสร้างความเข้มแข็งไปพร้อมกัน (Stronger Together) โดยเฉพาะการจดทะเบียนนิติบุคคลของ SMEs เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||
1582 | ขออนุมัติโครงการอาคารปรีคลินิกและศูนย์วิจัย สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน | ศธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการโครงการอาคารปรีคลินิกและศูนย์วิจัย สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีสถาบันทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติ ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย และการบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีผลงานวิจัยที่นำไปใช้ในการพัฒนาการให้บริการ และสร้างความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาในหลักสูตรทางการแพทย์ สามารถสร้างบัณฑิตที่มีพหุศักยภาพสามารถทำให้สังคมไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการให้ดำเนินโครงการภายในกรอบวงเงิน ๑,๗๔๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๒๑๘,๕๖๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕๒๒,๒๔๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการผลิตแพทย์ร่วมระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมถึงการจัดการบริการสุขภาพในเขตสุขภาพด้วย และในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการในลักษณะบูรณาการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า รวมทั้งประโยชน์ที่ประชาชนและทางราชการจะได้รับเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนและการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในเชิงบูรณาการอย่างยั่งยืน และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1583 | การลงนามในการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับประเทศสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asia Nations and the Republic of Korea on Forestry Cooperation : AFoCo) | ทส | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในร่างเอกสารการลงนามการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับประเทศสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Republic of Korea on Forestry Cooperation : AFoCo) จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่าง Project Implementation Agreement Between Republic of the Philippines Department of Environment and Natural Resources Forest Management Bureau and Kingdom of Thailand Ministry of Natural Resources and Environment Royal Forest Department for the Implementation of the Regional Project Entitled “Facilitating the Participatory Planning of Community-based Forest Management Using Geographic Information System and Remote Sensing Technologies in Forest Resources Management in the Philippines, Indonesia and Thailand” ๑.๒ ร่าง Memorandum of Understanding between Republic of Korea and Socialist Republic of Viet Nam & Kingdom of Thailand for Implementation of ASEAN-ROK Forest Cooperation Project : “Developing High Valuable Species in Vietnam and Thailand as the Mechanism for Sustainable Forest Management and Livelihood Improvement for Local Communities” สำหรับร่าง Memorandum of Agreement between Korea Forest Service, Republic of Korea and Malaysian Forest Research and Development Board, Malaysia and Royal Forest Department, Thailand for Implementation of ASEAN-ROK Forest Cooperation Project : “Domestication of Endangered, Endemic and Threatened Plant Species in Disturbed Terrestrial Ecosystem in Malaysia and Thailand” กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอถอนร่างฉบับนี้ไปหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ที่อธิบดีกรมป่าไม้มอบหมายเป็นผู้ลงนามในการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ภายใต้ AFoCo (ตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขถ้อยคำของเอกสารการดำเนินโครงการฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญและการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพในการดำเนินโครงการ และควรจัดทำข้อตกลงการจัดส่งวัสดุชีวภาพ (Material Transfer Agreement) ในกรณีที่มีการเคลื่อนย้ายเชื้อพันธุกรรมทั้งพืช สัตว์และจุลินทรีย์ออกจากพื้นที่ รวมทั้งจัดทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอของพันธุ์พืชที่ทำการศึกษาในแต่ละโครงการเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการระบุอัตลักษณ์ของชนิดพันธุ์พืชในประเทศไทย นอกจากนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสินทรัพย์ (Bio-Asset) ในเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ควรได้รับการอนุรักษ์ บริหารจัดการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมและยุติธรรม หากต้องระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของชนิดพันธุ์ที่สำคัญหรือใกล้สูญพันธุ์ ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการระบุตำแหน่งที่ตั้งอาจจะทำให้เกิดการเข้าถึงได้ง่ายและส่งผลกระทบต่อสถานภาพของทรัพยากรชีวภาพนั้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1584 | มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | อก | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบเป้าหมายวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small Medium Enterprises : SMEs) ที่จะให้การส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดเป้าหมายส่งเสริม SMEs ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๗,๕๐๓ ราย ใช้งบประมาณในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๕,๐๙๗.๘๕ ล้านบาท และรับทราบในหลักการการใช้งบประมาณดำเนินการในส่วนที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑,๔๓๗.๑๗ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการดำเนินงานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงานต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน โดยเฉพาะเมื่อ SMEs ได้รับการวินิจฉัยสถานประกอบการแล้ว ควรสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการส่งต่อลูกค้า/ผู้ประกอบการไปยังหน่วยงานที่มีความสามารถเฉพาะที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การสนับสนุน SMEs ได้อย่างครบวงจรทุกด้าน และในการดำเนินโครงการเงินทุนพลิกฟื้นวิสาหกิจขนาดย่อม โดยการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจขนาดย่อม และธุรกิจเกษตร ควรมีระบบพี่เลี้ยงเพื่อให้คำแนะนำทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี รวมทั้งควรมีการเสริมในด้านการสร้างตลาดสินค้าสำหรับ Start-up เช่น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศกลุ่ม AEC เพื่อขยายตลาด และควรมีการประชาสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ SMEs รับทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องระบบการส่งต่อเพื่อประสานความร่วมมือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อให้มีความรัดกุม รอบคอบ และเป็นเกณฑ์เดียวกัน และมีการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลสำเร็จของโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินโครงการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1585 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ขององค์การขนส่ง มวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๘๒๙.๒๘๖ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๒,๔๖๙.๕๔๒ ล้านบาท ๒. ให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๑๗๖.๑๕๘ ล้านบาท และ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๗๗๔.๙๔๖ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ ขสมก. ปรับปรุงการให้บริการตามผลการสำรวจความพึงพอใจ เช่น ลดความเร็วในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด และนำผลการศึกษาต้นทุนต่อกิโลเมตรที่ทำการศึกษาโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาประกอบการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ และให้ รฟท. เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะด้านความสะอาด ความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา การเร่งรัดการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนการลงทุน การจัดทำแนวทางการปรับปรุงผลการดำเนินงานการให้บริการสาธารณะสำหรับตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ค่าเป้าหมาย รวมทั้งการศึกษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในการให้บริการของรถไฟที่มีประสิทธิภาพเพื่อประกอบการพิจารณาข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1586 | ผลการประชุมการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งและพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการจัดทำแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของ ชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 | มท | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งและพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการจัดทำแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการเรื่องกรอบการดำเนินโครงการ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณากรอบเวลาดำเนินการ กลไกการบริหารกลั่นกรองและพิจารณาอนุมัติโครงการ รวมทั้งกลไกการบริหารและเบิกจ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกรอบแนวทางฯ ให้จังหวัด อำเภอ ได้รับทราบและดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การสำรวจข้อมูลตามความต้องการของเกษตรกรและความต้องการของชุมชน ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและต้องได้รับความเห็นชอบจากชุมชนโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเหมาะสมกับสภาพภูมิสังคม และสอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ภาพรวมของประเทศ ตลอดจนตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการประเภทเดียวกัน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณ ตามศักยภาพและข้อจำกัดด้านงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม และเห็นควรเพิ่มเติมเป้าหมายการดำเนินการที่จะนำหลักการทรงงาน ระเบิดจากข้างใน ควรใช้รูปแบบการทำงานของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานตามแนวพระราชดำริ มาเป็นแนวทางในการทำงานของทีมประเทศไทยระดับตำบล รวมทั้งในการสำรวจความต้องการของชุมชนควรเพิ่มผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมในทีมฯ เพื่อให้ข้อมูลความต้องการของตลาดแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1587 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล | มท | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทย ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๓,๘๒๗ โครงการ งบประมาณ ๓,๒๑๒.๙๖๘ ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ ๗๖ จังหวัด และโครงการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ จำนวน ๔๒๑ รายการ งบประมาณ ๒๕๔.๒๘๐ ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ ๒๑ จังหวัด ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ และแจ้งให้จังหวัดดำเนินการตามโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ๑.๒ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) โครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในระดับจังหวัด และจังหวัดได้จัดส่งให้สำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ พิจารณาแล้ว มีจำนวน ๑๑๔,๕๗๓ โครงการ ภายในวงเงินงบประมาณ ๓๖,๒๗๕ ล้านบาท และได้รับอนุมัติจากสำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ แล้ว มีจำนวน ๗,๐๕๐ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๒,๕๗๒.๙๔๒๗ ล้านบาท ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการจากสำนักงบประมาณ ซึ่งมีโครงการเป็นจำนวนมาก คาดว่าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ จะเบิกจ่ายงบประมาณได้ประมาณร้อยละ ๑๐ เดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เบิกจ่ายสะสมได้ร้อยละ ๕๐ เดือนมกราคม ๒๕๕๙ เบิกจ่ายสะสมได้ร้อยละ ๑๐๐ ๑.๓ กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการตามมาตรการ โดยปิดประกาศแจ้งรายละเอียดของโครงการในตำบลต่าง ๆ ให้ประชาชนรับรู้ การลงข้อมูลโครงการในเว็บไซต์ของตำบล การแต่งตั้งตัวแทนประชาชนในตำบลเป็นคณะกรรมการตรวจรับการจ้าง การซื้อ รวมทั้งให้มีการบันทึกภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการดำเนินโครงการ และจัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบได้ออกตรวจติดตามและให้คำแนะนำ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ และการบริหารจัดการโครงการอย่างยั่งยืนหลังจากดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1588 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2558/59 เฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายละเอียดการดำเนินโครงการและงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้มีกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑,๘๖๐.๕๗ ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ดังนี้
๑. โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงิน ๙๗๕.๕๗ ล้านบาท ๒. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๒๓๖.๖๗ ล้านบาท (ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการจาก MLR เป็น MLR-1 รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ โดยปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ ๕) ๓. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๖๔๘.๓๓ ล้านบาท (ปรับลดระยะเวลาให้สอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินโครงการไม่เกิน ๑๐ เดือน) |
|||||||||||||||||||||
1589 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ (ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน/ชุมชน อย่างจริงจัง ตั้งแต่ระยะเริ่มวางแผนดำเนินโครงการ เพื่อให้ประชาชน/ชุมชุม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่โครการได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจและแก้ไขประเด็นข้อขัดแย้งที่จะนำไปสู่การสร้างความยอมรับให้ดำเนินโครงการในพื้นที่ได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ให้แล้วเสร็จก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส ยั่งยืน และสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1590 | โครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะเวลา ๕ ปี (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓,๑๘๓,๐๒๕,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงิน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๓,๐๘๓,๓๕๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๗๗๐,๐๐๐ บาท และเงินอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ ๒๐ แห่ง จำนวน ๙๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ ในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ จำนวน ๑๕,๐๑๕,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำรายละเอียดเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรตามความจำเป็นตามผลการดำเนินโครงการที่เกิดขึ้นต่อไป ๑.๔ อนุมัติกรอบวงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๒,๗๘๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมตามโครงการฯ โดยให้ ธ.ก.ส. กำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการฯ เป็น MLR-1 เช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี ๒๕๕๗/๕๘ และโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลาชดเชย ๕ ปี นับตั้งแต่วันที่สหกรณ์กู้ยืม ในกรอบวงเงิน ๒๗๘,๙๔๐,๐๐๐ บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้นและไม่รวมค่าชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการลดต้นทุนการผลิต เช่น การเช่านา เป็นต้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง ควรให้มีการเผยแพร่หลักเกณฑ์การคัดเลือกให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้สหกรณ์ทุกแห่งได้รับทราบว่าการคัดเลือกเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียนจากสหกรณ์ที่ไม่ได้รับคัดเลือกในภายหลัง การถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลการเกษตรที่ถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ การเลือกชนิดหรือประเภทของเครื่องจักรกลการเกษตรควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สภาพของดินและชนิดพืชที่จะเพาะปลูก ตลอดจนศักยภาพการให้บริการของแต่ละสหกรณ์ และควรพิจารณาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดำเนินกิจการด้วยคนไทยเป็นทางเลือกแรก นอกจากนี้ ให้หารือกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อบูรณาการกลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ดำเนินการ และวิธีดำเนินการตามโครงการฯ กับแผนงาน/โครงการการดำเนินมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน รวมทั้งติดตามและประเมินผลสำเร็จและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นของโครงการฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลอันเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้ในการแก้ไขปรับปรุงโครงการฯ ให้สมบูรณ์ เหมาะสมและเกิดความยั่งยืน ก่อนที่จะขยายผลโครงการฯ ในระยะต่อไป ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำทะเบียนเกษตรกรให้ชัดเจนเพื่อให้ความช่วยเหลือได้เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ และ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน |
|||||||||||||||||||||
1591 | ขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้จังหวัดสงขลาก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้จังหวัดสงขลาใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อการดำเนินโครงการก่อสร้างพุทธมณฑล จังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดสงขลา) ดำเนินการ ดังนี้
๑. ตรวจสอบว่าการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่โครงการฯ รวมถึงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของโครงการ เช่น การก่อสร้างถนนเข้าสู่โครงการฯ เป็นต้น เข้าข่ายจะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และหากมีความจำเป็นต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะดำเนินโครงการต่อไป ๒. ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน เพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
1592 | ขออนุมัติร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ไทย - ลาว ครั้งที่ 20 และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว - ไทย | กต | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๐ เป็นกรอบในการหารือ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันไว้ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยมีประเด็นสำคัญที่จะมีการหยิบยกขึ้นหารือระหว่งการประชุมฯ ได้แก่ การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การยกระดับจุดผ่านแดน การค้าและการลงทุน การคมนาคมขนส่ง การเชื่อมโยงในภูมิภาค ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว-ไทย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศจะดำเนินการร่วมกัน โดยระบุรายละเอียดของโครงการ ซึ่งรวมถึงการยกเว้นภาษี การอำนวยความสะดวกเรื่องพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าและนำออกวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องนำเข้าไปใช้ในการดำเนินงานก่อสร้างภายใต้โครงการ รวมถึงการอำนวยความสะดวกและให้สิทธิพิเศษแก่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญไทยที่เข้าไปปฏิบัติงาน เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินโครงการระหว่างกัน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
1593 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ การเชื่อมโยงการใช้ยางพาราในประเทศ และการจัดตั้งเมืองยางพารา (Rubber City) ในพื้นที่เศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเกี่ยวกับรถประจำทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยระยะแรกอาจพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ชานเมืองเพื่อสนับสนุนนโยบายประหยัดพลังงานและอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางระหว่างพื้นที่ชานเมืองกับจุดเชื่อมต่อสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ให้นำเสนอผลการศึกษาต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดต้นทุนการผลิตให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลและให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ แก่ผู้พิการให้ได้รับความสะดวกในการดำเนินชีวิต โดยจัดให้มีการขึ้นทะเบียนผู้พิการที่มีศักยภาพ เช่น นักร้อง นักดนตรีที่เป็นผู้พิการทางสายตา จัดสถานที่สำหรับทำการแสดงดนตรี และจัดหาแว่นตาให้ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่ผู้พบเห็น รวมทั้งดูแลช่วยเหลือคนเร่ร่อนและคนขอทานด้วย ๓. ด้านการต่างประเทศ ๓.๑ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการประชุมเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศมีหลักการตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การลดความหวาดระแวง และการได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ใช้หลักการต่างตอบแทนในการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายหลังการเจรจาหรือจัดทำความตกลงเสร็จสิ้นให้นำผลการเจรจาข้อเสนอต่างตอบแทนดังกล่าวมาพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไปด้วย ๓.๒ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาส่งเสริมความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) กลุ่มประเทศภายใต้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) และประเทศหมู่เกาะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ประเทศตุรกี ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสาธารณรัฐฟิจิ โดยให้ประเทศเหล่านี้เป็นศูนย์กระจายสินค้าเพื่อขยายตลาดส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีศักยภาพต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอิตาลีและสาธารณรัฐเช็กด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ทุกส่วนราชการนำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๖ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาจัดทำแผนปฏิบัติการโดยจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑ ด้าน และแบ่งเป็น ๓ ระยะ ซึ่งในระยะที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ให้จัดทำเป็นข้อมูลผลการดำเนินการที่ผ่านมา นั้น ในการจัดทำข้อมูลดังกล่าวให้ทุกส่วนราชการจัดทำในลักษณะการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานก่อนและหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้ส่งข้อมูลให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาการดำเนินการหรือวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ (Irregular Migration) ของสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และกระทรวงยุติธรรม พิจารณากฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองในปัจจุบันว่ามีบทบัญญัติครอบคลุมถึงการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติหรือไม่ ประการใด ตลอดจนแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศต่อไปด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรักษาความสงบเรียบร้อยในแต่ละพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและความสงบสุข โดยดำเนินการมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายหรือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพลด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้มีผลสัมฤทธิ์ภายใน ๖ เดือน ๔.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น เกาะล้าน เกาะสีชัง โดยศึกษารูปแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จากต่างประเทศ เช่น เกาะมาเก๊าที่มีการจัดพื้นที่เป็น Entertainment Complex ขนาดใหญ่ มีกิจกรรมหลากหลายประเภทสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น สวนน้ำ หอชมวิว การแสดงต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น ๔.๕ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้เร่งรัดการปรับปรุงและขยายพื้นที่สวนเบญจกิติและศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณมักกะสัน (ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเดิม) ให้มีความชัดเจน โดยแบ่งสัดส่วนการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ตามประเภทการใช้งาน เช่น อาคารพาณิชย์ สวนสาธารณะ โดยในส่วนที่เป็นสวนสาธารณะให้คำนึงถึงการจัดสวนในลักษณะสวนป่าตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
|
|||||||||||||||||||||
1594 | การยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในระดับจังหวัด | ทส | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เนื่องจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่า อปท. หลายแห่งมีความสามารถในการสมทบเงินงบประมาณได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการยกเว้นเงินสมทบควรมีเงื่อนไขกรณีการปรับลดการสมทบงบประมาณในแต่ละโครงการว่า การปรับแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ จะต้องไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของระบบการจัดการขยะมูลฝอย และให้มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าว รวมทั้งการยกเว้นเงินสมทบควรเป็นมาตรการระยะสั้นตามความจำเป็นเร่งด่วน สำหรับระยะยาวให้ อปท. เข้ามามีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าบริการในอัตราที่เหมาะสมสะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง และควรมีการจัดทำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง อปท. ที่เข้าร่วมโครงการและมีกลไกการกำกับดูแลเพื่อให้มีปริมาณขยะเข้าสู่ระบบจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีกลไกการกำกับดูแลติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และ อปท. สามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้ อปท. มีส่วนร่วมในการใช้เงินรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชน ภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินงานโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ อปท. ไม่ต้องสมทบงบประมาณในการดำเนินงานตามโครงการ รวมทั้งปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอยของประเทศ เพื่อให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับ อปท. ในการจัดการขยะมูลฝอยต่อไป ๔. โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องดังกล่าวแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอเรื่องนี้ต่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1595 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ (เพิ่มเติม) | นร07 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๘๒ ล้านบาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอาชีวะบริการซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาให้นักเรียน นักศึกษา มีจิตอาสา มีทักษะในวิชาชีพที่เข้มข้นจากการปฏิบัติงานจริง และเป็นการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยให้บริการปรับปรุง ซ่อมแซมเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตร เครื่องมือประกอบอาชีพและเครื่องใช้ในครัวเรือนให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ส่งผลให้ลดรายจ่ายและยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือเครื่องจักรในการประกอบอาชีพ ดำเนินการโดยสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๓๖๘ แห่ง ซึ่งมีศูนย์อาชีวะบริการ จำนวน ๒,๐๐๐ ศูนย์ กระจายอยู่ในพื้นที่ ๗๗ จังหวัด ค่าใช้จ่ายศูนย์ละ ๑๙๑,๐๐๐ บาท ๒. การอนุมัติงบประมาณ ตามข้อ ๑ เป็นการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพให้กับนักเรียน นักศึกษา โดยการไปปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องจักรกลทางการเกษตร และเครื่องมือเครื่องใช้ รวมทั้งสิ่งก่อสร้าง สาธารณะประโยชน์อื่น ๆ ในชุมชน ในลักษณะโครงการเป็นการลงทุนเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการดำเนินรายการดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตของชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||
1596 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Tax Invoice) | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรได้ปรับปรุงรายงานภาษีขายโดยเพิ่มเลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ และได้กำหนดให้ผู้ประกอบการทอดแรกจัดทำรายงานภาษีขายด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์โดยจัดกลุ่มผู้ประกอบการกับระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมโครงการ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1597 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ รวม 3 เรื่อง | สว | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และเรื่อง มาตรการขับเคลื่อน SMEs และการแก้ไขปัญหาอุปสรรค รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาศึกษาผลการดำเนินงานของกรมธนารักษ์กรณีการดำเนินโครงการการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดินและกรณีการดำเนินโครงการการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ รวม ๓ เรื่อง ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน เรื่อง แนวทางการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุตสาหกรรม ๒.๒ ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน เรื่อง มาตรการขับเคลื่อน SMEs และการแก้ไขปัญหาอุปสรรค มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณ ๒.๓ ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง การพิจารณาศึกษาผลการดำเนินงานของกรมธนารักษ์ กรณีการดำเนินโครงการการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดินและกรณีการดำเนินโครงการการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย
|
|||||||||||||||||||||
1598 | ขอความเห็นชอบยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 | คค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) ในส่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ในชั้นการพิจารณาการดำเนินโครงการเห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐคำนึงถึงหลักการที่เน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการ และการแบ่งปันผลประโยชน์ของรัฐอย่างเป็นธรรมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) อย่างเคร่งครัด และเมื่อได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการแล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||
1599 | ขอความเห็นชอบโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน | คค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑,๙๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรายละเอียดงบประมาณในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมการบินพลเรือนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงมาดำเนินการโครงการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๓๑๐ ล้านบาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับวงเงินส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อพิจารณารายละเอียดและอำนวยความสะดวกในการตรวจอากาศการบินและรายงานข่าวอากาศเพื่อการบิน (METAR) ให้กับท่าอากาศยานเบตง ให้สอดคล้องตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายถิ่นของนกในพื้นที่ผลกระทบทางเสียง การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและแก้ไข มาตรการการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประสานกับหน่วยงานที่จะสนับสนุนการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงให้เรียบร้อยก่อน และหลังการก่อสร้างท่าอากาศยานแล้วเสร็จ รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบควรประสานงาน ปรึกษาหารือกับสายการบินแห่งชาติและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดแผนการดำเนินงานในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1600 | ตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด | นร11 | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัด รวม ๒๔ ตัวชี้วัด และตัวชี้วัดการพัฒนาระดับกลุ่มจังหวัด รวม ๑๓ ตัวชี้วัด ๑.๒ ให้ส่วนราชการพิจารณาใช้ประโยชน์ตัวชี้วัดในการกำหนดแผนงานโครงการและงบประมาณลงสู่พื้นที่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการขับเคลื่อนระหว่างจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมที่จำเป็นและที่ยังเป็นข้อจำกัด เพื่อใช้ประกอบการจัดทำและพัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีความสมบูรณ์และมีความต่อเนื่องทุกปี ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขอปรับตัวชี้วัดร่วม (Common Indicators) ระดับจังหวัด ประเด็นการวัด (๔) ประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐ (Government Efficiency) ข้อ ๑ ความสามารถการให้บริการสาธารณะ GE1 จากเดิม ร้อยละของสถานพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพ HA (%) แหล่งที่มาของข้อมูล ขอปรับเป็นเรื่องร้อยละการเข้าถึงบริการผู้ป่วยนอก และการนำแนวทางการพัฒนาประเทศของยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี และร่างแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ มาใช้ประกอบการพัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการเพิ่มเติมตัวชี้วัดเรื่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การบูรณาการ หรือการประสานงานเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของผู้นำหน่วยงานและข้าราชการระดับสูง แผนงาน เจ้าหน้าที่ งบประมาณ การจัดทำแผนประสานสอดคล้องกัน และประสิทธิภาพของข้าราชการในพื้นที่ให้ชัดเจน รวมทั้งให้พิจารณาเพิ่มเติมตัวชี้วัดเพื่อแก้ไขปัญหาที่ตัวชี้วัดและผลการประเมินไม่สามารถบอกถึงประสิทธิภาพในการทำงานของข้าราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาปรับปรุงตัวชี้วัดในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถประเมินผลสัมฤทธิ์เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๔.๑ การดำเนินการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) เช่น การส่งเสริมหรือสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น การส่งเสริมหรือสนับสนุนการท่องเที่ยว เป็นต้น ๔.๒ การบริหารจัดการของหน่วยงานต่าง ๆ ว่ามีการดำเนินการที่ทำให้แบ่งเบาหรือลดภาระการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐลงไปได้ เช่น การดำเนินโครงการโดยมีการจัดหาแหล่งเงินทุนในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน (Public Private Partnership : PPP) เป็นต้น ๔.๓ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของสำนักงบประมาณและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น มีการแบ่งประเภทงบประมาณที่ขอรับการจัดสรรอย่างชัดเจน [งบประมาณสำหรับการบริหารราชการปกติ (Function Based) และงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล (Agenda Based)] มีการบูรณาการจัดทำงบประมาณร่วมกันเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการของรัฐบาลมีประสิทธิภาพไม่เกิดความซ้ำซ้อน เป็นไปตามยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น |
.....