ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1401 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติติดตามประเด็นด้านความมั่นคงตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศต่อไป ๑.๒ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศเพื่อนำมาใช้ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภารกิจของส่วนราชการ (Function) และงบประมาณการดำเนินการตามนโยบาย (Agenda) พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานและงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ทั้งนี้ ให้มีการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป และในกรณีที่โครงการมีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการของหน่วยงานนั้น ๆ กำกับดูแลการดำเนินโครงการตามแผนงานให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางน้ำ โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเทียบเรือ ทั้งท่าเรือน้ำลึก ท่าเทียบเรือชายฝั่ง และท่าเรือข้ามฟาก ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่ที่สามารถเดินเรือได้ก่อน เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๔ ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ได้เห็นชอบแผนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพื่อพัฒนาให้เกิด SMEs 4.0 นั้น ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริม SMEs ที่จะดำเนินการระหว่างปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ก่อน ส่วนที่เหลือให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังที่ได้มาตรฐานตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในการสนับสนุนสินค้าไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะบ้านเคหะประชารัฐให้แก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งรองรับแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือสังคมสูงวัยของประเทศไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยให้มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีความชัดเจนในเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณที่ใช้ด้วย รวมทั้งพิจารณาจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งพิจารณาและเสนอเรื่อง การแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ซึ่งต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.๒ ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ให้สร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบการดำเนินโครงการและมาตรการเยียวยาดังกล่าวให้รวดเร็วและทั่วถึงด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการจัดทำแผนการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนา เพื่อให้มีอัตราบุคลากรทางการแพทย์เหมาะสมสอดคล้องกับจำนวนประชากรในแต่ละพื้นที่ด้วย ๔.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการกีฬาทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริหารงานของสมาคมกีฬาต่าง ๆ เน้นความเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป ๔.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแข่งขันกีฬานำร่องระหว่างหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหาร โดยแบ่งเป็น ๖ ทีม ตามการกำกับการบริหารราชการของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการภายใน ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1402 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนระโนด จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนระโนด จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลท่าบอน ตำบลบ้านใหม่ ตำบลระโนด ตำบลปากแตระ ตำบลระวะ และตำบลพังยาง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1403 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ | กค | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินมาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชนและมาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนภายใต้นโยบายรัฐบาลของธนาคารออมสิน และเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมือง เพื่อเป็นการช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพื่อการประกอบอาชีพ บรรเทาความเดือดร้อนภายในครอบครัว เป็นการช่วยลดปัญหาเงินกู้นอกระบบ รวมถึงเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมืองได้รับความรู้ทางการเงินและเห็นความสำคัญของการวางแผนทางการเงินของครอบครัว สามารถบริหารรายได้รายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนมีเงินออมเป็นหลักประกันทางการเงินของครอบครัว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินโครงการให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ธนาคารออมสินพิจารณาอย่างรอบคอบถึงเงื่อนไขและความจำเป็นของผู้กู้แต่ละราย และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาระหนี้ การรักษาวินัยทางการเงิน ตลอดจนภาระหนี้ที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นภายหลังครบระยะเวลาผ่อนผัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้อย่างแท้จริง และให้ธนาคารออมสินติดตามและประเมินผลในระหว่างการดำเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมืองหลังจากเสร็จสิ้นการอบรมในแต่ละรุ่น โดยประเมินความเหมาะสมของผู้เข้าอบรม หลักสูตรอบรม วิทยากร เทคนิคและวิธีการอบรม ตลอดจนความสามารถในการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ เพื่อนำมาปรับปรุงการอบรมในรุ่นต่อไปให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อบรมอย่างสูงสุด และเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการขอแยกบัญชีเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคาร รวมทั้งให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการดำเนินการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสของพนักงานได้นั้น ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1404 | การขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมด | กค | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่เห็นชอบให้ขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมดให้อยู่ภายในกรอบวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยแยกเป็นวงเงินกู้ ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เป็นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ เนื่องจากการระบายข้าวจะต้องพิจารณาจากสภาวะตลาดในเวลาที่เหมาะสมและไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาข้าวภายในประเทศ ๑.๒ รายงานสถานะหนี้คงค้างจากการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ทั้งในส่วนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และเงินทุน ธ.ก.ส. ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๔๙๘,๗๖๗.๔๕๕ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้ในแต่ละฤดูกาลด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนการระบายข้าวในสต็อกของโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ และการลดกรอบวงเงินกู้คงค้างที่เหมาะสมในแต่ละปี โดยแผนดังกล่าวต้องแสดงให้เห็นถึงแนวทางการลดภาระหนี้เงินกู้ทั้งในส่วนการระบายข้าวและภาระงบประมาณที่ต้องชดเชยเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้อย่างชัดเจนเป็นรายปี และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวพิจารณาเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1405 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | มท | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลนนทรี ตำบลเมืองเก่า ตำบลกบินทร์ ตำบลวังดาล ตำบลนาแขม ตำบลบ้านนา และตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรมีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนมีการดำเนินการ และกำหนดให้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน นอกจากนี้ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ ตลอดจนการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1406 | ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน - หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ - หัวลำโพง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ในกรอบวงเงิน ๔๔,๑๕๗.๗๖ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) และเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับแนวทางการรับภาระการลงทุนและการจัดหาแหล่งเงินทุน รัฐบาลควรรับภาระค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานงานโยธาและส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ รวมทั้งเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ และวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ อย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในประเทศและให้กู้ต่อแก่ รฟท. เพื่อเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมการก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าที่ปรึกษาจัดการประกวดราคาและค่ารื้อย้ายและเวนคืนที่ดิน รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ๓. สำหรับงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณและขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเดินรถและการบำรุงรักษา ให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระการลงทุนเอง โดยให้ รฟท. กู้เงินจากในประเทศ และกระทรวงการคลังค้ำประกัน ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการเดินรถและการบำรุงรักษา ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เร่งจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลอดทั้งเส้นทางตามมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ และเสนอ คนร. พิจารณาโดยเร็ว และหาก คนร. มีมติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในการบริหารจัดการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ให้ รฟท. เร่งดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฯ และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หรือการสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1407 | โครงการทุนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ | ศธ | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการทุนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่บุคคลทั่วไปสำหรับศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ ต่างประเทศ และผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาแพทยศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ และสาขาวิชารังสีเทคนิค เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะปฏิบัติงานชดใช้ทุน ณ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๐ (รวม ๑๑ ปี) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๘๔๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ นั้น ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้รับการเสนอตั้งงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาที่ให้ระบุจำนวนนักศึกษาแพทยศาสตร์จำนวน ๑๙๒ คน ไว้ในแผนผลิตแพทย์ในโครงการผลิตแพทย์ตามนโยบายรัฐบาล (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๗๐) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาด้วย เพื่อเป็นภาพรวมแผนการผลิตแพทย์ของทั้งประเทศ และเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ควรคำนึงถึงกรอบอัตรากำลังของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ที่จะรองรับการชดใช้ทุน และประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับรองรับการขอใช้ทุนดังกล่าว รวมทั้งการกำหนดเกณฑ์การชดใช้ทุนการศึกษาควรเทียบเคียงและพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด นอกจากนี้ การขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศควรคำนึงถึงการจัดสรรบุคลากรให้เกิดการกระจายไปสู่พื้นที่ขาดแคลน และการธำรงรักษาบุคลากรทางการแพทย์ให้คงอยู่ในระบบ เพื่อนำไปสู่การมีสัดส่วนบุคลากรทางการแพทย์ต่อประชากรที่เหมาะสมของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการแจ้งคณะกรรมการที่ทำหน้าที่อำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ทราบในโอกาสต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1408 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2559 | อื่นๆ | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๓. เห็นควรให้ปรับกำหนดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศจากเดิมที่จัดให้มีการประชุมทุกเดือน เป็นจัดให้มีการประชุมทุกสามเดือน เนื่องจากมาตรการและ/หรือโครงการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ๔. มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุความล่าช้าของการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเสนอแนวทางการแก้ไข รวมทั้งรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๕. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังร่วมกับกรมสรรพากรศึกษาข้อเท็จจริงกรณีที่บริษัททั้งของไทยและต่างประเทศที่ไปจดทะเบียนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ ว่าในกรณีดังกล่าวจะมี Tax loophole (ช่องว่างทางภาษี) หรือไม่/อย่างไร พร้อมทั้งนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๖. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (๑) สรุปผลการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน (๒) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ และ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไข เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๗. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ (๑) มีหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อนำโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙) มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในคราวประชุมครั้งต่อไป และ (๒) ปรับปรุงตารางสรุปผลการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ มาตรการที่สนับสนุนภาคการเกษตร มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยระบุวงเงินงบประมาณหรือวงเงินสินเชื่อและระบุต้นทุนหรือภาระทางการคลังของแต่ละมาตรการ รวมทั้งรายงานสถานะของการเบิกจ่ายของแต่ละกลุ่มมาตรการเพื่อแสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และให้นำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1409 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (เฉพาะกรณีโครงการที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย) | มท | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (เฉพาะกรณีโครงการที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย) จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เนื่องจากโครงการของหมู่บ้านบางส่วนประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัยซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการอนุญาตให้หมู่บ้านสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้นั้น จะต้องอยู่ภายใต้วงเงินของโครงการเดิมที่หมู่บ้านได้รับการจัดสรรไปแล้ว และควรติดตามการดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ขยาย เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า บรรลุตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1410 | รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 เรื่อง "โฉมหน้าครอบครัวไทยยุคเกิดน้อย อายุยืน" | นร11 | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า ได้ร่วมกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) จัดทำรายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ เรื่อง “โฉมหน้าครอบครัวไทย ยุคเกิดน้อย อายุยืน” ขึ้น เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเผยแพร่ให้สาธารณชนได้ใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสมต่อไป โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงครอบครัวไทย รูปแบบครอบครัวไทยในปัจจุบัน นโยบายของประเทศไทย วิธีปฏิบัติที่ดีของต่างประเทศ และข้อเสนอแนะ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาการกำหนดนโยบายส่งเสริมให้คนมีบุตรอย่างจริงจัง โดยในการกำหนดนโยบายควรพิจารณาในมิติต่าง ๆ อย่างครบถ้วนเพื่อให้มาตรการการเพิ่มการมีบุตรเป็นการส่งเสริมการเกิดที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง และควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มประชากร โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนควรพิจารณามาตรการส่งเสริมการทำงานในกลุ่มผู้สูงอายุหลังเกษียณที่มีคุณภาพและมีศักยภาพเพื่อเพิ่มกำลังแรงงานในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ควรมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสื่อสารต่อสังคมให้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุควบคู่ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการมีงานทำหรือจัดตั้งวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) โดยให้สอดรับกับสถานการณ์ประชากรไทยในปัจจุบัน และส่งเสริมการใช้นวัตกรรม เช่น ทำงานผ่านทางคอมพิวเตอร์ รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดหาแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1411 | หลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล | กค | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล เพื่อกำหนดแนวทางการพิจารณาและกลั่นกรองโครงการสลากการกุศลของหน่วยงานต่าง ๆ ก่อนเสนอกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีให้แก้ไของค์ประกอบ จากเดิม “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นประธานกรรมการ” ๑.๒ กำหนดให้มีกรอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการพิจารณาการออกสลากการกุศล ประกอบด้วย หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน โครงการที่ขอรับการสนับสนุน การพิมพ์สลากการกุศล วงเงินสนับสนุนโครงการ การพิจารณาการออกสลากการกุศล รายละเอียดของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน รวมทั้งการติดตามและรายงานผลการดำเนินโครงการ ๑.๓ หน่วยงานสามารถยื่นขอรับการสนับสนุนได้ที่กระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังจะประกาศระยะเวลาการยื่นขอรับการสนับสนุนบนเว็บไซต์ และจะดำเนินการประกาศเผยแพร่รายชื่อหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุน รายละเอียดโครงการ วงเงินที่ได้รับในการสนับสนุนการออกสลากการกุศล พร้อมทั้งผลการดำเนินงานของโครงการนั้น ๆ บนเว็บไซต์ ๑.๔ สัดส่วนการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศล ๑.๔.๑ ร้อยละ ๖๐ เป็นเงินรางวัล ๑.๔.๒ ไม่เกินกว่าร้อยละ ๒๒.๕ เป็นเงินรายได้ที่ให้กับหน่วยงานเจ้าของโครงการ ๑.๔.๓ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๐.๕ เป็นค่าภาษีการพนัน ๑.๔.๔ ไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๗ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสภากาชาดไทยเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดประเภทของกิจกรรมที่จะสามารถขอรับการสนับสนุนให้มีการออกสลากการกุศล และพิจารณาให้มีการกำหนดนิยามคำว่า “ลดความเหลื่อมล้ำด้านสังคม” ไว้ในหลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล การกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องไม่เคยได้รับการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศลมาก่อน และการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาจัดสรรเงินให้กับหน่วยงาน รวมทั้งการติดตามและรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะกรรมการฯ ควรจะดำเนินการเป็นรายไตรมาส ตลอดจนการพิจารณาเพิ่มเติมวงเงินสำหรับโครงการที่ขอรับการสนับสนุน รวมถึงวงเงินรวมในการออกสลากการกุศลแต่ละครั้ง ให้พิจารณาโดยดูจากขนาดของโครงการฯ เหตุผลและความจำเป็นของโครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอสามารถนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเงินที่จะออกสลากการกุศลสนับสนุนโครงการตามความเหมาะสม ซึ่งอาจจะต่ำกว่า หรือสูงกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินรวมอาจอยู่ระหว่าง ๑๐,๐๐๐-๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้มีกรอบวงเงินเพิ่มเติมที่จะพิจารณาให้การสนับสนุนแก่องค์กรการกุศลได้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1412 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลถนนใหญ่ ตำบลเขาสามยอด ตำบลพรหมาสตร์ ตำบลทะเลชุบศร ตำบลบางขันหมาก ตำบลท่าหิน ตำบลท่าศาลา ตำบลป่าตาล ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลโคกตูม ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี และตำบลโพตลาดแก้ว ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดิน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม ควรกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อนันทนาการหรือที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” ให้ชัดเจน การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ รวมทั้งข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1413 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกรายการงานภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน จำนวน 2 รายการ | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกงานก่อสร้างภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ในส่วนของกรมชลประทาน จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ แก้มลิงบ้านคลองมิตรสัมพันธ์ พร้อมอาคารประกอบ ตำบลหนองหว้า อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และประตูระบายน้ำนบหัก ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินกู้จากสำนักงบประมาณ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒๓.๖๐๓๙ ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้สามารถยกเลิกโครงการแล้ว กรมชลประทานจะดำเนินการส่งคืนเงินกู้ส่วนที่เหลือจากการดำเนินงานไปยังสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระมัดระวังในการตรวจสอบความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและต้องขอยกเลิกโครงการในภายหลังดังเช่นกรณีรายการแก้มลิงบ้านคลองมิตรสัมพันธ์พร้อมอาคารประกอบ และควรมีการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญางานก่อสร้างภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและผลกระทบที่ได้รับ โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการในโอกาสต่อไป สำหรับวงเงินของรายการดังกล่าวที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๓.๖๐๓๙ ล้านบาท เห็นควรให้กรมชลประทานประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการส่งคืนเงินงวดที่ได้รับจัดสรรแล้วต่อไป รวมทั้งควรเร่งรัดการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ทั้งในส่วนที่เป็นงานจ้างเหมาและงานที่ดำเนินการเองภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามกรอบระยะเวลาและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และโครงการที่มีผลการเบิกจ่ายไม่สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานในทางปฏิบัติของโครงการเงินกู้ฯ ที่ดำเนินการภายใต้ความรับผิดชองกรมชลประทานบรรลุเป้าประสงค์ตามนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเร็ว นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำความเข้าใจถึงสภาพสังคม ความต้องการของชุมชน ภูมิประเทศสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของพื้นที่ดำเนินโครงการ ตลอดจนลำดับความสำคัญจำเป็นและความคุ้มค่าของการดำเนินงานอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1414 | ขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองพารา ท้องที่ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองพารา ท้องที่ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ในพื้นที่ส่วนที่มีการใช้ประโยชน์อยู่เดิม จำนวน ๔๕๓ ไร่ และกันพื้นที่ที่มีสภาพเป็นป่าชายเลน จำนวน ๗๓ ไร่ ออกมา เพื่อให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรับผิดชอบคุ้มครองดูแลตามภารกิจ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) จะต้องดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน เพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ก่อนได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ การดำเนินการตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ การกันพื้นที่เป็นแนวกันชน (Buffer Zone) เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนตลอดแนวชายฝั่งทะเล การจัดทำแผนงานย้ายสถานที่พร้อมจัดหาพื้นที่อื่นทดแทน และแผนงานฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ตลอดจนการศึกษาประเมินคุณค่าบริการของระบบนิเวศป่าชายเลนเพื่อใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายและผลประโยชน์ในการใช้พื้นที่ป่าชายเลนในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1415 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกลางเวียง และบางส่วนของตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดิน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม ควรกำหนดคำนิยามคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ให้ชัดเจน ควรจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ รวมทั้งข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1416 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2555) | มท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕) เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และที่ดินประเภทสถาบันราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1417 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2556) | มท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. ๒๕๕๖) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นว่า การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบด้วย และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1418 | แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนการดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้มีสิทธิ์ในการรับเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตของโครงการ รวมทั้งการรับรองสิทธิ์ของเกษตรกรโดยผ่านกลไกของประชาคมหมู่บ้านและคณะกรรมการบริหารโครงการที่เกี่ยวข้อง โดยแผนดำเนินการดังกล่าวครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญ ได้แก่ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ โครงสร้างการบริหารโครงการ การขอใช้สิทธิ์และการรับรองสิทธิ์ ระยะเวลาโครงการ การอุทธรณ์ การตรวจติดตามผลการดำเนินโครงการ และแผนปฏิบัติงานโครงการ และมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานโครงการให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานโครงการให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทราบนั้น จะต้องคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบในการดำเนินการของหน่วยงานและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน รวมทั้งตรวจสอบจำนวนครัวเรือนและพื้นที่ในการปลูกข้าวจริงตามจำนวนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด และรายงานผลการตรวจสอบให้คณะรัฐมนตรีรับทราบก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน และหากในภายหลังมีการตรวจสอบพบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือ แต่ไม่ดำเนินการตามที่รับรองไว้ ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจริง ค่าชดเชยต้นทุนเงินและค่าบริหารจัดการ ให้ ธ.ก.ส. เรียกเก็บจากเกษตรกรและรวบรวมนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและการรับรู้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างทั่วถึงผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงควรต้องวางระบบการติดตามตรวจสอบข้อมูลอย่างเข้มงวด เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในครั้งนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้อย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้ ธ.ก.ส. รับผิดชอบการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างแท้จริง โดยให้เพิ่มเติมข้อกำหนดและคุณสมบัติของผู้มีสิทธ์เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ๓.๑ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผลิตพืชทดแทนตามโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต) ๓.๒ ให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา ๓.๓ พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวและสอดคล้องกับแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1419 | ขอความเห็นชอบการปรับรูปแบบอาคารโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557 | พม | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับลดกรอบวงเงินลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ จาก ๙,๕๗๗.๗๕๒ ล้านบาท เป็น ๘,๕๗๙.๙๐๗ ล้านบาท และปรับลดเป้าหมายหน่วยก่อสร้างจาก ๑๖,๑๔๖ หน่วย เป็น ๑๕,๖๗๖ หน่วย ซึ่งรวมถึงการปรับรูปแบบอาคารโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดสมุทรปราการ (บางโฉลงทาวน์โฮม) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะที่ ๑ และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ้อมค่าย) และชะลอการดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต ๒ และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด) และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) เร่งรัดดำเนินการมาตรการด้านการตลาดและการขาย รวมทั้งควบคุมการก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายของโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด ทั้งนี้ หากผลการขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายให้พิจารณาทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมในการดำเนินโครงการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. รับทราบกรณีที่ให้คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการปรับโอนวงเงินลงทุนเหลือจ่ายระหว่างโครงการย่อยภายใต้กรอบการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในกรณีที่ไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการ โดยให้การเคหะแห่งชาติรายงานการปรับโอนวงเงินเหลือจ่ายและผลกระทบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยดำเนินการในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของภาครัฐต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1420 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมและขอความเห็นชอบจ่ายเงินกู้และขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 | กค | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนค่าเช่าและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางผู้กู้ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการระบายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางผู้กู้ถึงจุดส่งมอบเพื่อเป็นค่าขนย้ายข้าวเปลือกของเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๗๐๘.๗๕ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการจ่ายเงินกู้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร จำนวน ๕๙ ราย ซึ่งได้จัดทำสัญญาเงินกู้ไว้ก่อนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ออกไปครั้งละ ๑ เดือน ไม่เกิน ๓ ครั้ง ๒. ให้ ธ.ก.ส. พิจารณาการขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้แก่เกษตรกรเป็นราย ๆ ไป เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและลดภาระการขาดทุนของโครงการ โดยให้อยู่ภายในกรอบระยะเวลาและข้อกำหนดตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนเวลาดำเนินการที่ชัดเจน การประชาสัมพันธ์และเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ การจัดหากลไกการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถมีช่องทางระบายข้าวในสต็อกของสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเชื่อมโยงการจัดหาตลาดภายในและต่างประเทศควบคู่ไปกับการให้สินเชื่อเพื่อการชะลอขายข้าวเปลือก และนำประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นไปวางแผนป้องกันในการดำเนินโครงการปีต่อไป การศึกษาแนวทางการเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวและโครงการอื่น ๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (โซนนิ่งเกษตร) โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมเป็นสินค้าเกษตรอื่นให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น และนำไปสู่การปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรและพื้นที่การเพาะปลูกจะต้องมีการจัดทำบัญชีและทะเบียนคุมอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ในกรณีการจ่ายเงินกู้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร จำนวน ๕๙ ราย ให้ ธ.ก.ส. ชี้แจงและประสานงานกับผู้ปฏิบัติงานถึงขั้นตอนในการดำเนินโครงการให้ชัดเจนเพื่อป้องกันมิให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการปฏิบัติงานที่อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอีกในอนาคต ๕. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเหตุผลในการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางผู้กู้ จากอัตรา ๑,๐๐๐ บาท/ตัน ในปีการผลิต ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เป็น ๑,๕๐๐ บาท/ตัน ในปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณชนและเกษตรกรของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีเอกภาพ |
.....