ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 76 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1501 - 1520 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1501 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2558 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 15/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ในด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการเงิน ด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล และด้านการกำกับดูแลที่ดี นโยบายของคณะกรรมการ รฟม. ในการกำกับดูแลการดำเนินงานของ รฟม. รวมทั้งโครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต ซึ่งมีโครงการหลักที่สำคัญที่จะดำเนินการในปี ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕ โครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ โครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และโครงการพัฒนารถไฟฟ้าตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน
|
|||||||||||||||
1502 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการวางแผนอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | วท | 15/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการวางแผนอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Scientific and Technological Cooperation between the Ministry of Science and Technology of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Science, ICT and Future Planning of the Republic of Korea) โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ประกอบด้วยสาขาความร่วมมือที่มีความสนใจร่วมกัน ๑๒ สาขา ได้แก่ วัสดุขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีนิวเคลียร์ ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ มาตรวิทยา การจัดการทรัพยากรน้ำและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจที่ตั้งใหม่ และสาขาอื่น ๆ ตามที่คู่ภาคีสัญญาได้เห็นพ้องกัน โดยรูปแบบความร่วมมือครอบคลุมกิจกรรม เช่น การร่วมวิจัยและพัฒนา รวมถึงการแลกเปลี่ยนผลงานวิจัยร่วมกัน การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญการและนักวิจัยเพื่อเข้าร่วมในการดำเนินโครงการร่วมกัน รวมทั้งความช่วยเหลือด้านการศึกษาและการฝึกอบรมการวิจัย เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาขยายขอบเขตสาขาและกิจกรรมความร่วมมือที่สาธารณรัฐเกาหลีมีศักยภาพเพิ่มเติม อาทิ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต การเพิ่มศักยภาพนักวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากการร่วมวิจัยและพัฒนา ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||
1503 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมทบทวนโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ในเรื่องของพื้นที่ดำเนินการที่เหมาะสมและแผนการดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการวิเคราะห์ว่าจะทำให้เกิดการผลิตและใช้ยางพาราภายในประเทศเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ และควรมีการสร้างความร่วมมือกับศูนย์บริการทดสอบและรับรองมาตรฐานทางด้านยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศด้วย นอกจากนี้ เห็นควรจัดทำแผน/แนวทางการบริหารจัดการศูนย์ฯ ที่ชัดเจน ให้ครอบคลุมด้านโครงสร้างและรูปแบบการบริหารงาน กรอบระยะเวลาดำเนินการ เป้าหมายที่จะลดการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐในแต่ละปี แหล่งเงินทุนในการดำเนินงาน ระยะเวลาคืนทุนของโครงการ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการดึงดูดการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนรายใหญ่ในการดำเนินโครงการ และการสร้างความร่วมมือในลักษณะบูรณาการเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
1504 | ขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา และสายบางใหญ่ - กาญจนบุรี จากเดิมที่ให้ใช้แหล่งเงินกู้ เป็น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2563 ของกรมทางหลวง | คค | 08/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและผู้อำนวยการสำนักงบประมาณรายงาน ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ขณะนี้โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ได้ผู้รับเหมาสำหรับงานก่อสร้างตอนที่ ๑ แล้ว โดยหากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี สามารถเริ่มลงนามในสัญญาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ จะทำให้ระยะเวลาการดำเนินโครงการเร็วขึ้นกว่าแผนเดิมประมาณ ๖ เดือน สำหรับแผนดำเนินโครงการในส่วนของการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งประกอบด้วย การบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance) และการบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) กระทรวงคมนาคมจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ๑.๒ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณรายงานว่า ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้แล้วทั้งสิ้น ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลงบประมาณ จำนวน ๓๙๐,๐๐๐ ล้านบาท และกำหนดรายจ่ายลงทุนไว้ จำนวน ๕๔๖,๖๐๐ ล้านบาท หากให้ใช้รายจ่ายลงทุน จำนวน ๓๙๐,๐๐๐ ล้านบาท จากเงินกู้ ในส่วนของการขาดดุลงบประมาณก็จะเหลือรายจ่ายลงทุนที่จะใช้จากรายได้ จำนวน ๑๕๖,๖๐๐ ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ๒ สายทาง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๓๘,๘๙๔ ล้านบาท ได้ และยังมีวงเงินรายจ่ายลงทุนคงเหลือที่จะใช้จ่ายจากรายได้ ได้อีกจำนวน ๑๑๗,๗๐๖ ล้านบาท โดยการใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการจะช่วยลดภาระหนี้สาธารณะในปี ๒๕๖๐ ได้ จำนวน ๓๘,๘๙๔ ล้านบาท ๒. เห็นชอบการปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี จากเดิมที่ให้ใช้แหล่งเงินกู้ เป็น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในส่วนที่เอกชนร่วมลงทุน (Public Private Partnership : PPP) ในงานก่อสร้างที่พักริมทาง (Rest Area) สถานีบริการทางหลวง (Service Area) และศูนย์บริการทางหลวง (Service Center) งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงเงินค่าก่อสร้าง การพิจารณาแนวทางบริหารจัดการเงินกองทุน เงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อเพิ่มมูลค่าผลประโยชน์ทางการเงินของเงินกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางในการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการกำกับติดตามการดำเนินโครงการในขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน การพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบกับรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (หากมี) และการก่อสร้างงานโยธา เพื่อให้โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนด และสอดคล้องกับการให้เอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) ตามกรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการตามมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
1505 | โครงการพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง | พม | 01/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization For Migration : IOM) จัดทำโครงการพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อปรับปรุงศูนย์ดูแลเด็กสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยในการดูแลเด็ก โดยได้จัดประชุมชี้แจงโครงการและหารือร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเห็นด้วยกับการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ การจัดทำโครงการพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กฯ เป็นการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยมุ่งหวังให้เด็กในประเทศไทยได้รับความคุ้มครองอย่างปลอดภัยและมีโอกาสเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเอื้อต่อพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||
1506 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 1 | กษ | 01/03/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย (๑) มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด (๒) มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน (๓) มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร (๔) มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง (๕) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ (๖) มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน (๗) มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (๘) มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนสินเชื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน การให้ความช่วยเหลือของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยแล้ง เป็นต้น และ (๙) การให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น การแจกจ่ายน้ำสะอาด เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล ซ่อมเครื่องสูบน้ำบาดาล และซ่อมระบบประปา เป็นต้น
|
|||||||||||||||
1507 | ผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลย | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลย โดยผลการศึกษาโครงการฯ ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ได้แก่ การศึกษากำหนดทางเลือกของแนวเส้นทางและตำแหน่งที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้า การศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) การศึกษารูปแบบการลงทุนของโครงการและทางเลือกที่เหมาะสม การศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมของประชาชน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ รูปแบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ภายใต้ขีดความสามารถที่รองรับนักท่องเที่ยวบนยอดภูกระดึงโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการ ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง การกำกับดูแล ตรวจสอบ และติดตามการขับเคลื่อนแผนอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด การดำเนินการตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นอย่างเคร่งครัด การให้ความสำคัญกับแผนการบริหารจัดการพื้นที่และการท่องเที่ยวในทุกมิติเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติและมุ่งเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาที่ยั่งยืนโดยเฉพาะมาตรการการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว การติดตามประเมินผลโครงการหลังการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ การบูรณาการการดำเนินโครงการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาคประชาคมเพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนงาน/โครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์เพื่อประเมินจุดเด่นและข้อจำกัดของแหล่งท่องเที่ยวบนภูกระดึง รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลการศึกษาให้มีความถูกต้องตามข้อเท็จจริง อาทิ สถิติจำนวนนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบและคำนึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลยที่ชัดเจนและเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและธรรมชาติน้อยที่สุด |
|||||||||||||||
1508 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 | ทก | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการ ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานด้านดาวเทียมสื่อสารภาครัฐที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๑.๓ รับทราบการพิจารณาประเด็นข้อหารือที่สำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (UNOOSA) เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายอวกาศของประเทศไทย รวม ๖ ประเด็น ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาแล้ว ๒ ประเด็น ได้แก่ คำจำกัดความและการกำหนดขอบเขตอวกาศส่วนนอกและลักษณะและการใช้วงโคจรค้างฟ้า (Geostationary orbit) และกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกในทางสันติ ๑.๔ พิจารณากรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียวสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และเห็นชอบและให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเอกสารที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ (๑) ให้ความเห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจา วิธีการจัดหาดาวเทียม ระยะเวลา ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการ THEOS-2 (๒) ให้คณะอนุกรรมการเจรจา และคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองประเทศที่เหมาะสม เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศ (MOU) (๓) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และ (๔) รับทราบกรอบวงเงิน ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อการพัฒนาโครงการ THEOS-2 ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของแหล่งเงินทุนในการดำเนินการจะต้องมีความครอบคลุม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแหล่งเงินและกรอบวงเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกรอบและแนวทางการเจรจาเพื่อการจัดหาระบบดาวเทียมที่ให้คณะอนุกรรมการเจรจาไปดำเนินการเจรจากับประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกลั่นกรองประเทศที่เหมาะสมและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศนั้น ควรกำหนดกรอบรายละเอียดของเนื้องาน (TOR) ของโครงการและวิธีการลงทุนให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโครงการ THEOS-2 ไปพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ (๒) ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการดำเนินโครงการ และวิธีการลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ (๓) ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อสรุปดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||
1509 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
|||||||||||||||
1510 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ ตามที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เสนอ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น และช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบของผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs และปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบประมาณคงเหลือจากโครงการ PGS New/Start-up ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และโครงการ PGS OTOP ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ บสย. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยในส่วนของการชดเชยค่าประกันชดเชยรายปี ให้ บสย. ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการทบทวนแหล่งที่มาของเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้ บสย. ทบทวนเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของโครงการไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกันและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งบริหารจัดการภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPGs) ในโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ไม่ให้เร่งตัวขึ้นจนกลายเป็นภาระของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
1511 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งปี 2558/59 ระยะที่ 2 ครั้งที่ 2 | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๙๖๗.๔๑ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ระยะที่ ๒ ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบกิจกรรม พื้นที่ดำเนินการ เกษตรกรและศักยภาพของเกษตรกร การจัดการด้านการผลิตที่เชื่อมโยงกับทางด้านการตลาด โดยใช้แนวทางการทำงานแบบประชารัฐมาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการที่จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ รวมทั้งติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และสามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จทันภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ และคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ จัดทำรายละเอียด แผนการดำเนินโครงการฯ เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนตามแนวทางประชารัฐ รวมทั้งให้ตรวจสอบและกลั่นกรองโครงการฯ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามมาตรการอื่น ๆ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง ขอสนับสนุนงบกลาง เพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ระยะที่ ๒ ครั้งที่ ๑) รวมทั้งให้ดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ |
|||||||||||||||
1512 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินโครงการสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและจำเป็นของเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ และโครงการสินเชื่อ ๑ ตำบล ๑ SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย โดยในส่วนของโครงการสินเชื่อ ๑ ตำบล ๑ SME เกษตรฯ นั้น ธ.ก.ส. ควรมีแผนในการสนับสนุน SME เกษตร ที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่นอกเหนือจากการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะการให้ความรู้ที่จำเป็นและการเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินกิจการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๒. อนุมัติงบประมาณภายในกรอบวงเงิน ๕๒๕ ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓.๕ ให้แก่ ธ.ก.ส. ในการดำเนินโครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤตภัยแล้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งให้โครงการฯ ดังกล่าวเป็นโครงการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวกับมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การกำหนดชนิดพืชปลูกให้เหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่เป้าหมายในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนชนิดพืชปลูกให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรในอนาคตอย่างเป็นระบบและยั่งยืน การช่วยเหลือเกษตรกรจะต้องครอบคลุมถึงเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึง รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ตลอดจนกระบวนการในการพิจารณากลั่นกรอง/อนุมัติสินเชื่อในรายละเอียดให้มีความชัดเจน โดยคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกร ชุมชนหรือกลุ่มที่จะขอสินเชื่อ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
1513 | การใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล | มท | 23/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การนำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ดำเนินโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพิ่มเติม โดยให้รวมถึงโครงการ/กิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ เพื่อให้การนำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล มีขอบเขตการใช้จ่ายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการดำเนินโครงการในพื้นที่ ภายใต้กลไกประชารัฐต่อไป
|
|||||||||||||||
1514 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2559 | นร11 | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ และเห็นชอบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ดอย่างเป็นเอกภาพเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำและการท่องเที่ยว มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณากำหนดแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด รวมทั้งกลไกการบริหารจัดการให้เป็นเอกภาพ โดยคำนึงถึงหลักการพัฒนาพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ตลอดจนความสอดคล้องกับแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐด้วย ๒. การแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่โดยความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ ๓. การส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ๓.๑ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการต่อยอดเส้นทางจักรยานที่ยาวที่สุดในเอเชียจากจังหวัดชัยนาทสู่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดกำแพงเพชร ระยะทาง ๑๘๔.๔ กิโลเมตร และโครงการขยายไหล่ทางเส้นทางมรดกโลกห้วยขาแข้งสู่เมืองมรดกโลกกำแพงเพชรเส้นทางหลวงชนบท หมายเลข ๓๔๕๖ หมายเลข ๓๕๐๔ และหมายเลข ๑๐๗๒ ระยะทางรวมประมาณ ๙๐ กิโลเมตร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้เป็นสำคัญ ๓.๒ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณาความเหมาะสมของโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ Night & Live Historical Park อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร โดยคำนึงถึงกลุ่มคลัสเตอร์ท่องเที่ยวในประเทศและความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ๔. การกระตุ้นการจับจ่ายและท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยจัด “เทศกาล กิน ช๊อป เที่ยวของดี ๔ จังหวัด มีรางวัล” มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณากิจกรรมในการดำเนินงานและการใช้ประโยชน์จากงบประมาณของท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ๕. การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) เพื่อการเกษตรยั่งยืน มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาข้อเสนอการกำหนดให้จังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์อุตสาหกรรมชีวภาพเพื่อส่งเสริมการลงทุนโครงการอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจรเพื่อการเกษตรยั่งยืนตามที่ภาคเอกชนเสนอไปพิจารณาในรายละเอียด เนื่องจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารชีวภาพ (Bio Food) และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ (Bio Fuel) อยู่ในอุตสาหกรรม S-Curve ที่ให้การส่งเสริมการลงทุนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้สถาบันการศึกษาในพื้นที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเด็นที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ รวมทั้งการผลิตกำลังคนที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด |
|||||||||||||||
1515 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนและร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการ ASEAN - German Programme on Response to Climate Change in Agriculture and Forestry (GAP-CC), Module ll: Forestry and Climate Change (FOR-CC) | กษ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนจากสำนักเลขาธิการอาเซียนถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Exchange of Notes) และ (๒) ร่างความตกลงเพื่อการดำเนินการโครงการ ASEAN-German Programme on Response to Climate Change in Agriculture and Forestry (GAP-CC), Module II : Forestry and Climate Change (FOR-CC) ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ให้อาเซียนมีการพัฒนาความร่วมมือและการจัดท่าทีร่วมกันในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการเกษตรและป่าไม้ โดยรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะสนับสุนนงบประมาณให้กับ Deuthsche Gesselschaft fur Internationale Zusammenarbeit (GIZ) เป็นเงินจำนวน ๔,๘๐๐,๐๐๐ ยูโร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของ GIZ รวมถึงการจัดหาบุคลากรและการสนับสนุนอื่น ๆ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียน (Secretary-General of ASEAN) ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และรองเลขาธิการอาเซียน (Deputy Secretary-General of ASEAN) ลงนามในร่างหนังสือความตกลงฯ เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบต่อร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ และให้เลขาธิการอาเซียนและรองเลขาธิการอาเซียนลงนามในเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ตามลำดับ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผู้แทนไทยที่มีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวควรนำผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้จากโครงการฯ มาประกอบการพิจารณาเพื่อปรับปรุงการดำเนินการภายในของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
1516 | การต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย | กต | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the Asian Development Bank) ที่หมดอายุลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยกระทำผ่านการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างเลขาธิการอาเซียนและผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย เพื่อให้โครงการความร่วมมือที่ยังคงดำเนินการอยู่ จำนวน ๕ โครงการ สามารถดำเนินการต่อไปได้จนเสร็จสิ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในอีก ๒ ปีข้างหน้า ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal : SDGs) และวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community Vision 2025) ที่ผู้นำให้การรับรองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
1517 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างและขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล จังหวัดจันทบุรี | พน | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล จากเดิม วงเงิน ๕๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็น วงเงิน ๖๙,๒๙๓,๖๐๐ บาท ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้นได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รองรับไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับมติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเสนอขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ค่าควบคุมงานรายการดังกล่าวต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณฯ ต่อไป ตลอดจนพิจารณาตรวจสอบเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบกรณีการดำเนินโครงการที่คลาดเคลื่อนและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดสัญญาจ้างควบคุมงานในโอกาสต่อไป ควรกำหนดให้การจ่ายค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานสอดคล้องกับผลงานตามงวดงานในสัญญาจ้างก่อสร้างที่จะดำเนินงานจริง โดยไม่ใช้ระยะเวลาในการควบคุมงานเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่าย และการใช้จ่ายค่าควบคุมงานที่มีการขยายระยะเวลาการก่อสร้างควรจะพิจารณาตามผลงานที่เกิดขึ้นจริง ไปดำเนินการต่อไป และในครั้งต่อไปให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัดในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายการหรือการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ |
|||||||||||||||
1518 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/02/2559 | ||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางโดยเฉพาะโครงการพัฒนารถไฟตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน โครงการพัฒนารถไฟตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งปัจจุบันมีความล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนของชาวต่างชาติ (nominee) เข้ามาลงทุนทำธุรกิจท้องถิ่นในประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการเกษตร และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้พนักงานอัยการที่เกษียณอายุราชการแล้วช่วยดำเนินคดีที่ค้างการพิจารณาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การประพฤติผิดของเจ้าหน้าที่ การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด หรือการทุจริต เพื่อให้คดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ) ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้แก่ชุมชนที่เสนอโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีไฟฟ้าใช้ ทั้งนี้ ให้นำกลไกประชารัฐมาสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฟื้นฟูชุมชนเมืองดินแดง และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว รวมทั้งเร่งรัดการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ๓.๓ ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนเตรียมการประสานงานเพื่อส่งมอบงานการบริหารการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือนให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการในระยะต่อไป รวมทั้งสำรวจความต้องการบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลนและเร่งรัดการว่าจ้างผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมาปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน เพื่อให้ทันต่อการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องว่าจ้างบุคลากรชาวต่างประเทศให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||
1519 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) | กค | 09/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่เห็นชอบเงื่อนไขโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) จากเดิม ที่กำหนดให้เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน เป็น เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินแล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) พิจารณาตรวจสอบและเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ตามเป้าหมายด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระดับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) ในอนาคต และควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการโครงการที่ผ่านมาเพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินโครงการให้สามารถเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมทั้งควรเร่งรัดการประชาสัมพันธ์โครงการและการพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ สำหรับกิจการที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของโครงการ ธนาคารฯ ควรเร่งชี้แจงให้ผู้ประกอบการทราบถึงสาเหตุหรือข้อบกพร่องดังกล่าวเพื่อให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจและสามารถนำไปปรับปรุงการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
1520 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 09/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ตามที่เสนอขออนุมัติเงินจ่ายขาดจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน ๑๐ ล้านบาท นั้น จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการของกลุ่มเกษตรกรในระดับจังหวัด รวมถึงการเร่งรัดการชำระหนี้เงินกู้และแก้ไขปัญหาของกลุ่มเกษตรกรให้สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทั้งนี้ จะเบิกจ่ายงบประมาณตามที่ใช้จ่ายจริง ด้วยความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. อนุมัติการจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงิน จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยไม่มีดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) เพื่อดำเนินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการผลิตและการตลาด รวมทั้งเงินจ่ายขาดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรเงินให้แก่กลุ่มเกษตรกรโดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาลที่ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานผลให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบเป็นรายปีอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาแผนงาน/โครงการที่กลุ่มเกษตรกรเสนอขอใช้เงินตามโครงการ ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการ การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการตลาดเพื่อให้มีการบริหารจัดการครบวงจรทั้งการผลิตและการตลาด การกำกับดูแลการจัดสรรเงินให้มีความทั่วถึง เป็นธรรมและโปร่งใส รวมถึงติดตามผลการชำระคืนเงินจากกลุ่มเกษตรกรอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การชำระคืนเงินกองทุนฯ เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และให้ความสำคัญกับความสอดคล้องระหว่างกิจกรรมของกลุ่มเกษตรกรกับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินไปเพื่อดำเนินกิจกรรมการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งของกลุ่มเกษตรกรจะต้องสอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อลดความเสี่ยงในการคืนเงินทุนให้กับกองทุนฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....