ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 131 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2601 - 2620 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2601 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (จำนวน 5 คน 1. นายชาญชัย มุสิกนิศากร ฯลฯ) | กค | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรชุดใหม่เพื่อทดแทนชุดเดิมที่ได้หมดวาระลง จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑.นายชาญชัย มุสิกนิศากร ข้าราชการบำนาญ ๒. นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ๔. นายชัชวาล จันทร์แสงสุก กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการภาษีอากรและมาตรการทางการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๕. นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการกฎหมายภาษีอากร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2602 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้การจัดที่พักอาศัยของทางราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด นั้น ในการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวควรคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากบ้านพักข้าราชการให้ได้มากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดที่พักอาศัยของทางราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นใดที่ได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นที่ได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ นั้น ควรบัญญัติให้เกิดความชัดเจนถึงการไม่ได้รับสิทธิดังกล่าวเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก และโอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ในครั้งต่อ ๆ ไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
2603 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางจุฑา โรจน์กิตติคุณ | กค | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นม. ๒๖๐๘ น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๙๔๑ ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา คืนแก่นางจุฑา โรจน์กิตติคุณ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2604 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางพิมพร พุฒิทานันท์ | กค | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข. ๕๒๑ ตามหลักฐานเดิม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๑๙๘๐ ตำบลกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ประมาณ ๙๘ ตารางวา ปัจจุบันเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ปข ๐๕๕๓ ออกให้ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๔ เนื้อที่ประมาณ ๙๗.๑ ตารางวา คืนแก่นางพิมพร พุฒิทานันท์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2605 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีหลัง ปี 2555 | กค | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๕ โดยศูนย์ข้อมูลฯ
สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ สามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการจัดการอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. การรวบรวมและพัฒนาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท (ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม-รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า) โดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปสงค์ ด้านอุปทาน ด้านราคา และด้านการเงิน ซึ่งสามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ครอบคลุมทั้ง ๗ ประเภท และมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๕ และสรุปข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๕ ๒. งานวิชาการ โดยจัดทำวารสารศูนย์ข้อมูล ฯ REIC Journal ประจำไตรมาสที่ ๓ และไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๕ พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงนำเสนอบทวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์และบทความพิเศษที่เกี่ยวข้อง จัดทำสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลผลสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ประจำปี ๒๕๕๕ เพื่อรายงานผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัย และจัดทำ REIC Web Poll รายครึ่งเดือน ผ่านเว็บไซต์ www.reic.or.th โดยเน้นคำถามด้านพฤติกรรมการอยู่อาศัย การซื้อที่อยู่อาศัย หรือข้อคิดเห็นโดยรวมเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัย ๓. การส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร โดยได้รับความร่วมมือจากสื่อสิ่งพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ ในการประชาสัมพันธ์ และการเผยแพร่ข้อมูลสถิติและตีพิมพ์บทความหรือสัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อมูลสถิติ และสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ และจัดให้มีการสัมมนาทางวิชาการ และได้จัดให้มีพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดทำดัชนีราคาบ้านมือสอง (ทรัพย์บังคับคดี) ระหว่างกรมบังคับคดีกับศูนย์ข้อมูลฯ การแถลงข่าวผลการดำเนินงาน และดัชนีอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ ๔. สถานการณ์ด้านตลาดที่อยู่อาศัย ในปี ๒๕๕๕ มีปรากฏการณ์ที่ชัดเจนของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจากส่วนกลาง ๒ ด้าน คือ การเปิดหน่วยในโครงการอาคารชุดจำนวนมาก และการขยายธุรกิจออกไปสู่จังหวัดในภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||||||||
2606 | การแต่งตั้งผู้แทนรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย | กค | 09/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการแต่งตั้งผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย โดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้แทน และรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่กำกับดูแลสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน เป็นผู้แทนสำรอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2607 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป เป็นระยะที่ ๑๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน-๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๒,๐๖๐ ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป โดยมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ประกอบด้วย ๑.๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพโดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๑,๕๑๒ ล้านบาท ๑.๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๖๔ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๕๔๘ ล้านบาท ๑.๒ เร่งรัดกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การดำเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) โดยจะต้องศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ระยะที่ ๑๒ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามผลมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางระยะที่ ๑๒ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้ตั๋วร่วมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดสายทาง (Routing) ของการเดินรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อลดภาระของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเดินทางไป-กลับจากเขตรอบนอกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้อย่างสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย |
|||||||||||||||||||||||||||
2608 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2556 | กค | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กนร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบการตรวจสอบการบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link) (โครงการ ARL) ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย สตง. ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการหาข้อสรุปเกี่ยวกับการรับภาระการลงทุนของโครงการ ARL ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนเงิน ๑๘,๗๐๐ ล้านบาท ด้านระบบการเดินรถไฟฟ้าและเครื่องกล จำนวนเงิน ๑๑,๗๐๐ ล้านบาท และเรื่องความชัดเจนของการโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการ ARL ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ว่าควรมีการเร่งรัดการดำเนินการและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว ๒. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หารือกับบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด (บอท.) พิจารณาแนวทางการสนับสนุนทางการเงินแก่ บอท. ในการย้ายสถานประกอบการไปยังสถานที่ที่มีความเหมาะสม และให้ บอท. มอบพื้นที่ในความครอบครองให้กระทรวงการคลังบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางพัฒนาที่ดินดังกล่าว ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่เหมาะสมต่อไป ๓. ที่ประชุมเห็นชอบแผนกรอบระยะเวลาและกรอบการดำเนินงานของ กนร. และให้ สคร. ประสานงานกับกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อประสานงานในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจนต่อไป ๔. ที่ประชุมรับทราบแนวทางจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกระดมทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาความเหมาะสมในการจัดตั้งกองทุนรวมฯ ของรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาความคุ้มค่าทางการเงินในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมดังกล่าว ๕. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการยกเลิกโครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย ตามที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เสนอ และเห็นชอบในหลักการให้ ปณท ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ซึ่งจะเป็นกลไกเชื่อมต่อโครงการด้านโลจิสติกส์ และผู้ประกอบการภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ พัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทขนส่งของไทย และรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำหรับการจัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลัง และ ปณท ร่วมกันพิจารณาศึกษาและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของ กนร. เกี่ยวกับประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็นต้น เพื่อมิให้มีการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมาย บทบาทและความสัมพันธ์ระหว่าง ปณท และบริษัทในเครือ รวมถึงการบริหารจัดการบริษัทในเครือของ ปณท รายละเอียดแผนการลงทุนที่ประกอบด้วยประมาณการเงินลงทุน รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ ต้นทุนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะด้าน IT และแผนการ Outsourcing ของบริษัทในเครือตามแผนธุรกิจ รูปแบบ แนวทาง และรายละเอียดของการใช้ทรัพย์สินร่วมกันระหว่าง ปณท และบริษัทในเครือ รวมทั้งแผนงานและรายละเอียดของการบริหารจัดการบุคลากรที่ชัดเจนของบริษัทในเครือ ตลอดจนแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||
2609 | มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เพิ่มเติม | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๑.๑ ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้ว จำนวน ๙๖๐,๗๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๐๓ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙.๐๓ โดยการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๘๙๐,๖๖๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๔.๕๒ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๐๐,๔๘๙ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๗๐,๑๐๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๗.๕๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๓๙๙,๕๑๑ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๐.๐๕ ๑.๑.๒ เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วยเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๕ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๙,๔๑๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๒๕,๘๑๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๒.๐๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๑.๑.๓ เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๙๙๗ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๕๓๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๒๒,๑๘๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๓๓ ของวงเงินที่จัดสรร ๑.๑.๔ เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๔,๐๕๑ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๒๒,๖๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๕,๘๑๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๕.๖๘ ของวงเงินที่จัดสรร ๑.๑.๕ งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๒,๙๗๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖ ของแผนการลงทุนทั้งปี จำนวน ๓๖๘,๖๘๖ ล้านบาท ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๕,๔๗๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๑ ของแผนงบลงทุนทั้งปี จำนวน ๑๔๐,๓๓๐ ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๗,๕๐๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓ ของแผนงบลงทุนทั้งปี จำนวน ๒๒๘,๓๕๖ ล้านบาท ๑.๑.๖ เงินทุนหมุนเวียน ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๔๗,๖๓๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๗๗ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๓๖๒,๑๒๔ ล้านบาท ประกอบด้วย งบประจำ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๘๗,๘๗๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๐.๒๘ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๑๗๔,๗๖๗ ล้านบาท และงบลงทุนรวม เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๕๙,๗๕๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๑.๘๙ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๑๘๗,๓๕๗ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนและการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามอำนาจส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑.๒.๒ ขยายระยะเวลาการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามอำนาจส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ประกอบด้วย การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายลงทุน ให้หน่วยงานดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ และการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำที่เหลือจ่ายจากการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ของบประมาณ ให้หน่วยงานดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ และเบิกจ่ายภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณของหน่วยงาน ควรให้ความสำคัญกับงบประมาณในส่วนที่จะโอนเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคำขอรับจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2610 | การให้สัตยาบันความตกลงอาเซียนด้านศุลกากร (ASEAN Agreement on Customs) | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงอาเซียนด้านศุลกากร เพื่อให้เป็นไปตามย่อหน้าที่ ๑ ของข้อ ๖๓ แห่งความตกลงอาเซียนด้านศุลกากร ที่ระบุให้ความตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับหลังจากรัฐสมาชิกได้บอกกล่าวหรือในกรณีจำเป็นได้เก็บรักษาสัตยาบันสารไว้กับเลขาธิการอาเซียนในเวลาที่เสร็จการดำเนินขั้นตอนภายในประเทศของตน ซึ่งจะต้องไม่เกิน ๑๘๐ วัน หลังจากที่มีการลงนามความตกลงนี้ สำหรับสาระสำคัญของความตกลงฯ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านศุลกากรของประเทศสมาชิกอาเซียน ส่งเสริมให้มีการจัดทำกระบวนการทางศุลกากร พิธีการศุลกากร วิธีปฏิบัติในการควบคุมทางศุลกากร รวมถึงการจัดการเคลื่อนย้ายสินค้าและยานพาหนะให้เรียบง่าย สอดคล้องกัน และทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้อาเซียนบรรลุการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายใต้เป้าหมายของการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินงานในเรื่อง National Single Window ระบบศุลกากรผ่านแดน และร่วมมือกับศุลกากรของประเทศสมาชิกในการควบคุมพรมแดนร่วมกันให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว รวมถึงเพิ่มบทบาทของไทยในการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานทางด้านศุลกากร อาทิ ระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ และการให้บริการด่าน ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้การดำเนินงานตามความตกลงฯ เกิดประโยชน์ในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ และอำนวยความสะดวกกิจกรรมเศรษฐกิจของภาคเอกชนไทยเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาคได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2611 | การดำเนินการโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบการพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การดำเนินการโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต) จากเดิม กำหนดให้จัดทำร่างกฎหมายรองรับการดำเนินการโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคตในระยะยาว โดยให้ควบรวมกฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นส่วนหนึ่งและให้มีผลบังคับใช้ภายในปีการศึกษา ๒๕๕๖ เป็น ให้มีผลบังคับใช้ภายในปีการศึกษา ๒๕๕๗ และดำเนินการโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคตจนถึงปีการศึกษา ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเร่งรัดติดตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในปีการศึกษา ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับชื่อร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... เป็น “ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต” ซึ่งสาระสำคัญในรายละเอียดควรสะท้อนเจตนารมณ์หลักของนโยบายในการเปิดโอกาสให้นักเรียนหรือนักศึกษาได้เรียนต่ออย่างเต็มที่ การแบ่งเบาภาระผู้ปกครองที่อาจมีบุตรหลายคน การกระตุ้นและผลักดันให้สถาบันการศึกษาแข่งขันการพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการสร้างวินัยและความรับผิดชอบแก่นักเรียน นักศึกษา และเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะเป็นกองทุนหมุนเวียนที่จะต้องใช้หมุนเวียนเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษารุ่นต่อไป ซึ่งจะต้องบริหารกองทุนฯ ให้สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองในอนาคต เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐในการจัดสรรสมทบเข้ากองทุนฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2612 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล) | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2613 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนมกราคม 2556 | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๕๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับโครงสร้างหนี้ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๑๔,๗๕๕ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ งวดที่ F5/182/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๖ จำนวน ๙,๕๐๐ ล้านบาท ชำระจากเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง ๑.๒ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ งวดที่ F6/182/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ จำนวน ๕,๒๕๕ ล้านบาท ชำระจากเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท และจากการกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๒,๒๕๕ ล้านบาท ๒. การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ (LB236A) อายุคงเหลือ ๑๐.๔๑ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี วงเงิน ๑๔,๕๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง โดยยังคงค้างการชำระคืนเงินทดรองจ่าย จำนวน ๒๕๕ ล้านบาท (๑๔,๗๕๕-๑๔,๕๐๐) และจะชำระคืนในการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2614 | ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ....) ในส่วนของข้อ ๒.๓ เป็น ดังนี้ “๒.๓ รับทราบหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระหนี้เงินกู้ตามพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้จัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดสัดส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณไม่เกินร้อยละ ๑๕ เพื่อให้มีกรอบวงเงินและสัดส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่เพียงพอในการจัดทำบริการสาธารณะตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจของรัฐอย่างเหมาะสม”
|
|||||||||||||||||||||||||||
2615 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแผนการลดการใช้พลังงาน โดยสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัดและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการให้มีการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ รวมทั้งให้เสนอมาตรการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล โดยให้พิจารณาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในภาพรวม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
2616 | ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... | กค | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถอนความเห็นของกระทรวงคมนาคม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน ๒ ล้านล้านบาท และให้ส่งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ๒.๒ รับทราบเอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนสู่การขนส่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า ยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคทั่วประเทศและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว และส่งให้รัฐสภาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อไป ๒.๓ เห็นชอบหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระหนี้เงินกู้ตามพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ให้เสร็จภายใน ๕๐ ปี โดยเริ่มจัดสรรภายในปีที่ ๑๑ นับแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ พร้อมทั้งกำหนดวงเงินขั้นต่ำในการชำระหนี้แบบขั้นบันได ๒.๓.๑ ปีที่ ๑๑-๒๐ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๑ ของ ๒ ล้านล้านบาท ต่อปี ๒.๓.๒ ปีที่ ๒๑-๓๐ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒ ของ ๒ ล้านล้านบาท ต่อปี ๒.๓.๓ ปีที่ ๓๑-๔๐ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ของ ๒ ล้านล้านบาท ต่อปี ๒.๓.๔ ปีที่ ๔๑-๕๐ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๔ ของ ๒ ล้านล้านบาท ต่อปี หากในปีงบประมาณใดมีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ให้สามารถนำงบประมาณรายจ่ายมาถัวเฉลี่ยในปีอื่นของแต่ละช่วงเวลาได้ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ แต่เมื่อมีการถัวเฉลี่ยแล้วจะต้องไม่ต่ำกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ของแต่ละช่วงเวลา และสำนักงบประมาณอาจพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนปีที่ ๑๑ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. รับทราบแนวทางการดำเนินโครงการภายใต้ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ได้แก่ ๓.๑ การเตรียมความพร้อมโครงการ สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดเตรียมความพร้อมของโครงการ อาทิ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) การออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรวงเงินกู้สำหรับการดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมของโครงการ ๓.๒ การอนุมัติโครงการและอนุมัติจัดสรรวงเงินกู้ สำหรับโครงการที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการ และอนุมัติจัดสรรวงเงินกู้ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๓.๓ การจัดสรรและการเบิกจ่ายเงินกู้ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้วงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเบิกจ่ายเงินกู้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ๓.๔ การติดตามประเมินผลและการรายงานผล ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานผลการดำเนินโครงการ และการเบิกจ่ายเงินกู้ผ่านระบบบริหารจัดการโครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (Public Investment for Transport & Logistics : PITL) โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดรายงานผลการติดตามและการประเมินผลโครงการและแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กำหนด รวมทั้งการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแผนงานในภาพรวมต่อกระทรวงการคลังตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด โดยกระทรวงการคลังมีหน้าที่จัดทำรายงานการกู้เงิน รายละเอียดการใช้จ่ายเงินกู้ในแต่ละแผนงานของปีงบประมาณที่ผ่านมา ผลการดำเนินโครงการและการประเมินผลการดำเนินการตามแผนงานในแต่ละยุทธศาสตร์เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันศึกษาแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการระบบรางทั้งในด้านการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลและการให้บริการ รวมทั้งแนวทางสนับสนุนทางการเงินของภาครัฐที่เหมาะสมและผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมก่อนที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางจะแล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระหนี้เงินกู้ตามพระราชบัญญัติฯ ให้แล้วเสร็จภายใน ๕๐ ปี พร้อมกำหนดวงเงินขั้นต่ำในการชำระหนี้แบบขั้นบันไดที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละปีงบประมาณนั้น จะทำให้การจัดสรรงบประมาณขาดความยืดหยุ่นและความคล่องตัวโดยเฉพาะในกรณีที่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคม จึงเห็นควรที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาความเห็นของสำนักงบประมาณอีกครั้ง และกำหนดเป็นสาระสำคัญในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ สมควรจัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดสัดส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณไม่เกินร้อยละ ๑๕ เพื่อให้มีกรอบวงเงินและสัดส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่เพียงพอในการจัดทำบริการสาธารณะตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจของรัฐอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2617 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2556 ครั้งที่ 1 | กค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จากเดิม ๑,๙๒๐,๑๓๓.๑๕ ล้านบาท เป็น ๑,๙๔๘,๒๑๑.๘๒ ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินเพื่อบริหารโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๖,๑๘๑.๗๑ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๗,๘๘๕.๒๑ ล้านบาท เป็น ๑๒๑,๗๐๓.๕๐ ล้านบาท ๓. อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||
2618 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2555) | กค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๙๙,๗๗๒.๒๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๑๖ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙.๑๖ เป็นผลมาจากการเบิกจ่ายเงินของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๗๖,๙๐๗.๔๙ ล้านบาท และการเบิกจ่ายของหน่วยงานที่เบิกจ่ายเงินทั้งจำนวนแล้ว จำนวน ๓๓ หน่วยงาน จำนวนเงิน ๑๖,๐๖๑.๔๗ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน ๙๒,๙๖๘.๙๖ ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๖๔๑,๓๖๔.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๒.๐๖ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๐๐,๕๘๓.๘๖ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๘,๔๑๔.๗๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๔.๖๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๓๙๙,๔๑๖.๑๔ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๔.๖๓ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๖,๗๙๘.๓๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๘๖,๑๓๓.๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๐๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ งบกลาง : รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๔๙๐.๓๐ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๐๗,๒๔๘.๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๓๗ ของวงเงินที่จัดสรร ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๑๔๒.๖๖ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๕๓๐.๒๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๓๒๑,๓๒๗.๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร ๔. เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๗๘๒.๒๓ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๒๒,๖๓๘.๑๗ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๔,๕๔๕.๑๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร
|
|||||||||||||||||||||||||||
2619 | ร่างกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อกำหนดให้สนามบินนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสนามบินศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2620 | แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นางอังคณา ไชยมนัส) | กค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนางอังคณา ไชยมนัส ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
|
.....