ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 135 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2681 - 2700 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2681 | มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 20/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการฯ เสนอ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินโดยเคร่งครัด ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ พร้อมทั้งรายงานปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือการปรับแผนต่อคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างช้าก่อนสิ้นไตรมาส ๓. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้คลังจังหวัดทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณในเขตพื้นที่จังหวัดของแต่ละจังหวัด โดยให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลงบประมาณ ตามมิติส่วนราชการ (Function) และมิติพื้นที่ (Area) เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเร่งรัดการโอนเงินงบประมาณที่ต้องดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดของแต่ละจังหวัด ๔. ให้คณะทำงานติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐของกรมบัญชีกลางลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบติดตามหน่วยงานที่มีการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินล่าช้า เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ |
||||||||||||||||||||||||
2682 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 20/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2683 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมกองเรือพาณิชย์ไทย) | กค | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้ที่นำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗๐ แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๑ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าเช่าเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการเช่าเรือนั้นได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพาณิชยนาวี ทั้งนี้ เฉพาะค่าเช่าที่มีการจ่ายตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงและแก้ไขปัญหาด้านภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีไทย และพิจารณาทบทวนการดำเนินงานที่ผ่านมาเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการพาณิชยนาวีทั้งระบบ เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2684 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | กค | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) สามารถประกอบกิจการการให้บริการเป็นตัวแทนรับชำระหนี้ การให้บริการบัตรเครดิต และจัดตั้งหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับตราสารศุกูก รวมทั้งให้ ธอท. อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบริการ กำไร หรือผลตอบแทนใด ๆ อันเนื่องมาจากการประกอบกิจการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ เป็นการกำหนดให้ ธอท. สามารถประกอบกิจการการให้บริการเป็นตัวแทนชำระหนี้ การให้บริการบัตรเครดิต และการจัดตั้งหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการออกตราสารศุกูก ซึ่งตามมาตรา ๑๒ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารเพิ่มเติมได้ กรณีจึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ แต่ทั้งนี้ การประกอบกิจการดังกล่าวต้องดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติฯ คือ ต้องเป็นการประกอบธุรกิจทางการเงินที่ไม่ผูกพันกับดอกเบี้ยและต้องไม่ขัดกับหลักการของศาสนาอิสลาม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2685 | ขออนุมัติการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียโดยรัฐบาลไทย | กค | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบและอนุมัติในหลักการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียโดยรัฐบาลไทยในระยะแรก จำนวน ๓.๑๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิมของรัฐบาลไทย โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ประมาณ ๑๐๒ ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒ บาท เบิกจ่ายตามจริง ณ วันเบิกจ่าย) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่ต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมอีกครั้ง ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแหล่งเงินอื่นที่ไม่ใช่เงินงบประมาณก่อนเป็นลำดับแรก
|
||||||||||||||||||||||||
2686 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จ.พะเยา) - เมืองคอบ - เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ - เมืองปากคอบ - บ้านก้อนตื้น สปป. ลาว | กค | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จ.พะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ-เมืองปากคอบ-บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว ตามประมาณการราคาเบื้องต้น จำนวน ๑,๔๗๓.๘๘ ล้านบาท และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) จะได้ศึกษา สำรวจออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างให้เสร็จเรียบร้อย และจะได้นำผลศึกษาประมาณราคาค่าใช้จ่ายเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติรูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่เหมาะสมแก่โครงการฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างพร้อมทั้งประมาณการวงเงินค่าใช้จ่ายและแหล่งเงินของโครงการฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการ และพิจารณากำหนดลำดับความสำคัญของประเทศเพื่อนบ้านที่จะให้ความช่วยเหลือ รวมถึงสัดส่วนของการให้ความช่วยเหลือของ สพพ. ทั้งทางด้านการเงินและวิชาการ โดยแยกออกเป็นเงินกู้ เงินให้เปล่า และอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานด้านการให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2687 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) | กค | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงบประมาณ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เกี่ยวกับความเหมาะสมและความจำเป็นของโครงการ ของ รฟท. เรียงตามลำดับความสำคัญ ได้แก่ โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย ของ รฟท. กระทรวงคมนาคม โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับและปรับปรุงเครื่องกั้น จำนวน ๑๐๕ แห่ง และงานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ จำนวน ๑๗ รายการ โดย ๑.๑ โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย เห็นควรสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ที่เหลืออยู่ จำนวน ๑๒ สายทาง เนื่องจากมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางและการพัฒนาทางคู่ (Double Track) รวมถึงความสอดคล้องกับการปรับปรุงโครงข่ายหลักซึ่งสภาพทางและอายุการใช้งานของสายทางทุกสายทางอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย ๑.๒ โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับและปรับปรุงเครื่องกั้น จำนวน ๑๐๕ แห่ง เห็นควรสนับสนุนโครงการฯ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถ และลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยแผนงานที่ รฟท. เสนอมาอยู่ในเส้นทางสายหลักที่มีปริมาณการจราจรตัดผ่านหนาแน่น ๑.๓ งานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ จำนวน ๑๗ รายการ เป็นงานที่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของรางรถไฟ เพื่อรองรับการลงทุนในส่วนของระบบราง โดยการติดตั้งรั้วในเขตสายทางรถไฟจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากทางลักผ่านและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าให้รวดเร็วและตรงเวลามากขึ้น ๒. อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ได้แก่ ๒.๑ โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย ของ รฟท. กระทรวงคมนาคม จำนวน ๔ สายทาง ระยะทาง ๒๖๕ กิโลเมตร ได้แก่ ระหว่างสถานีคลองรังสิต-ชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง ๑๒๐ กิโลเมตร ระหว่างชุมทางบ้านภาชี-มาบกะเบา (เดิม) ระยะทาง ๔๔ กิโลเมตร ระหว่างชุมทางศรีราชา-ชุมทางเขาชีจรรย์-สัตหีบ ระยะทาง ๖๖ กิโลเมตร และระหว่างชุมทางเขาชุมทอง-นครศรีธรรมราช ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๙๓๙.๒๕๒๓ ล้านบาท ๒.๒ โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับและปรับปรุงเครื่องกั้น จำนวน ๑๐๕ แห่ง วงเงิน ๑๙๕.๔๒ ล้านบาท ๒.๓ โครงการ GFMIS-SOE ส่วนขยาย (ระยะที่ ๒) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง วงเงิน ๘๗ ล้านบาท ๓. อนุมัติให้ รฟท. ดำเนินโครงการ และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศ และให้ รฟท. กู้เงินต่อจากกระทรวงการคลังเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยในสายทางที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรแหล่งเงินลงทุน จำนวน ๘ สายทาง ระยะทาง ๘๔๙ กิโลเมตร รวมวงเงิน ๘,๘๗๔.๖๒ ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป ส่วนงานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ จำนวน ๑๗ รายการ วงเงิน ๓,๐๔๖.๑๓ ล้านบาท ให้มีการทบทวนความเหมาะสมของโครงการให้รอบคอบและนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2688 | รายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) หรือ ECP Programme ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทรวงการคลังไม่มียอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme ๒. ในช่วงไตรมาสที่ ๑-๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังไม่มีการกู้เงินใหม่ โดยทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังไม่มียอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme ดังนั้น กระทรวงการคลังสามารถเบิกใช้เงินกู้ภายใต้ ECP Programme ได้จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
|
||||||||||||||||||||||||
2689 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ ปี พ.ศ. 2545 รุ่นอายุ 10 ปี (SB129A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2555 | กค | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ รุ่นอายุ ๑๐ ปี (SB129A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ (เนื่องจากวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นวันหยุดราชการ จึงได้เลื่อนการไถ่ถอนพันธบัตรเป็นวันทำการถัดไป) จำนวน ๒๐๖,๐๒๓.๒๕ ล้านบาท โดย ๑.๑ การปรับโครงสร้างหนี้โดยการกู้ล่วงหน้า จำนวน ๑๕๑,๘๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขและผลการกู้เงินล่วงหน้า ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๗ รุ่น วงเงินรวม ๘๐,๔๕q.๐๐ ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒ รุ่น ๆ ละ ๔ งวด วงเงินรวม ๗๑,๓๕๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ การปรับโครงสร้างหนี้ ณ วันครบกำหนด จำนวน ๕๔,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขและผลการปรับโครงสร้าง ประกอบด้วย การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุเงินกู้ไม่เกิน ๖ เดือน จำนวน ๗,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๔,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท และธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ จำนวน ๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๓.๒๐๓ ต่อปี และการกู้เงินระยะสั้น (Bridge Financing) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน จำนวน ๓๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๓.๐๙ ต่อปี รวมทั้งทดรองจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (บัญชี Premium FIDF 1&3) จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น อายุไม่เกิน ๑ เดือน จำนวน ๓๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (บัญชี Premium FIDF 1&3) จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินชำระคืน จำนวน ๔๗,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดย ๒.๑ รายรับจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ (LB176A) อายุคงเหลือ ๔.๗๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี จำนวน ๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ ๒.๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ (LB193A) อายุคงเหลือ ๖.๔๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี จำนวน ๑๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ ๒.๓ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ (LB236A) อายุคงเหลือ ๑๐.๗๒ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
2690 | พิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินการ "โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก (ร้อยละ 0 3 ปี)" | กค | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก (ร้อยละ ๐ ๓ ปี) ออกไปอีก ๖ เดือน จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลายื่นคำขอกู้เงินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ (วันทำการสุดท้ายของเดือน) และต้องทำนิติกรรมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้เสร็จสิ้นจากเดิมภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เป็นภายในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ (วันทำการสุดท้ายของเดือน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารอาคารสงเคราะห์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และการให้สินเชื่อแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีความพร้อมโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองหลักเป็นประกันกับธนาคาร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2691 | ขออนุมัติจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้นของโรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต | กค | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้นของโรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ดังนี้ ๑.๑ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์หนึ่งขั้นให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๒ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง ๑.๒ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์หนึ่งขั้นครึ่งให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๒๕ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) ๑.๓ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์สองขั้นให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๖ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) ๑.๔ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์ครึ่งขั้นหรือไม่ได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ให้เบิกจ่ายเงินเดือนในอัตราสูงของระดับหรือตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษนี้ไม่ถือเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง มีลักษณะเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานการคำนวณสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แก่พนักงานและลูกจ้าง ๒. ให้โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการจัดหารายได้เพิ่มและลดค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและการแข่งขันจากการเปิดเสรีในอุตสาหกรรมไพ่เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2692 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 3 ราย 1. นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ฯลฯ) | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) ๓. นายธนาธร โล่ห์สุนทร ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย)
|
||||||||||||||||||||||||
2693 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (จำนวน 3 คน 1. นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ฯลฯ) | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน ๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง) ๒. นายรุจพงศ์ ประภาสะโนบล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง) ๓. นายปรีชา วัชราภัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||
2694 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ กำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมีอำนาจดำเนินการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงินอันอาจกระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดนิยามและหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือสถาบันการเงิน ควรจำกัดไว้เฉพาะในกรณีที่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและตลาดการเงินโดยรวม (Systematic risk) เท่านั้น การพิจารณาปรับบทบาทหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการโอนอำนาจหน้าที่ของกองทุนฯ ให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากดำเนินการแทน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินภารกิจด้านการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการนำส่งเงินให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการดำเนินนโยบายการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Micro and Macro Prudential) ตามกรอบการกำกับดูแลสถาบันการเงินตามมาตรฐานสากล และแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของสถาบันการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและระบบการเงินโดยรวม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2695 | รายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2554 (1 เมษายน 2554 - 31 มีนาคม 2555) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๔ (๑ เมษายน ๒๕๕๔-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการงานของ ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี ๒๕๕๔ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๓ สินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ มีจำนวน ๑,๐๕๕,๕๕๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๓ จำนวน ๑๕๖,๕๓๖ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๔๑ มีกำไรสุทธิ จำนวน ๔,๒๗๗ ล้านบาท ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๕๓ จำนวน ๓,๗๓๕ ล้านบาท โดยระหว่างปีมีรายได้รวมจำนวน ๕๖,๑๐๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๓๒๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๗๑ ในขณะที่รายจ่ายรวมมีจำนวน ๓๗,๖๖๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๑๖ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๖.๒๒ โดยในปีบัญชี ๒๕๕๔ ธ.ก.ส. ได้ตั้งสำรองรายการหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน ๑๔,๑๖๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๓๑ จากปีบัญชีก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๔ ธ.ก.ส.มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ร้อยละ ๑๐.๓๙ ลดลงจากสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๓ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ ๑๓.๙๗ ๒. รายงานกิจการของ ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี ๒๕๕๔ ธ.ก.ส. มีโครงการสำคัญ เช่น โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีและมันสำปะหลัง ปีการผลิต ๒๕๕๔/๒๕๕๕ โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ปี ๒๕๕๔ โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔ โครงการธนาคารชุมชน และการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
2696 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2697 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2555) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๕) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ ภาวะเศรษฐกิจ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒.๒ จากระยะเดียวกันปีก่อน ๑.๒ เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้นหลังปัญหาอุทกภัยคลี่คลายลง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี สำหรับเสถียรภาพด้านราคา อัตราเงินเฟ้อชะลอลงและยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ๑.๓ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ ๕.๗ ในขณะที่แรงส่งของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มอ่อนลงจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ๒. ส่วนที่ ๒ การดำเนินงานของ ธปท. ๒.๑ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน กนง.ประเมินภาวะการเงินโดยรวมในปัจจุบันว่า ยังผ่อนปรนเพียงพอที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป และสามารถรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงศักยภาพ ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย ๒.๒ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน ได้แก่ ๒.๒.๑ ภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ สินเชื่อขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงเล็กน้อย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามที่อาจมีผลต่อเสถียรภาพในช่วงต่อไปที่สำคัญ ได้แก่ ผลของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและคุณภาพของสินเชื่อ สินเชื่อมีการเร่งตัวโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ๒.๒.๒ การดำเนินนโยบายด้านสถาบันการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้จัดให้มีการประชุมร่วมระหว่าง กนง. และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) โดยที่ประชุมร่วมได้ประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทยในปัจจุบันว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในระยะสั้นอาจสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินของไทย และในระยะยาวจะกระทบต่อศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ๒.๒.๓ การดูแลความมั่นคงของสถาบันการเงิน ธปท. ได้ดำเนินการกำกับดูแลธุรกรรมที่สำคัญของสถาบันการเงิน โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการออกตั๋วเงินของสถาบันการเงินให้มีความชัดเจน ทันสมัย และสอดคล้องหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในส่วนของการดูแลผู้บริโภคได้ร่วมมือกับ ก.ล.ต. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการยกร่างแนวนโยบายในเรื่องการขายผลิตภัณฑ์ด้านประกันและหลักทรัพย์ผ่านสาขาของสถาบันการเงิน สำหรับการเตรียมความพร้อมสถาบันการเงินเพื่อรองรับการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ธปท. ได้ออกหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำสำหรับความเสี่ยงด้านปฏิบัติการโดยวิธี Advanced Measurement Approaches (วิธี AMA) นอกจากนี้ได้เตรียมออกหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนเกี่ยวกับแนวทางในการรายงานข้อมูล (Leverage Ratio) และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และยังได้ดำเนินการต่อไปในส่วนของการประเมินผลกระทบ (Quantitative Impact Study: QIS) ของหลักเกณฑ์ Basel III ต่อระบบสถาบันการเงินด้วย ๒.๒.๔ การดำเนินนโยบายการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน การดำเนินการคืบหน้าตามวัตถุประสงค์ คือ ลดต้นทุน ส่งเสริมการแข่งขันและการเข้าถึงบริการทางการเงิน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ๒.๒.๕ การดำเนินนโยบายสถาบันการเงินในเวทีระหว่างประเทศ ธปท. ได้ร่วมกำหนดนโยบายการเปิดเสรีและกลยุทธ์การเจรจากับคณะทำงานพิจารณาเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ตามแนวนโยบายของรัฐบาลและแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเปิดเสรีภาคการเงิน รอบที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗) นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมประชุมจัดทำแผนการรวมตัวภาคการธนาคาร และร่วมเจรจาความตกลงการค้าเสรีอื่น ๆ อีก ๔ ฉบับ สำหรับบทบาท ธปท. ในเวทีการกำกับดูแลสากล ได้เข้าร่วมหารือในเวทีที่มีความสำคัญในการวางเกณฑ์สากลของการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ๒.๒.๖ การดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ได้ดำเนินการปรับปรุงแนวทางการตรวจสอบสถาบันการเงินแบบเน้นธุรกรรมที่สำคัญของสถาบันการเงิน โดยในครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ตรวจสอบสถาบันการเงินแล้วเสร็จ ๑๗ แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบอีก ๖ แห่ง นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้มีการตรวจสอบกระบวนการบริหารที่สำคัญ ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบสถาบันการเงินในด้านนี้แล้ว ๑๔ แห่ง ๒.๒.๗ การทำหน้าที่เป็นนายธนาคารของสถาบันการเงินของ ธปท. ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องประมาณ ๔.๘ เท่าของอัตราที่กฎหมายกำหนด ๒.๓ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ๒.๓.๑ การดำเนินนโยบายด้านระบบการชำระเงิน ธปท. ดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ตามแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ๒๕๕๕-๒๕๕๙ อาทิ การสนับสนุนการพัฒนาระบบ Local Switching การชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกและใช้จ่ายในประเทศ การส่งเสริมการทำธุรกรรมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดมาตรฐานกลางข้อความการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบการชำระเงินเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าวมีความคืบหน้าตามที่กำหนด ๒.๓.๒ การพัฒนาระบบการหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารด้วยภาพเช็ค (Imaged Cheque Clearing and Archive System: ICAS) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบ ICAS ซึ่งเริ่มใช้งานในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ก่อนทยอยขยายการให้บริการไปทั่วประเทศภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๓.๓ การกำกับดูแลระบบการชำระเงินและผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ธปท. อยู่ระหว่างศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวทางการกำกับดูแลระบบการชำระเงินตามมาตรฐานสากลที่สำคัญ รวมถึงพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกจากนี้ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการให้ความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||
2698 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงินประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2555 | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. เป้าหมายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น (Flexible Inflation Targeting) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาฟองสบู่หรือความไม่สมดุลในระบบการเงิน เป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามข้อเสนอร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. ให้ใช้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสที่ร้อยละ ๐.๕-๓.๐ ต่อปี สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาสที่ ๑ และ ๒ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๒.๗๔ และ ๒.๐๐ ตามลำดับ ชะลอลงต่อเนื่องจากครึ่งหลังของปีก่อนตามราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ชะลอลง ๒. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๑ ภาวะเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๕ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วจากเหตุการณ์อุทกภัยและกลับเข้าสู่ระดับปกติแล้ว การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมทยอยฟื้นตัวจนสามารถกลับมาผลิตได้ในระดับปกติในช่วงปลายไตรมาสที่ ๒ แต่อย่างไรก็ดี แม้ภาคการผลิตจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก แต่ปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรที่ยืดเยื้อและขยายวงกว้าง รวมถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกชัดเจนขึ้น ๒.๒ ภาวะเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อยู่ที่ร้อยละ ๒.๙๕ และ ๒.๓๗ ตามลำดับ ๒.๓ การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๓.๐ ต่อปี โดยเห็นว่า แม้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว แต่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ภาวะการเงินที่ผ่อนปรนต่อเนื่องจะมีส่วนช่วยรองรับผลกระทบดังกล่าวขณะที่มิได้สร้างความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ โดยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย และไม่มีสัญญาณของฟองสบู่ ๒.๔ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ดัชนีค่าเงินบาทในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ ๑๐๑.๓๑ ทรงตัวจากช่วงครึ่งหลังของปีก่อนหน้า โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ และเยน แต่แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินยูโรจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโร สำหรับดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงเฉลี่ยทรงตัวจากครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และเคลื่อนไหวสอดคล้องกับทิศทางดัชนีค่าเงินบาท ๒.๕ แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีแนวโน้มแผ่วลงจากปีก่อนหน้ามาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๒.๙ และ ๒.๒ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ภาคการอุปโภคบริโภคและภาคการลงทุนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนแรงกดดันด้านอุปสงค์อยู่ ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อและแรงกดดันด้านต้นทุนมีแนวโน้มทรงตัว โดยในส่วนของราคาน้ำมันแม้ว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายแห่ง รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกจะยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อในระยะต่อไป แต่การชะลอการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของภาครัฐจะช่วยบรรเทาแรงกดดันในส่วนนี้ได้ในระดับหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
2699 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล) | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
2700 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 1 รุ่นอายุ 7 ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๗ ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) อายุไม่เกิน ๖ เดือน วงเงินรวม ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์รุ่น SB128A จำนวน ๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ จำนวน ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) วงเงินรวม ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท แบ่งการจำหน่ายออกเป็น ๒ งวดๆ ละ ๑๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. รายรับจากการประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ได้นำไปชำระคืนต้นเงินกู้พันธบัตรออมทรัพย์และต้นเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ได้แก่ ชำระคืนต้นเงินพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๗ ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ ทั้งจำนวน เป็นเงิน ๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) วงเงิน ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๓. ในการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยลงลายมือชื่อกำกับในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
.....