ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 139 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2761 - 2780 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2761 | การจ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างผลอาสินในพื้นที่โครงการปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดา (ด่านพรมแดนสะเดา) | กค | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้จ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสินในที่ดินโครงการปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดา (ด่านพรมแดนสะเดา) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จ่ายเงินชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสินในที่ดินให้กับผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ได้ตกลงโดยมีบันทึกยินยอมรับราคาตามที่คณะทำงานตกลงราคาและจ่ายเงินชดเชยกำหนดโดยไม่มีเงื่อนไขทั้งหมด จำนวน ๓๖ แปลง เนื้อที่รวม ๑๘ - ๑ - ๑๓.๕ ไร่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๙,๘๙๕,๐๖๙.๖๓ บาท ๑.๒ ในระหว่างรอขั้นตอนดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งมอบพื้นที่ให้กรมศุลกากร อนุมัติให้กรมศุลกากรร่วมกับจังหวัดสงขลาและสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาร่วมกันจ่ายเงินค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสินในที่ดินโครงการไปก่อน ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรต้องพิจารณารายละเอียดของพื้นที่ และตรวจสอบสิทธิของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งระยะเวลาที่ประชาชนได้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐประกอบการพิจารณาจ่ายเงิน และความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กรมศุลกากรเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เรียบร้อยเสร็จสิ้นก่อนการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎร และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี มาตรฐาน และระเบียบแบบแผนของทางราชการที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกำกับการตรวจสอบสิทธิ์ของบุคคลและการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และสำหรับงบประมาณเพื่อการจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว ให้กรมศุลกากรพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรรสำหรับเป็นค่าชดเชยผลอาสินและสิ่งก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ และได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2762 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พ.ศ. .... | กค | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๕๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๕๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2763 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 4 | กค | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ซึ่งเป็นการปรับลดแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑,๕๖๐.๗๗ ล้านบาท และปรับเพิ่มแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้ภาพรวมของแผนฯ มีวงเงินเพิ่มขึ้น ๑๖,๔๓๙.๒๔ ล้านบาท จากเดิม ๒,๒๖๒,๐๓๙.๔๘ ล้านบาท เป็น ๒,๒๗๘,๔๗๘.๗๒ ล้านบาท ๒. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลและการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๔ ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๔ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2764 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๓๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ครบกำหนดวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕ และออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี ครบกำหนดวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2765 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 2 ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาททั้งจำนวน โดยมีขั้นตอน ดังนี้
๑. การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินระยะสั้น อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๓ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ ๓.๐๓ - ๓.๒๒ ต่อปี และการทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ ธปท. จำนวนรวม ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จะชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ (LB193A) อายุคงเหลือ ๖.๙๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕ และชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB165A) อายุคงเหลือ ๔.๑๔ ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ ๖ เดือน - ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2766 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางสาวนงลักษณ์ จิตรุ่งเรืองนิจ | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นว. ๑๑๙๙ โฉนดที่ดินเลขที่ ๔๔๐๑๘ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ ๗ - ๐ - ๐๙.๑ ไร่ คืนให้แก่ทายาทของนายอนันต์ จิตรุ่งเรืองนิจ ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2767 | กรอบการเจรจาการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กรอบการเจรจาการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี และให้นำเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาก่อนดำเนินการต่อไป โดยสาระสำคัญของการเจรจาฯ มีดังนี้ ๑.๑ การเพิ่มวงเงินของกองทุนภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chaing Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ให้สูงขึ้นเป็น ๒ เท่า จาก ๑๒๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒๔๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในส่วนของประเทศไทยจะเพิ่มวงเงินผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศใน CMIM จากเดิม ๔.๕๕๒ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ การเพิ่มสัดส่วนการให้ความช่วยเหลือกรณีไม่เข้าโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF De - Linked Portion) ซึ่งภายใต้เงื่อนไขของ CMIM ปัจจุบันกำหนดให้ประเทศสมาชิกได้รับความช่วยเหลือได้ จำนวนร้อยละ ๒๐ ของจำนวนเงินสูงสุดหากสมาชิกไม่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนที่ไม่เชื่อมโยงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศให้มากกว่าร้อยละ ๒๐ จะเป็นการเพิ่มจำนวนเงินที่ประเทศจะได้รับความช่วยเหลือในระยะแรกจากสมาชิก CMIM ด้วยกัน ๑.๓ การจัดตั้งกลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ (Crisis - prevention Facility) จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและของภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมาประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ได้เห็นควรให้มีการพิจารณาจัดตั้งกลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินก่อนการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มจากเดิมที่ CMIM จะให้ความช่วยเหลือภายหลังจากที่สมาชิกประสบวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว โดยมอบหมายให้คณะทำงานหารือในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในวงเงินไม่เกิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีและรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบการผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไว้ที่ ๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2768 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐไปหารือร่วมกันในรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์การค้ำประกันว่า ในกรณีทั่วไปหน่วยงานต้องมีโครงการหรือแผนงานในการกู้เงิน และกรณีใดเป็นข้อยกเว้นจากหลักเกณฑ์ทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องมีโครงการหรือแผนงานในการกู้เงิน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2769 | รายงานการอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย อย่างบูรณาการ ในงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัด | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานการอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ในการจัดหาพัสดุสำหรับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ในงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัด วงเงิน ๑,๕๕๕.๖๓๓๙ ล้านบาท เพื่อให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ สามารถดำเนินการจัดหาพัสดุได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามนโยบายรัฐบาล โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) ได้เพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ ในการจัดหาพัสดุสำหรับงาน/โครงการ ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่จัดหาพัสดุพิจารณาแม้จะได้รับงบประมาณและดำเนินการจัดหาพัสดุตามนัยหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพอ) ๐๔๒๑.๓/ว ๓๔ ลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งลดระยะเวลาในการจัดหาพัสดุ จากประมาณ ๘๕ วัน เหลือประมาณ ๒๘ วันแล้วก็ตาม หน่วยงานยังไม่สามารถดำเนินการจัดหาพัสดุจนได้พัสดุหรือสิ่งก่อสร้างพร้อมใช้งาน เพื่อใช้ในการป้องกันอุทกภัยภายในระยะเวลาตามแผนงานที่กำหนดไว้ และหากความต้องการใช้พัสดุดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนล่าช้าอาจจะเสียหายแก่ราชการ หน่วยงานก็ชอบที่จะดำเนินการจัดหาโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานนั้น ๑.๒ ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณดังกล่าว ควบคุม กำกับดูแล ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ขายหรือผู้รับจ้างที่มีศักยภาพ และมีความพร้อมที่จะดำเนินงาน/โครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่กำหนดไว้ และหากเป็นงาน/โครงการที่เกี่ยวกับการขุดลอกคูคลอง ให้หน่วยงานถือปฏิบัติตามหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ) ๐๔๒๑.๓/ว ๑๔๗ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ เรื่อง การซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานโครงการขุดลอกคูคลองอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาในส่วนของการจัดหาพัสดุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยให้ถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2770 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ 1 - 2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ ๑ - ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๒๕,๖๙๑ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน ๔๕,๖๙๑ ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ ๑ - ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังในส่วนที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาเป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวนรวม ๕,๗๘๒.๓๓๕ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลสำหรับนักลงทุนประเภทสถาบัน จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ (LB616A) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี อายุคงเหลือ ๔๙.๔๖ ปี ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ อายุ ๕๐.๓๒ ปี โดยจัดประมูลในวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ ทำให้ปริมาณพันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีจำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรออมทรัพย์สำหรับนักลงทุนรายย่อย จำนวน ๗๘๒.๓๕๕ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๕ ต่อปี อายุคงเหลือ ๒.๙๓ ปี ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ อายุ ๓ ปี โดยจำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (เครื่อง ATM) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๙ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ ๑ - ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนรวม ๕,๗๘๒.๓๓๕ ล้านบาท แล้ว ทำให้กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังคงเหลือเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล จำนวน ๑๑๙,๙๐๘.๖๖๕ ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน ๓๙,๙๐๘.๖๖๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2771 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายยรรยง พวงราช) | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนายอำนวย ปะติเส ที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2772 | การจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ตามร่างที่ผ่านการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เพื่อให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่สำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของ IMF และเจ้าหน้าที่ที่ IMF ส่งมาปฏิบัติงานในสำนักงานฯ ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของ IMF ในประเทศไทย (Thailand Technical Assistance Office) เพื่อเป็นฐานปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยระยะแรกจะเน้นให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปนโยบายและระบบเศรษฐกิจหลังจากที่ได้เริ่มเปิดประเทศ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ๒. เห็นชอบให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือผู้มีอำนาจดำเนินการแทน เป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ในนามของรัฐบาลไทย ๓. กรณีที่มีการแก้ไขบันทึกความตกลงฯ ในประเด็นที่ไม่กระทบต่อพันธกรณีของรัฐบาลไทยในเรื่องการให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่สำนักงานฯ และเจ้าหน้าที่ ให้ ธปท. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกเอกสารมอบอำนาจให้ ธปท. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2773 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 2/2555 | กค | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เป้าหมายการเบิกจ่ายเงิน กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐๐.๐๐ ของวงเงินตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ แนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๑ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหน่วยงานในสังกัดที่ได้รับเงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินอย่างเคร่งครัด ๑.๒.๒ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มบทบาทให้คลังจังหวัดดำเนินการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ ของส่วนราชการในจังหวัดเพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย ๒. ส่วนการทบทวนมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการและแนวทางเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕) เห็นชอบให้ทบทวนมาตรการฯ ดังกล่าวเป็นว่า “ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในลักษณะงบลงทุนสำหรับโครงการปีเดียวและโครงการผูกพันข้ามปีงบประมาณเร่งขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเห็นชอบการซื้อหรือจ้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ หากมีเหตุอันควรที่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำเรื่องเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อพิจารณาผ่อนผันเป็นกรณี ๆ ไปตามความจำเป็นและเหมาะสม และให้นำผลการพิจารณาดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย” ทั้งนี้ ยกเว้นโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2774 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 พ.ศ. .... | กค | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2775 | แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริหารเงินนอกงบประมาณ | กค | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริหารเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังกำหนดให้กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ระยะเวลา ๒ ปี เริ่มตั้งแต่ในห้วงเวลาเริ่มต้นของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมได้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานของรัฐเจ้าสังกัดเงินนอกงบประมาณ ในด้านการพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. ในด้านการพัฒนาโครงสร้างองค์กรให้มีความพร้อมในการกำกับและบริหารเงินนอกงบประมาณ เป็นต้น ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๓ ประเด็นยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้ ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ด้านการกำกับดูแล : กำหนดให้มีแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาระบบการบริหารเงินนอกงบประมาณ ประกอบด้วย แผนงานปรับโครงสร้างองค์กรและระบบงานภายในกระทรวงการคลังที่รับผิดชอบด้านการบริหารเงินนอกงบประมาณให้มีขีดความสามารถในการบริหารจัดการได้อย่างมีเอกภาพ และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แผนงานปรับปรุงพัฒนาและบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับแนวนโยบายในการบริหารเงินแผ่นดินในภาพรวม และแผนงานสร้างระบบการพิจารณากลั่นกรองการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐที่มีเงินนอกงบประมาณหรือการบริหารจัดการเงินในลักษณะที่เป็นเงินนอกงบประมาณ ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ด้านสารสนเทศ : เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารและประมวลผลข้อมูลสารสนเทศเงินนอกงบประมาณให้มีความสอดคล้องกับข้อมูลสารสนเทศการเงินการคลังภาครัฐในภาพรวม ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงลดปริมาณงานและความซ้ำซ้อนให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเงินงบประมาณ โดยการประมวลผลแบบเบ็ดเสร็จ และสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีแผนงาน/โครงการที่รองรับระบบข้อมูลสารสนเทศเงินนอกงบประมาณ ประกอบด้วย แผนงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเงินนอกงบประมาณโดยการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลในระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และแผนงานพัฒนาระบบการจัดทำรายงานและการรายงานข้อมูลด้านเงินนอกงบประมาณที่มีความถูกต้อง ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ด้านพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากร : ในการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารบุคลากรรองรับการพัฒนาระบบบริหารเงินนอกงบประมาณจำเป็นต้องมีแผนงานปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง แบ่งออกเป็นแผนงานปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคล ซึ่งสามารถอ้างอิงกับระบบบริหารงานบุคคลปกติของทางราชการ และแผนงานพัฒนาบุคลากรในส่วนของบุคลากรสังกัดกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ๑.๒ มอบหมายและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรกำหนดกระบวนการการทำงานด้านการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณอย่างเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ และมีการบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณที่ได้มาตรฐานสากล และป้องกันไม่ให้มีการจัดตั้งเงินนอกงบประมาณโดยไม่จำเป็น รวมทั้งมีการพิจารณาเปรียบเทียบกรอบแนวทางการบริหารจัดการและควบคุมติดตามประเมินผลของระบบเงินนอกงบประมาณตามแนวทางที่เป็นมาตรฐานสากลอื่น ๆ และจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศ ระบบการเงินการคลังภาครัฐที่มีประสิทธิภาพสามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างบูรณาการเพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการจัดทำข้อมูลฐานะการคลังในภาพรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2776 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 พ.ศ. .... | กค | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2777 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 พ.ศ. .... | กค | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายกฎกระทรวงในคำอธิบายลวดลายของเหรียญด้านหลัง เป็น “กลางเหรียญมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2778 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยกรมบัญชีกลางได้รวบรวมรายงานการเงินของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๘,๐๘๒ หน่วยงาน จาก ๘,๓๙๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๓๑ เพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยรวบรวมข้อมูลรายงานการเงินสิ้นสุดถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้หน่วยงานทุกกลุ่มจัดทำบัญชีและรายงานการเงินให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน และส่งสำเนารายงานการเงินที่ส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้กรมบัญชีกลาง โดยเฉพาะในส่วนของรายงานการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ส่งสำนักงานคลังจังหวัดรวบรวมส่งกรมบัญชีกลางต่อไป ยกเว้นหน่วยงานในกลุ่มของรัฐวิสาหกิจยังคงส่งข้อมูลรายงานการเงินให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามเดิม ๑.๒.๒ ให้ผู้บริหารให้ความสำคัญงานบัญชีมากยิ่งขึ้น และให้กำกับดูแลให้ผู้ตรวจสอบภายในวางแผนการตรวจสอบด้านการเงินและบัญชี พร้อมทั้งรายงานผลให้ผู้บริหารทราบอย่างสม่ำเสมอเพื่อรายงานปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ กรณีมีปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานเพื่อสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องทันเหตุการณ์ต่อไป ๑.๒.๓ ให้ผู้บริหารระดับกรม/กระทรวง พิจารณาให้ความสำคัญในเรื่องอัตรากำลังและคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานการเงินและบัญชีของหน่วยงานในสังกัด ซึ่งจำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาด้านบัญชี และจะต้องมีการสอนงานการเงินและบัญชีให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายสามารถปฏิบัติงานได้ต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน รวมทั้งพิจารณาความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีที่จัดทำบัญชีและรายงานการเงินถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ๑.๒.๔ ผู้บริหารควรกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บและนำส่งเงินรายได้แผ่นดิน/รายได้ของหน่วยงาน/เงินนอกงบประมาณต่าง ๆ ให้มีการควบคุมดูแลการรับเงินและการออกใบเสร็จรับเงิน รวมถึงการบันทึกรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ๑.๒.๕ ผู้บริหารควรกำชับหน่วยงานในสังกัดและเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานให้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินให้ถูกต้อง ครบถ้วน และปฏิบัติตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและรอบคอบ โดยให้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและการบันทึกบัญชีให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างสม่ำเสมอ ๑.๒.๖ ผู้บริหารควรกำชับให้หน่วยงานในสังกัดและเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีตรวจสอบและบันทึกรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งให้มีการจัดทำงบกระทบยอดเงินฝากธนาคารประจำเดือน เพื่อให้สามารถตรวจพบข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นและปรับปรุงแก้ไขรายการบัญชีดังกล่าวให้ถูกต้องก่อนจัดทำรายงานการเงินประจำเดือน/ประจำปี ๑.๒.๗ ผู้บริหารควรกำชับให้หน่วยงานในสังกัดควบคุมดูแลและตรวจสอบบัญชีวัสดุและสินทรัพย์ถาวรของหน่วยงานให้ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงและตรงกับทะเบียนคุมวัสดุ ทะเบียนคุมทรัพย์สิน หากพบข้อผิดพลาดให้รายงานผู้บริหารและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังติดตามผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการการปฏิบัติงานของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องตามที่กรมบัญชีกลางเสนอ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งเผยแพร่ข้อเสนอแนะดังกล่าวไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อราชการในการจัดทำข้อมูลทางบัญชีการเงินของภาครัฐให้มีความทันสมัย ถูกต้องเพื่อใช้ในการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และค่าใช้จ่ายของแผ่นดิน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยืดหยุ่นต่อการปฏิบัติงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2779 | รายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารโลกสำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL) | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารโลกสำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังลงนามในสัญญากู้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับธนาคารโลก เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามสัญญากู้เงินเลขที่ 7723 - TH ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ในขอบเขตเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีและรัฐสภาได้อนุมัติและให้ความเห็นชอบแล้ว โดยมีรายละเอียดการกู้เงิน ดังนี้ ๑.๑ วงเงินกู้ ๑,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ ระยะเวลากู้เงิน ๒๐ ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้ ๘ ปี) เริ่มนับจากวันที่คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกอนุมัติเงินกู้ PSRDPL คือเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ๑.๓ งวดการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๕ มกราคม และวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี ๑.๔ การชำระคืนต้นเงินกู้แบ่งเป็น ๒๔ งวด กำหนดชำระปีละ ๒ ครั้ง เริ่มชำระคืนต้นเงินกู้งวดแรกในวันชำระดอกเบี้ยงวดที่ ๑๓ และชำระคืนต้นเงินกู้งวดสุดท้ายในวันชำระดอกเบี้ยงวดที่ ๓๖ ๑.๕ ค่า Front - end Fee อัตราร้อยละ ๐.๒๕ ของวงเงินกู้ ชำระครั้งเดียวทั้งจำนวน โดยธนาคารโลกจะหักจากวงเงินกู้วันที่สัญญาเงินกู้มีผลใช้บังคับ ๑.๖ อัตราดอกเบี้ยกำหนดให้ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวของเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้อัตราเงินกู้ระหว่างธนาคารในลอนดอนระยะเวลา ๖ เดือน (6 - month LIBOR) เป็นฐานการคำนวณบวกด้วยส่วนต่างอัตราลอยตัว (Variable Spread) ที่ประกาศโดยธนาคารโลก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงทุก ๖ เดือน (วันที่ ๑ มกราคม และ ๑ กรกฎาคม) ๑.๗ การเบิกจ่ายเงินกู้ ต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ๒. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการกู้เงินจากธนาคารโลก สำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL) ซึ่งต้องลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2780 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สนามบินตราดเป็นสนามบินศุลกากร เพื่อให้เป็นที่สำหรับนำของเข้า ส่งของออก ส่งออกซึ่งของที่ขอคืนอากรขาเข้า หรือของที่มีทัณฑ์บนทุกประเภท อันเป็นการอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การขนส่งและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านการจัดเก็บอากรและการตรวจตราป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....