ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 140 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2781 - 2800 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2781 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กระทรวงคมนาคม ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาดอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2782 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒. หมวด ๑ กำหนดคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๓. หมวด ๒ กำหนดเรื่อง คณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ องค์ประกอบ การแต่งตั้ง ค่าตอบแทน คุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ การประชุม หน้าที่ความรับผิดชอบ การรายงานผลการดำเนินงาน และการรักษาคุณภาพงาน ๔. หมวด ๓ กำหนดเรื่อง หน่วยตรวจสอบภายใน ได้แก่ คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายใน โครงสร้างหน่วยตรวจสอบภายใน ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานและการรายงาน การรักษาคุณภาพงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2783 | ขอความเห็นชอบในการสมทบเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศตามโครงการ bilateral borrowing | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสมทบเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ตามโครงการ bilateral borrowing เป็นจำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีเหตุผลสนับสนุน ดังนี้ ๑.๑ เป็นการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็น Global effort เพื่อให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีเงินทุนเพียงพอสำหรับแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก และยืนยันสถานะของประเทศไทยที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจเข้มแข็งในประชาคมโลก ๑.๒ เป็นการรักษาสถานภาพของไทยในการเป็นประเทศแกนหลักของกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกับสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาทบทวนโควตากองทุนการเงินระหว่างประเทศในอนาคต ๑.๓ เงินที่สมทบให้แก่โครงการฯ จะเบิกใช้จริงก็ต่อเมื่อจำเป็น และเมื่อเบิกใช้แล้ว ก็ยังคงนับเป็นเงินสำรองทางการได้ทั้งจำนวน โดยให้ผลตอบแทนตามอัตราตลาดของสกุล Special Drawing Rights (SDR) และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเป็นการลงทุนในตราสารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการจ่ายเงินสมทบดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องของเงินสำรองระหว่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2784 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซม ครั้งที่ 10 | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซม [ASEM Finance Ministers’ Meeting (ASEM FinMM)] ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายในกรอบวงเงิน ๔๒,๒๐๕,๔๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอน ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2785 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2554 | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เป้าหมายนโยบายการเงิน กนง. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีมติเห็นชอบร่วมกันให้เสนออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยรายปีที่ร้อยละ ๓.๐ ? ๑.๕ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเป้าหมายนโยบายการเงินต่อคณะรัฐมนตรี ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อยู่ที่ร้อยละ ๑๒.๗๙ และ ๒.๘๒ ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในช่วงเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๑ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๔ หดตัวอย่างรุนแรงจากผลของอุทกภัยที่ทำให้ภาคการผลิตและการคมนาคมบางส่วนหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุทกภัยไม่ได้กระทบต่อศักยภาพการผลิตในระยะยาว โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และกลับสู่ระดับปกติได้ในไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อยู่ที่ร้อยละ ๔.๐๕ และ ๒.๘๐ ตามลำดับ ทั้งนี้ ในระยะต่อไป กนง. ประเมินว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะยังคงมีอยู่ จากนโยบายภาครัฐที่มีผลทำให้ราคาสินค้าบางประเภทและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้การส่งผ่านต้นทุนทำได้ง่ายขึ้น ๓. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ ครั้งละร้อยละ ๐.๒๕ ต่อปี รวมร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี ส่งผลให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับสูงขึ้น จากร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและดูแลแรงกดดันเงินเฟ้อ และในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๔ กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี รวมทั้งในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๔ ได้มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ ๐.๒๕ จากร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ดังนั้น ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงปรับมาอยู่ที่ระดับร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ๔. การดำเนินนโยบายบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน ๔.๑ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมิให้มีความผันผวนมากเกินไปจนเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ ส่งผลให้ค่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๕.๒๑ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าความผันผวนของเงินสกุลอื่น ๆ โดยเฉพาะค่าเงินภูมิภาคที่ส่วนใหญ่มีความผันผวนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ ๖ - ๑๒ ในช่วงเวลาเดียวกัน ๔.๒ ดัชนีค่าเงินบาทที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าคู่แข่งสำคัญอ่อนค่าลงร้อยละ ๐.๘๓ จากระดับเฉลี่ย ๑๐๒.๒๙ ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย ๑๐๑.๔๔ ในช่วงครึ่งหลังของปี ตามการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลัก ยกเว้นเงินยูโร สำหรับดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงที่สะท้อนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งอ่อนค่าลงร้อยละ ๐.๘๒ ตามทิศทางของดัชนีค่าเงินบาทเป็นสำคัญ ขณะที่ระดับราคาสินค้าและบริการของไทยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง ๕. แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะขยายตัวในอัตราร้อยละ ๔.๙ โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยจะสามารถฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในไตรมาสที่ ๓ ของปี โดยการบริโภคภาคเอกชนจะฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะใช้เวลาในการฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกตินานกว่า สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๓.๒ และ ๒.๒ ตามลำดับ โดยในช่วงครึ่งปีหลังแรงกดดันเงินเฟ้อจากต่างประเทศจะชะลอลง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2786 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2787 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ โดยหลักการของโครงการฯ มีดังนี้ ๑.๑.๑ กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย ๑๒๐ บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) อัตราเบี้ยประกันภัยสุทธิเท่ากับ ๑๒๙.๔๗ บาทต่อไร่ เท่ากับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา วงเงินความคุ้มครอง ๑,๑๑๑ บาทต่อไร่ ตลอดช่วงการเพาะปลูก สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด ๖ ภัย ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย และขยายเพิ่มเติมความคุ้มครองรวมถึงภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยมีวงเงินความคุ้มครอง ๕๕๕ บาทต่อไร่ ๑.๑.๒ กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติจะเป็นผู้รับประกันภัยต่อในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ (ผู้รับประกันภัย) รับประกันภัยที่อัตราเบี้ยประกันภัย ๑๒๐ บาทต่อไร่ และไม่สามารถเอาประกันภัยต่อกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้ ๑.๑.๓ เกษตรกรผู้เอาประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย (ใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่รัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน) เพิ่มเติมจากเดิมที่จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น ๑.๑.๔ กำหนดจำนวนไร่ที่เอาประกันภัยสูงสุดไม่เกิน ๘ ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมดของประเทศโดยเฉลี่ยในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๕๔ จำนวน ๕๗.๔๗ ล้านไร่ เป็นระดับพื้นที่เหมาะสม และอยู่ในวิสัยที่จะปฏิบัติได้ เนื่องจากการตัดสินใจทำประกันภัยหรือไม่เป็นความสมัครใจของเกษตรกร และกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติสามารถรองรับความเสียหายในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด (Worst case scenario) ได้ ๑.๑.๕ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้บริหารโครงการ โดยเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัย เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา ๑.๒ อนุมัติวงเงินงบประมาณ จำนวน ๕๕๕,๗๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้กับ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว และข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยของรัฐรายบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) แล้ว เพื่อความรวดเร็วในการจ่ายสินไหมทดแทน ๒. ยกเว้นหลักการที่กำหนดว่า “กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติจะเป็นผู้รับประกันภัยต่อในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ (ผู้รับประกันภัย) รับประกันภัยที่อัตราเบี้ยประกัน ๑๒๐ บาทต่อไร่ และไม่สามารถเอาประกันภัยต่อกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้” ให้ตัดออก และยกเว้นในส่วนของการเบิกเงินชดเชย ให้ ธกส. เบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา ของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) + 1 ในปีงบประมาณถัดไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2788 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงระบบระบายน้ำในนครหลวงเวียงจันทน์ | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการปรับปรุงระบบระบายน้ำในนครหลวงเวียงจันทน์ ในวงเงิน ๙๕.๔๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีขอบเขตการดำเนินโครงการ แหล่งเงินทุน และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ดังนี้ ๑.๑ ขอบเขตการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย งานปรับปรุงบึงหนองด้วงน้อยให้เป็นแก้มลิงย่อย งานปรับปรุงร่องระบายน้ำหนองด้วงน้อย (Drainage Channel) และงานก่อสร้างทางบริการ (Service Road) และระบบระบายน้ำชั่วคราว ๑.๒ แหล่งเงินทุน ใช้เงินทุนจากเงินสะสมของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ๑.๓ รายละเอียดเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ๑.๓.๑ วงเงินให้ความช่วยเหลือ ๙๕.๔๐ ล้านบาท (เงินกู้ทั้งจำนวน) ๑.๓.๒ อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ ๑.๕ ต่อปี ๑.๓.๓ อายุสัญญา ๒๐ ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้ ๕ ปี) ๑.๓.๔ ค่าบริหารจัดการของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ร้อยละ ๐.๑๕ ของวงเงินกู้ ๑.๓.๕ กำหนดชำระดอกเบี้ย ปีละ ๒ ครั้ง ๒. ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลตัวเลขหรือสถิติที่เกี่ยวกับปริมาณน้ำฝน และศึกษาความสามารถในการระบายน้ำเพื่อวิเคราะห์ว่าโครงการสามารถช่วยลดปัญหาอุทกภัยบริเวณนครหลวงเวียงจันทน์และพื้นที่ใกล้เคียงได้มากน้อยเพียงใด โดยการเปรียบเทียบสภาพก่อนและหลังดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2789 | การแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ จำนวน 3 ฉบับ | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการจัดการเงินร่วมลงทุน มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แก้ไขชื่อประกาศในข้อ ๑๑ (๔) ของกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นของผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ โดยเปลี่ยนจากชื่อประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๐๓ (๙) และ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ๑.๒ แก้ไขระยะเวลาในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตฯ ของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้มีระยะเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมเพื่อให้มีความรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น ๑.๓ แก้ไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการจัดการเงินร่วมลงทุน ในข้อ ๑๖ (๖) ของกฎกระทรวงฯ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด จากเดิมที่ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าระหว่างผู้ค้าหลักทรัพย์ (พ.ศ. ....) เป็นการปรับปรุงแก้ไขการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าระหว่างผู้ค้าหลักทรัพย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าระหว่างผู้ค้าหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒.๒ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ๒.๓ แก้ไขระยะเวลาในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตฯ ของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้มีระยะเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อให้มีความรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น ๒.๔ กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตดังกล่าวต้องดำรงคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดตลอดเวลาตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด จากเดิมที่กำหนดให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนด ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมยังคงอัตราเดิม คือ ค่าธรรมเนียมคำขอรับใบอนุญาตฯ ๑๐,๐๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (พ.ศ. ....) เป็นการปรับปรุงแก้ไขการอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๓.๑ ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๔๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๓.๒ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ๓.๓ แก้ไขระยะเวลาในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตฯ ของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และรัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง ให้มีระยะเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อให้มีความรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น ๓.๔ กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตดังกล่าวต้องดำเนินงานตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด จากเดิมที่ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมยังคงอัตราเดิม คือ ค่าธรรมเนียมคำขอรับใบอนุญาตฯ ๑๐,๐๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ ๑๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||||||||||||||
2790 | มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายโดยทางตรงหรือทางอ้อมจากอุทกภัย | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายโดยทางตรงหรือทางอ้อมจากอุทกภัย โดยให้กำหนดระยะเวลาการดำเนินมาตรการดังกล่าวถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยของสถาบันการเงินหรือลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยของเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ทั้งนี้ เฉพาะการปลดหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒.๑.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยของสถาบันการเงินหรือลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยของเจ้าหนี้อื่น และสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ทั้งนี้ เฉพาะการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการกระทำตราสารที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒.๑.๓ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่ลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยของสถาบันการเงินและผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยที่จำนองอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินและได้มีการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวให้บุคคลอื่นเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกินกว่าหนี้ที่ค้างชำระอยู่กับสถาบันการเงินหรือมีภาระผูกพันตามสัญญาประกันหนี้กับสถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยการโอนอสังหาริมทรัพย์และการกระทำตราสารต้องกระทำในระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ที่กรมสรรพากรกำหนด สำหรับการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้ เฉพาะการปลดหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ทราบด้วย ดังนี้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงหรือทางอ้อมจากอุทกภัย ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงหรือทางอ้อมจากอุทกภัย ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนและการจำนองห้องชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบถึงผลการดำเนินงานตามมาตรการของกระทรวงการคลังเพื่อเป็นการประเมินความสำเร็จของนโยบายการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัย และการกำหนดมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงมาตรการจูงใจผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อเป็นแนวทางในการถือปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2791 | มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยให้ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการดังกล่าวออกไปอีก ๑ ปี จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินหรือลูกหนี้ของเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่รับการปลดหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ทั้งนี้ เฉพาะการปลดหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๒.๑.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินหรือลูกหนี้ของเจ้าหนี้อื่น และสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ทั้งนี้ เฉพาะการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการกระทำตราสารที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๒.๑.๓ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินและผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ที่จำนองอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินและได้มีการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวให้บุคคลอื่น เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกินกว่าหนี้ที่ค้างชำระอยู่กับสถาบันการเงินหรือมีภาระผูกพันตามสัญญาประกันหนี้กับสถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยการโอนอสังหาริมทรัพย์และการกระทำตราสารต้องกระทำในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ที่กรมสรรพากรกำหนด สำหรับการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะการปลดหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนและการจำนองห้องชุด ตามประมวลกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด เหลือร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร และสิทธิประโยชน์ทางค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ควรให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non - Performing Loans : NPL) ที่เกิดจากลูกหนี้รายย่อย ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน โดยขยายมาตรการออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เท่านั้น เพื่อป้องกันการวางแผนหลีกเลี่ยงภาษีของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลอันจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2792 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ. .... (การกำหนดวงเงินความคุ้มครองเงินฝาก) | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ กำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองไม่เกินจำนวนเงินห้าสิบล้านบาท ๒. กำหนดวงเงินการคุ้มครองเงินฝากเป็นขั้นบันไดในระยะเวลา ๕ ปี ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ปีที่หนึ่ง ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐ ล้านบาท ปีที่สอง ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๕๐ ล้านบาท ปีที่สาม ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๕๐ ล้านบาท ปีที่สี่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕ ล้านบาท และปีที่ห้า ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาการลดระดับวงเงินคุ้มครองเงินฝากให้ชัดเจน และมีแนวทางปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากแบบขั้นบันไดจนกระทั่งถึงวงเงินคุ้มครอง ๑ ล้านบาท รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน (Financial Literacy) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝากที่มีอาชีพอิสระและผู้ฝากเงินที่เกษียณอายุที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราผลตอบแทนของสถาบันการเงิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2793 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางพรรณขนิตตา บุญครอง) | กค | 26/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพรรณขนิตตา บุญครอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2794 | การแก้ไขสัญญาว่าจ้างเอกชนดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การพิจารณาแก้ไขสัญญาว่าจ้างเอกชนดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของผู้มีอำนาจอนุมัติของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งซึ่งจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการพัสดุของรัฐวิสาหกิจนั้น และให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการแก้ไขสัญญาว่าจ้างเอกชนดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในลักษณะสัญญาจ้างเหมาบริการได้เฉพาะสัญญาที่มีการลงนามก่อนที่คณะกรรมการค่าจ้างออกประกาศกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เนื่องจากเอกชนผู้รับจ้างยังไม่ได้ประมาณการภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเป็นผู้พิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2795 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระ) (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ฯลฯ) | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระ) จำนวน ๗ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ เป็นประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ศิริชัย กาญจนวาสี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๓. รองศาสตราจารย์ชาย โพธิสิตา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๔. นางนงราม เศรษฐพานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๕. นายกฤษณา อุทยานิน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๖. นายณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๗. นายกิติศักดิ์ สินธุวนิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2796 | การแก้ไขหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้กับนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยในการลงทุนเพื่อใช้ในการจัดทำระบบและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ขยายระยะเวลาการกู้เงิน จากเดิม ๗ ปี เป็น ๑๕ ปี และให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยและไม่ต้องจ่ายคืนเงินต้นใน ๕ ปีแรก (Grace Peirod 5 ปี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2797 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางกรศิริ พิณรัตน์) | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางกรศิริ พิณรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2798 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 80 ปี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๘๐ ปี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดทำเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๘๐ ปี สำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2799 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พลตำรวจตรี อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร) | กค | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งพลตำรวจตรีอรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๒. กำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญาจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ทุกวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนที่ผู้รับจ้างได้รับ ตามผลการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สำหรับครั้งแรกจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยจะพิจารณาอัตราร้อยละการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ให้ตามสัดส่วนระยะเวลาการปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ตกลงปฏิบัติงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2800 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2555 | กค | 12/06/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๖๙๔.๗๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวน ๑๓๓.๘๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒๓.๘๗ ๒. มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๕๙,๘๒๗.๖๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๑๖ ของมูลค่านำเข้ารวม ๓. มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๔ กลุ่มสินค้า ตั้งแต่ร้อยละ ๓.๓๕ ถึง ๘๐.๒๒ ๔. สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ มูลค่านำเข้า ๑๒๘.๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๔๓.๓๑ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า ๑๐๙.๑๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๗.๒๙ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง มูลค่านำเข้า ๘๐.๑๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๔๕.๗๕ ๕. สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๔ กลุ่มสินค้า เมื่อเปรียบเทียบ (ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ ๕ อันดับแรก ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ แว่นตา, สูท เสื้อ กระโปรง กางเกงสำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิงและเนคไท, ไฟแช็คและอุปกรณ์, กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๐.๒๒, ๕๗.๑๒, ๔๖.๑๕, ๔๕.๗๕ และ ๔๔.๘๓ ตามลำดับ
|
.....