ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 138 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2741 - 2760 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2741 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ) | กค | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2742 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 6 คน 1. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ฯลฯ) | กค | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางเบญจา หลุยเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมศุลกากร ๔. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดี กรมสรรพสามิต ๕. นายมนัส แจ่มเวหา ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมบัญชีกลาง ๖. นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2743 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | กค | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญแตกต่างจากร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาหลายประการ โดยมีประเด็นข้อกฎหมายที่สำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จึงขอรับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์การกำหนดประเภทธุรกิจและประเภทสินทรัพย์ ตลอดจนเกณฑ์ในการกำกับดูแล ที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะประกาศกำหนด ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... โดยเฉพาะการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่เป็นการทำธุรกรรมที่ซับซ้อน การทำธุรกรรมไขว้ และการโอนสินทรัพย์เป็นทอด ๆ และในระยะต่อไปหากมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนแล้ว เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ศึกษาเพิ่มเติมถึงความเหมาะสมของการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น การแปลงสินทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ (Movable asset) เป็นต้น เพื่อให้ภาคธุรกิจมีแหล่งสนับสนุนเงินทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาตราสารทางการเงินประเภทใหม่ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2744 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2745 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา โดยกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีการบริจาคเงินให้แก่สถาบันการศึกษาของทางราชการและเอกชน และการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับการบริจาคที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ดังนี้ ๑.๑ การบริจาคเงินให้แก่สถาบันการศึกษาของทางราชการและเอกชนโดยไม่รวมโรงเรียนนอกระบบ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหรือกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้สถานศึกษา ๑.๓ การบริจาคให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย สามารถหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายได้เท่าจำนวนที่บริจาคแต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้สุทธิ หรือร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๔ การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่า ของจำนวนที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหรือกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๕ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยงานตามข้อ ๑.๓ - ๑.๔ ๑.๖ การได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อ ๑.๓ - ๑.๕ ต้องเป็นการสนับสนุนเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์กีฬา การฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน การจัดสร้างและพัฒนาสนามกีฬาหรือศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา หรือการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬา ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวน ๒ เท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ๒.๑.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้สถานศึกษาตามข้อ ๒.๑.๑ ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๒.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวน ๒ เท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์กีฬา การฝึกซ้อม หรือการแข่งขัน การจัดสร้างและพัฒนาสนามกีฬาหรือศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา หรือการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬา ๒.๒.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้องค์กรตามข้อ ๒.๒.๑ ๒.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเท่าจำนวนเงินที่ได้บริจาคเพื่อการกีฬา ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
|||||||||||||||||||||||||||
2746 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2554 - มิถุนายน 2555) | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไตรมาสที่ ๓ (ตุลาคม ๒๕๕๔-มิถุนายน ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๐๖,๖๒๗.๒๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๗.๕๑ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๕๑ โดยมีการเบิกจ่ายในส่วนของรายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๔๒๗,๒๘๕.๓๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๒.๔๖ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๑,๙๖๙,๘๖๔.๗๐ ล้านบาท และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๗๙,๓๔๑.๙๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๓.๗๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๑๐,๑๓๕.๓๐ ล้านบาท โดยมีหน่วยงานที่เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ ๔๓) ซึ่งมีผลการเบิกจ่ายอยู่ระหว่าง ๐-๔๒.๗๗ จำนวนทั้งสิ้น ๒๕๓ หน่วยงาน และหน่วยงานที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวนทั้งสิ้น ๔๔ หน่วยงาน สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗- ๒๕๕๔ วงเงินรวม ๒๑๕,๘๙๓.๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๒๒,๕๙๖.๘๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๖.๗๙ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวม ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๓๔๒,๔๓๑.๖๙ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๑๒,๐๑๑.๐๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๑.๑๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
2747 | การปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปีของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับเพิ่มจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับพนักงานของโรงงานยาสูบ (รยส.) ที่ทำงานตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป จาก ๑๐ วันทำงาน เป็น ๑๓ วันทำงาน และสะสมได้ไม่เกิน ๓๐ วันทำงาน ตามมติของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้เป็นตามนัยพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๑๓ วรรคสาม ทั้งนี้ รยส. ควรบริหารจัดการองค์กรภาพรวมโดยมิให้กระทบต่อการผลิตยาสูบ ค่าใช้จ่ายองค์กร รวมทั้งฐานะทางการเงินเป็นสำคัญ และในการปรับเพิ่มจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวอาจทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นเสนอขอปรับเพิ่มตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พิจารณาความเหมาะสมของจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับพนักงานรัฐวิสาหกิจโดยรวม โดยเฉพาะพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีอายุการทำงานตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป เพื่อให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติเป็นหลักเกณฑ์เดียวกัน และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2748 | ขอความอนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ และเรื่อง การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๒,๔๕๓.๓๗๖๐ ล้านบาท สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป ๒. ส่วนวิธีการจัดหาโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอประกอบการพิจารณา ดังนั้น หากกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) จำเป็นต้องดำเนินการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
2749 | การกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี ๒๕๕๔ เพิ่มเติม จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของ ธปท. ส่วนการขออนุมัติในหลักการให้ ธอส. สามารถกู้เงินกับ ธปท. ในส่วนของวงเงินส่วนกลาง (จำนวน ๔๑,๗๐๐ ล้านบาท) ที่ ธปท. ได้จัดสรรให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ยื่นขอจัดสรรหรือทบทวนวงเงินภายในเวลาที่ ธปท. กำหนด นั้น ให้ ธปท. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการกู้เงินดังกล่าวเมื่อทราบวงเงินกู้ตามผลการพิจารณาของ ธปท. ที่ชัดเจนแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2750 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๑.๒ กำหนดให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๑๐ (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับสินค้านำเข้าที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2751 | ปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ผ่านมาตรการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผ่านกลไกการค้ำประกันในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (มาตรการ PGS) และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยความร่วมมือของธนาคารออมสิน (Soft Loan ออมสิน) ดังนี้
๑. กลุ่มเป้าหมายเป็น SMEs ที่ประกอบธุรกิจทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือเป็น SMEs ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม โดยจะต้องมียอดการสั่งซื้อหรือยอดขายกับคู่ค้าในพื้นที่ประสบอุทกภัยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ โดยธนาคารจะต้องเป็นผู้รับรองและยืนยัน ๒. วงเงินค้ำประกันสูงสุดทุกประเภท/วงเงินให้สินเชื่อสูงสุดทุกประเภทรวมกันไม่เกิน ๓๐ ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน โดยสินเชื่อที่ได้รับจากสถาบันการเงินต้องเป็นสินเชื่อใหม่ และต้องไม่นำไปชำระหนี้เดิมกับสถาบันการเงินผู้ให้กู้ ๓. ระยะเวลารับคำขอ ภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
|||||||||||||||||||||||||||
2752 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม๒๕๕๔ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ธสน. มีสินทรัพย์จำนวน ๗๔,๑๐๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๙๕๒ ล้านบาท มีหนี้สิน ๕๘,๘๓๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๕๒๗ ล้านบาท มีกำไรสุทธิ ๖๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๔๖๐ ล้านบาท มียอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน ๓,๓๔๐ ล้านบาท และได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน ๒,๗๖๕ ล้านบาท ๒. ธสน. มีการอนุมัติสินเชื่อทั้งภายในและต่างประเทศ ๒.๑ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออก การ นำเข้า และการลงทุนภายในประเทศ โดยวงเงินอนุมัติแก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ จำนวน ๑๒๙,๘๖๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๙ ๒.๒ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนนักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีวงเงินอนุมัติ จำนวน ๓๘,๖๒๓ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑.๙๗ ๓. ธสน. มีการให้บริการประกันการส่งออก ๓.๑ การประกันการส่งออกระยะสั้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกในการค้าขายระหว่างประเทศในการป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า ให้การรับประกันผู้ซื้อ ๙๐ ประเทศ มีมูลค่าการรับประกันจำนวน ๑๓๔,๖๙๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓.๙๒ ๓.๒ การประกันการส่งออกระยะกลางและระยะยาว เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินที่มีระยะเวลาการชำระเงินหรือระยะสัญญาเกินกว่า ๑๘๐ วัน แต่ไม่เกิน ๕ ปี โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย ๓.๓ การประกันความเสี่ยงการลงทุน เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการที่โครงการลงทุนของผู้เอาประกันได้รับความเสียหายจากการดำเนินนโยบาย กฎระเบียบ หรือการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลประเทศที่ผู้เอาประกันไปลงทุน โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2753 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี 2554 (1 มกราคม 2554 - 31 ธันวาคม 2554) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี ๒๕๕๔ (๑ มกราคม ๒๕๕๔ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่ออุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย (บตท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. ผลการดำเนินการของ บตท. ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๑,๙๘๐.๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๔๐.๔ ล้านบาท มีหนี้สินรวม ๑,๒๖๑.๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๓๘.๙ ล้านบาท มีรายได้รวม ๑๑๓.๗ มีค่าใช้จ่ายรวม ๑๐๔.๘ ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน ๔.๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓.๘ ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ร้อยละ ๑๘.๘ ๒. บตท. ดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) มาแล้วจำนวน ๔ บริษัท ปัจจุบันคงเหลือเฉพาะนิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (SPV ๔) โดยการออกหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ รวมจำนวน ๔๒๐.๐ ล้านบาท ๓. การพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ๓.๑ โครงการความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตร ๓ แห่ง ในการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ๓.๒ โครงการความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (Developer) โดย บตท. ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้แก่ลูกค้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง ๓.๓ โครงการจัดซื้อสินเชื่อจาก Mortgage Company ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาผู้วิเคราะห์สินเชื่อที่พร้อมให้บริการ คาดว่าจะดำเนินโครงการได้ในปี ๒๕๕๕ ๓.๔ โดยที่ธนาคารกสิกรไทยมีความประสงค์จะขายสินเชื่อให้กับ บตท. ภายในปี ๒๕๕๔ จึงได้ลงนาม MOU ร่วมกันและลงนามในสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ได้ทยอยจัดซื้อสินเชื่อได้จำนวนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกองสินเชื่อที่คัดเลือกไว้ลูกค้าอยู่ในเขตประสบปัญหาอุทกภัย ๔. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการบริหารจัดการกองสินเชื่อปกติ NPL และทรัพย์สินรอการขาย (Non - Performing Asset : NPA) ได้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างใกล้ชิดรวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภายใต้นโยบายและมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2754 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังเพื่อจัดสรรต่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่มูลนิธิเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองในการจัดสร้างละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2755 | การให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมผู้ประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เป็นการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภาคใต้ ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ ชุมพร พังงา นราธิวาส และสตูล ๑.๒ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างเท่านั้น ๑.๓ ผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มเติม จะต้องเป็นผู้รับจ้างที่ได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยบังคับใช้กับสัญญาจ้างก่อสร้างที่ได้ลงนามไว้กับทางราชการก่อนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ หรือสัญญาจ้างก่อสร้างได้ลงนามไว้กับทางราชการตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งสัญญาจ้างดังกล่าว ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และยังมิได้มีการส่งมอบงานงวดสุดท้าย หรือสัญญาดังกล่าวยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ แต่ได้มีการส่งมอบงานงวดสุดท้ายในช่วงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุอุทกภัย ยกเว้นสัญญาที่หน่วยงานได้พิจารณาก่อนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ แล้วว่า จะบอกเลิกสัญญาเนื่องจากคู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือ ๑.๔ หากสัญญาจ้างก่อสร้างอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ ๑.๑ - ๑.๒ ให้หน่วยงานขยายระยะเวลาออกไปอีก จำนวน ๖๐ วัน ต่อเนื่องจากที่ได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย) โดยกรณีสัญญาจ้างก่อสร้างที่ยังอยู่ภายในระยะเวลาตามสัญญา ให้ขยายระยะเวลาโดยนับถัดจากวันสิ้นสุดระยะเวลาที่ขยายตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไว้เดิม ๑.๕ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือฯ จะต้องยื่นคำร้องขอต่อหน่วยงานคู่สัญญาภายใน ๖๐ วัน นับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.๖ สำหรับเงื่อนไขอื่นที่กำหนดไว้ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ได้แก่ กรณีการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างและผู้ประกอบการอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ และกรณีที่หน่วยงานได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับผู้รับจ้าง และได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างก่อนเกิดเหตุอุทกภัย และสัญญานั้นยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ในช่วงเกิดอุทกภัย หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา และยังไม่เคยเข้ามาทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจขอรับความช่วยเหลือฯ ได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีแผนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการเดิม เพื่อไม่ให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าออกไปมากจนเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2756 | มาตรการภาษีเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลก | กค | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลก โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้ามาเพื่อขายหรือการขายอัญมณีที่ยังมิได้เจียระไน การกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินจากการขายอัญมณีบางกรณีให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ และการกำหนดให้มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินได้จากการซื้ออัญมณีที่ยังมิได้เจียระไนในอัตราร้อยละ ๑.๐ ออกไปอีก ๓ ปี จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้ามาเพื่อขายหรือการขายพลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก และอัญมณีที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิได้เจียระไน แต่ไม่รวมถึงสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าวหรือที่ทำขึ้นใหม่ เพชร ไข่มุก และสิ่งทำเทียมเพชรหรือไข่มุกหรือที่ทำขึ้นใหม่ ให้แก่ผู้นำเข้าหรือผู้ขายที่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ที่มีเงินได้พึงประเมินจากการขายพลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก และอัญมณีที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิได้เจียระไน แต่ไม่รวมถึงสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าวหรือที่ทำขึ้นใหม่ เพชร ไข่มุก และสิ่งทำเทียมเพชรหรือไข่มุกหรือที่ทำขึ้นใหม่และได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วตามอัตราที่กฎหมายกำหนดเมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินจากการขายอัญมณีดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินเฉพาะที่เป็นการจ่ายเงินได้จากการซื้อพลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก และอัญมณี ที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิได้เจียระไน แต่ไม่รวมถึงสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าว หรือที่ทำขึ้นใหม่ เพชร ไข่มุก และสิ่งทำเทียมเพชรหรือไข่มุกหรือที่ทำขึ้นใหม่ ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล และมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามพระราชกฤษฎีกาออกตามในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๓๑๑) พ.ศ. ๒๕๔๐ ร้อยละ ๑.๐ ทั้งนี้ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินระหว่างวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินผลมาตรการภาษีในลักษณะเดียวกันที่ได้ดำเนินการแล้วในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ เพื่อเปรียบเทียบผลของการเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย กับผลเสียจากรายได้ที่ลดลงจากการลดและยกเว้นภาษี เพื่อนำมาประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการในการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2757 | ขยายเวลาการส่งมอบรถยนต์และยื่นเอกสารสำหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก | กค | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขยายเวลาการรับและส่งมอบรถยนต์รวมถึงเอกสารหลักฐานของราชการออกไปสำหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ ผู้ขอใช้สิทธิในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกต้องทำการซื้อหรือจองรถยนต์ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และต้องยื่นคำขอใช้สิทธิฯ และเอกสารประกอบการใช้สิทธิฯ ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี) สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิฯ และใบจองรถยนต์ (ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๑.๒ เนื่องจากในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ผู้ขอใช้สิทธิในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกอาจจะยังไม่ได้รับมอบรถยนต์หรือจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกไม่ทันตามกำหนดเวลา ส่งผลให้ไม่สามารถยื่นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ได้ภายในวันสิ้นสุดโครงการฯ (วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) จึงผ่อนผันให้ผู้ขอใช้สิทธิฯ นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายื่น ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา ภายในระยะเวลา ๙๐ วันนับจากวันถัดจากวันรับมอบรถยนต์ ได้แก่ หนังสือสัญญายินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก สำเนาหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ กรณีการซื้อด้วยเงินสด (สำเนาใบเสร็จรับเงินหรือสำเนาสัญญาซื้อขาย และสำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์) กรณีเช่าซื้อ (สำเนาใบเสร็จรับเงิน สำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์ และสำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ) และสำเนาคู่มือจดทะเบียน ๑.๓ หากผู้ขอใช้สิทธิในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกไม่ดำเนินการตามข้อ ๑.๑ และไม่นำเอาเอกสารเพิ่มเติมในข้อ ๑.๒ มายื่น ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ขอใช้สิทธิฯ ไม่ประสงค์จะขอรับเงินคืนตามโครงการฯ และจะเรียกร้องสิทธิฯ และค่าเสียหายใด ๆ กับทางราชการไม่ได้ ทั้งนี้ ให้กรมสรรพสามิตสามารถกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ ๑.๔ ผู้ขอใช้สิทธิในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกจะได้รับเงินคืนหลังจากครอบครองรถยนต์ใหม่คันแรกไปแล้ว ๑ ปี หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด ทั้งนี้ ชื่อผู้ซื้อที่ระบุในใบจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ จะต้องเป็นชื่อบุคคลเดียวกันกับผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิฯ ดังกล่าวเท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นจะไม่ได้รับสิทธิฯ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการซื้อและขายใบจองรถยนต์ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขยายเวลาการส่งมอบรถยนต์และยื่นเอกสารสำหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกจะมีประชาชนมาดำเนินการยื่นเอกสารเป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลังประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์ขั้นตอนในการยื่นเอกสาร เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องถึงกระบวนการต่าง ๆ รวมทั้งบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ขั้นตอนในการดำเนินงานเกิดความรวดเร็ว และสามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการให้ผู้ซื้อที่ระบุในใบจองรถยนต์ตามโครงการฯ และผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อย่างเคร่งครัดต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2758 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง (บ้านหลังแรก) | กค | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง (บ้านหลังแรก) โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ดังนี้
๑. พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๔ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน ๕ ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตน ในระหว่างวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นจำนวนเท่ากับภาษีเงินได้ที่คำนวณจากเงินได้สุทธิหรือที่ต้องชำระก่อนการคำนวณเครดิตภาษี แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ๒. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๒๑๓) เรื่อง กำหนดวิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย กำหนดวิธีการ เงื่อนไข และหลักฐานประกอบการยกเว้นภาษีเงินได้ที่ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร ๓. จากการประมวลผลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี ๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ มีผู้ใช้สิทธิประโยชน์ในการยื่นแบบแสดงรายการฯ ประมาณ ๙,๖๐๐ ราย และเป็นจำนวนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับการยกเว้นประมาณ ๒๒๔.๑๙ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
2759 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย (ร่างกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ กรณีการแลกหุ้น) | กค | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน โดยโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือบริษัทผู้รับโอนกิจการทั้งหมด ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน และการโอนหุ้นที่ได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับการควบรวมเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมด ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน โดยโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือบริษัทผู้รับโอนกิจการทั้งหมด ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน และการโอนหุ้นที่ได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมด เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2760 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....