ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 721 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม รวม 2 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน] | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะการดำเนินการด้านการพาณิชย์หรือการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
และกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ๒. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี
วรรคสาม มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ต่อรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาทไม่ต้องรายงานข้อมูลและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 722 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม รวม 2 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม] | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะการดำเนินการด้านการพาณิชย์หรือการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
และกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ๒. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี
วรรคสาม มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ต่อรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาทไม่ต้องรายงานข้อมูลและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 723 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2563 | นร.11 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ
รวมถึงการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของพระราชกำหนดฯ
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายของโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และโครงการของจังหวัดภายใต้แผนงาน ๓.๒
จำนวน ๕๓ โครงการ
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ควรมีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและชัดเจนในการวางแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้
รวมทั้งควรกำหนดราคาจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม
เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นอกจากนี้ ในส่วนการขยายฐานการใช้สิทธิสำหรับบริษัท (Corporate) ภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ควรพิจารณาขอความร่วมมือบริษัทให้ดำเนินการใช้สิทธิผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศเพื่อให้มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดการกระจายรายได้และเสริมสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศและผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเครือข่ายของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 724 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2563 | นร.10 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุมฯ โดยมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่มอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการ
อาทิ (๑) ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ระบบ E-VISA
สามารถให้บริการได้ครบกระบวนการ
ทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและการปรับปรุงกฎระเบียบให้รองรับระบบดังกล่าว
เพื่อประโยชน์ในการให้บริการชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ (๒)
ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการผ่อนคลายในระยะต่อไป
เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical และ Wellness
Program และการกำหนด Travel Bubble กับประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ
ได้ และ (๓) ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันปรับปรุงระบบการทำงานใหม่
เช่น โครงสร้างราชการ การจัดองค์กร กำลังคนภาครัฐ
การลดจำนวนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน
เพื่อให้เกิดระบบราชการใหม่ที่เหมาะสมกับอนาคตของประเทศ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 725 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 | กษ. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย
ปี ๒๕๖๓ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยให้สามารถฟื้นฟูการผลิตลำไยที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านการผลิตและการตลาด
และส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีแนวทางปฏิบัติต่อสวนลำไยเพื่อประกอบอาชีพชาวสวนลำไยได้อย่างยั่งยืน
เกษตรกร จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ครัวเรือน ภายใต้กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๓,๔๔๐,๐๔๙,๗๓๕ ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ เดือนสิงหาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุนที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงอย่างทั่วถึงและไม่เกิดความซ้ำซ้อน
รวมถึงการลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว
อันจะนำไปสู่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสถานะทางการคลังของประเทศ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือในด้านการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ให้ได้คุณภาพเหมาะสมกับการนำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์
และการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากลำไยที่มีความหลากหลายมากขึ้น
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตลำไย เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 726 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งสิ้น 2,771.1784 ล้านบาท ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท | คค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งสิ้น ๒,๗๗๑.๑๗๘๔ ล้านบาท
ประกอบด้วย กรมทางหลวง วงเงินรวม ๑,๗๑๙.๑๐๐๘ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท วงเงินรวม
๑,๐๕๒.๐๗๗๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ
(Rubber Fender Barrier : RFB) และโครงการติดตั้งหลักนำทางยางธรรมชาติ
(Rubber Guide Post : RGP) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาเลือกจุดดำเนินการ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับอย่างเคร่งครัด และรับรองความพร้อมกำลังการผลิตของสถาบันเกษตรกรในการผลิต
RFB และ RGP ตามปริมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการฯ
ตลอดจนกำกับดูแลการผลิตและการติดตั้งให้มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
และติดตามการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดพัสดุ และวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์ราคายางพาราอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาต่อไป ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 727 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม เพื่อให้ SMEs
สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการ
โดยภาระงบประมาณสำหรับการชดเชยความเสียหายในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๖
ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๙,๑๒๐ ล้านบาท นั้น
เห็นควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน
หากไม่เพียงพอจึงขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะต่อไป ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท การปรับปรุงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ
SMEs อย่างทั่วถึง
การขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และการปรับปรุงและขยายเวลาดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินการดังกล่าวจะต้องอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้เดิมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน
อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต ประกอบกับในการดำเนินการดังกล่าว
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้กำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยง
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก NPLs ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับภาระชดเชย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต
อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
โดยจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑) ควรทบทวนตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นกรณีเร่งด่วน
และเน้นการพิจารณาผลการดำเนินงานจากการผลักดันนโยบายของภาครัฐแทนการพิจารณาผลกำไรจากการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับมอบหมายในช่วงเวลานี้
(๒) ควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเร่งเตรียมบุคลากร กระบวนการ
และระบบการคัดกรองเพื่อออกผลิตภัณฑ์ตามโครงการดังกล่าว
รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องด้วย (๓) โครงการต่าง ๆ
ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และ SMEs ที่เข้าไม่ถึงระบบสถาบันการเงินก่อนเป็นอันดับแรก
และ (๔)
ภาครัฐควรดำเนินการควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs
มีรายได้หมุนเวียนที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคตได้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 728 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 2 | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๓ ตามมาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๒๑๔,๐๙๓.๙๒ ล้านบาท ๑.๒
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่
๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๑.๒.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มสุทธิ ๑๕๘,๕๒๑.๘๕ ล้านบาท
จากเดิม ๑,๔๙๗,๔๙๘.๕๕ ล้านบาท เป็น ๑,๖๕๖,๐๒๐.๔๐ ล้านบาท ๑.๒.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม
ที่มีวงเงินปรับลด ๖๗,๒๖๗.๖๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๐๓๕,๗๗๗.๗๔ ล้านบาท เป็น
๙๖๘,๕๑๐.๑๐ ล้านบาท และการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่มีวงเงินปรับลด ๒๒,๓๒๙.๓๑
ล้านบาท จากเดิม ๓๘๙,๓๗๓.๒๑ ล้านบาท เป็น ๓๖๗,๐๔๓.๙๐ ล้านบาท ๑.๒.๓
อนุมัติการบรรจุรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒ รายการ ได้แก่
เงินกู้เพื่อรองรับกรณีมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ของกระทรวงการคลัง
และเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line สำหรับเบิกเกินบัญชีเพื่อสำรองเผื่อสภาพคล่องทางการเงินขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ๑.๓ อนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ๑.๓.๑
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้ฯ
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ปรับปรุงครั้งที่ ๒
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศ
และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑)
รัฐบาลควรพิจารณาเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (Scenario
Planning) โดยเฉพาะกรณีเลวร้าย (Worse Case) เพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐ
เพื่อเป็นกำลังหลักในการพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป และ (๒) เศรษฐกิจไทยในปี
๒๕๖๓ ยังมีข้อจำกัดในการขยายตัวและมีความไม่แน่นอนสูง
ซึ่งอาจทำให้ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าที่ประมาณการเอาไว้ ดังนั้น
กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องบริหารเงินคงคลังและบริหารเงินกู้ชดเชยขาดดุลให้เหมาะสมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงข้อจำกัดดังกล่าวให้ครบถ้วน เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับกรณีที่หนี้สาธารณะอาจเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่ากรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
รวมทั้งพิจารณาหารายได้จากสินทรัพย์อื่น ๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม
เพื่อลดภาระการใช้เงินกู้ของรัฐบาลในอนาคตด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 729 | (ร่าง) นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 - 2565 (ฉบับปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี) | นร.02 | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ (ฉบับปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
๒๐ ปี) โดยเป็นการปรับปรุงนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๔) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
ที่ได้ประกาศใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสื่อสารมวลชนของประเทศนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่อไป ๑.๒
มอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสื่อสารมวลชนของประเทศดำเนินการตาม (ร่าง)
นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์ฯ (ฉบับปรับปรุงฯ) โดยกำหนดแผนงาน โครงการ ตัวชี้วัดประจำปีให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดภาพรวมของ
(ร่าง) นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์ฯ (ฉบับปรับปรุงฯ) แล้วนำแผนงาน โครงการ
ตัวชี้วัดประจำปีดังกล่าวบรรจุเข้าสู่แผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน
พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและในระบบ eMENSCR
ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินการในด้านต่าง
ๆ เช่น การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารในภาวะวิกฤต
การมุ่งเน้นรูปแบบการคิดนอกกรอบและการคิดสร้างสรรค์ในยุคที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
เพื่อลดการเกิดข่าวลวง (Fake News) ควรมีหลักสูตรเพื่อเพิ่มทักษะการสื่อสารด้านการต่างประเทศเพื่อรองรับภารกิจการผลิตข้อมูลข่าวสารและสื่อที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศที่มีคุณภาพ
ควรทบทวนการกำหนดตัวชี้วัดในแต่ละแนวทางการพัฒนาทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 730 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๑ ในส่วนของค่าประกันรายได้ จำนวน ๒,๓๔๗,๙๐๐,๓๒๙.๓๒ บาท
และเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน บวก ๑ ในอัตราร้อยละ ๒.๔๐ จำนวน
๕๖,๓๔๙,๖๐๗.๙๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๐๔,๒๔๙,๙๓๗.๒๒ บาท โดยใช้เงินทุนสำรองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอตั้งงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการต้นทางเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตในสวนยางให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในการควบคุมและส่งเสริมการลดพื้นที่การทำสวนยาง
การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีศักยภาพทดแทนสวนยาง และการลดจำนวนต้นยางเพื่อปลูกพืชแซมยาง
พืชร่วมยาง และทำอาชีพเสริมในสวนยาง รวมทั้งมาตรการกลางและปลายทาง
เพื่อส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเป็นไปตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ
๒๐ ปี ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
โดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณให้กับประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒
การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง
และการเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง)
ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง
(ยางแห้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรให้มีการพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
(๒) ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติมเพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน
(๓) ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน
อาทิเช่น การลงทะเบียนจำนวนเกษตรกร ผลผลิต การจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงิน
ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการต่าง
ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป และ
(๔) ต้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนให้กับทุกภาคส่วน และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณา และหากมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 731 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑.
ที่ประชุมรับทราบการแก้ไขปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมสับปะรดของกระทรวงแรงงาน
ในประเด็นการจ่ายค่าจ้างแก่แรงงานต่างด้าวตามระยะเวลาที่โรงงานอุตสาหกรรมสับปะรดเปิดดำเนินการผลิตจริง
(ปีละ ๙ เดือน) แทนการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานที่ทำไว้ตลอดปี
และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดปรับปรุงบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างงานสำหรับแรงงานต่างด้าวให้รองรับแรงงานในอุตสาหกรรมสินค้าเกษตรต่อเนื่อง
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๒.
ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์สับปะรดปี ๒๕๖๓ และรับทราบผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สับปะรดปี
๒๕๖๒ และแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย ด้านการผลิต ด้านการแปรรูป และด้านการตลาด
และมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ประสงค์จะตรวจรับรองแปลงมาขึ้นทะเบียน
รวมทั้งให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการวิจัยสับปะรดของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรีในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๓.
ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์สับปะรดปี ๒๕๖๐-๒๕๖๙
เป็นแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
โดยให้เพิ่มเติมผู้แทนสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นองค์ประกอบคณะอนุกรรมการ
พร้อมยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เสนอประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเพื่อลงนามต่อไป
๔. ที่ประชุมเห็นชอบหลักการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรดที่สอดคล้องกับนโยบาย
“การตลาดนำการผลิต”
โดยหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัดบริหารจัดทำข้อมูลการผลิต
การตลาด และแผนบริหารผลผลิตสับปะรดในช่วงปกติและช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
โดยคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัดบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จภายในจังหวัด
ส่วนจังหวัดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของจังหวัดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 732 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (จังหวัดระยอง) | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
๑ (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ในวันอังคารที่ ๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัดระยอง และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
๑ ได้แก่ (๑)
การพัฒนาความพร้อมของพื้นที่เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมมุ่งสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
(๒) การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล (๓)
การปรับปรุงมาตรฐานสินค้าและธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว (๔)
การแก้ไขปัญหาวิกฤตมลพิษและพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (๕)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ (๖) การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่
รวมถึงความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวภายหลังเหตุการณ์ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-๑๙
ในพื้นที่จังหวัดระยอง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 733 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานและเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๑ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติข้อ ๑
เฉพาะในส่วนที่อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า “ขอให้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง
การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ มีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล” ๑.๒ ให้ยกเลิกมติข้อ ๖ ที่กำหนดว่า
“ในส่วนของการประกวดราคาค่าจ้างก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อพิจารณาวิธีการประกวดราคาโครงการฯ ที่เหมาะสม ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด” และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พิจารณาถึงกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี ความคุ้มค่า
ต้นทุน และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ นอกจากนี้
ควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามให้ รฟท.
เร่งดำเนินโครงการลงทุนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบให้เป็นไปตามแผนดำเนินการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงและจัดหารถจักรและล้อเลื่อนให้มีความพร้อมและสามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตภายหลังจากที่ได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๑ และรถไฟสายใหม่ จำนวน ๒ เส้นทาง แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ในการเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล รฟท. ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มแผนงานหรือโครงการ
ให้ส่วนราชการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า จัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น
ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 734 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... | นร15 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
มีหน้าที่และอำนาจในการให้ความเห็น
และข้อเสนอแนะแก่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และหน่วยงานของรัฐ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง
แก้ไข
หรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎที่มีผลใช้บังคับอยู่หรือการเสนอกฎหมายหรือกฎที่ต้องจัดทำขึ้นใหม่
ตลอดจนกำหนดให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการให้แก่คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน อยู่ระหว่างการจัดทำปรับปรุงเพิ่มเติมแผนการปฏิรูปประเทศ
ซึ่งได้กำหนดให้มีการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
จึงเห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนพิจารณาใช้ประกอบการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 735 | การปรับปรุงกลไกการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาล | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและมาตรฐานสากล
เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวมุสลิมทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลเพื่อการส่งออก
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม
และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงกลไกและกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลให้ชัดเจน
เหมาะสม และมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกรณีที่กระทำการไม่ถูกต้องตามหลักการฮาลาลด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 736 | การกำหนดเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษากรรมการสรรหา กรรมการประเมินผล และอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558 | พปส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ ที่ปรึกษา กรรมการสรรหา กรรมการประเมินผล
และอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยนำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน
๒๕๔๗ และวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ มาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดเบี้ยประชุมดังกล่าว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)
ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ
และให้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.
เกี่ยวกับการกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่น (ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)
ของกรรมการในคณะกรรมการกองทุนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งมิได้เป็นข้าราชการพลเรือน
เนื่องจากสิทธิในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงแตกต่างกัน
จึงควรพิจารณากำหนดให้ชัดเจนว่า
จะพิจารณาให้กรรมการดังกล่าวเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางในอัตราที่ทางราชการกำหนด
สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือปลัดกระทรวง นอกจากนี้
ขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัดตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง
การขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ เรื่อง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน
และหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ
ที่ปรึกษา และอนุกรรมการขององค์การมหาชน) ที่มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เร่งดำเนินการรวบรวมหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์การมหาชน
และแจ้งให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลองค์การมหาชนและองค์การมหาชนทุกแห่งทราบ
เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 737 | การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง (แม่น้ำเจ้าพระยา บึงบอระเพ็ด และบึงสีไฟ) | นร. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไข
ปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง
ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำและเป็นเส้นทางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
อันจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยของประชาชน
จึงมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องในเรื่องสำคัญเร่งด่วน
ดังต่อไปนี้ ๑. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและเร่งรัดการพัฒนาและฟื้นฟูสภาพของบึงบอระเพ็ด
จังหวัดนครสวรรค์ และบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
ให้เป็นพื้นที่ชะลอและรองรับน้ำหลากในช่วงฤดูฝนและสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในช่วงฤดูแล้ง
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแนวทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำของประชาชน
รวมทั้งการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ การแก้ไขปัญหามลภาวะและคุณภาพน้ำในคลองแสนแสบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 738 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน 2563 | นร11 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การจัดทำโครงการสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ การเตรียมการปรับปรุงแผนแม่บท และการรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๒ ต่อสภาผู้แทนราษฎร และต่อสมาชิกวุฒิสภา เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 739 | การรับรองการปรับปรุงรายการข้อสงวนของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement) | นร13 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 740 | ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับแนวทางการร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร09 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับแนวทางการร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาต การออกใบอนุญาตใบแทนใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ไม่ควรกำหนดหรือใช้โทษทางอาญาเกี่ยวกับการไม่แจ้งข้อมูล ซึ่งมีหน้าที่ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ควรกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งไม่ขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือการแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย การกำหนดมาตรการจูงใจแทนมาตรการบังคับลงโทษ การไม่อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ควรกำหนดเป็นความผิดทางอาญา และให้ยกเลิกโทษอาญาในเรื่องที่เป็นทางแพ่งโดยแท้ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นแนวทางการร่างกฎหมายต่อไป รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามแนวทางการร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเคร่งครัดต่อไป และให้หน่วยงานของรัฐที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายถือปฏิบัติตามแนวทางการร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นผู้ประสานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ในการเปลี่ยนผ่านการให้บริการไปสู่การให้บริการในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
