ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม เพื่อให้ SMEs
สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการ
โดยภาระงบประมาณสำหรับการชดเชยความเสียหายในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๖
ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๙,๑๒๐ ล้านบาท นั้น
เห็นควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน
หากไม่เพียงพอจึงขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะต่อไป ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท การปรับปรุงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ
SMEs อย่างทั่วถึง
การขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และการปรับปรุงและขยายเวลาดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินการดังกล่าวจะต้องอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้เดิมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน
อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต ประกอบกับในการดำเนินการดังกล่าว
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้กำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยง
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก NPLs ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับภาระชดเชย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต
อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
โดยจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑) ควรทบทวนตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นกรณีเร่งด่วน
และเน้นการพิจารณาผลการดำเนินงานจากการผลักดันนโยบายของภาครัฐแทนการพิจารณาผลกำไรจากการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับมอบหมายในช่วงเวลานี้
(๒) ควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเร่งเตรียมบุคลากร กระบวนการ
และระบบการคัดกรองเพื่อออกผลิตภัณฑ์ตามโครงการดังกล่าว
รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องด้วย (๓) โครงการต่าง ๆ
ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และ SMEs ที่เข้าไม่ถึงระบบสถาบันการเงินก่อนเป็นอันดับแรก
และ (๔)
ภาครัฐควรดำเนินการควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs
มีรายได้หมุนเวียนที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคตได้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|