ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 761 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (FEALAC FMM) ครั้งที่ 9 ณ สาธารณรัฐโดมินิกัน และเอกสาร Santo Domingo Declaration | กต | 26/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา [Forum for East Asia-Latin America Cooperation : FEALAC FMM (Foreign Ministers Meeting)] ครั้งที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๗-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองปฏิญญากรุงซันโตโดมิงโก “๒๐ ปี : ปฏิบัติการใหม่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” (Santo Domingo Declaration “20 Years : New Actions for a Better Future”) และเห็นชอบการปรับปรุงข้อกำหนดเงื่อนไขกองทุน FEALAC เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกเสนอโครงการได้โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ๒ ใน ๓ ของคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุน และการจัดประชุมระดับผู้นำสมัยพิเศษ (Special Commemorative Summit) ในโอกาสที่เหมาะสม นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้มีการหารือในประเด็นอื่น ๆ กับผู้แทนคิวบา โดยเห็นพ้องที่จะส่งเสริมและขยายความร่วมมือในมิติที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะสาขาการแพทย์และอุตสาหกรรมยา การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งฝ่ายคิวบาประสงค์จะรับองค์ความรู้จากไทย ตลอดจนการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งหารือกับผู้แทนโดมินิกันเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา และความร่วมมือทางวิชาการในด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 762 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการ เลขานุการคณะกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ศย | 26/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกรอบระยะเวลาของกระบวนการโต้แย้งเขตอำนาจศาล แก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาการพิจารณาคำร้องขอให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล กรณีคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดระหว่างศาลขัดแย้งกัน กำหนดให้มีผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลและได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. เห็นชอบพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการ เลขานุการคณะกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราประโยชน์ตอบแทนประธานกรรมการ กรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลใช้บังคับไม่ก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑ มีผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 763 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 26/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า (๑) อำนาจหน้าที่ของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติที่ปรับปรุงใหม่ได้ครอบคลุมการกำหนดและเสนอแนะนโยบาย มาตรการและแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ ที่อาจมีความซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว และคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (๒) ควรพิจารณาเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลรองรับองค์ประกอบของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติในวาระเริ่มแรกให้ปฏิบัติหน้าที่ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ได้ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามร่างข้อ ๖ (๖) เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติมีความต่อเนื่องสามารถบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อไปได้ และ (๓) ควรปรับร่างข้อ ๑๕ ที่กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับเฉพาะกรณีระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ และการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นการอุดช่องว่างของกฎหมายและลดปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๔๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 764 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 26/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขบทนิยาม “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน หน้าที่กรมพัฒนาที่ดิน และแก้ไขเพิ่มเติมให้เกษตรกรสามารถขอใช้บริการวิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือสิ่งปรับปรุงดินจากหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และให้ผู้ที่ประสงค์ในการยื่นคำขอใช้บริการเกี่ยวกับการปรับปรุงดินหรือที่ดินอนุรักษ์ดินและน้ำ บริการแผนที่ ข้อมูลทางแผนที่ สามารถยื่นคำขอต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่โดยการเสียค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การแก้ไขบทนิยามคำว่า “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” ควรกำหนดขอบเขต/พื้นที่ดำเนินงาน กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพในการจัดสรรและใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในภาพรวม (๒) ภารกิจของกรมพัฒนาที่ดิน ในส่วนของการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กซึ่งเป็นไปตามบทนิยามคำว่า “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” จะต้องคำนึงถึงพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ ที่กำหนดให้กรมพัฒนาที่ดินถ่ายโอนภารกิจการพัฒนาและปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กตามขอบเขตการถ่ายโอน ขั้นตอน/วิธีปฏิบัติของแผนฯ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแทน จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนหรือกำหนดบทบาทความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป และ (๓) เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดินฯ ได้แก้ไขบทนิยามคำว่า “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” จึงควรดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา ๓๕ (๑) และมาตรา ๑๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมพัฒนาที่ดินประชาสัมพันธ์บทบาทและภารกิจของกรมพัฒนาที่ดินที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดินฯ เพื่อการเข้าถึงบริการและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร ตลอดจนควรติดตามและเฝ้าระวังกรณีการปนเปื้อนจากสารเคมีหรือมลพิษที่อาจส่งผลต่อความเสื่อมโทรมของดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายสำหรับควบคุมมลพิษได้อย่างเหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 765 | รายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | กสทช | 19/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานการปรับปรุงแผนการดำเนินการและกรอบระยะเวลาการดำเนินการในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเพิ่มเติมเนื้อหานิยามคำว่า “การหลอมรวม” และเพิ่มเติมรายละเอียดการจัดทำหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการในการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีความชัดเจนกระชับรวดเร็วขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 766 | การขอขยายปริมาณในโควตาการนำเข้าสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2563 เพิ่มเติม | กษ | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายปริมาณในโควตาการนำเข้าสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี ๒๕๖๓ เพิ่มเติม จำนวน ๖,๔๐๐ ตัน โดยการขยายปริมาณโควตาดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งภายในประเทศ เนื่องจากการนำเข้าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าในช่วงการปลูกมันฝรั่งนอกฤดู (เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม) ซึ่งผลผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรม และมีการทำสัญญารับซื้อผลผลิตระหว่างผู้ประกอบการนำเข้ากับเกษตรกร โดยกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำตามที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง กำหนด ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การจัดสรรโควตาเพิ่มเติม ควรยึดหลักความจำเป็นและเดือดร้อนของผู้ประกอบการ โดยให้พิจารณาปริมาณการนำเข้าตามโควตาที่ได้รับการจัดสรรในคราวแรกให้แล้วเสร็จเกินครึ่งก่อนพิจารณาจัดสรรปริมาณโควตานำเข้าเพิ่มเติมต่อไป และควรพิจารณากำหนดปริมาณโควตานำเข้าในระดับที่เหมาะสมในรอบปีต่อไป โดยพิจารณาจากศักยภาพและแผนการส่งเสริมการเพาะปลูกในประเทศ รวมถึงแนวโน้มความต้องการวัตถุดิบในอุตสาหกรรมที่จะใช้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการเพิ่มปริมาณผลผลิตหัวมันฝรั่งสดภายในประเทศทดแทนการนำเข้า เช่น การส่งเสริมการเพาะปลูกมันฝรั่งสดทดแทนพืชชนิดอื่น และการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตหัวมันฝรั่งสดเพื่อลดปริมาณการนำเข้าและให้มีผลผลิตหัวมันฝรั่งสดเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้กำกับดูแลไม่ให้เกิดกรณีผลผลิตหัวมันฝรั่งสดออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตและเกษตรกรผู้เพาะปลูกด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 767 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่นำจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเปิดเผยในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.go.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และเอกสารประกอบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 768 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่ได้ปรับปรุงรายละเอียดแล้ว ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องตามมาตรา ๑๙ ของพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ เห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 769 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2562) | นร11 | 05/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๒) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๒ มีกิจกรรมที่สำคัญในการปฏิรูปประเทศ เช่น ด้านการเมือง ด้านกระบวนการยุติธรรม และด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น สำหรับกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศในรอบเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๒ ไม่มีกฎหมายแล้วเสร็จเพิ่มเติม โดยจากกฎหมายภายใต้แผนฯ จำนวน ๒๑๖ ฉบับ มีกฎหมายแล้วเสร็จ จำนวน ๔๘ ฉบับ ๒. การปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ เช่น ประเด็นกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) มีความคืบหน้าในประเด็นนี้ คือ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.. .... และร่างพระราชบัญญัติสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ขึ้นมาดำเนินการแทนคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แล้ว และประเด็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่ยังไม่ได้ระบุอยู่ในแผนการปฏิรูปประเทศด้านใด เช่น การปรับโครงสร้างภาษี e-commerce ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศแล้ว และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศได้เสนอแนะกิจกรรมที่หน่วยงานของรัฐควรเร่งรัดดำเนินการ (Big Rock) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เช่น แผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น ๓. ปัญหาอุปสรรค แผนการปฏิรูปประเทศส่วนใหญ่ได้ระบุลำดับขั้นตอนของกิจกรรมไว้ แต่มีอุปสรรคในการดำเนินกิจกรรมสำคัญบางประการ โดยเฉพาะการจัดทำและปรับปรุงกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ ทำให้การดำเนินการกิจกรรมตามแผนในลำดับถัดไปเกิดความล่าช้า เช่น กฎหมายการศึกษาแห่งชาติ และบางแผนการปฏิรูปมิได้ระบุลำดับความสำคัญระหว่างเรื่องและประเด็นปฏิรูปไว้ จึงอาจขาดความชัดเจนในการขับเคลื่อน ดังนั้น จึงควรพิจารณากำหนดเรื่องหรือกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่มีนัยสำคัญและส่งผลประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้างให้ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสามารถแปลงแผนไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างครบถ้วน รวมทั้งเพื่อใช้ประกอบการติดตามและเร่งรัดให้บรรลุเป้าหมายและผลอันพึงประสงค์ของการปฏิรูปประเทศในแต่ละด้าน ๔. การดำเนินการระยะต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะนำเสนอร่างแผนการปฏิรูปประเทศฉบับปรับปรุงต่อที่ประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปประเทศเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะรัฐมนตรีพิจารณา และรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 770 | การทบทวนรายชื่อผู้แทนไทยที่จะทำหน้าที่ในคณะผู้พิจารณา (Panel) และองค์กรอุทธรณ์ (Appellate Body) ภายใต้พิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism : EDSM) | พณ | 05/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
๑. เห็นชอบรายชื่อผู้แทนไทยที่มีคุณสมบัติเข้าดำรงตำแหน่งผู้พิจารณาและสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ภายใต้พิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism : EDSM) ดังนี้ ๑.๑ ผู้พิจารณา (Panelists) จำนวน ๓ คน ได้แก่ ๑.๑.๑ ดร.พรชัย ด่านวิวัฒน์ ๑.๑.๒ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ๑.๑.๓ นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ๑.๒ สมาชิกองค์กรอุทธรณ์ (Appellate Body Members) จำนวน ๒ คน ได้แก่ ๑.๒.๑ ดร.อนันต์ จันทรโอภากร ๑.๒.๒ ดร.สุทัศน์ เศรษฐบุญสร้าง ๒. หากมีเหตุจำเป็นที่ผู้พิจารณาของไทยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่พิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียนกำหนดไว้ หรือหากจะมีการปรับปรุงรายชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่ในคณะผู้พิจารณาในอนาคต มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการสรรหาผู้พิจารณาคนใหม่ได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 771 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 05/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยตั้งกองใหม่ ๒ กอง คือ กองงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ และกองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาภาค แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจใหม่ ๒ กอง คือ กองยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคกลาง และยังคงสถานะเดิม จำนวน ๑๘ ศูนย์/สำนัก/กอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 772 | ร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 พ.ศ. .... | กห | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรายการยุทธภัณฑ์และเพิ่มเติมรายชื่อสารเคมีให้เป็นปัจจุบัน มีความทันสมัย ครบถ้วนเป็นไปตามหลักสากลและสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธะผูกพัน รวมทั้งตัดรายการยุทธภัณฑ์บางรายการที่มีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น ตลอดจนเพื่อให้การกำหนดยุทธภัณฑ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรเพิ่มข้อความในข้อ ๒.๑.๓.๒๒ ของร่างประกาศ เป็น “หน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีสารชีวภาพทางทหารซึ่งสามารถให้การป้องกันต่อสารเคมี (Chemical Agents) และสารชีวภาพ (Biological Agents) ที่เป็นของแข็ง เป็นของเหลว เป็นแก๊ส เป็นไอ หรือเป็นละอองลอย (Aerosol) สารกัมมันตรังสีและสารนิวเคลียร์ เฉพาะที่มีลักษณะดังต่อไปนี้” และทบทวนการเขียนข้อความตอนท้ายของข้อ (๒) ให้ชัดเจนว่า วัตถุประสงค์ที่เขียนไว้เป็นคุณสมบัติของหน้ากากที่ต้องการหรือหน้ากากที่ยกเว้น (ไม่ต้องการ) กรณีที่เป็นวัตถุประสงค์ของหน้ากากที่ต้องการควรระบุไว้ท้ายประโยคของหน้ากากที่ต้องการ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนก่อนตามด้วย “ยกเว้น...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ขอให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการอนุญาตสารเคมีดังกล่าวให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 773 | แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 - 2570) | อก | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๐) ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อวางกรอบแนวทางการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารในอนาคตแห่งอาเซียนควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยมีมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย ๔ มาตรการ ได้แก่ มาตรการสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ (Food Warriors) มาตรการสร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต (Future Food Innovation) มาตรการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (New Marketing Platform) และมาตรการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรม (Enabling) และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควร (๑) กำหนดแผนการดำเนินงานให้ชัดเจน มีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ตามตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการฯ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อนำไปต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ (๒) ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ โดยคำนึงถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าอาหารสะอาดที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในตลาดโลก ค่านิยม และมาตรฐานการผลิตที่เป็นสากล เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและความปลอดภัย (Food Safety) ของอาหารแปรรูปของไทย (๓) เน้นมาตรการที่ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีศักยภาพให้มีโอกาสในต่างประเทศ มีความเข้าใจตลาด เข้าถึงโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เด่นในด้านคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดในต่างประเทศ (๔) มุ่งเป้าสู่การส่งเสริมสถานะของผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยในฐานะที่เป็น Clean Cuisine ที่โดดเด่นของโลก และ (๕) เร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้าง องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติให้เป็นกลไกคณะกรรมการระดับชาติในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ และนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๐) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 774 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช | กษ | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ว่าที่ร้อยตรีชนะ ไชยชนะ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคเหนือ ๒. นายธวัชชัย ถนอมลิขิต ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคกลาง ๓. นายบุญถม วงศรีเทพ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายวรพจน์ กุศลสงเคราะห์กุล ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออก ๕. นายวิเชียร เอกศิริวรานนท์ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันตก ๖. นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคใต้ ๗. นางสาวภัทรพร ภักดีฉนวน ผู้แทนนักวิชาการด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. นางสาววิมล พรหมทา ผู้แทนนักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นางกนกพร ดิษฐกระจันทร์ ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางสาวกัญญณัช ศิริธัญญา ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. นายปิยะ กิตติภาดากุล ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์ และขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางฐะปานี อาตมางกูร ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 775 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 1 | กค | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 776 | ร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน | พม | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ซึ่งได้มีการปรับปรุงหลักการของมาตรการฯ จาก ๗ ข้อ เป็น ๑๒ ข้อ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๓ แล้ว โดยมาตรการฯ ที่ปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย (๑) ข้อ ๑-๔ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำคู่มือ และการปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรและสภาพแวดล้อมภายในองค์กร (๒) ข้อ ๕-๘ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับช่องทางการร้องทุกข์ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาภายในหน่วยงาน และ (๓) ข้อ ๙-๑๒ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียน พยาน และผู้ถูกร้องเรียน รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการให้ความช่วยเหลือ ชดเชย และเยียวยา หรือบรรเทาทุกข์แก่บุคคลซึ่งตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานเพื่อเป็นหลักประกันให้บุคคลได้รับความคุ้มครองและได้รับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบการให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) เป็นศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) สร้างความเข้าใจกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงภาคเอกชนในการดำเนินการตามมาตรการฯ ให้ถูกต้องและทั่วถึง ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ ไปยังศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 777 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | นร09 | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 778 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าตอบแทนรายปีสำหรับผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคาร หรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำ พ.ศ. .... | คค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าตอบแทนรายปีสำหรับผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ โดยกำหนดวิธีการเสียค่าตอบแทนรายปี อัตราค่าตอบแทนรายปี และการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าตอบแทนรายปีให้ผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าว ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 779 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงภารกิจหน้าที่ของกรมประมงและความรับผิดชอบของหน่วยงานระดับกรมให้มีความชัดเจนสอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น โดยไม่เพิ่มจำนวนบุคลากร และไม่เพิ่มจำนวนกอง เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 780 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๒,๙๑๐.๓๙ ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐๖.๖๑ ล้านบาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงิน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวกร้อยละ ๑ ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินรวม ๒,๙๘๐.๒๔ ล้านบาท ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกร ทั้งในส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ (Tier 1 และ Tier 2) พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมาย และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๕ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยพิจารณากำหนดรูปแบบการประเมินความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๓ ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องไม่เกินสัดส่วนตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม มาใช้ประกอบการคิดอัตราเบี้ยประกันภัยและการพัฒนาระบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีในปีต่อไป ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๓.๑ ให้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ทั้งในส่วนของการรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ (Tier 2) รวมถึงการส่งเสริมให้ ธ.ก.ส. ร่วมจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ และการประเมินและศึกษาแนวทางการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัยตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓.๒ ให้เร่งดำเนินการนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูกข้าวนาปีทั้งฤดูการผลิต ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๐ และเรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
