ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 741 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้า ในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) | กค | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน (Concessional Loan) ทั้งจำนวน วงเงินกู้ จำนวน ๑,๔๕๘,๒๔๘,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ บาท ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๔ กรณีเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามจำนวนที่ชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย เพื่อชำระคืนแหล่งเงินกู้ไปก่อน และเมื่อสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) สามารถเรียกเก็บหนี้ได้จะนำเงินดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป ๒. ในส่วนของภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) พิจารณานำเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่นมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้รวมถึงกรณีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 742 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการเครื่องเฮลิคอปเตอร์ (จำนวนที่นั่งไม่น้อยกว่า 14 ที่นั่ง) ขนาด 2 เครื่องยนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 1 ลำ ไปเป็นเครื่องบินขนาดกลาง แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 1 ลำ เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวง | กษ | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จากรายการเครื่องเฮลิคอปเตอร์ (จำนวนที่นั่งไม่น้อยกว่า ๑๔ ที่นั่ง) ขนาด ๒ เครื่องยนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ๑ ลำ เป็นรายการเครื่องบินขนาดกลาง แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑ ลำ เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวง ภายในวงเงิน ๕๖๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามผลการจัดซื้อเครื่องบินขนาดกลาง ที่ได้จัดซื้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว จำนวน ๗๔,๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๙๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งพิจารณายกเว้นไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 743 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 | มท | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราภาษีป้ายสำหรับป้ายที่มีตัวอักษรไทยล้วน หรือป้ายที่มีตัวอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและปนกับภาพหรือเครื่องหมายอื่น หรือป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ และกำหนดอัตราภาษีป้ายขึ้นใหม่สำหรับป้ายซึ่งมีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ โดยเครื่องจักรกลหรือโดยวิธีใด ๆ และกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรคำนึงถึงช่วงเวลาการนำร่างกฎกระทรวงฯ มาบังคับใช้ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ครบกำหนดระยะบังคับใช้ ๓ ปีแล้ว ควรมีการทบทวนการกำหนดอัตราภาษีใหม่เพื่อให้อัตราภาษีสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 744 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. .... | พน | 08/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ เพี่อกำหนดค่ามาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบัน และกำหนดวิธีการตรวจสอบการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่สอดคล้องกับการขออนุญาตก่อสร้างหรือการดัดแปลงอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและควบคุมการออกแบบอาคารก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 745 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอำนวยการโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ | ศธ | 08/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอำนวยการโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป โดยมีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคงเดิม ดังนี้
๑. รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่ได้รับมอบหมาย จากเดิมตำแหน่ง “กรรมการ” เป็นตำแหน่ง “กรรมการและเลขานุการ” ๒. ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ จากเดิมตำแหน่ง “กรรมการ” เป็นตำแหน่ง “กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ๓. ผู้แทนสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ จากเดิมตำแหน่ง “กรรมการ” เป็นตำแหน่ง “กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ๔. เปลี่ยนตำแหน่งของกรรมการจากการระบุชื่อ “นางเจิดฤดี ชินเวโรจน์” เป็นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 746 | การปรับปรุงกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ รวม 3 ฉบับ | กค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าระหว่างผู้ค้าหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ที่ให้บริการเป็นตัวกลางด้านหน่วยลงทุน เพื่อให้สามารถบริการภายใต้การจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม (บลจ.) บริษัทหนึ่งบริษัทใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจัดการโดย บลจ. หลายบริษัท และแก้ไขเพิ่มเติมการกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่รัฐมนตรีกำหนดเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 747 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับมาตรการที่จะกำหนดไว้ในประกาศกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมต้องมีความเข้มงวดกว่ามาตรการที่กำหนดไว้ในกฎหมายอื่น หรือเป็นมาตรการที่มีลักษณะเป็นการเฉพาะและพื้นที่ที่จะประกาศกำหนดเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมควรเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 748 | การปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๔ แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จากเดิมอัตราร้อยละ ๐.๒๕ ต่อปี ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน เป็นอัตราร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน เป็นระยะเวลา ๒ ปี สำหรับการนำส่งเงินในปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจควรบริหารสภาพคล่องอันเนื่องมาจากการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือดำเนินการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมรองรับมาตรการของรัฐที่อาจมีเพิ่มเติมในระยะถัดไป และกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจควรดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนด รวมถึงบริหารผลกระทบที่มีต่อสภาพคล่องของกองทุน เพื่อมิให้กระทบต่อหน้าที่ในการพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะ ให้มั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 749 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สภาผู้แทนราษฎร | คค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. กรณีรายงานผลการศึกษาการขยายสัมปทานทางด่วนของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแล้ว ซี่งการแก้ไขสัญญาทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ต้องนำส่วนแบ่งรายได้ไปชำระหนี้ให้แก่เอกชน และยังมีการแบ่งสัดส่วนรายได้ในอัตราเดิม และมีผลทำให้ข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกับคู่สัญญายุติลง ซึ่งรวมถึงข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตภายใต้สัญญาเดิมด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถยกเว้นค่าผ่านทางในเทศกาลต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนได้ด้วย ๒. กรณีรายงานผลการศึกษาการขยายสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวของบีทีเอสของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในการขยายสัญญาร่วมทุนในเรื่องนี้ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๒ เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ซึ่งขอบเขตของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว จะมีผลให้เอกชนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนกรุงเทพมหานครในช่วงต้นโครงการ และกรุงเทพมหานครได้รับส่วนแบ่งจากค่าโดยสาร สถานีเชื่อมต่อการเดินทาง อัตราค่าโดยสารตามสัญญาร่วมทุนมีราคาน้อยกว่าหรือเท่ากับอัตราค่าโดยสารที่มีการจัดเก็บในปัจจุบัน และอัตราค่าโดยสารตลอดสายสูงสุด ๖๕ บาท และรวมการปรับปรุงบริเวณสถานีตากสินไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้สถานีสีลมมีค่าความถี่การให้บริการดีขึ้น สำหรับต้นทุนภาระทางการเงิน ๑๐๗,๐๐๐ ล้านบาท ในการสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น กรุงเทพมหานครจะนำเงินรายได้ของโครงการมาชำระค่างานโยธา ดอกเบี้ย และภาระอื่น ๆ สำหรับส่วนต่อขยายที่ ๒ จากการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 750 | รายงานผลการเข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ 3 (Winter Youth Olympic Games 2020) และการประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (IOC) ณ สมาพันธรัฐสวิส | กก | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ ๓ (Winter Youth Olympic Games 2020) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ และการประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (The International Olympic Committee : IOC) ณ โอลิมปิกเฮ้าส์ สมาพันธรัฐสวิส เพื่อแสดงเจตจำนงในการที่ประเทศไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อน ครั้งที่ ๕ ค.ศ. ๒๐๒๖ (พ.ศ. ๒๕๖๙) และขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมหารือในการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ ๓ มีนักกีฬาจากประเทศไทย จำนวน ๕ คน เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเภทสกี ซึ่งผลการแข่งขันแม้นักกีฬาจากประเทศไทยไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันดังกล่าวได้ แต่นักกีฬาทุกคนทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ ๒. การประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (IOC) ได้รับทราบถึงข้อมูลกระบวนการรูปแบบใหม่ในการคัดเลือกเจ้าภาพ ซึ่งคณะกรรมการ IOC ได้ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ IOC ในการปรับปรุงกีฬาโอลิมปิกเยาวชนให้มีความทันสมัย โดยใช้ชื่อว่า YOG 2.0 มุ่งเน้นให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน ขยายการจัดออกไปยังดินแดนประเทศใหม่ ๆ ประหยัดงบประมาณ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของสังคม และทำให้เมืองเจ้าภาพได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประเทศไทยในการวางแนวทางสำหรับการเสนอตัวในขั้นตอนต่อ ๆ ไป ตามปฏิทินของคณะกรรมการ IOC
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 751 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ | 23/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒ รวมทั้งเห็นชอบการดำเนินการที่สำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง เช่น การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง การเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และการเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 752 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พณ | 23/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท การควบรวมบริษัท การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อลดอุปสรรคและเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในส่วนของการจ่ายเงินปันผลและการควบรวมบริษัทจำกัดเข้ากัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 753 | ขออนุมัติค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา ค่าก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมราชบัณฑิตยสภา และขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภาดำเนินการปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติศาสตร์ราชบัณฑิตยสภา และก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมราชบัณฑิตยสภาและอื่น ๆ ภายในกรอบวงเงิน ๓๕๔,๓๕๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารดังกล่าวเป็นโบราณสถาน ประกอบกับเงื่อนไขการเช่าอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนมีผลทำให้การดำเนินการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตและอยู่ภายในการควบคุมดูแลของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนของกฎหมายหรือเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงการจัดทำประมาณราคา แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง และรายละเอียดครุภัณฑ์ ทั้งนี้ เมื่อสำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้พิจารณาดำเนินการตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภารับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ให้หน่วยงานถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 754 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | นร09 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยเป็นการปรับปรุงจากร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว เพื่อให้เป็นประกาศกลางในการกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ออกร่วมกันโดยรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำฯ ซึ่งจะทำให้บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีรูปแบบเดียวกัน และสร้างความชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 755 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อเพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล รวมถึงท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบันและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเตรียมความพร้อมของบุคลากรภายในองค์กร และทำความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ประกอบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ วิศวกรออกแบบ ผู้มีสิทธิจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ทดสอบและตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 756 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๓) พ.ศ. ๒๕๓๖ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๖ โดยกำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนดชนิดราคา ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และส่วนผสมของเหรียญตัวเปล่าโลหะให้สอดคล้องกับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนที่ใช้ในปัจจุบัน จำนวน ๙ ชนิดราคา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 757 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2563 | นร10 | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่มอบหมายให้ส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการรวม ๗ ประเด็น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการบริหารราชการและการบริหารงบประมาณ ตามแนวทาง ดังนี้ (๑) เร่งรัด ขับเคลื่อนการปฏิบัติราชการและการใช้จ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสที่ ๓ และไตรมาสที่ ๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดตามแผนปฏิบัติราชการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) ให้สำนักงบประมาณและส่วนราชการพิจารณาทบทวนรายละเอียดคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และ (๓) ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดแผนปฏิบัติราชการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สามารถขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมาย และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่กำหนด ๒. ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เพื่อให้พร้อมต่อการทำงานที่ต้องอาศัยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ๓. ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการให้บริการพิจารณาจัดเตรียมมาตรการหรือแนวทางการดำเนินการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ เช่น มาตรการด้านภาษี การตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA on Arrival) การขนส่งสินค้า (Logistics) การยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน และการสร้างแพลตฟอร์มรองรับการให้บริการจองที่พัก ๔. ให้ทุกส่วนราชการเตรียมจัดทำแผนงาน/โครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีจะกำหนดออกมาในภายหลัง โดยขอให้มุ่งเน้นการดำเนินโครงการขนาดเล็กที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ๕. ให้กระทรวงการคลังปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้กระบวนการมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย พิจารณาการปรับปรุงแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ เช่น การคมนาคมขนส่งทางบก การชลประทาน การสร้างบ่อน้ำบาดาล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการขนาดเล็กที่สามารถขยายผล ต่อยอด หรือเชื่อมโยงกับโครงการขนาดใหญ่ที่มีอยู่เดิม ๗. ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ (Work from Home) อย่างต่อเนื่อง โดยให้พิจารณาให้เหมาะสมกับลักษณะงาน ทั้งนี้ ให้มีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 758 | ข้อเสนอในการปรับปรุงการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล | นร12 | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงเพื่อการพัฒนาระบบการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น (๑) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการ MailGoThai ควรบริหารจัดการให้เนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล ความเร็วของระบบ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลให้เกิดความเหมาะสมรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ และ (๒) หน่วยงานหลักควรพิจารณาถึงการใช้งบประมาณและทรัพยากรในการดำเนินการ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และทำความเข้าใจในการขับเคลื่อนให้เกิดเอกภาพ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งควรพิจารณาถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลสำคัญของภาครัฐเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน)] เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล) และเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ) ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ส่วนราชการต่าง ๆ ติดต่อราชการระหว่างกันด้วยการรับ-ส่งหนังสือราชการทางระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักพิจารณาร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการออกใบอนุมัติ ใบอนุญาตผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชนในการติดต่อขอใบอนุมัติใบอนุญาตประเภทต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 759 | ร่างข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4.9 กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ...) | คค | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ...) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๘ เพื่อกำหนดมิให้นำข้อบังคับดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาใช้กับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานในการรถไฟแห่งประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรับจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการมิให้นำข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ฯ มาใช้กับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานใหม่ ซึ่งเป็นการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายอันจะมีผลใช้บังคับต่อเนื่องตลอดไป สมควรที่จะกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในส่วนบททั่วไปของข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงถ้อยคำเพิ่มเติมและปรับปรุงเงื่อนไขให้ครอบคลุมผู้ปฏิบัติงานเดิมที่อาจได้รับสิทธิให้สามารถสมัครใจเลือกเข้าเป็นสมาชิกระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอนาคต เพื่อให้ข้อบังคับดังกล่าวสามารถดำเนินการและปฏิบัติต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขัดแย้งกับการดำเนินการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และในการกำหนดอัตราส่วนเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้คำนึงถึงฐานะทางการเงินในภาพรวมของการรถไฟแห่งประเทศไทยประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หลากหลาย และส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงินการลงทุนแก่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถบริหารจัดการเลือกและปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 760 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง | กษ | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒,๑๖๔.๑ ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้านที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในการประกอบอาชีพอันเนื่องมาจากการปฏิรูปภาคการประมงไทย ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการประมงต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการปรับปรุงเรือ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทำการประมง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒,๑๖๔.๑ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าชดเชยดอกเบี้ย จำนวน ๒,๑๖๓ ล้านบาท ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์ และติดตามโครงการ จำนวน ๑.๑ ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) พิจารณาโอนเงินจัดสรร เปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้วแต่กรณีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. รับไปพิจารณาดำเนินการให้ผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านขนาดเล็กสามารถกู้เงินในรูปแบบกลุ่มได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า (๑) ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ต้องจัดทำบัญชีสำหรับการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ได้รับมอบหมายแยกต่างหากจากบัญชีการดำเนินงานทั่วไป พร้อมทั้งเสนอรายงานผลการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายและผลสัมฤทธิ์ต่อรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (๒) การพิจารณาให้สินเชื่ออาจพิจารณาตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับ IUU เนื่องจากเป็นประเด็นร่วมมือสำคัญกับ EU รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับ WTO (๓) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีระบบติดตามการนำเงินกู้ไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ (๔) ควรตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติผู้ประกอบการประมงในการขอสินเชื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และมีการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ เป็นรายปี และ (๕) ควรให้ความสำคัญกับกลไกและกระบวนการป้องกันและกำกับดูแล ไม่ให้มีการนำเงินทุนที่ได้รับไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยเฉพาะกับการทำประมงอย่างไม่ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการทำประมงให้ชัดเจนและขับเคลื่อนการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป เช่น ปัญหาการทำประมงทับซ้อนของผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน การบริหารจัดการการทำประมงสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ ทั้งในและนอกน่านน้ำไทย การคุ้มครองเรือประมงของไทยทั้งในและนอกน่านน้ำไทย การติดตาม ตรวจสอบ และปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย และการปราบปรามเรือประมงสองสัญชาติ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
