ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 621 | ร่างกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป พ.ศ. .... | สธ. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป
พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยแก้ไขหลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปไม่ให้ผูกโยงกับตำรับยาแผนไทยซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านในส่วนของยาแผนโบราณตามกฎหมายว่าด้วยยา
หรือเป็นตำรับยาแผนไทยที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 622 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. …. | อว. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร
พ.ศ. ๒๕๓๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัยนเรศวรที่เป็นส่วนราชการ
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
(สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ) ที่ไม่เป็นส่วนราชการ เพื่อปรับปรุงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
และเป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปมหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัย ๔.๐ และนโยบายของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
(๑) การกำหนดให้อธิการบดีเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย
อาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๖ (๒) วาระการดำรงตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย
กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ
และกรรมการสภามหาวิทยาลัยประเภทตัวแทนผู้บริหารและคณาจารย์ที่กำหนดไว้คราวละสองปีอาจไม่เหมาะสม
จึงสมควรกำหนดให้นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยดังกล่าวมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปีหรือสี่ปีเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐอื่น
ๆ และ (๓) มีการกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นหลายคณะโดยไม่มีการกำหนดหน้าที่และอำนาจไว้อย่างชัดเจน
ซึ่งไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงไม่ควรบัญญัติมาตราเฉพาะกำหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าว
และให้รับความเห็นเพิ่มเติมบางประการของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กรณีเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ไม่ต้องนำส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
เห็นควรที่จะกำหนดให้มีการวางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงินและการเก็บรักษาเงินรายได้ที่ชัดเจนด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
มีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
และกรณีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการและลูกจ้างประจำเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน
ควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรก
รวมทั้งเห็นควรมุ่งเน้นการจัดการศึกษาในสาขาที่สถาบันมีศักยภาพและเป็นจุดเด่นหรือมีความเชี่ยวชาญ
และควรให้ความสำคัญกับกระบวนการการคัดเลือกผู้บริหารและองค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัยและคณะกรรมการต่าง
ๆ ให้มีความโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 623 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานของหน่วยงานและของรัฐบาล | นร. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานของหน่วยงานและของรัฐบาล)
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำเสนอข้อมูลผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในเรื่องต่าง
ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ที่ประชาชนได้รับที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
โดยอาจจัดทำในรูปแบบของวีดิทัศน์หรือสื่อรูปแบบอื่น ๆ ที่มีความทันสมัย
มีสาระสำคัญที่กระชับ เป็นที่น่าสนใจ และเข้าใจง่าย
เผยแพร่ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็วและเท่าทันสถานการณ์มากขึ้น
นั้น
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานด้านการแก้ไขปัญหาสำคัญ การปรับปรุง พัฒนา
การอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลงานดังกล่าวผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
ตามความเหมาะสมเพื่อให้สาธารณชนได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 624 | ขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย | กค. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป
Credit
Line โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft : OD) วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท
เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและรองรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น
ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ เป็นต้น
ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและการยาสูบแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การยาสูบแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมาย
และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน
และควรเบิกใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนทางการคลัง
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการดำเนินงานของการยาสูบแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (การยาสูบแห่งประเทศไทย)
รับไปพิจารณากำหนดแนวทางการปรับปรุงการดำเนินกิจการของการยาสูบแห่งประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งในด้านระบบบริหารจัดการ สินค้าและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้ รวมทั้งสอดคล้องกับสภาวการณ์ด้านยาสูบในปัจจุบัน
๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรที่เพาะปลูกยาสูบปรับเปลี่ยนไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่น
ปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นที่มีศักยภาพมากกว่าแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 625 | การดำเนินงานโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค (โครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น) | ศธ. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือนำมาใช้จ่ายได้ตามขั้นตอนต่อไป
เพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการวางระบบการศึกษาตามแนวทางโคเซ็นในประเทศไทย ของสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังคืนให้กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติญี่ปุ่น
(NIT)
ประเทศญี่ปุ่น จำนวน ๒๔.๕๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ ร่วมกับ สพฐ.
และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ รายจ่ายประจำปีเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา
และรายจ่ายลงทุน
ของสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
และสถาบันโคเซ็นแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยรับงบประมาณ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามขั้นตอนต่อไป ยกเว้นกรณีรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓ มีนาคม ๒๕๖๓ อนุมัติให้ สพฐ. ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้แล้ว เห็นควรให้
สพฐ. เป็นหน่วยรับงบประมาณต่อไปจนแล้วเสร็จ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ในส่วนของการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
และภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยกรณีการขอยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากครูชาวญี่ปุ่นเข้ามาสอนในประเทศโดยมีระยะเวลาไม่เกิน ๒ ปี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย
ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
เช่นเดียวกันกับหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับครูชาวต่างชาติอื่นซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศที่มีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย
กรณีการขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล NIT ประเทศญี่ปุ่น ไม่เข้าลักษณะกิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้าหรือหากำไรโดยรัฐบาลต่างประเทศ
องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ และไม่อยู่ในความหมายของ
“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล” ตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร
จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และกรณีการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สพฐ.
ในฐานะผู้จ่ายเงินค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ NIT ประเทศญี่ปุ่น มีหน้าที่ต้องเสีย ตามมาตรา ๘๓/๖ แห่งประมวลรัษฎากร ๔.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กรณีมีการปรับปรุงเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการฯ
ควรเป็นไปตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่กำหนดไว้
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมควรเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างส่วนราชการ
พัฒนากลไกการประเมินผล ขีดความสามารถในการจัดการเรียนการสอน
และการบูรณาการการเรียนการสอนเข้ากับการวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 626 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท ลักษณะ ขนาด การให้บริการ หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท
ลักษณะ ขนาด การให้บริการ หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท ลักษณะ ขนาด การให้บริการ
หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงานตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 627 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กยท. รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะไปดำเนินการด้วย ๑.๓
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งเห็นควรอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และเห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น
ๆ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ กยท. และ รฟท.
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการให้มีการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า ทันต่อสถานการณ์
และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 628 | การใช้ประโยชน์จากส่วนเกินหรือสิ่งเหลือใช้จากผลิตผลทางการเกษตรและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร | นร. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
โดยที่รัฐบาลได้กำหนดให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy : BCG Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
ประกอบกับปัญหาสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่นานาชาติให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ดังกล่าว รวมทั้งเป็นการจูงใจเกษตรกรให้งดการจุดไฟเผาในพื้นที่การเกษตร
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) และลดปัญหาสภาวะโลกร้อน
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการป้องกันการกีดกันทางการค้าอันอาจอ้างเหตุมาจากการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนด้วย
จึงมีมติ ดังนี้ ๑.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/ประสานงานกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำส่วนเกินหรือสิ่งเหลือใช้จากผลิตผลทางการเกษตรชนิดต่าง
ๆ เช่น ใบอ้อย ชานอ้อย กากน้ำตาล ฟางข้าว และซังข้าวโพดมาใช้ในด้านต่าง ๆ
ให้เกิดประโยชน์หรือเกิดมูลค่าสูงสุด เพื่อมิให้สิ่งของเกินหรือเหลือใช้เหล่านั้นต้องกลายเป็นขยะหรือของสูญเปล่าที่ต้องเผาทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์
และก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น
การนำใบอ้อยไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล
การนำชานอ้อยไปผลิตเป็นวัสดุ/บรรจุภัณฑ์
๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/ประสานงานกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปรับปรุง
พัฒนา และยกระดับสินค้าส่งออกของประเทศในปัจจุบันในส่วนที่เป็นพืชผลทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปขั้นพื้นฐานชนิดต่าง
ๆ โดยนำองค์ความรู้จากการวิจัย เทคโนโลยี
และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม
หรือเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ
รวมทั้งลดภาระการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 629 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเลื่อนการพิจารณาเรื่อง
การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ ออกไปก่อน
เพื่อปรับปรุงเอกสารที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 630 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม | กค. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้
๑.๑ การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) โดยขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มเติม
จากเดิม ๖ เดือน เป็นไม่เกิน ๑๒ เดือน
โดยให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถกำหนดระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามความเหมาะสมเป็นรายกรณีสูงสุดไม่เกิน
๑๒ เดือน โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. กำหนด
รวมทั้งขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน เป็นไม่เกิน ๓ ปี
๑.๒ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน
สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กิจการ
และเพื่อไถ่ถอนจากการขายฝากเอกชนที่ทำสัญญาขายฝาก
โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
(Supply Chain) โดยใช้ที่ดินว่างเปล่า
และ/หรือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน
และไม่ต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินร้อยละ ๗๐
ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ สูงสุดไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท
กรณีผู้กู้เป็นบุคคลธรรมดา และสูงสุดไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท กรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล
ระยะเวลากู้ ๓ ปี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๑๐ ต่อปี ในปีแรก ร้อยละ ๐.๙๙ ต่อปี
ในปีที่ ๒ และร้อยละ ๕.๙๙ ต่อปี ในปีที่ ๓ ระยะเวลายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน
และให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้เสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดรับคำขอกู้
และรัฐบาลชดเชยต้นทุนเงินให้กับธนาคารออมสินในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นระยะเวลา ๒
ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๖๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
SMEs
มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว
ให้ธนาคารออมสินจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
นอกจากนี้ ควรทำการติดตาม ศึกษา
และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา
โดยเฉพาะมาตรการที่ยังมีวงเงินคงเหลือและไม่สามารถจัดสรรให้กับประชาชนและผู้ประกอบการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการปรับมาตรการและกำหนดมาตรการที่มีความเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 631 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร | ศย. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จากเดิมวงเงิน ๒๒,๐๔๖,๐๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๘๑,๙๙๗,๘๐๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๕ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว สมทบกับเงินรายได้ค่าธรรมเนียมศาล
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ค่าเช่าที่ดินที่ รฟท.
เรียกเก็บจากสำนักงานศาลยุติธรรมในครั้งนี้
ได้กำหนดให้มีการปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ทุกปี
ซึ่งไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
ที่เห็นชอบการกำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี
จึงเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงค่าเช่า
จากร้อยละ ๕ ทุกปี เป็นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 632 | ร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พน. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม
เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน
สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเอกสารหมายเลข ๑ ท้ายประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน
สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 633 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในส่วนของเรื่อง
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของเรื่อง
การปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม๓๓ เรารักกัน
ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๓.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว
ผ่านกลไกการตรวจสอบจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
ให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้โดยเร็วด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 634 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-บราซิล | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-บราซิล
และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ
ต่อไป โดยผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-บราซิล มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงข้อบทและสิทธิการบินภายใต้ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทยกับบราซิล
(ฉบับลงนามเต็มเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๔) ประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ปรับปรุงความจุความถี่ในการรับขนทางอากาศระหว่างกัน
จากเดิมให้ทำการบินได้ ๓ เที่ยว/สัปดาห์ เป็น ๑๔ เที่ยว/สัปดาห์ (๒) ปรับปรุงการอนุญาตให้ดำเนินการ
จากเดิมที่แต่ละฝ่ายสามารถกำหนดสายการบินได้ฝ่ายละ ๑ สายการบิน
เป็นให้สามารถกำหนดได้หลายสายการบิน และ (๓) ปรับเพิ่มข้อบทให้สามารถทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน
(Code Share) ได้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และเห็นว่าร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาด้วย
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 635 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประกอบด้วย มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม มาตรการด้านการเงิน
และมาตรการด้านประกันภัย ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
โดยขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อจูงใจผู้ประกอบกิจการในพื้นที่
และกระตุ้นให้มีการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดการผลิต
การให้บริการ และการจ้างงาน
อันจะเป็นการสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการด้านประกันภัยสำหรับโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
และโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔.
ให้กระทรวงการคลังรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยส่งเสริมนักธุรกิจและแรงงานในพื้นที่ให้มีศักยภาพในการประกอบกิจการ
โดยเน้นกิจการลงทุนจากภายในและภายนอกพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง
การกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ เช่น
ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้โดยเร็ว
และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
และติดตามผลของแต่ละมาตรการเป็นระยะ
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สดคล้องกับความต้องการและปัญหาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 636 | แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563 | พม. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๖๕) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
โดยแผนปฏิบัติด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๒ฯ พ.ศ. ๒๕๖๓
ได้ปรับปรุงตามมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ และคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่
๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ได้เห็นชอบด้วยแล้ว
โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๒ฯ พ.ศ. ๒๕๖๓
ยังคงรักษาเค้าโครงเดิม แต่มีการปรับปรุงดัชนี โดยเพิ่มดัชนีชี้วัด ๒ ดัชนี
(ดัชนีสัดส่วนของประชากรอายุ ๒๕-๕๙ ปี ที่มีการออมที่เพียงพอเพื่อวัยสูงอายุ
และดัชนีร้อยละของผู้สูงอายุที่มีความพร้อมด้านสุขภาพต้องการทำงานแต่ไม่มีงานทำ)
และตัดออก ๑ ดัชนี (ดัชนีสัดส่วนจังหวัดที่จัดตั้งคลังปัญญากลาง) เนื่องจากบรรลุเป้าหมายแล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีความเข้าใจและมีความรู้ความสามารถในการเข้าถึงและเท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เพื่อให้ผู้สูงอายุมีช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและองค์ความรู้ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสมต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
เช่น การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักตามยุทธศาสตร์และมาตรการหลักต่าง ๆ
การบูรณาการการดำเนินงานทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น
การจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุที่จำแนกตามกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 637 | การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน) | นร.04 | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ
(กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน)
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ
(กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน)
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช) เร่งรัดการดำเนินการสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติให้แล้วเสร็จ
ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แล้วเสร็จและมีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป ๓.
ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง
ตรงกัน และเป็นที่ยุติ แล้วดำเนินการต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
เมษายน ๒๕๖๒ [เรื่อง
ความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ :
๔๐๐๐ (One Map)] ด้วย เพื่อจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 638 | รายงานสรุปผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนพิการ กรณีการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนพิการ | สม. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนพิการ
กรณีการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนพิการ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ได้แก่ ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง
ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มีการดำเนินการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 639 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องปรับอากาศ คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
เครื่องปรับอากาศ คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องปรับอากาศ
เพื่อให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
และสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ อันเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศภายในประเทศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 640 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
มิถุนายน ๒๕๑๙ เรื่อง เงินบำเหน็จ (โบนัส)
ประจำปีของพนักงานและลูกจ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างประจำของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
โดยปรับให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๕
ประเภทจ่ายโบนัสพนักงานคงที่ เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๒
รัฐวิสาหกิจประเภทที่จัดสรรโบนัสให้พนักงานได้เมื่อมีกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส
เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
ที่เห็นชอบการปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้
ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งพิจารณาแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานของรัฐวิสาหกิจที่ยังคงใช้หลักเกณฑ์จ่ายโบนัสพนักงานคงที่ให้เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานที่รัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
