ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 661 | มาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน | ปช. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน
เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่
หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
๒๕๖๑ โดยสาระสำคัญของมาตรการฯ ครอบคลุมการดำเนินการเพื่อป้องกันการกระทำการทุจริตของเจ้าหน้าที่
๔ กรณี ได้แก่ (๑)
กรณีผู้ต้องขังภายในเรือนจำที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงินสามารถติดต่อสั่งการค้ายาเสพติดได้อย่างอิสระกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำ
(๒) กรณีการตรวจสอบพบยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน (๓)
กรณีผู้ต้องขังให้สินบนกับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ทำให้เกิดการซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน และ (๔)
กรณีผู้ต้องขังในเรือนจำที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงินสามารถสั่งการให้เครือข่ายค้ายาเสพติดข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถานไปถือปฏิบัติหรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด)
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามมาตรการฯ
ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและความได้สัดส่วนในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ
เช่น สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวตามมาตรา ๓๒ เสรีภาพในการติดต่อสื่อสารตามมาตรา ๓๖
และเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามมาตรา ๔๐
รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต้องคำนึงถึงมาตรา
๗๗ ของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 662 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563) | นร.11 | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๓)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ๑.
ความคืบหน้าของการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศได้ดำเนินการยกร่างแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
และมีการรับฟังความเห็นเพื่อประกอบการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศด้านที่รับผิดชอบให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนแล้วในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
๒๕๖๓ และจัดส่งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
เพื่อนำเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ซี่งที่ประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปประเทศได้เห็นชอบร่างแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติให้ความเห็นชอบ
และจึงนำเสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ๒.
รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศในรอบเดือนกรกฎาคม-กันยายน
๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑)
กิจกรรมที่มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมและเห็นผลในเชิงปฏิรูป โดยเป็นการสรุปประมวลผลการดำเนินงานตามเรื่องและประเด็นปฏิรูปของแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง
๑๒ ด้าน เช่น ด้านการเมือง ด้านกระบวนการยุติธรรม และด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น และ (๒)
สถานะกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
มีกฎหมายแล้วเสร็จเพิ่มเติม ๒ ฉบับ ได้แก่ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการบูรณาการเพื่อพัฒนาความเสนอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม พ.ศ. ๒๕๖๓
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓.
การดำเนินการระยะต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่ระหว่างเตรียมการนำร่างแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และจะรายงานความคืบหน้าฯ ตามแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
โดยรายงานความก้าวหน้าของกิจกรรมปฏิรูปที่ส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big
Rock) เปรียบเทียบกับเป้าหมายความสำเร็จที่กำหนดไว้ในแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่มีการประกาศใช้จนถึงสิ้นสุดระยะเวลาของแผนการปฏิรูปประเทศ
รวมถึงรายงานผลความสำเร็จของแผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน โดยการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันตามตัวชี้วัดของผลอันพึงประสงค์เปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 663 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตู้เย็นและตู้เย็นแบบมีช่องแช่เยือกแข็งสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตู้เย็นและตู้เย็นแบบมีช่องแช่เยือกแข็งสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตู้เย็นและตู้เย็นแบบมีช่องแช่เยือกแข็งสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย
เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน อันเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดแก่ผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 664 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 | คค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่กระทรวงคมนาคมขอแก้ไขจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตและการอนุญาต
และการขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาตประกอบการขนส่งในส่วนของเอกสารและหลักฐาน
เพื่อให้การพิจารณาความเหมาะสมของผู้รับใบอนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตมีข้อมูลที่ครอบคลุมเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งให้การดำเนินการของนายทะเบียนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) ควรคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ
โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เพื่อลดการใช้เอกสารซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน (๒)
ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ
และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤตที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)
รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน
โดยการพัฒนาการให้บริการยื่นคำขออนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งผ่านระบบ
e-Service
ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการอีกทางหนึ่งด้วย และ
(๓)
ควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณากำหนดมาตรฐานหรือลักษณะของรถที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการประกอบการขนส่งตามข้อ
๙ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ตลอดจนสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 665 | (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 พ.ศ. 2564-2565 (ฉบับสมบูรณ์) | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ (ฉบับสมบูรณ์) เพื่อประกาศใช้ต่อไป
โดยสาระสำคัญของแผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) เป็นไปตามแนวคิด “ล้มแลว ลุกไว (Resilience) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาใน ๓ มิติ ได้แก่ การพร้อมรับ (Cope) การปรับตัว (Adapt) และการเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน
(Transform) ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญเป็นพิเศษในระยะ ๒
ปีข้างหน้าใน ๔ ประเด็น ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ
(Local Economy) การยกระดับขีดความสามารถของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
(Future Growth) การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
(Human Capital) และการปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ
(Enabling Factors) เพื่อให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง เท่าทัน
มีศักยภาพในการรับและลดความเสี่ยง
สามารถสร้างสรรค์ผลประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตลอดจนยืนหยัดและเจริญเติบโตได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ๑.๒ แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง)
แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
เพื่อให้การแปลงร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ไปสู่การปฏิบัติ สามารถดำเนินการบูรณาการได้และสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่งผลให้การบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-๑๙
เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลเป็นรูปธรรม ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้หน่วยงานของรัฐ
จัดทำแผนงาน โครงการ ที่สอดรับกับ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ในโอกาสแรก
และเห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณนำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งได้จัดทำให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์)
ไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำโครงการที่สามารถตอบสนองต่อเป้าหมาย/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณฯ
โดยคำนึงถึงความพร้อมและศักยภาพในการดำเนินการ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
เพื่อให้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณฯ เป็นกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อน (ร่าง)
แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบวงเงินในภาพรวมของประเทศ
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานรับงบประมาณเสนอรายละเอียดคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกำหนดเวลาตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 666 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ เช่น
รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และพิจารณาเรื่องต่าง ๆ
เช่น แผนการพัฒนาท่าเรือทางบก (Dry Port) และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส.
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอ
กบส. ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่ กบส. เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ ๒.๑
หน่วยงานที่มีการพัฒนาหรือกำลังจะพัฒนาระบบหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า-ส่งออกสินค้า
และการชำระเงินค่าสินค้าระหว่างประเทศ ต้องเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลของประเทศไทย
(National Digital Trade Platform : NDTP) เพื่อสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) สำหรับอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ๒.๒
หน่วยงานภาครัฐต้องปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการทำงาน (reprocess) การให้บริการการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ให้รองรับและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงานภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) สามารถให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสมบูรณ์
ไร้รอยต่อ และให้บริการได้ตลอดเวลา โดยไม่มีวันหยุด ๒.๓
กรมศุลกากรควรเร่งรัดการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบ National Single
Window (NSW) เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
และเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม NDTP เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ณ จุดเดียว ทั้งการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ (G2G) ภาครัฐกับภาคเอกชน
(G2B) และระหว่างภาคเอกชน (B2B) ๒.๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาให้สิ่งจูงใจแก่ผู้ประกอบการ เช่น
การให้สิทธิพิเศษด้านภาษี การให้บริการแบบด่วนพิเศษ (Fast
Track หรือ Priority Lane) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและกระตุ้นการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 667 | (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป โดยสาระสำคัญของ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
เพิ่มด้านการปฏิรูปประเทศเป็น ๑๓ ด้าน (๒)
มีการปรับปรุงให้เหลือเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big
Rock) สำหรับแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้
จำนวน ๖๒ กิจกรรม
ซี่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(๓) เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย จำนวน ๔๕ ฉบับ และ (๔)
ตัดข้อเสนอในการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศออกทั้งหมด เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานของรัฐ
เพื่อจัดทำแผนงาน โครงการ ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
ในโอกาสแรก และจัดลำดับความสำคัญของประเด็นการปฏิรูปในแต่ละด้าน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการปฏิรูปที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในวงกว้าง
และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐเป็นลำดับแรกก่อน
รวมทั้งภารกิจหรือกิจกรรมใดที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณจะต้องมีลักษณะที่มุ่งเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงบประมาณ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมของการบริหารจัดการภาครัฐ
ตลอดจนมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณที่มีความต่อเนื่องและเหมาะสมกับสถานการณ์
ตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) และให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
๓.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ
ตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งรัดดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 668 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | มท. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕
ที่ให้โอนบรรดากิจการและอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
(สำนักงาน กปอ.) ไปเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) คำนิยาม “อุบัติภัย”
เห็นควรพิจารณาให้มีความชัดเจนว่าครอบคลุมถึงอุบัติเหตุจากการจราจรทางรางหรือไม่
หรืออุบัติเหตุขบวนรถไฟชนยานพาหนะด้วยหรือไม่ (๒) ควรตัดถ้อยคำปรารภคำว่า
“สำนักนายกรัฐมนตรี” และ “พ.ศ. ๒๕๓๘” ออก และเห็นควรแก้ไขคำว่า “อำนาจหน้าที่”
ในร่างข้อ ๙ ของร่างระเบียบฯ (๓) ร่างข้อ ๕ ต้องพิจารณาการกำหนดองค์ประกอบของ
สำนักงาน กปอ. ไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างคล่องตัว
และไม่เป็นการสร้างภาระงานที่ไม่จำเป็น
โดยในชั้นนี้ขอเสนอให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาออก เพราะสามารถเชิญให้ไปชี้แจงเป็นครั้งคราวได้อยู่แล้ว
ร่างข้อ ๘ เมื่อได้พิจารณากำหนดองค์ประกอบของ สำนักงาน กปอ.
ให้มีเพียงเท่าที่จำเป็นแล้ว ควรกำหนดองค์ประชุมเป็นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
และหน้าที่ตามร่างข้อ ๙ (๕) (๖) และ (๗) เป็นภารกิจปกติของ ปภ. อยู่แล้ว
สมควรตัดออก และ (๔) นิยามคำว่า “สาธารณภัย”
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ครอบคลุมถึงนิยามคำว่า
“อุบัติภัย” ของร่างระเบียบฯ แล้ว
เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
จึงเห็นควรพิจารณากำหนดให้ สำนักงาน กปอ.
มีหน้าที่ในการจัดทำแผนหลักด้านการป้องกันอุบัติภัยของประเทศ
โดยอาจจะกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดทำแผนระดับ ๓
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ แล้วจัดให้ สำนักงาน กปอ.
ใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผน
รวมทั้งเห็นควรให้มีการพิจารณากำหนดกลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่เพิ่มเติม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้
ปภ. ใช้จ่ายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อไป
ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 669 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ รวมถึงรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน รอบที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้
ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผล
และรายงานผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการหรือหารือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 670 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. .... | พณ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขการลดอัตราค่าธรรมเนียมแก่ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่ยื่นขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Registration) ลงร้อยละ ๓๐
ซึ่งจะสิ้นผลในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยขยายระยะเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมออกไปอีก
๓ ปี (๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖)
และเพิ่มส่วนลดลดอัตราค่าธรรมเนียมจากเดิมที่ลดให้ร้อยละ ๓๐ เป็นลดให้ร้อยละ ๕๐
รวมทั้งทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ
และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียน
เพื่อยกอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศให้อยู่ในลำดับที่ดีขึ้น
และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงและบูรณาการฐานข้อมูลผู้ประกอบการร่วมกันเพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 671 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องเสียง วีดิทัศน์ และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายกัน คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
เครื่องเสียง วีดิทัศน์ และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายกัน
คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องเสียง วีดิทัศน์
และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายกัน คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอนิกส์ระดับสากล (IEC) และเป็นไปตามข้อตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน
(AHEEERR) อันเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดแก่ผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 672 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 | นร.11 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และภายหลังจากที่ดำเนินแผนงานหรือโครงการสิ้นสุดแล้ว
ต้องไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณรายจ่ายในปีต่อ ๆ ไป
และเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เร่งแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 673 | ขอเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 | พณ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๓/๖๔
รอบที่ ๑ จำนวน ๑๘,๐๙๖.๐๖ ล้านบาท เป็น ๔๖,๘๐๗.๓๕ ล้านบาท และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และปีถัด ๆ ไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลัง
(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดและกำกับดูแลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรให้รวดเร็ว
ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณตามโครงการประกันรายได้ฯ ให้มีความถูกต้อง
โปร่งใส เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างแท้จริง
ควรมีการติดตามการซื้อขายข้าวเปลือกให้เป็นไปตามคุณภาพข้าว
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ส่งผลต่อราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง
และควรเร่งรัดการดำเนินงานตามมาตรการคู่ขนานต่าง ๆ
ให้มีผลต่อการยกระดับราคาข้าวเปลือกให้เพิ่มสูงขึ้น
เพื่อนำไปสู่การลดภาระงบประมาณในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ฯ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและบูรณาการการดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพข้าวหรือพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ให้มีความเป็นเอกภาพ
รวมทั้งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล
โดยคำนึงถึงต้นทุนและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
แล้วให้รายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 674 | รายงานผลการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเรื่อง 10 ข้อเสนอ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ 10 อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด (Ten for Ten) | นร.12 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเรื่อง
๑๐ ข้อเสนอ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ ๑๐ อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด
(Ten for Ten) โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการประชุมชี้แจง
เรื่อง “การพัฒนาการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ”
เมื่อที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
เป็นประธาน เพื่อชี้แจงและสื่อสารสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก
(Doing Business) ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าว
ให้แก่ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย
ผู้แทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน ผู้แทนธนาคารโลก
ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน พร้อมทั้งได้จัดงานแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 675 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ. .... | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการจ่ายเงินชดเชยจากรูปแบบกระดาษเป็นรูปแบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชำระค่าภาษีอากร
โดยกำหนดให้บัตรภาษีมีแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กำหนดในระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation : DTC) ของกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
เนื่องจากบัตรภาษีหรือบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าที่คำนวณได้เป็นจำนวนและสามารถนำไปใช้จ่ายเป็นค่าภาษี
รวมทั้งสามารถโอนไปยังบุคคลอื่นได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญที่จำเป็นต้องดูแลให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และการกำหนดมาตรฐานตามข้อ ๓ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงสำคัญของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
โดยมีมาตรฐานการจัดการบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรการป้องกันการปลอมแปลง
การเรียกหรือชำระเงิน
และการนำบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้งานแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก
รวมทั้งมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์และระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 676 | แนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการงานด้านการทำงานของคนต่างด้าว | รง. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการงานด้านการทำงานของคนต่างด้าว
โดยการจ้างเหมาเอกชนดำเนินการให้บริการรับคำขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน
และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (e-WorkPermitOS) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้กระทรวงแรงงานดำเนินการ (๑)
คัดเลือกผู้รับจ้างในการให้บริการรับคำขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน
และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (e-WorkPermitOS) ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
(๒) เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม
และกรุงเทพมหานคร และ (๓) แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน
เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวราบรื่นและจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรคำนึงถึงหลักการความคุ้มค่า
ตามมาตรา ๘ (๑) ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๐ ด้วย กล่าวคือ ราคาในการออกใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าว
ไม่ควรจะสูงกว่าราคาที่ใช้อยู่ปัจจุบัน
และควรเป็นราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมจากการให้บริการออกใบอนุญาตดังกล่าว
และการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 677 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | ทส. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ รวม ๑๐ เรื่อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี ๒๕๖๒ ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา
๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(FSRU) ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(๓) โครงการถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนแยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข
๒๐๕-แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๒๒๖ จังหวัดนครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๔)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางปะอิน-นครราชสีมา (บริเวณศูนย์บริการทางหลวง) ของกรมทางหลวง (๕)
โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานตรัง ของกรมท่าอากาศยาน (๖)
โครงการอาคารเช่าสำหรับข้าราชการผู้มีรายได้น้อย จังหวัดสกลนคร ของการเคหะแห่งชาติ
(๗) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ
อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ ๓ และ ๔
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๘) การปรับปรุงมาตรฐานระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
และ (๙)
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 678 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | พณ. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ
ว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-๑๙
ในอาเซียนและญี่ปุ่น รวมถึงกำหนดทิศทางการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
และที่ประชุมได้ร่วมรับรองแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
ที่ได้มีการปรับปรุงจากร่างแผนปฏิบัติการฯ
เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นการปรับปรุงในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
โดยได้เพิ่มเติมการดำเนินโครงการทางเศรษฐกิจซึ่งญี่ปุ่นขอเสนอเพิ่มเติม จำนวน ๗
โครงการ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา (๒)
การดำเนินโครงการประกันสินเชื่อโดยองค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon
Export and Investment Insurance : NEXI) (๓)
ความร่วมมือด้านการรับประกันต่อระหว่าง NEXI กับองค์กรสินเชื่อเพื่อการส่งออก
(Export Credit Agency : ECA) ของอาเซียน
(๔) ความร่วมมือด้านการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น (๕)
การจัดตั้งเครือข่ายนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ (๖)
โครงการเสริมสร้างศักยภาพการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
และ (๗) โครงการสาธิตเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในประเทศสมาชิกอาเซียน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ
เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ เกี่ยวกับ
(๑) ประเด็นการยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ Portable
Document Format (PDF) ร่วมกัน นั้น
ระเบียบในปัจจุบันของกรมศุลกากรยังไม่ยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ
PDF อย่างไรก็ตาม
กระทรวงการคลังไม่ขัดข้องที่จะร่วมหารือเพื่อส่งเสริมการยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ
PDF โดยขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ (๒)
ประเด็นแพลตฟอร์มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (DXPE) นั้น
ควรพิจารณาให้มีระบบการติดตามความคืบหน้าการจับคู่ทางธุรกิจและการอำนวยความสะดวกหลังจากการขับคู่ทางธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว
และ (๓)
ประเด็นโครงการสนับสนุนทางการเงินของญี่ปุ่นเพื่อเร่งการขยายธุรกิจในต่างประเทศของธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษา
(Ed-Tech) นั้น
ขอเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนและพัฒนาพันธมิตรกับ Ed-tech
Startup ในท้องถิ่นของไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 679 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ รวม 3 ฉบับ | รง. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร (๒)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
หลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายและการเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
และกรณีเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต อันมิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่ลูกจ้าง
ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าทำศพให้แก่ทายาทของลูกจ้าง และ (๓)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตรให้แก่ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เกี่ยวกับการกำหนดให้ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่เกิดขึ้นก่อนวันที่
๑ เมษายน ๒๕๖๐ ให้ สปสช. มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลแทนลูกจ้างเท่าที่ลูกจ้างนั้นมีสิทธิได้รับหรือไม่เกินสิทธิที่นายจ้างกำหนดไว้
นั้น ยังไม่สอดคล้องตามแนวทางการเรียกเก็บที่ สปสช. กำหนด และควรแก้ไขบทนิยาม
“เงินบำรุงการศึกษา” และ “เงินค่าเล่าเรียน”
ให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาประมาณการรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่าย
ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ตลอดจนการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณาถึงฐานะทางการเงินและความสามารถในการจ่ายขององค์กร
โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณจะต้องจัดทำแผนการบริหารจัดการอัตรากำลังให้มีขนาดที่เหมาะสม
และนำระบบสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย
เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กร และลดภาระงบประมาณในระยะยาว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 680 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต
ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบคำขออนุญาต
แบบใบอนุญาต แบบใบรับรอง แบบคำสั่ง และแบบหนังสือตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ.
๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต
การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ฉบับที่ ๕๖
(พ.ศ. ๒๕๔๓) และฉบับที่ ๕๗ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.
๒๕๒๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
