ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 979 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19561 - 19580 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19561 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบ ความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 และการขออนุมัติให้วันที่ 10 ตุลาคม 2559 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษในกรุงเทพฯ และปริมณฑล | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายและการขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ เป็นการประชุมระหว่างประเทศที่ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นระดับรัฐมนตรี ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง โดยให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ โดยมิต้องดำเนินการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ แต่อย่างใด ๒. กรณีกระทรวงการต่างประเทศ ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงการต่างประเทศขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19562 | ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการดำเนินการเพื่อให้สถานพยาบาลมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งพัฒนาให้มีระบบสนับสนุน บุคลากรที่มีองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สามารถรองรับการดำเนินงานได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียควรคำนึงถึงอัตราการเกิดของปริมาณน้ำเสียให้ครอบคลุมทุกแหล่งกำเนิดภายในโรงพยาบาล การออกแบบรายละเอียดก่อสร้างควรพิจารณาระบบรวบรวมน้ำเสีย ระบบท่อแยก และโรงพยาบาลควรพิจารณานำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่โรงพยาบาล หากมีการปล่อยออกสู่ระบบระบายน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณะ ควรมีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังตรวจสอบและติดตามมิให้มีการปล่อยน้ำเสียหรือกรณีชำรุดรั่วไหลออกสู่ภายนอกอันอาจก่อให้เกิดผลกระทบกับชุมชนบริเวณโดยรอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ฯ ตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) และปรับระยะเวลาของยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19563 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติ UNSC ที่ ๒๒๐๖ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ที่ ๒๒๗๑ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ที่ ๒๒๘๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) และที่ ๒๒๙๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) เกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ๒. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคมกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19564 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 3 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และร่างสัญญาเงินกู้ ๑.๒ เห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามร่างสัญญาเงินกู้และ General Terms and Conditions for Japanese ODA Loans ฉบับเดือนพฤศจิกายน ปี ๒๕๕๗ ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจาก JICA สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑๖๖,๘๖๐ ล้านเยน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น และอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนที่รัฐบาลรับภาระให้แก่ รฟท. เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และลงนามในสัญญาเงินกู้กับ JICA ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวในโอกาสแรกภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และ รฟท. ดำเนินการควบคุมจัดทำระบบบัญชีเงินกู้ในส่วนที่รัฐบาล และ รฟท. รับภาระแยกออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อให้ทราบภาระต้นเงินกู้ ค่าดอกเบี้ย และภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบ และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณารูปแบบการลงทุนและการเดินรถโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่มีความเหมาะสม และในกรณีที่กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วยืนยันว่า รฟท. จำเป็นต้องเป็นผู้ลงทุนและเดินรถโครงการดังกล่าว เห็นควรให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนธุรกิจ แผนบริหารจัดการหนี้สิน และแผนการปรับโครงสร้างองค์กร รวมทั้งแนวทางการจัดเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจว่า รฟท. จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ทันทีที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19565 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ในกรอบวงเงิน ๒๙,๔๔๙.๓๑ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินโครงการของ รฟท. มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ในระดับที่เสนอ เช่น การพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและบริหารจัดการเดินรถร่วมกับ รฟท. การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้สามารถแข่งขันกับการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ได้ การแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ การพัฒนาที่ดินที่ไม่ใช้ในการเดินรถตามแนวทางเขตรถไฟ การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการรถไฟ ตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการลงทุนต่าง ๆ ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งหลายรูปแบบ (Multi-modal) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. สำหรับแนวทางการรับภาระการลงทุน ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยค่าเวนคืนที่ดินและค่าดำเนินการประกวดราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ รฟท. และในส่วนของค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในประเทศและให้กู้ต่อแก่ รฟท. โดยเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเป็นรายจ่ายชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่ รฟท.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19566 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 (ครั้งที่ 8) | พน | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๘) เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสตามนโยบายของรัฐ และรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) แผนงานพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ) (๒) การทบทวนนโยบายการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า ประเภทใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า และ (๓) ปรับปรุงเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสตามนโยบายของรัฐ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจกำหนดค่าตอบแทนใดไม่ให้รวมเป็นมูลค่าของฐานภาษีได้ตามมาตรา ๗๙(๔) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยคณะรัฐมนตรีก็สามารถมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรเพื่อบรรเทาภาระภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การพิจารณาหักลดรายได้นำส่งคลังให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายโดยเร็ว และการส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ควรให้ความสำคัญกับศักยภาพการผลิตพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ และให้โอกาสแก่ชุมชนในพื้นที่ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตแหล่งเชื้อเพลิงและการผลิตพลังงานให้กับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษก่อนเป็นลำดับแรก รวมทั้งควรพิจารณาความคุ้มค่าและความจำเป็นในการวางแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าฐาน (base power plants) ที่ต้องทำหน้าที่รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในกรณีที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าด้วย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19567 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้ง IAEA ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEAต้องระบุยืนยันในหนังสือตอบรับของฝ่ายไทยว่า ไทยจะสามารถให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับตามความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEA เท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกหรือแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อรองรับพันธกรณีในเรื่องนี้ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19568 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ) | มท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๑๘๗.๘๓๐๒ ล้านบาท ให้กรุงเทพมหานครตามที่จ่ายจริงสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕ รายการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19569 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข็มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เพิ่มเติม [โครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (PCC)] | สธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปสำหรับดำเนินโครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (Primary Care Cluster : PCC) จำนวน ๓๕๖,๙๔๕,๖๐๐ บาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างศูนย์สุขภาพชุมชน ๔ ชั้น ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ กำแพงเพชร ขอนแก่น เพชรบูรณ์ ตรัง เชียงใหม่ พิษณุโลก และน่าน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19570 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งพลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ] มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ ที่มียาเสพติดให้โทษเกินปริมาณที่กำหนดให้มีลักษณะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสพิสูจน์ความจริงได้ นอกจากนี้ได้แก้ไขอัตราโทษความผิดเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าว ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19571 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า - ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ควรให้มีการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร ควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจ และควรมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการคลังดำเนินการร่วมกันในการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มเติมตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมทั้งจัดระบบการบริหารงานภายในเพื่อรองรับภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนอย่างเต็มรูปแบบ ๒.๓ ให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลัก ๒ ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและกำกับดูแลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งพิจารณากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ โดยมอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19572 | มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ได้ร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำหรับงบประมาณในการดำเนินมาตรการฯ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เงินทุนธนาคารดำเนินการจ่ายแก่เกษตรกรในเบื้องต้นไปก่อน โดยรัฐบาลจะชำระคืนเงินต้นและต้นทุนเงินแก่ ธ.ก.ส. ในอัตรา FDR+1 โดยให้ ธ.ก.ส. จัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาล และให้ ธ.ก.ส. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙) ที่กำหนดให้ ธ.ก.ส. ใช้วงเงินไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของกำไร เพื่อการจัดสรรโบนัสเฉพาะปีบัญชี ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาวิธีการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำของ ธ.ก.ส. รวมทั้งคำนวณการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ธ.ก.ส. จากกำไรสุทธิและผลประกอบการจริงของ ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือต้องมีความชัดเจน การพิจารณาถึงผลกระทบที่จะมีต่อ ธ.ก.ส. จากการดำเนินมาตรการฯ และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนกรณีฉุกเฉินจำเป็น (A-Cash) โดยคำนึงถึงการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการก่อหนี้สินเกินตัว รวมทั้งการกำหนดให้ ธ.ก.ส. บันทึกธุรกรรมที่เกิดจากการดำเนินมาตรการในบัญชีธุรกรรมนโยบายภาครัฐ (Public Service Account : PSA) ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถติดตามผลของมาตรการได้อย่างเป็นระบบและมีความโปร่งใสต่อสาธารณชน นอกจากนี้ ควรมีการติดตามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ได้เกษตรกรที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้สินอยู่กับสถาบันการเงินอื่น ๆ นอกเหนือจาก ธ.ก.ส. ได้รับโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือด้านหนี้สินทางการเกษตรเช่นเดียวกับลูกค้า ธ.ก.ส. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19573 | ขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. 2559 | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้ส่วนราชการฯ ลงนามจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยอนุมัติให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรน้ำ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายระยะเวลาการดำเนินการและลงนามสัญญา รายการงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๑ รายการ ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๓๐๕,๒๙๐,๑๐๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับรายการที่เหลือ จำนวน ๘ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๕๖๐,๘๗๔,๖๐๐ บาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19574 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบดำเนินการโดยกองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก | กห | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๐๐.๓๐๕๑ ล้านบาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเงิน ๑๕๗.๙๔๒๓ ล้านบาท และกองทัพบก เป็นเงิน ๑,๑๔๒.๓๖๒๘ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบตามผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19575 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 41 กับทางหลวงหมายเลข 403 (แยกทุ่งสง) จังหวัดนครศรีธรรมราช | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป) โดยให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันรายการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๔๑ กับทางหลวงหมายเลข ๔๐๓ (แยกทุ่งสง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๒. รับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๔๑ กับทางหลวงหมายเลข ๔๐๓ (แยกทุ่งสง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวงเงิน ๙๖๘,๕๔๐,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19576 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารสหเวชศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | ศธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารสหเวชศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากเดิมจำนวนเงิน ๕๕๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวนเงิน ๖๐๕,๙๔๖,๕๘๖ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19577 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณปี พ.ศ. 2557 และขอดำเนินงานโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม | ดท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. รับทราบการดำเนินโครงการภายใต้กรอบโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวม ๓๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย (๑) โครงการพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Incubation network) (๒) โครงการจัดหาระบบเฝ้าระวังสื่อออนไลน์ (๓) โครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจจากเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information & Communication Technology : ICT) สู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) (๔) โครงการสำรวจข้อมูลสถานภาพการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศของประเทศไทย (Media and Information Literacy) และ (๕) โครงการยกระดับคุณภาพงานบริการภาครัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (ระยะที่ ๒) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความประหยัดเป็นสำคัญ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดการดำเนินโครงการกับสำนักงบประมาณกรณีการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ชัดเจน โดยเร่งรัดการใช้จ่ายและเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงจัดทำสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดทำข้อกำหนดขอบเขตของงานและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนนำโครงการฯ ไปบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลมีความสอดคล้องและครอบคลุมในทุกมิติ รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาได้อย่างมีเอกภาพและให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19578 | ผลการดำเนินการแผนงาน/โครงการและงบประมาณในการดำเนินการภายใต้โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2559 | ดท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. รับทราบผลการดำเนินการแผนงาน/โครงการและงบประมาณในการดำเนินการภายใต้โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ วงเงินงบประมาณ ๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วยกิจกรรมการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๑๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) วงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความประหยัดเป็นสำคัญ สำหรับกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันนั้น ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีหรือขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และเร่งจัดทำรายละเอียดของโครงการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งในด้านพื้นที่ดำเนินการ ความต้องการใช้งานของผู้ใช้บริการ วงเงินลงทุน การบริหารจัดการและการดูแลบำรุงรักษา และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19579 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๑ ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ โดยขออนุมัติหลักการให้จำหน่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจดทะเบียนใน ตลท. และกระทรวงการคลังถือต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ๒.๑.๑ หลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ที่ได้มาโดยนิติเหตุ ๒.๑.๒ หลักทรัพย์ที่ได้รับโอนมาจากส่วนราชการอื่นเนื่องจากหมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ ๒.๑.๓ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นในการถือครอง ได้แก่ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นต้องถือไว้เพื่อการพัฒนาประเทศ หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เอกชนสามารถดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ๒.๒ ในการจำหน่ายหลักทรัพย์ตามข้อ ๒.๑ เห็นสมควรมอบอำนาจให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการจำหน่าย ราคาที่จะจำหน่าย สัดส่วนการถือครอง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ และนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ ตามแผนของกระทรวงการคลังต่อไป ทั้งนี้ การขออนุมัติในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามข้อ ๖ ข้อ ๘/๑ และข้อ ๑๐ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐที่ได้ดำเนินการในแต่ละปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการดำเนินการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและไม่เอื้อประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียรายใดรายหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19580 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ | นร | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ภายในวงเงินเดิมจำนวน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการไว้แล้ว และหากมีความจำเป็นต้องดำเนินการสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากเงินสะสมของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้เร่งรัดการอนุมัติโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดการใช้จ่ายเงินงบกลางผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและดำเนินการโอนเงินงบประมาณให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งติดตามการดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ขยายเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า บรรลุตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปดำเนินการด้วย
|
.....