ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 977 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19521 - 19540 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19521 | ร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19522 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว สำหรับกรณีที่จำเลยร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์และศาลมีคำสั่งอนุญาตย่อมมีผลทำให้จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาแสดงตนไปด้วยในตัว โดยต้องแสดงตนเมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่ได้ขยายออกไป ส่วนกรณีบทบัญญัติตามร่างพระราชบัญญัตินี้มีความเกี่ยวพันกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๒ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้ด้วย และกรณีกำหนดให้ใช้คำว่า “ผู้มีหน้าที่ต้องส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบ” เห็นว่ามีความครอบคลุมมากกว่าคำว่า “ผู้ที่ศาลสั่งให้ส่งสิ่งที่ริบ” และเมื่อนำไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับการดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจะหมายความรวมถึงผู้มีหน้าที่ต้องส่งสิ่งที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตดังกล่าว เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม และส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19523 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ที่เห็นควรมีการแก้ไขกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งหรือนำตราสารเปลี่ยนมือออกไปนอกหรือเข้ามาในประเทศผ่านระบบไปรษณีย์ รวมทั้งควรแก้ไขบันทึกเหตุผลแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19524 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า ทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สิทธิของผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา โดยขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมร่วมมือกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดเตรียมเอกสารและจัดทำสื่อวิดีทัศน์เผยแพร่วางที่หน่วยบริการของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถนำไปเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ได้ สำหรับการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เห็นควรให้มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ จำนวน ๑ คน เพียงพอแล้ว ส่วนการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว เห็นควรแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงแรงงาน แทนเจ้าหน้าที่ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นภาพรวมของกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19525 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19526 | ขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด) | นร07 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๖ รายการ วงเงิน ๘.๒๘๑ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ค่าปรับปรุงอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีศาลสูงภาค ๗ (๒) ค่าปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารที่พักอาศัย สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน (๓) ค่าซ่อมแซมอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี (๔) ค่าปรับปรุงบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ (๕) ค่าก่อสร้างกำแพงกันดินและวางระบบท่อระบายน้ำ สำนักงานอัยการภาค ๒ และ (๖) ค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองอุดรธานี ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19527 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา (รวม 17 ช่วง) [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วง กม.15 + 000.000 - กม. 27 + 500.000 (ช่วง 5), ช่วง กม.102 + 000.000 - กม.110 + 9000.000 (รวมทางแยกต่างระดับปากช่อง) (ช่วง 23), ช่วง กม.110 + 900.000 - กม.119 + 000.000 (ช่วง 24), ช่วง กม.119 + 000.000 - กม.126 + 475.000 (ช่วง 25), ช่วง กม.129 + 715.000 - กม.131 + 335.000 (ช่วง 28), ช่วง กม.131 + 335.000 - กม.132 + 955.000 (ช่วง 29), ช่วง กม.138 + 690.000 - กม.140 + 040.000 (ช่วง 33), ช่วง กม.140 + 040.000 - กม.141 + 810.000 (ช่วง 34), ช่วง กม.141 + 810.000 - กม.144 + 000.000 (ช่วง 35), ช่วง กม.144 + 000.000 - กม.154 + 800.000 (ช่วง 36) และ ช่วง กม.175 + 100.000 - กม.188 + 800.000 (ช่วง 39)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม.๑๕+๐๐๐.๐๐๐-กม.๒๗+๕๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๕), ช่วง กม.๑๐๒+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๑๐+๙๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับปากช่อง) (ช่วง ๒๓), ช่วง กม.๑๑๐+๙๐๐.๐๐๐-กม.๑๑๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๔), ช่วง กม.๑๑๙+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๒๖+๔๗๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๕), ช่วง กม.๑๒๙+๗๑๕,๐๐๐-กม.๑๓๑+๓๓๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๘), ช่วง กม.๑๓๑+๓๓๕.๐๐๐-กม.๑๓๒+๙๕๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๙), ช่วง กม.๑๓๘+๖๙๐.๐๐๐-กม.๑๔๐+๐๔๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๓), ช่วง กม.๑๔๐+๐๔๐.๐๐๐-กม.๑๔๑+๘๑๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๔), ช่วง กม.๑๔๑+๘๑๐.๐๐๐-กม.๑๔๔+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๕), ช่วง กม.๑๔๔+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๕๔+๘๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๖) และช่วง กม.๑๗๕+๑๐๐.๐๐๐-กม.๑๘๘+๘๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๙) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19528 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี รวม 9 ช่วง [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.1 + 119.007 - กม.5 + 000.000 LT. และ กม.1 + 225.000 - กม.5 + 000.000 - RT.(SPUR LINE) (ช่วง 24), ช่วง กม.5 + 000.000 - กม.9 + 856.000 (SPUR LINE) (ช่วง 25), ช่วง กม.80 + 000.000 - กม.87 + 000.000 (ช่วง 21), ช่วง กม.87 + 000.000 - กม.92 + 000.000 (ช่วง 22), ช่วง กม.92 + 000.000 - กม.96 + 410.000 (รวมทางแยกต่างระดับกาญจนบุรี) (ช่วง 23)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม. ๑+๑๑๙.๐๐๗-กม.๕+๐๐๐.๐๐๐ LT. และ กม.๑+๒๒๕.๐๐๐-กม.๕+๐๐๐.๐๐๐ RT. (SPUR LINE) (ช่วง ๒๔), ช่วง กม.๕+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙+๘๕๖.๐๐๐ (SPUR LINE) (ช่วง ๒๕), ช่วง กม.๘๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๘๗+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๑), ช่วง กม.๘๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙๒+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๒), ช่วง กม.๙๒+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙๖+๔๑๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับกาญจนาบุรี) (ช่วง ๒๓) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19529 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ และได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีในหัวข้อด้านการท่องเที่ยว [1st Asia Cooperation Dialogue (ACD) Ministerial Meeting on Tourism] ณ เมืองทาบริซ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับรัฐมนตรีในหัวข้อด้านการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีมติให้การรับรองปฏิญญาทาบริซ (Tabriz Declaration) โดยตกลงที่จะร่วมกันดำเนินการตามประเด็นสำคัญ อาทิ จัดตั้งคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดตั้งเครือข่ายการท่องเที่ยว “Joint Tourism Network” และยกระดับการท่องเที่ยวในภูมิภาค ๒. การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับรองประธานาธิบดีและประธานองค์กรการท่องเที่ยวหัตถกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมประจำอิหร่าน (Vice President and Head of Iran Cultural Heritage, Handicrafts and Tourism Organization) โดยฝ่ายอิหร่านมีข้อเสนอ อาทิ การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ การจัด Fam Trips (Familiarization Trips) โดยเชิญนักข่าวจากไทยเดินทางมาสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวที่อิหร่าน และการขอให้ไทยดำเนินการลงนามในร่างบันทึกความตกลงด้านการท่องเที่ยว (MOU) สำหรับฝ่ายไทยมุ่งเน้นการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ และในส่วนของ (MOU) จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19530 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรมเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. 2559 - 2563 | รง | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรมเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติได้เห็นชอบผลการจัดทำยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งวิเคราะห์จากความเชื่อมโยงของแผน นโยบายยุทธศาสตร์ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง และการระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบด้วย ๕ ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้และการทดสอบสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม (๒) พัฒนาหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกถึงคุณค่าของภาษาและวัฒนธรรม (๓) ขยายความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน (๔) ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาทักษะด้านภาษาและวัฒนธรรม และ (๕) ปรับปรุงสื่อการเรียนรู้และฐานข้อมูลกลางด้านภาษาและวัฒนธรรม และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในยุทธศาสตร์ที่ ๑ ยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้และการทดสอบสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม กลยุทธ์ที่ ๑.๔ สนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางทดสอบภาษาเพื่อการปฏิบัติงานสำหรับแรงงานไทย ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานเจ้าภาพบูรณาการด้วยนั้น โดยที่เรื่องดังกล่าวมิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของการดำเนินการของหน่วยงานที่รับผิดชอบภายในประเทศ กระทรวงแรงงานซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักอาจพิจารณาหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19531 | รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 37 และการเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการประชุมฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๗ (The 37th Meeting of ASEAN Senior Officials on Drug Matters : ASOD) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานความร่วมมือด้านยาเสพติดของอาเซียนในรูปแบบของโครงการต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมด้านยาเสพติด การปฏิบัติการร่วม และการดำเนินกิจกรรมในด้านต่าง ๆ (๒) พิจารณาข้อเสนอโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านยาเสพติดในอาเซียน (๓) ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และแผนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และ (๔) ร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานความร่วมมือ สำหรับการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๘ ในปี ๒๕๖๐ ประเทศเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19532 | แผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา วัฒนธรรม และด้านสาธารณสุขและการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ห้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2559 - 2560 | นร04 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา วัฒนธรรม และด้านสาธารณสุขและการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ห้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙-๒๕๖๐ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) แผนการปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม เช่น กำกับดูแลและสนับสนุนการท่องเที่ยวในแต่ละ Cluster ให้มั่นคงและยั่งยืน จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ จัดทำแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ และแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นต้น และ (๒) แผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข และการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น ปรับระบบการบริหารจัดการบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิให้เป็นรูปแบบ Primary Care Cluster เพิ่มแหล่งทุนเพื่อการสร้างสุขภาพป้องกันโรคของประเทศเป็นร้อยละ ๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ แก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งเตรียมความพร้อมสังคมและคนทุกวัยเพื่อเป็นสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ เป็นต้น ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19533 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์" พ.ศ. .... | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท เพื่อใช้เป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19534 | แจ้งมติสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำ ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม และการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และมิใช่ข้าราชการการเมืองของกระทรวงกลาโหม เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๖๘ ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) และ (๒) และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๕ ซึ่งมีผลทำให้บุคคลดังกล่าวถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมือง หรือในหน่วยงานของรัฐ หรือในการรับราชการเป็นระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19535 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี รวม 9 ช่วง [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.13 + 000.000 - กม.17+ 000.000 (ช่วง 5), ช่วง กม.17 + 000.000 - กม.22 + 500.000 (ช่วง 6), ช่วง กม.46 + 000.000 - กม.50 + 000.000 (ช่วง 14), และช่วง กม.77+000.000 - กม.80 + 000.000 (รวมทางแยกต่างระดับท่าม่วง) (ช่วง 20)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม.๑๓+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๗+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๕), ช่วง กม.๑๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๒๒+๕๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๖), ช่วง กม.๔๖+๐๐๐.๐๐๐-กม.๕๐+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๔), และช่วง กม.๗๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๘๐+๐๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับท่าม่วง) (ช่วง ๒๐) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19536 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมาฯ (รวม 17 ช่วง) [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วง กม. 41+ 300.000 - กม. 42 + 497.858 (ช่วง 8) , ช่วง กม. 42 + 497.858 - กม. 43 + 772.858 (ช่วง 9) , ช่วง กม. 43 + 772.858 - กม. 45 + 022.858 (ช่วง 10), ช่วง กม. 45 + 022.858 - กม. 46 + 274.828 (ช่วง 11) , ช่วง กม. 46 + 274.828 - กม. 47 + 600.000 (ช่วง 12) และช่วง กม. 128 + 095.000 - กม. 129 + 715.000 (ช่วง 27)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม. ๔๑+๓๐๐.๐๐๐-กม. ๔๒-๔๙๗.๘๕๘ (ช่วง ๘), ช่วง กม. ๔๒+๔๙๗.๘๕๘-กม. ๔๓+๗๗๒.๘๕๘ (ช่วง ๙) ,ช่วง กม. ๔๓+๗๗๒.๘๕๘-กม. ๔๕+๐๒๒.๘๕๘ (ช่วง ๑๐), ช่วง กม. ๔๕+๐๒๒.๘๕๘-กม. ๔๖+๒๗๔.๘๒๘ (ช่วง ๑๑), ช่วง กม. ๔๖+๒๗๔.๘๒๘-กม.๔๗+๖๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๒) และช่วง กม. ๑๒๘+๐๙๕.๐๐๐-กม. ๑๒๙+๗๑๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๗) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19537 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 1 | พณ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการค้าและการลงทุน ได้แก่ การขยายมูลค่าการค้าระหว่างไทยและภูฏาน และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย การส่งเสริมการลงทุนของไทยในภูฏาน การอำนวยความสะดวกและการสนับสนุนการจัดกิจกรรม Road Show ของภูฏาน (การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว) การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในการนำเข้าของภูฏาน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับกรมอุตสาหกรรมของภูฏาน ๒. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การพัฒนาแพ็คเกจการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด "2 Kingdoms 1 Destination" การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการบริหารจัดการโรงแรม ๓. ความร่วมมือด้านการเกษตร ได้แก่ การขยายความร่วมมือด้านการเกษตรเกี่ยวกับการดูแลผลิตภัณฑ์หลังเก็บเกี่ยว การวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการทดสอบและพัฒนาห้องแลป เป็นต้น ๔. ความร่วมมือด้านการพัฒนาสินค้าหัตถกรรม ได้แก่ การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์พัฒนาผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรม/หัตถศิลป์ (สิ่งทอ ไม้ โลหะ) การตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ๕. การรักษาพยาบาล/การรับบริการด้านสุขภาพในไทย ได้แก่ พิจารณาความเป็นไปได้ในการลดค่าบริการการรักษาให้กับคนไข้ชาวภูฏาน (โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน) ๖. ประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ ผลักดันการเจรจา FTA ภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ให้มีข้อสรุปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19538 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๑๑๐ รายการ วงเงินรวม ๓๘๕,๗๘๗,๑๗๒.๕๔ บาท ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จให้ใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป และอนุมัติการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ที่เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยให้สัตยาบันการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรกที่ดำเนินการไปแล้ว ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๒๘,๖๐๔,๕๐๒.๐๐ บาท และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๒,๗๓๓,๓๙๐.๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติการขอยกเลิกการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๒๔ รายการ วงเงินรวม ๓๐,๗๔๐,๗๖๒.๖๘ บาท ๑.๓ อนุมัติให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้ดำเนินการดึงเงินเหลือจ่ายคืนจากหน่วยงานเจ้าของโครงการโดยตรงหลังจากวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่คณะรัฐมนตรีขยายระยะเวลาการดำเนินการและเบิกจ่ายตามข้อ ๑.๑ เพื่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะได้ดำเนินการปิดบัญชีแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อไป ๑.๔ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จากเดิม “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙” เป็น “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ” ๑.๕ อนุมัติการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โดยให้สัตยาบันการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC๑ พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกรมชลประทาน จำนวนทั้งสิ้น ๒.๑๗ ล้านบาท ๑.๖ อนุมัติการจัดสรรวงเงินสำรองจ่ายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๓๕๕,๗๔๒.๐๐ บาท ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และกระทรวงการคลังกำกับหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และเร่งรัดดำเนินการปิดโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ โดยคณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาดำเนินงานหรือการเบิกจ่ายเงินอีกต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการเบิกจ่ายเงินเกินกรอบระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีของส่วนราชการ รวมทั้งเสนอแนวทางป้องกันมิให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19539 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ พ.ศ. .... | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย ตำบลมวกเหล็ก ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น ตำบลกลางดง ตำบลปากช่อง ตำบลหนองสาหร่าย ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง ตำบลคลองไผ่ ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว ตำบลมะเกลือเก่า ตำบลเสมา ตำบลสูงเนิน ตำบลโคราช ตำบลนากลาง ตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทางและสะพานข้ามทางรถไฟ ทางรถไฟทางคู่ และทางลอดใต้ทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19540 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | วท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ และเจ้าหน้าที่เดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หากเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน สามารถกระทำได้ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และหากคณะรัฐมนตรีมีมติให้กำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งดังกล่าว ก็อาจดำเนินการผ่านคณะกรรมการบริหารของหน่วยงานนั้น ๆ สำหรับกรณีให้หน่วยงานของรัฐควบคุมการประกอบกิจการที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งสองหน่วยงานจะทำข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการควบคุมดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนการยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เห็นควรยื่นตั้งแต่ในขั้นขออนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งอาจต้องปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจะดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....