ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 975 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19481 - 19500 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19481 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ปี 2559 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม 2559 | อก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๙ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ ๑๐๖.๕ ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาร้อยละ ๕.๑ แต่ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๑.๕ อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบสำหรับยานยนต์ แป้งมัน กลูโคส เครื่องสำอางและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๕.๑ โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ เครื่องยนต์ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ที่มิใช่ยางรถยนต์ การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบขยายตัวร้อยละ ๐.๙ ด้านการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) หดตัวร้อยละ ๕.๔ โรงงานที่เริ่มประกอบกิจการลดลงร้อยละ ๑๑.๑ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๒๙.๒ ยอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๐ และมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการลดลงร้อยละ ๓๕ และการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ลดลงร้อยละ ๑.๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19482 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานให้มีบทบัญญัติที่เหมาะสมกับกาลสมัย ตลอดจนแก้ไขบทกำหนดโทษและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในการควบคุมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ซึ่งกำหนดไว้ในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อให้กฎหมายในเรื่องนี้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19483 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้กระบวนการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนครอบคลุมถึงวิสาหกิจภาคการเกษตร กำหนดลักษณะของ SMEs โดยเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาเรื่องรายได้ และแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับการโอนย้ายสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ครบถ้วนชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดลักษณะอื่นของ SMEs และองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนรายได้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา SMEs ควรมีการกำหนดจำนวนรายได้ให้สอดคล้องกับนิยามของ SMEs ที่กรมสรรพากรกำหนดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19484 | ร่างพระราชบัญญัติการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... | พณ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เพื่อทำหน้าที่กำหนดหรือแก้ไขนโยบายมาตรการและแนวทางเกี่ยวกับการบริหารการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กำหนดมาตรการภายในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง สินค้าที่ใช้ได้สองทาง และสินค้าทั่วไปที่สามารถนำไปประกอบ พัฒนา เสริมสร้าง และดำเนินการประการอื่นที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยให้มีระบบบริหารการส่งออก การผ่านแดน การถ่ายลำ การเป็นคนกลาง และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ การกำหนดให้ชัดเจนในร่างพระราชบัญญัติฯ เรื่องบทยกเว้นการขออนุญาต กรณีสินค้ามีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อมิให้มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวและพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธยุทธภัณฑ์และสิ่งที่ใช้ในการสงคราม พ.ศ. ๒๔๙๕ รวมทั้งควรกำหนดบทนิยามของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนรัดกุมยิ่งขึ้น โดยมีตำแหน่งเทียบเคียงได้กับข้าราชการพลเรือนสามัญระดับสามในทำนองเดียวกับที่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19485 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การดำเนินการเพื่อรองรับการโอนเงินจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพไปออมต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเงินหรือผลประโยชน์นั้นคำนวณจากเงินที่ลูกจ้างโอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วได้คงเงินไว้ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจนตาย ทุพพลภาพ หรืออายุไม่ต่ำกว่า ๕๕ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ไม่ว่าเป็นเงินที่รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยตรง หรือรับโอนมาจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอื่นที่เงินทอดแรกเป็นเงินที่ได้รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการสนับสนุนให้นายจ้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกจ้างมีช่องทางในการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุซึ่งจะช่วยส่งเสริมการออม เพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตภายหลังการเกษียณอายุ และช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐในการดูแลผู้สูงอายุได้ต่อไปในอนาคต ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19486 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน | กต | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติ UNSC ที่ ๒๑๔๐ (ค.ศ. ๒๐๑๔) ที่ ๒๒๐๔ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ที่ ๒๒๑๖ (ค.ศ. ๒๐๑๕) และ ที่ ๒๒๖๖ (ค.ศ. ๒๐๑๖) เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐเยเมนที่จำเป็น ได้แก่ การห้ามการเดินทาง การอายัดทรัพย์สิน และการคว่ำบาตรทางอาวุธ รวมถึงการต่ออายุมาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยฟื้นฟูและสนับสนุนการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในสาธารณรัฐเยเมน ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุดถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19487 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ลาว | คค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติทั้ง ๔ ข้อ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ลาว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับคำนิยาม การกำหนดสายการบินและการอนุญาต การปฏิเสธ การเพิกถอน และการพักใช้ใบอนุญาตดำเนินการ ความปลอดภัยการบิน ข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือ/การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และการมีผลใช้บังคับ และบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ลาว ฉบับจัดทำวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิความจุ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ สำหรับเที่ยวบินรับขนผู้โดยสาร และสายการบินที่กำหนด ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและลาว ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ลาว ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19488 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม | วท | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้แทนความตกลงฉบับเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๐ เพื่อแสดงถึงการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือในด้านนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะมีการลงนามในระหว่างการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะต่อไปควรขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมในสาขาที่จะสนับสนุนการพัฒนา ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19489 | ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 (รัชกาลปัจจุบัน) | กษ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อไป ดังนี้
๑. ให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็น “พระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย” ๒. ให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน เป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19490 | การจำแนกประเภทที่ดิน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน และจังหวัดลำปาง (ขอเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเดิมเฉพาะแห่ง) | กษ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจำแนกประเภทที่ดินพื้นที่ป่าลุ่มน้ำทา จังหวัดเชียงใหม่ ป่าแม่สาครฝั่งขวา ถนนสายแพร่-น่าน จังหวัดน่าน และป่าแม่ตุ๋ยฝั่งซ้าย (ป่าแม่เมาะแปลง ๒) จังหวัดลำปาง ออกจากป่าไม้ถาวร ตามมติคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติรับทราบการจำแนกประเภทที่ดินดังกล่าวเพื่อให้เกิดการบูรณาการเกี่ยวกับการจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินในภาพรวมของประเทศและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบพื้นที่เพื่อมิให้ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคุ้มครองที่ยังไม่ได้กำหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่หวงห้ามที่ดินของกรมป่าไม้ รวมทั้งควรมีการสร้างความรู้ความเข้าใจและรณรงค์ให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบผสมผสาน ลดการใช้สารเคมีและลดการเผา เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพเกษตรกรรมและลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของราษฎร และพิจารณาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม ควรทบทวนระบบการจัดการที่ดินที่มีอยู่และชะลอการดำเนินการระบบจัดการที่ดินที่พิจารณาแล้วพบว่ามีความซ้ำซ้อนกับการดำเนินการตามระบบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และเร่งรัดการออกแบบปรับปรุงให้ระบบที่คาบเกี่ยวกันนั้นให้มีการบูรณาการอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดินของประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19491 | แนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2559/60 เพิ่มเติม | พณ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้เลื่อนระยะเวลาการดำเนินโครงการ ๓ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลัง และ (๓) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร จากเดิมที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเริ่มดำเนินโครงการวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และสิ้นสุดระยะเวลาโครงการวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เป็นเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป โดยอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาในการชดเชยดอกเบี้ยและกรอบวงเงินงบประมาณยังคงเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ อนุมัติโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวนประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ราย รายละไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับต้นเงินกู้ ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเลื่อนกำหนดชำระคืนต้นเงินเป็นระยะเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ และให้ ธ.ก.ส. ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แก่เกษตรกรร้อยละ ๓ และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรแก่ ธ.ก.ส. แทนเกษตรกรร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี ระยะเวลา ๒ ปี สำหรับภาระงบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน ๑,๒๐๐ ล้านบาท นั้น เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการดังกล่าวไปก่อน เนื่องจากมีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอ และจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เงื่อนไขในการดำเนินโครงการเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ ๑.๓ รับทราบโครงการให้สินเชื่อเพื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. เป้าหมาย ๕๐๐,๐๐๐ ราย วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยจากเกษตรกรในอัตราร้อยละ ๐.๕ ต่อเดือน (ร้อยละ ๖ ต่อปี) กำหนดชำระคืนไม่เกิน ๑๒ เดือน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และ ธ.ก.ส. เป็นต้น ในการจัดทำแผนงาน/แนวทางการฟื้นฟูอาชีพให้กับเกษตรกรในช่วงที่มีการพักชำระหนี้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งการวางแผนการผลิตที่เชื่อมโยงไปถึงตลาด ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้และนำมาชำระหนี้ได้ต่อไปเมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ของรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19492 | โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" | นร11 | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๓) และแนวทางการดำเนินงานตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของโครงการเมืองต้นแบบฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยนำร่องในพื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เป็นเมืองต้นแบบ ๑.๒ แผนการดำเนินงานโครงการเมืองต้นแบบฯ จำนวน ๖๓ โครงการ กรอบวงเงิน ๕,๑๗๕.๓๘๙ ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนโดยเร็ว จำนวน ๓๙ โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๗ โครงการ วงเงิน ๓๔๓.๖๔๑ ล้านบาท และโครงการที่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๒ โครงการ วงเงิน ๑,๑๙๐.๙๕๓ ล้านบาท ๑.๓ จัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา รวมทั้งติดตามและประเมินผล ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นต้น นำแนวทางดังกล่าวไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาแนวทางการให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์ในการดำเนินการด้วย ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบฯ เห็นควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการจำนวน ๖๓ โครงการ จัดทำแผนการปฏิบัติงาน การเตรียมความพร้อม และรายละเอียดค่าใช้จ่าย โดยให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาดำเนินงานในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งประสานงานกับกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส เพื่อพิจารณาบรรจุโครงการไว้ในแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ๔ ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด เพื่อให้เกิดการบูรณาการงบประมาณ ส่วนกรณีที่จะให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นแหล่งทุนในระยะยาวให้กับผู้ประกอบการที่จะลงทุนในพื้นที่ นั้น เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๔. ในการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบฯ ให้เพิ่ม “กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ในองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ตามความเห็นของประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19493 | โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 9 ของการประปานครหลวง | มท | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้การประปานครหลวง (กปน.) ดำเนินงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ ๙ วงเงินลงทุนรวม ๔๒,๗๕๐ ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของ กปน. จำนวน ๑๙,๗๕๐ ล้านบาท และเงินกู้ในประเทศ จำนวน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้ กปน. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการฯ โดย กปน. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้ กปน. ปรับระยะเวลาของโครงการฯ ให้สอดคล้องกับการดำเนินการจริงที่จะสามารถเริ่มได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและ กปน. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำสูญเสียขององค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมาย ควรบริหารความเสี่ยงและควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการวางแผนการเตรียมความพร้อมในขั้นตอนของแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ กปน. พิจารณาดำเนินการ เช่น ประสานการขอใช้พื้นที่ระหว่างหน่วยงานสาธารณูปโภคและหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ให้สอดคล้องและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ศึกษาความเหมาะสมการปรับโครงสร้างอัตราค่าน้ำสำหรับกลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทต่าง ๆ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการ เช่น พิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายควบคุมอาคารที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรน้ำของอาคาร กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการก่อสร้างอาคารให้มีการบำบัดน้ำเสียอย่างเข้มงวด และพิจารณากำหนดอัตราและแนวทางการจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสียตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย นอกจากนี้ กปน. ควรมีการกำกับและติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเสนอแผนการขอใช้น้ำต่อกรมชลประทานทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแผนการจัดสรรน้ำดิบตามความเหมาะสมของปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมให้กับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น แนวทางการลดน้ำสูญเสีย การบำบัดน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19494 | มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายความปลอดภัยทางถนน จำนวน ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) เมาแล้วขับ (๒) ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด (๓) การได้มาซึ่งใบอนุญาตขับรถ (๔) รถโดยสารสาธารณะ และ (๕) การคาดเข็มขัดนิรภัย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขกฎหมายทั้ง ๕ ประเด็น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบ และข้อบังคับที่อยู่ในอำนาจหน้าที่เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๐ ๑.๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติเป็นแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน โดยให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๑.๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยนำนโยบายประชารัฐมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๑.๑.๔ ให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างเข้มข้น จริงจัง ให้เกิดความตระหนักและเกิดเป็นวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยโดยเร่งด่วน ๑.๒ เห็นชอบในหลักการให้จัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ และให้ใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพลางก่อน จนกว่าแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ให้พิจารณาปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการจัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ให้มีระยะเวลาสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ด้วย ๒. ในการจัดหาเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนแห่งชาติพิจารณาดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของแผนความต้องการและแผนการจัดสรรเครื่องมือดังกล่าว ตลอดจนเรื่องของคุณลักษณะเฉพาะและราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักความประหยัดและคุ้มค่า เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในลักษณะของการบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ตัวชี้วัด และเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนตั้งแต่กระบวนการจัดทำแผนจนถึงการประเมินผลการดำเนินงาน และพิจารณาถึงคุณสมบัติและความคุ้มค่าที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานเครื่องตรวจวัดความเร็ว เพื่อความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19495 | ขอความเห็นชอบรายละเอียดแผนงานและแผนเงิน และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ในการจัดงานนิทรรศการโลก International Recognized Exhibition Expo 2017 Astana | พน | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายละเอียดแผนงานและแผนเงิน และอนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ในการจัดนิทรรศการโลก International Recognized Exhibition Expo 2017 Astana ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐ มิถุนายน-๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงอัสตานา ประเทศสาธารณรัฐคาซัคสถาน และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ๑.๒ เห็นชอบให้คณะกรรมการอำนวยการงาน Astana Expo 2017 หรือกระทรวงพลังงานในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นสามารถปรับรายละเอียดแผนงานและแผนเงิน ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ เห็นชอบให้กรณีที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามอัตราที่ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด สามารถเบิกจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง โดยให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าส่วนราชการในการอนุมัติ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กระทรวงพลังงานไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้ ประกอบกับเป็นช่วงต้นปีงบประมาณไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ จึงเห็นควรให้กระทรวงพลังงานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๒๗,๐๑๕,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการดังกล่าว โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณงบกลาง เพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงพลังงานควรบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้ทรัพยากรหรือความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19496 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนสิงหาคม 2559 | นร02 | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ การขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน การเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ๒๐๑๖ ณ เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำและดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ การดำเนินการความก้าวหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหา IUU และการวางมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ การดำเนินกิจการฮัจย์ ประจำปี ๒๕๕๙ มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกผืนป่าและมาตรการจัดระเบียบสังคมและปรับภูมิทัศน์ นโยบายการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ การแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยา การฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่น หลังเหตุระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ การแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือกับพายุฤดูฝน รัฐบาลเดินหน้า Road Map สู่การเลือกตั้ง และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การดำเนินการภายหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารจัดการเรื่องการระบายข้าว โครงการประชาสัมพันธ์การปรับทิศทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะที่ ๒ การสนับสนุนนักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนเข้าร่วมการแข่งขันอาเซียน บีช เกมส์ ครั้งที่ ๕ หรือ ดานัง ๒๐๑๖ ที่ประเทศเวียดนาม การจัดงานมหกรรมอาหารเชียงใหม่ ครั้งที่ ๒๙ ที่จังหวัดเชียงใหม่ การดำเนินการและความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินผิดกฎหมาย การยึดคืนพื้นที่กับผู้บุกรุกป่าชายเลน ตามแผนปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรชายฝั่งและป่าชายเลน การจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ (CERT) และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19497 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2559 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ได้มีการจัดการอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ๒. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะค่อนข้างดี เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ดัชนีความคาดหวังในอีก ๖ เดือนข้างหน้า ประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๙ มีค่าเท่ากับ ๖๕.๔ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าเท่ากับ ๖๔.๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19498 | รายงานการประชุมระดับรัฐมนตรี China - ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ 5 | กษ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรี China-ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๙-๑๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของการประชุมผู้ประสานงานระดับอธิบดี (ASEAN-China SPS Cooperation Contact Point Meeting) ครั้งที่ ๕ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมการดำเนินความร่วมมือด้านการควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันที่เกี่ยวข้องกับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนภายใต้แผนปฏิบัติการของปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ และให้การรับรองรายงานแผนปฏิบัติการความร่วมมือปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วยขอบเขตความร่วมมือ ๔ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การจัดทำระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแจ้งเตือนประกาศ (๒) การแลกเปลี่ยนการเยือน (๓) การจัดการฝึกอบรมและการสัมมนา และ (๔) การจัดทำวิจัยร่วม ๒. จีนได้นำเสนอโครงการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้าน SPS ระหว่างกัน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) การจัดทำพื้นที่นำร่องอาเซียน-จีนสำหรับการตรวจสอบและกักกันค้าชายแดน ณ ด่านผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (๒) ความร่วมมือด้านการมาตรฐานทางการเกษตร (๓) ความร่วมมือด้านใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) ความร่วมมือด้านการป้องกันและการควบคุมโรคพืชและสัตว์ ๓. ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมหนานหนิง โดยไม่มีการลงนาม มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ความสำเร็จในการเจรจาการยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (๒) เร่งรัดการเจรจาประเด็น SPS ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ให้สามารถสรุปผลได้ภายในกำหนด และ (๓) การส่งเสริมความร่วมมือในการตรวจสอบและกักกันสินค้าเกษตรและอาหาร ๔. การประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๑ โดยมีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19499 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี 1 เอเอ็ม และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑๕-๑๗/๒๕๕๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ๑.๒ เห็นชอบหลักเกณฑ์สำหรับโครงการที่จะขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองและเพื่อการต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ โดยจะต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่เดิมที่มีการทำเหมืองมาก่อน มีความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่าและความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรกำกับดูแลให้ผู้ถือประทานบัตรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และพิจารณากำหนดมาตรการที่เข้มข้นเพิ่มเติมสำหรับผู้ยื่นคำขอประทานบัตรรายนี้ เพื่อกำหนดเป็นเงื่อนไขพิเศษและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ประกอบการสั่งอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาต เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ยื่นคำขอประทานบัตรรายนี้จะไม่ทำเหมืองนอกเขตพื้นที่บริเวณประทานบัตรในพื้นที่อื่นอีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามกรณีคดีความกับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) กรณีการทำเหมืองนอกเขตพื้นที่ประทานบัตรและทำเหมืองในพื้นที่ห้ามทำเหมือง (Buffer Zone) หากคดีถึงที่สุดแล้วให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19500 | การบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งเสริมให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยประเภทใหม่ คือ “สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์” ให้ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจตั้งอยู่ โดยให้กู้ยืมเงินทั้งที่มีหรือไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน วงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย คิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) ไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี และเห็นชอบการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) เพื่อรับผิดชอบภารกิจด้านการแก้ไขหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางกฎหมายกับองค์กรหรือนายทุนเงินกู้นอกระบบอย่างจริงจัง การจัดทำฐานข้อมูลสำหรับป้องกันและปราบปราม การบูรณาการช่วยเหลือคุ้มครองประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตัดวงจรสาเหตุของหนี้นอกระบบ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระดับกระทรวงหรือระดับองค์กร การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชนเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาหนี้นอกระบบ การอบรมให้ความรู้และพัฒนาทักษะการบริหารจัดการทางการเงิน ตลอดจนการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงินเพื่อให้เป็นภูมิคุ้มกันสำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนในอนาคต การกำหนดหลักเกณฑ์การวัดผลการดำเนินงาน รวมถึงตัวชี้วัดในการดำเนินงานและนำแนวทางการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบฯ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เพื่อให้มีแผนปฏิบัติการรองรับและมีผู้รับผิดชอบชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ จัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางการเงิน (Financial literacy) แก่ประชาชน รวมทั้งกลไกในการขับเคลื่อน โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดให้มีการให้ความรู้ฯ แก่ประชาชนในช่องทางที่หลากหลายและเหมาะสมสำหรับประชาชนแต่ละกลุ่มอาชีพ การศึกษา หรือช่วงวัย ๓.๒ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และวางแผนการประชาสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจูงใจให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ต่อไป ๕. ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) และคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดให้ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
.....