ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 974 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19461 - 19480 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19461 | ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ปี ค.ศ. 2016 - 2018 | กก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามแนวปฏิบัติร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ (Joint Action Program on Tourism Cooperation between the Ministry of Tourism and Sports of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture, Sports and Tourism of the Socialist Republic of Viet Nam in the period of 2016-2018) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวในระดับทวิภาคีและระดับอาเซียน อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในการฝึกอบรม แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการส่งเสริมการตลาดระหว่างกัน โดยจะมีการลงนามในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในแนวปฏิบัติร่วมฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงแนวปฏิบัติร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19462 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2564) | กก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน (๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว (๓) การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยว (๔) การสร้างความสมดุลให้กับการท่องเที่ยวไทยผ่านการตลาดเฉพาะกลุ่ม การส่งเสริมวิถีไทย และการสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และ (๕) การบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยว และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยกำหนดแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนแผนฯ เป็น ๒ ระยะ ได้แก่ แนวทางระยะสั้น ในระยะ ๑-๒ ปีของแผนฯ ดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ ที่สามารถเริ่มปฏิบัติได้ทันที คาดว่าสามารถเห็นผลได้ภายในช่วง ๒ ปีแรกของระยะแผนฯ (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๑) และแนวทางระยะกลาง ระยะ ๓-๕ ปี เป็นการดำเนินการที่สามารถเริ่มปฏิบัติได้ในช่วงปีที่ ๒-๓ ของระยะแผนฯ คาดว่าสามารถเห็นผลได้ภายในกรอบระยะเวลาแผนฯ (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ตามแผนฯ ประเด็นการสร้างความตระหนักรู้และการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนและชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งประเด็นการบูรณาการแผนงาน/งบประมาณในส่วนกลางกับภูมิภาคอย่างสอดรับกัน เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนแผนฯ อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การวางแผนการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวควรคำนึงถึงมิติทางสังคม วัฒนธรรมควบคู่ไปกับมิติทางเศรษฐกิจ รวมทั้งมิติด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยควรให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่มีบทบาทในการวางแผน พัฒนา และบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ทั้งในระดับจังหวัดและท้องถิ่นเพื่อสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของและความหวงแหนในมรดกชุมชน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19463 | ผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กต | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (นายสะเหลิมไซ กมมะสิต) และคณะ ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือข้อราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว และเร่งรัดความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงการต่างประเทศเห็นควรมีการติดตามใน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม วัฒนธรรม และการพัฒนา โดยแบ่งเป็น ๑๐ ประเด็น เช่น การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน การเชื่อมโยงในภูมิภาค แรงงาน พลังงานไฟฟ้า ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ความร่วมมือในกรอบอาเซียน จึงมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติให้เป็นไปตามผลการหารือให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเด็นการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ซึ่งจะต้องพิจารณาทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งประเด็นกรณีไม้พะยูง ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ขณะนี้คดีปลอมแปลงเอกสารยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล และจะยังไม่มีการส่งคืนไม้พะยูงของกลางให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจนกว่าการดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารดังกล่าวจะถึงที่สุด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19464 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 ที่ส่วนราชการขอเพิ่มเติม | นร07 | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๐๖.๗๔๒๗ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19465 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 59/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 8 และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ | สลธ.คสช. | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๙/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๘ และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ สั่ง ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19466 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 60/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันการนำช้างป่ามาสวมสิทธิเป็นช้างบ้าน | สลธ.คสช. | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๐/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันการนำช้างป่ามาสวมสิทธิเป็นช้างบ้าน สั่ง ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19467 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2559 | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยติดลบร้อยละ ๐.๐๙ ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบนโยบายการเงิน (ร้อยละ ๒.๕?๑.๕) ตามราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ กนง. ประเมินว่าไม่ได้เป็นสัญญาณของภาวะเงินฝืดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะโน้มสูงขึ้นและกลับเข้าสู่ขอบล่างของเป้าหมายตามอุปสงค์ในประเทศที่ค่อย ๆ พื้นตัว โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทย กนง. ประเมินว่าในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากฐานะทางการเงินที่มีความเข้มแข็งของธุรกิจขนาดใหญ่และสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น หนี้สินภาคครัวเรือนที่ขยายตัวเร็วกว่ารายได้ และพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า เป็นต้น ทั้งนี้ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ จะขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ๒. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับผ่อนปรนเพียงพอและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19468 | แนวทางการลดอุบัติเหตุทางถนนด้วยใบอนุญาตขับรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ | คค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการลดอุบัติเหตุทางถนนด้วยใบอนุญาตขับรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการ “มั่นใจทั่วไทยรถใช้ GPS” ได้ออกประกาศให้รถโดยสารสาธารณะและรถลากจูงที่จดทะเบียนก่อนมกราคม ๒๕๕๙ จะต้องติดตั้ง GPS ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ ส่วนรถโดยสารสาธารณะ รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนตั้งแต่มกราคม ๒๕๕๙ ต้องติดตั้ง GPS ทันที รวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ตั้งแต่สิบล้อขึ้นไปทุกคันจะต้องติดตั้ง GPS ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒ โดยขณะนี้กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ๒. โครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์ในการออกใบอนุญาตขับรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน เป็นโครงการพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถรูปแบบใหม่ให้เป็นบัตรแบบพลาสติกที่มีแถบแม่เหล็ก มีคุณสมบัติในการป้องกันการปลอมแปลง เพื่อลดความเสี่ยงจากการนำไปใช้อย่างผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจะนำมาใช้ร่วมกับเครื่อง GPS เพื่อควบคุมผู้ขับรถให้เกิดความปลอดภัย คาดว่าจะสามารถเริ่มออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยในอนาคตจะกำหนดให้ใช้ใบอนุญาตขับรถแบบใหม่นี้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ จำนวน ๕๓๓,๗๒๙,๐๘๙ บาท ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนได้มีมติ (๒๑ เมษายน ๒๕๕๙) เห็นชอบให้จัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อการดำเนินโครงการในระยะเริ่มต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19469 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2558 (1 เมษายน 2558 - 31 มีนาคม 2559) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๘ (๑ เมษายน ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19470 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 3/2559 | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ กรณีปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี ๑ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัย (แปลง G) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงของการเคหะแห่งชาติ (๒) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๓) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๔) ข้อชี้แจงการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบแรงดัน ๑๑๕ กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19471 | สรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเกี่ยวกับนโยบายด้านการดูแลและการศึกษาเด็กปฐมวัย | ศธ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเกี่ยวกับนโยบายด้านการดูแลและการศึกษาเด็กปฐมวัย (Asia-Pacific Regional Policy Forum on Early Childhood Care and Education) เมื่อวันที่ ๑๙-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย โดยมีหัวข้อหลักของการประชุม คือ “The Transformative Power of Early Childhood : Innovations for Inclusivity and Quality” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประสบการณ์ รวมถึงร่วมหารือการกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการจัดการศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัยในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถนำแนวทางไปใช้เพื่อการพัฒนาการจัดการศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัยในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีการประชุมย่อยด้านต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดนโยบายการเงิน การส่งเสริมความมีส่วนร่วม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงมีการประกาศปฏิญญาปุตราจายาเพื่อให้มีการร่วมมือด้านการศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัยของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19472 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี "ปทุมธานีโมเดล" ครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2558 - สิงหาคม 2559 | พม | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะ จังหวัดปทุมธานี “ปทุมธานีโมเดล” ครั้งที่ ๒ ระหว่างเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘-สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคง โดยได้ดำเนินการแล้ว ๒ รูปแบบตามความต้องการของชุมชน ได้แก่ ๑.๑ แนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยในที่ดินราชพัสดุ ๓๐ ไร่ ดำเนินการเช่าที่ดินกรมธนารักษ์ มีรูปแบบบ้านเป็นอาคารสูง ๒-๓ ชั้น แบ่งการก่อสร้างเป็น ๒ ระยะ โดยจะเริ่มต้นก่อสร้างระยะที่ ๑ จำนวน ๒๗๕ ครัวเรือน ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๑.๒ แนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยในที่ดินใหม่ใกล้ชุมชน เช่น สหกรณ์บ้านมั่นคงไทยมุสลิมสามัคคี จำกัด หรือชุมชนแก้วนิมิต จำนวน ๑๐๐ ครัวเรือน ได้ดำเนินการซื้อที่ดินเอกชน ๔๒ ตารางวา มีรูปแบบบ้านเป็นบ้านแถว คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ๒. ในระยะต่อไป จะดำเนินการลงพื้นที่ทำความเข้าใจระดับชุมชนในส่วนที่เหลือและเปิดเวทีประชุมประชาพิจารณ์เพื่อทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการเข้าร่วมโครงการและยังไม่เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๐๓๒ ครัวเรือน และจะนำไปสู่การพิจารณาสิทธิในที่อยู่อาศัยในพื้นที่ปทุมธานีโมเดลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19473 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center : Thai-idc) | อก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center : Thai-idc) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบให้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ออกแบบฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการดำเนินงานในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวกับการออกแบบ และเป็นหน่วยงานกลางที่จะเชื่อมโยงบริการด้านการออกแบบ ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน สร้างรายได้ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเพื่อการพัฒนาออกแบบที่จะนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการออกแบบระดับอาเซียนต่อไปในอนาคต ๒. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้เป็นประธานเปิดศูนย์ออกแบบฯ ภายใต้แนวคิดรวมพลคนออกแบบ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งภายในงานมีกิจกรรม เช่น นำเสนอกรอบทิศทางและบทบาทของศูนย์ออกแบบฯ ลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่าย ๔๖ หน่วยงาน โดยเบื้องต้นศูนย์ออกแบบฯ ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของตึกสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ แบ่งพื้นที่เป็น ๒ ส่วน ได้แก่ (๑) พื้นที่สำหรับการให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องของการออกแบบ การจัดนิทรรศการ และ (๒) พื้นที่สำหรับการคิดค้นงาน แหล่งสืบค้นข้อมูล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19474 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2559 | นร11 | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ร้อยละ ๐.๘ และร้อยละ ๒๔.๘ ตามลำดับ ในขณะที่การเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของภาครัฐลดลงร้อยละ ๑๗.๓ และร้อยละ ๑.๖ ตามลำดับ เนื่องจากมีการเร่งรัดเบิกจ่ายไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้า ส่วนมูลค่าการส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่องร้อยละ ๔.๕ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีน อาเซียน และสหภาพยุโรป ด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ ๗ เดือน ร้อยละ ๒.๓ ในขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๑๖.๒ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๙ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ ๑๐.๘ แต่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ ๕.๑ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยรวมยังคงอยู่ในช่วงของการชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศสำคัญอื่น ๆ รวมทั้งการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจยูโรโซน และญี่ปุ่น ซึ่งยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด โดยประเทศต่าง ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19475 | รายงานผลการจัดงาน "ตลาดคลองผดุง : รวมใจภักดิ์ รักแม่เที่ยงแท้ยุติธรรม" | ยธ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดงาน “ตลาดคลองผดุง : รวมใจภักดิ์ รักแม่เที่ยงแท้ยุติธรรม” ระหว่างวันที่ ๑-๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. รูปแบบการจัดงาน ได้แก่ (๑) จัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติและการลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ๑๒ สิงหาคม (๒) บูรณาการจัดงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดการแสดงและจำหน่ายสินค้า และ (๓) นำสินค้าและบริการจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมมาจำหน่าย ๒. กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย (๑) การขายทอดตลาดทรัพย์ (๒) การให้บริการประชาชน เช่น การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี (๓) การจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ และ (๔) กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เช่น กิจกรรมตอบแทนผู้ซื้อสินค้า โดยซื้อครบทุก ๓๐๐ บาท ได้คูปองลุ้นรับรางวัลทุกสัปดาห์ ๓. ผลการดำเนินงาน (๑) ยอดขายทอดตลาดตามภารกิจกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๑๒๓,๘๒๘,๙๒๐ บาท (๒) ยอดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี ผู้เข้าขอไกล่เกลี่ยสำเร็จ จำนวน ๕๒๓ ราย ยอดเงินที่ไกล่เกลี่ยสะสมสำเร็จ จำนวน ๑๔๘,๕๕๔,๕๗๔.๙๔ บาท (๓) การให้บริการและให้คำปรึกษา ผู้เข้ารับบริการ จำนวน ๒,๖๒๕ ราย (๔) ยอดจำหน่ายสินค้าและบริการ จำนวน ๑๕,๑๘๔,๓๔๗.๕๐ บาท และ (๕) ยอดผู้เข้าชมงาน ๖๐,๑๑๕ คน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19476 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กระทรวงคมนาคม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านระบบราง มีการตกลงร่วมกัน (๑) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ (๒) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (๓) ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยในการเร่งรัดการศึกษาการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๔) การขนส่งสินค้าทางรถไฟอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ และ (๕) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ๒. ความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากร ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาจัดโครงการฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่โรงงานมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นจะรับไปพิจารณา ๓. ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือ ๔. ความร่วมมือด้านการบิน ฝ่ายไทยขอบคุณสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศญี่ปุ่นที่ส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ๕. ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและบริษัทญี่ปุ่นในด้านอื่น ๆ เช่น บริษัท โตโยต้า มีความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานภาครัฐของไทยในโครงการ “สาทร โมเดล” เพื่อการแก้ปัญหาจราจรอย่างยั่งยืนบนถนนสาทร ๖. การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาสนับสนุนเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทยกับทวาย และขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นเร่งรัดสัญญาร่วมทุนนิติบุคคลเฉพาะกิจ โดยฝ่ายไทยจะพยายามเร่งรัดให้มีการหารือ ๓ ฝ่ายโดยเร็ว ๗. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง และบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19477 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ | กห | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน-๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้กล่าวชื่นชมอาเซียนที่ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ และเห็นด้วยกับความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการดำเนินงานด้านความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งสหรัฐฯ ยังคงยืนยันนโยบายปรับสมดุลและพร้อมสนับสนุนอาเซียนอย่างใกล้ชิด ๒. รัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนได้แสดงความคิดเห็น เช่น (๑) การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลางเป็นสิ่งสำคัญในการเผชิญความท้าทายในอนาคต (๒) ความร่วมมือในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : ADMM-Plus) เป็นกลไกหลักที่สำคัญในประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (๓) ภัยพิบัติเป็นความท้าทายที่กองทัพของทุกประเทศควรมีการเตรียมความพร้อมร่วมกัน รวมทั้งความสำเร็จของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และการฝึกร่วมด้านการแพทย์ทหารกับด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016) ณ ประเทศไทย เป็นแบบอย่างของความร่วมมือเพื่อตอบสนองต่อภัยพิบัติของอาเซียน ๓. กรณีทะเลจีนใต้ สหรัฐฯ มีความเห็นว่า ควรแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี โดยได้พยายามสนับสนุนให้จีนมีส่วนร่วมมากขึ้น ส่วนอาเซียนมีความเห็นว่าควรดำเนินการบนพื้นฐานของความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันในภูมิภาค ๔. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาแนวทางในการสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในการสนับสนุนแนวทางดังกล่าวผ่านการจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และการฝึกร่วม AM-HEx 2016 ที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19478 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 และขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 105 หรือ ทางหลวงหมายเลข 12 (ปรับใหม่) ตอน ตาก - อ. แม่สอด | คค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ได้รับการผ่อนผันและยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ และการก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๐๕ หรือทางหลวงหมายเลข ๑๒ (ปรับใหม่) ตอน ตาก-อ.แม่สอด เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินงานอยู่ในเขตทางเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ส่วนการขอเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้และเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย แนวทางปฏิบัติ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องดำเนินการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าไม้ที่สูญเสียไปไม่น้อยกว่า ๓ เท่าของพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกใช้ประโยชน์ (หรือไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ไร่) รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่และประเทศจะได้รับในการดำเนินโครงการขยายถนนสายดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19479 | (ร่าง) แผนแม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของอาเซียนภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และมูลค่าของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๑ เท่าตัวภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ (๒) พัฒนาอุตสาหกรรมและการตลาดสมุนไพรให้มีคุณภาพระดับสากล (๓) ส่งเสริมการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ และ (๔) สร้างความเข้มแข็งของการบริหารและนโยบายภาครัฐเพื่อการขับเคลื่อนสมุนไพรไทยอย่างยั่งยืน กรอบวงเงินงบดำเนินการและงบลงทุนรวมประมาณ ๑๘,๕๐๐ ล้านบาท ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงหลักทั้ง ๙ กระทรวง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ เห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนด นโยบายขับเคลื่อน และติดตามผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ รวมถึงให้ข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสมุนไพรของประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานภายใต้กรอบทิศทางตามแผนแม่บทฯ ให้มีความชัดเจน และปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปีแรก โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินผลเป็นรายปี และควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขในภาพรวม นโยบายส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness) ความคุ้มค่าด้านงบประมาณ สามารถเข้าถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ส่งเสริมการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ ควรครอบคลุมการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่อันตรายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค เช่น การสร้างระบบการเฝ้าระวังและเครือข่ายในการจัดการปัญหา และระบบติดตามการตลาดหลังการขายที่เข้มงวดและมีบทลงโทษที่เหมาะสม รวมทั้งควรเพิ่มเติมกิจกรรมที่จะทำให้การขับเคลื่อนแผนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ๓.๑ เร่งรัดการสรรหาบุคคลผู้ซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ แล้วนำเสนอประธานกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๓.๒ บูรณาการการทำงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยตามที่เสนอในครั้งนี้กับยุทธศาสตร์ Medical Hub ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) ระยะ ๑๐ ปี] เพื่อให้การดำเนินการมีความเหมาะสม เป็นปัจจุบัน ไม่ซ้ำซ้อน และสอดคล้องกันต่อไป รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมในปี ๒๕๖๐ ด้วย ๓.๓ พิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... ให้มีความเหมาะสม เป็นปัจจุบัน ไม่ซ้ำซ้อน และสอดคล้องกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19480 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ครั้งที่ 2 | พณ | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อท่าทีไทยสำหรับการหารือกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสาขาการประมง ความร่วมมือด้านสาขาสุขภาพและบริการที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือด้านสาขาการท่องเที่ยว การจัดทำอนุสัญญาภาษีซ้อนและความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ความร่วมมือด้านแรงงาน การยกเว้นการตรวจลงตราให้มัลดีฟส์ และการจัดตั้งสำนักงานการค้าสาธารณรัฐมัลดีฟส์ในไทย และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. หากในการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบอันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรพิจารณาจัดลำดับการเจรจาจัดทำอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ตามความเหมาะสม ควรหาแนวทางในการเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์กับบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ได้มาตรฐานของไทย และประชาสัมพันธ์บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย รวมทั้งควรดำเนินการติดตามและประเมินผลความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่การพิจารณาขยายผลความร่วมมือในมิติอื่น ๆ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีการรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย |
.....