ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 978 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19541 - 19560 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19541 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พุทธศักราช ๒๔๘๒ และนำมาบัญญัติรวมไว้ในพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งเตรียมมาตรการหรือแนวทางการควบคุมและกำกับดูแลให้การจับสัตว์น้ำของเรือประมงพาณิชย์สัญชาติไทยและเรือประมงพาณิชย์สัญชาติต่างประเทศอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เกินกว่าผลจับสูงสุดที่ยั่งยืนของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19542 | การปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายออลีวีเย เรอเน ตีแยรี ว็อง เดอ แว๊งแกล (Mr. Olivier Rene Thierry Van de Winkel)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากเดิม มีเขตกงสุลครอบคลุมนครมาร์ไซย์ จังหวัด Bouches-du-Rhone แคว้น Provence-Alpes-Cote d’ Azur เป็น มีเขตกงสุลครอบคลุม ๖ จังหวัด ในแคว้น Provence-Alpes-Cote d’ Azur ประกอบด้วย จังหวัด Alpes-de-Haute-Provence จังหวัด Hautes-Alpes จังหวัด Alpes-Maritimes จังหวัด Bouches-du-Rhone จังหวัด Var และจังหวัด Vaucluse ๒. แต่งตั้ง นายออลีวีเย เรอเน ตีแยรี ว็อง เดอ แว็งแกล (Mr. Olivier Rene Thierry Van de Winkel) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สืบแทน นายฟรานซิส บิเจต์ (Mr. Francis Biget) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19543 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเหริน อี้เชิง (Mr. Ren Yisheng)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเหริน อี้เชิง (Mr. Ren Yisheng) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๒ จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ สุโขทัย ตาก และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายฉาว เสี่ยวเหลียง (Mr. Chao Xiaoliang) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19544 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเฌอร์มัน เอกัว ซีมา อาบากา (Mr. German Ekua Sima Abaga)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฌอร์มัน เอกัว ซีมา อาบากา (Mr. German Ekua Sima Abaga) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายมานูเอล โมโต โตโม (Mr. Manuel Moto Tomo) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19545 | รัฐบาลสาธารณรัฐเช็กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Marek Libricky)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Mr. Marek Libricky) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายวีเจซสลัฟ เกรเปิล (Mr. Vitezslav Grepl) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19546 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายทีปรัตน์ วัชรางกูร และ นายวิชญายุทธ บุญชิต) | นร11 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายทีปรัตน์ วัชรางกูร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. นายวิชญายุทธ บุญชิต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19547 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนระดับทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวบงกช อนุโรจน์ และนางสาวจิตรา กุลวานิช) | นร | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวบงกช อนุโรจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ ๒. นางสาวจิตรา กุลวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19548 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายไพศาล ชื่นจิตร) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล ชื่นจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19549 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... | มท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาวิชาชีพวิศวกรรมอากาศยาน วิศวกรรมชีวการแพทย์ วิศวกรรมอาหาร วิศวกรรมเกษตร วิศวกรรมบำรุงรักษาอาคาร วิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย วิศวกรรมสารสนเทศ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมปิโตรเลียม วิศวกรรมสำรวจ วิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมชายฝั่ง วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ วิศวกรรมยานยนต์ วิศวกรรมต่อเรือ วิศวกรรมพลังงาน และวิศวกรรมระบบราง เป็นสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเสนอให้มีการบรรจุสาขาวิศวกรรมชลประทาน สาขาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด และสาขาวิศวกรรมขนส่ง เป็นวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม รวมทั้งสภาวิศวกรควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดให้สาขาวิชาชีพวิศวกรรมที่เสนอเพิ่มเติมเป็นวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามขั้นตอน โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19550 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล ห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง ตำบลลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง ตำบลลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ (ฝั่งซ้าย) ตามแผนงานที่กำหนดไว้ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนส่วนที่เหลือต่อไปได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) พิจารณาแนวทางการเปิดโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเพื่อร่วมตัดสินใจและแก้ไขประเด็นข้อขัดแย้งต่าง ๆ ให้ไปสู่การสร้างความยอมรับให้ดำเนินโครงการในพื้นที่ได้อย่างเป็นเอกฉันท์ และจัดทำโครงการให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนตามความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19551 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทยของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรมีกลไกการกำกับตรวจสอบโดยอาจเพิ่มเงื่อนไขการอนุญาตในกฎกระทรวงดังกล่าว และขอรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งการแก้ไขและป้องกันปัญหาอย่างบูรณาการไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและการขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยกับรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในการออกใบอนุญาตภายใต้กฎกระทรวงฉบับนี้จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาต เรือประมง เครื่องมือทำการประมง ระบบติดตามเรือประมง และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19552 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ๑.๒ ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ๑๔,๕๐๐ บาท และตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19553 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อรับโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดตั้ง “บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (Islamic Bank Asset Management Ltd. : IAM)” มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมดใน IAM อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงการคลัง และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นหน่วยงานกำกับดูแล IAM โดยให้ IAM ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Financing : NPF) ในส่วนลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม รวมถึงหลักประกันของสินทรัพย์จาก ธอท. และนำไปบริหารหรือจำหน่ายเท่านั้น ตลอดจนดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการจัดตั้ง IAM การกำหนดการโอนลูกหนี้ และกำหนดคำนิยามหรือคุณสมบัติของลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่จะโอนไปยัง IAM ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ และเร่งรัดจัดตั้ง IAM โดยเร็ว โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑ ด้วย ๓. ยกเว้นให้ IAM ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไปเท่าที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้ง IAM โดยให้ IAM จัดให้มีกฎ ระเบียบ และข้อบังคับขององค์กรเอง เว้นแต่ในเรื่อง (๑) ระเบียบเรื่องการก่อหนี้ของประเทศ (๒) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ และ (๓) การให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังซึ่งเป็นข้าราชการประจำร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM เสนอกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของ IAM ต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM จัดทำแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์ แนวทางการกำกับดูแล ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน แหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการดำเนินการของ IAM และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทราบทุกเดือน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของ IAM ให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19554 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2560 | นร11 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงินดำเนินการ ๑,๕๒๐,๕๔๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน ๕๘๐,๙๘๐ ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการอนุมัติลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ๑.๓ มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว โดยกรณีการปรับลดเป้าหมายการลงทุนต้องเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถบริหารจัดการได้เท่านั้น ๑.๔ ให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๐ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ ประมาณ ๑๐๗,๗๒๒ ล้านบาท และรับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๗๒๐,๓๑๓ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๐๒,๗๑๑ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงเจ้าสังกัด และรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนที่สอดคล้องกับวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรายงานให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ ตลอดจนให้จัดทำแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการตามแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับความเห็นชอบแล้วให้มีการก่อหนี้โดยเร็ว สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front Load) ทั้งนี้ ให้เน้นการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๐ ให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแล และคณะกรรมการของแต่ละรัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญในการติดตามผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19555 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ แก้ไขชื่อตำแหน่งของส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมและส่วนราชการอื่น กำหนดเงื่อนไขการทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ของกรรมการ และเพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อรับรองอาวุธซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองโดยได้รับอนุญาต ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาทบทวนตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเพื่อควบคุมกิจการทางทหารที่เกี่ยวเนื่องด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19556 | แนวทางการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ (ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม พ.ศ. ....) | นร09 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการทำสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม กำหนดกลไกในการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา กำหนดแนวทางให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามแผน กำหนดรูปแบบของสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญา และออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญากำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามกลไกที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งเตรียมความพร้อมล่วงหน้าทั้งด้านบุคลากร การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของกฎหมายอย่างชัดเจน และอุปกรณ์ในการดำเนินงานเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนเผยแพร่ให้ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดของหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการทำการเกษตรในระบบเกษตรพันธสัญญาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฯ อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19557 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน 3 ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน ๓ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการในท้องที่) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) ในท้องที่] ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่และส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานการใช้มาตรการภาษีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ และมีความแตกต่างกันในรายละเอียดการช่วยเหลือและการสร้างแรงจูงใจภาคเอกชน รวมทั้งขอบเขตพื้นที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อมาตรการภาษีสิ้นสุดลงหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสานกับอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในการติดตามและประเมินผลการนำมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปบังคับใช้ในพื้นที่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19558 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ พึงประเมินที่ได้รับโดยเสน่หาที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬา ได้รับอันเนื่องมาจากเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬา สมัครเล่นระดับนานาชาติ) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้พึงประเมินที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หา เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นรายการกีฬาตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่อง การแบ่งระดับเกมส์การแข่งขันมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่จำนวนเกินกว่าที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒ (๒๘) แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19559 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2526 เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และเสนอร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอายุใบอนุญาตประกอบการ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการท้ายร่างพระราชบัญญัติและการระงับการใช้รถหรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบการเป็นการชั่วคราว) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ปรับปรุงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการ) รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๕. ให้กระทรวงคมนาคมรับร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ให้ได้ข้อยุติ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างภายในของกรมการขนส่งทางบก ก็ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว หากกรมการขนส่งทางบกได้รับอนุมัติกรอบโครงสร้างหรือกรอบอัตรากำลังใหม่ และไม่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้ ก็เห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อดำเนินการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปดำเนินการด้วย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบจากการปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการยกเลิกสัญญาระหว่าง ขสมก. กับรถเอกชนร่วมบริการ เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งใหม่ และให้ ขสมก. เร่งพิจารณาทบทวนแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของ ขสมก. เสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบกร่วมกันพิจารณากำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงกลไกการสนับสนุนทางการเงินเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานขาดทุนของผู้ให้บริการที่เป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๗. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตต่าง ๆ และปรับปรุงมาตรการการชำระค่าปรับโดยให้มีข้อมูลเชื่อมโยงกับการต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19560 | ขออนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี 2559 (เพิ่มเติม) (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) | ยธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) สนับสนุนให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนแต่ละประเทศ เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับการจัดสรร ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ จะต้องคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ความมั่นคง และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมั่นคงยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และรายงานผลการดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายกำหนด พึงระมัดระวังและกำกับดูแลมิให้มีการใช้จ่ายที่ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....