ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 976 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19501 - 19520 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19501 | ร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารจัดการ การพัฒนาพื้นที่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกรวม ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์บางประการภายใต้เขตพื้นที่ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขปรับปรุงชื่อร่างพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ [เรื่อง โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development)] การเรียงลำดับชื่อจังหวัดในภาคตะวันออกควรเรียงตามลำดับภูมิศาสตร์ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง รวมทั้งควรผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เป็นกฎหมายหลักในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ การจัดตั้งกองทุนต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ การกำหนดให้การถมทะเลได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการประมง ขอบเขตพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ การจัดทำแผนเกี่ยวกับการผังเมือง การแก้ไขถ้อยคำและเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการบางประการในร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งการพิจารณาจัดทำกฎระเบียบในการลดระยะเวลาและขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติอนุญาตสำหรับโครงการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเป็นการเฉพาะ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19502 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557 | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปี พ.ศ. ๒๕๕๗ กรณีการจัดซื้ออาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก แห่งใหม่ และกรณีโครงการปรับปรุงวังสราญรมย์ จำนวน ๗ รายการ วงเงิน ๕๓๗,๘๐๓,๘๑๗.๖๗ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการดำเนินการและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19503 | การปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดเป็นขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงิน ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้ปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ได้แก่ ลูกจ้างที่มีค่าจ้างไม่เกิน ๔๓,๘๙๐ บาท สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างแบบช่วง ให้ปรับในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ได้รับอยู่เดิมอีกไม่เกินร้อยละ ๒ ของค่าจ้างที่ได้รับอยู่ และสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างแบบขั้น ให้ปรับในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ได้รับอยู่เดิมอีกไม่เกิน ๐.๕ ขั้น ของค่าจ้างที่ได้รับอยู่ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ลูกจ้างที่เคยได้รับอัตราค่าจ้างน้อยกว่าหลังจากปรับค่าจ้างดังกล่าวแล้ว จะยังคงได้รับอัตราค่าจ้างไม่สูงกว่าลูกจ้างที่มีค่าจ้างสูงกว่า และไม่เกินอัตราค่าจ้างขั้นสูงของแต่ละระดับตำแหน่ง โดยให้ใช้งบประมาณของแต่ละรัฐวิสาหกิจเอง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ และกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราค่าจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19504 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ (ACD Vision for Asia Cooperation 2030) (๒) ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) และ (๓) ร่างเอกสารแถลงการณ์ ACD เกี่ยวกับบทบาทของเอเชียในการกระตุ้นการเติบโตผ่านความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเชื่อมโยง (ACD Statement on Reigniting Growth through Partnership for Connectivity) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิก ACD เพื่อวางกรอบแนวทางการดำเนินความร่วมมือในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน สอดคล้องกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ค.ศ. ๒๐๓๐ และร่างพิมพ์เขียวระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑) ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกพิจารณาใช้เป็นแนวทางดำเนินความร่วมมือใน ๖ เสาหลักของ ACD ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศและผลประโยชน์ของประเทศไทยและภูมิภาคโดยรวม ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่กรุงเทพมหานคร ร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการตามผลลัพธ์การประชุมฯ ให้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดจะต้องดำเนินการภายในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) และกิจกรรมใดจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ (ด้านต่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19505 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม แห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Water Resources Between the Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Land, Infrastructure and Transport of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับนโยบายด้านน้ำ กฎหมายและองค์กร เทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดำเนินงานในสาขาทรัพยากรน้ำของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับทวิภาคี ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ การศึกษาดูงาน การวิจัยและพัฒนาร่วม การจัดประชุมและสัมมนาร่วม และความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ และการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19506 | การต้อนรับ - ส่งผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้แทนรัฐบาลในการต้อนรับ-ส่ง ผู้นำระดับประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ท่าอากาศยาน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19507 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ศธ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Education of the Republic of Korea) มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาทุกระดับ ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา โดยมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ การจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนนักวิชาการ ครู นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา ทุนการศึกษา การวิจัยร่วม การฝึกอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนสาขาอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ภายหลังการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ทำเนียบรัฐบาล ๑.๒ ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19508 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) และตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 6 ราย 1. นางสาววิมล คิดชอบ ฯลฯ) | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูต จำนวน ๔ ราย และตำแหน่งอธิบดี จำนวน ๒ ราย รวม ๖ ราย ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิมล คิดชอบ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์ก ๒. นายเรืองเดช มหาศรานนท์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ๓. นายธานี ทองภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๔. นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ๕. นายชุตินทร คงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ๖. นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ลำดับที่ ๑ ถึง ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ (เฉพาะลำดับที่ ๑ ๒ และ ๔ เกษียณอายุราชการในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ด้วย) และลำดับที่ ๖ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19509 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 4 ราย 1. นายประเสริฐ บุญเรือง ฯลฯ) | ศธ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายประเสริฐ บุญเรือง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพิษณุ ตุลสุข ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายประชาคม จันทรชิต ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๔. นายกฤตชัย อรุณรัตน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19510 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (จำนวน 6 ราย 1. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ฯลฯ) | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
๑. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ๒. นายสมคิด วงศ์ไชยสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรพล ชามาตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายณัฐพล รังสิตพล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายประสงค์ นิลบรรจง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19511 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (นาวาเอก ปิยะ อาจมุงคุณ) | คค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นาวาเอก ปิยะ อาจมุงคุณ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน ตามมติคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19512 | การแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จำนวน 13 คน 1. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ฯลฯ) | นร08 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๓ คน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๒ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงค์ เป็นรองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๓ พลเอก จำลอง คุณสงค์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๔ พลเอก ปราการ ชลยุทธ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๕ พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๖ พลเอก สกล ชื่นตระกูล เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๗ พลเอก อักษรา เกิดผล เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๘ พลเอก อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๙ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๐ พลตำรวจโท ไพฑูรย์ ชูชัยยะ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๑ นายพรชาต บุนนาค เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๒ นายจำนัล เหมือนดำ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๓ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. ให้แก้ไขการแต่งตั้ง นายภาณุ อุทัยรัตน์ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิม “เป็นเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” เป็น “เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลและเลขานุการ” รวมทั้งให้ปรับวิธีการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคเอกชนธุรกิจเพื่อรวบรวมแผนงาน โครงการ และบุคลากรให้ทำงานตามยุทธศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการบูรณาการงานภายในพื้นที่ก่อนขึ้นถึงระดับนโยบาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19513 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (จำนวน 11 คน 1. นายสมยศ เชื้อไทย ฯลฯ) | พณ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า จำนวน ๑๑ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมยศ เชื้อไทย ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒. พลตำรวจตรี รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๓. นายจักกพงศ์ ณ บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๔. นายสุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๕. นายบุญมา เตชะวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๖. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๗. นายศุทธา ปริยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๘. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๙. นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๑๐. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๑. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19514 | รายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใช้ข้อมูลจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีมูลค่าการจัดหาพัสดุรวมทั้งสิ้น ๙๑,๗๐๑.๓๘ ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวเป็นข้อมูลก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ และส่วนราชการยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากสำนักงบประมาณ จึงไม่สามารถจำแนกได้ว่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวใช้เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน งบเงินอุดหนุน หรืองบรายจ่ายอื่น นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวไม่รวมรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังจะได้แจ้งผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการทุกเดือนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19515 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19516 | การเลื่อนกำหนดการจัดการแข่งขัน "กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016" | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ สิงหาคม ๒๕๕๙) รับทราบกำหนดการจัดการแข่งขัน “กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016” ในระหว่างวันที่ ๒๐ กันยายน-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ นั้น โดยที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ASIA Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงนี้อาจไม่เหมาะสม จึงให้เลื่อนกำหนดการแข่งขันดังกล่าวไปเป็นช่วงหลังวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19517 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ๑.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการประชุมเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศมีหลักการตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การลดความหวาดระแวง และการได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ใช้หลักการต่างตอบแทนในการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นรูปธรรม นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการพัฒนาท่าอากาศยานในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางภายในภูมิภาคและรองรับความต้องการเดินทางระหว่างสองประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม โดยให้ใช้ประสบการณ์ ฝีมือ และผลิตภาพของแรงงาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไม่ควรก่อให้เกิดผลกระทบกับภาคการลงทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต และให้นำเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมรายการสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยที่ใช้โปรแกรมประยุกต์ (Application) เป็นช่องทางในการติดต่อซื้อขายหรือให้บริการแก่ผู้บริโภค เพื่อใช้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น และเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการจัดการท่องเที่ยวทางเรือโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างประเทศ รวมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนด้วย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการว่า ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่เดิมเป็นลำดับแรก ๓.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดสังคมไทยที่เข้มแข็ง พอเพียง และปลอดภัย โดยนำหลักธรรมมาสร้างจิตสำนึก ค่านิยม ในสังคม และทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นั้น ให้นำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านสังคม เช่น การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ต่อไปด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีการผันน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร และให้นำเสนอมาตรการและแนวทางดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เป็นหน่วยงานหลักจัดทำแผนการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้ครอบคลุมการจัดทำผังเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายเมื่อเกิดฝนตกหนัก และให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๔.๓ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยอาจสนับสนุนทุนสำหรับขยายกิจการหรือสนับสนุนมาตรการทางภาษี นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการ โดยให้รวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการในสังกัดเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และส่งฐานข้อมูลดังกล่าวให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้รับผิดชอบภาพรวมการขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐ เพื่อนำไปใช้ประกอบการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศให้รองรับประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป ๔.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาปรับปรุงแนวทางการจูงใจผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ให้เข้ามาเป็นบุคลากรภาครัฐ เช่น การกำหนดค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ เป็นต้น และให้นำเสนอแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๔.๕ ในการจัดทำโครงการหรือมาตรการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอโครงการหรือมาตรการจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการหรือมาตรการที่จะกำหนดขึ้นไม่มีความซ้ำซ้อนและไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน ๔.๖ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งพิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ลุ่มน้ำให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามมิให้ผู้เคยกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าในกรณีใดเป็นผู้ได้รับอนุญาตอีก ทั้งนี้ การดำเนินการต้องไม่ขัดกับหลักสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ๔.๗ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดทำเป็นเอกสารชี้แจง (Press Release) เพื่อให้ข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนหรือถูกกล่าวอ้างผิดไปจากข้อเท็จจริง ๔.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายจราจรกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วเกินกำหนดบนท้องถนนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) รวมทั้งสร้างการรับรู้และจิตสำนึกเกี่ยวกับวินัยในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ๔.๙ ให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ หรือค่าล่วงเวลาของบุคลากรให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19518 | แผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยให้ระบุรายละเอียดโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการ และผลที่จะได้รับในแต่ละระยะ บูรณาการการทำงานและงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น ประเมินและทบทวนแผนงานทุก ๆ ๕ ปี และส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รวบรวมแผนงานจาก ๒๘ หน่วยงานนำเสนอนายกรัฐมนตรีแล้ว นั้น เห็นควรให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังมิได้จัดทำแผนงานข้างต้นเร่งรัดการจัดทำแผนงานให้แล้วเสร็จ โดยให้จัดทำในรูปแบบตาราง แยกเป็นรายกิจกรรม กำหนดกรอบงบประมาณ และแผนการดำเนินการที่ชัดเจน ตามแนวทางข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และให้เพิ่มเติมด้วยว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมเร่งด่วนที่จะดำเนินการ ในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ทั้งนี้ สำหรับ ๒๘ ส่วนราชการที่จัดทำแผนงานส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว ให้ทบทวนแผนงานดังกล่าวและเพิ่มเติมข้อมูลให้เป็นไปในแนวทางข้างต้นต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการส่งแผนงานดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยงานกลางใช้แผนงานดังกล่าวประกอบการพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาตินำแผนงานไปพิจารณาประกอบการจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และแผนปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ (Road map) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ๑.๒.๒ ให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ๑.๒.๓ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณานำเรื่องที่ส่วนราชการเสนอคณะรัฐมนตรี ๒. ให้ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามแนวทางและกรอบเวลาที่กำหนดโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19519 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2559) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๒/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖๓/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19520 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
.....