ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 98 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1941 - 1960 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1941 | รายงานผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) และการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ประกอบด้วย ๑.๑ การลงทะเบียนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีส่วนราชการที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๓๙,๖๓๖ หน่วยงาน และผู้ค้ากับภาครัฐที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๑๕๒,๙๔๐ ราย ๑.๒ ผลการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยการดำเนินการดังกล่าวสามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวน ๒๘,๗๘๕.๑๙ ล้านบาท ๑.๓ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส่วนราชการทั่วประเทศ ผู้ค้ากับภาครัฐ โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำคู่มือ การจัดทำคลิปวีดิโอและภาพเคลื่อนไหว (Animation) การใช้งานระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน ๑๓ ชุด เผยแพร่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์รับโทรศัพท์ และเปิดช่องทาง Facebook โดยการจัดทำ Facebook จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ๑.๔ การสอบถามความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนราชการและผู้ค้ากับภาครัฐมีความเห็นสรุปว่า การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ๒. มติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การอนุมัติให้ขยายระยะเวลามาตรการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
1942 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวกุลยา ตันติเตมิท) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1943 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวงเงินจำนวน ๑,๕๗๔.๕๘๐ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในวงเงินจำนวน ๓,๒๙๘.๙๓๓ ล้านบาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. และ รฟท. รับข้อสังเกตของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในการจัดทำข้อเสนอการขอรับการอุดหนุนบริการสาธารณะและการปรับปรุงการดำเนินงาน โดยการจัดทำงบประมาณการค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการให้บริการในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในทุก ๆ ปี กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดที่พิจารณาข้อเสนอเบื้องต้นควรตรวจสอบและกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. จัดทำข้อเสนอโดยคำนึงถึงหลักความสมเหตุสมผลและสะท้อนต้นทุนจริงในการบริการสาธารณะด้วย และ ขสมก. และ รฟท. ควรมีการปรับปรุงโครงสร้างการให้บริการและบริหารความเสี่ยงในการให้บริการสาธารณะ รวมถึงบริการประเภทอื่นในระยะยาว เพื่อให้มีต้นทุนการให้บริการที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และการขนส่งสาธารณะในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางหรือมาตรการในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติม กรณีที่ผลการดำเนินงานจริงจากการให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจมีต้นทุนด้านราคาน้ำมันเพิ่มสูงกว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะอย่างแท้จริง และให้ ขสมก. และ รฟท. ปรับโครงสร้างการบริหารงานและการบริการประชาชน โดยให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อแก้ปัญหาจากการขาดทุนการให้บริการดังกล่าว รวมทั้งรายงานผลการปรับปรุงโครงสร้างให้คณะรัฐมนตรีทราบ ในการขอรับเงินอุดหนุนในปีงบประมาณครั้งต่อไป และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งดำเนินการเพื่อขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ของ ขสมก. และ รฟท. ให้รวดเร็วและสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง ขออนุมัติหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ] ที่ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาข้อเสนอเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ ขสมก. และ รฟท. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และเร่งรัดให้ทั้งสองหน่วยงานจัดทำสรุปรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมเร่งรัดพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบให้มีความชัดเจน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) และวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๓๐ เมษายน ๒๕๕๙) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1944 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม 2559 | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินงานการลงทะเบียนและจัดทำฐานข้อมูลอาชีพและผู้มีรายได้น้อยสำหรับประชาชนที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าโดยสารด้านการเดินทางและรายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ที่เกิดขึ้นจริงผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ให้มีการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนที่มาใช้บริการ อาทิ มีการบริการที่เพียงพอหรือไม่ พนักงานให้บริการด้วยความสุภาพหรือไม่ มีความสะอาดถูกสุขลักษณะหรือไม่ และความปลอดภัยในการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยให้สถาบันการศึกษาเป็นผู้ประเมิน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรการใหม่ได้ภายในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
1945 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดชนิดของสุราและวิธีการบริหารงานสุรา พ.ศ. .... | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดชนิดของสุราและวิธีการบริหารงานสุรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดของสุรา กำหนดเงื่อนไข และข้อกำหนดเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทำสุรา กำหนดวิธีการขอและการออกใบอนุญาตให้ทำสุรา และกำหนดเงื่อนไขและข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสุรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1946 | การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 (ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. .... ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การประกาศรายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ และร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. .... และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียน เรื่อง ประกาศรายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ และร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เกี่ยวกับหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดที่ชัดเจน ควรคำนึงถึงความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินจากทุนหมุนเวียนสำคัญ และหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียนฯ การกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบในการที่จะต้องปฏิบัติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ด้วยเหตุพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นกฎหมายพิเศษ รวมทั้งหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลังฯ ควรกำหนดขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสามารถประเมินผลได้ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ มีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหรือทุนหมุนเวียนอื่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดสำหรับไว้ใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐในแต่ละปี กรมบัญชีกลางควรคำนึงถึงภารกิจและภาระผูกพันในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนเป็นสำคัญ และควรกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการจ่ายเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณของทุนหมุนเวียน โดยแสดงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการวัดผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1947 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. .... | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๕๐ ปี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลายและลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคา ๒๐ บาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๕๐ ปี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1948 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ณ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ หน่วยงานมีการเบิกจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น ๒๐,๕๐๐.๐๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๑.๗๖ ของวงเงินที่หน่วยงานลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๒๒,๓๔๑.๕๗ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑.๑.๑ หน่วยงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๖,๒๒๐.๑๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายรวม ๖,๑๙๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๒,๓๗๑.๓๘ ล้านบาท และกระทรวงคมนาคม วงเงิน ๓,๘๒๕.๔๖ ล้านบาท ๑.๑.๒ หน่วยงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๑๖,๑๒๑.๔๕ ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ววงเงินรวม ๑๔,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท คงเหลือวงเงินที่คาดว่าจะเบิกจ่าย ๑,๘๑๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงกลาโหม คงเหลือ ๑ โครงการ คือ โครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ วงเงิน ๑.๙๐๗ ล้านบาท (๒) กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๑,๐๓๗.๖๓ ล้านบาท และ (๓) กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน ๗๗๗.๓๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติขยายระยะเวลาให้หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก กระทรวงกลาโหม สามารถเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ตามโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๑,๙๐๗,๐๖๑ บาท ได้จนถึงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้แล้วเสร็จให้ไปใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก) เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ทำให้โครงการก่อสร้างต้องล่าช้า ซึ่งหากพบว่าผู้รับจ้างต้องรับผิดก็ให้ดำเนินการเรียกร้องค่าปรับและค่าเสียหายตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) ๓. ในส่วนของโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการและยังเบิกจ่ายไม่แล้วเสร็จ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1949 | ข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal: R-PP) | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal : R-PP) โดยสาระสำคัญของร่างข้อตกลงฯ ธนาคารโลกได้อนุมัติความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย ในวงเงิน ๓,๖๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัสหรือกลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ป่า โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือและดำเนินโครงการ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จากธนาคารโลกเข้าเยี่ยมชมและตรวจสอบการดำเนินโครงการได้ การจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งให้แก่ธนาคารโลกภายหลังวันสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งการจัดซื้อสินค้าและจัดจ้างบริการที่ไม่ใช่ที่ปรึกษา และการว่าจ้างที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงการคลัง โดยนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แผนงานโครงการ และเงื่อนไขตามมาตรฐานของธนาคารโลกอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ ควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในเขตป่า โดยเน้นให้มีกลไกการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และคำนึงถึงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ดำเนินการอย่างรอบด้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1950 | แผนการเจรจาจัดทำอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการเจรจาจัดทำอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเทศคู่เจรจาของประเทศไทย โดยพิจารณาจากข้อกฎหมาย สภาวะทางเศรษฐกิจ ความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการคลังได้รับการทาบทามให้มีการเปิดการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน จำนวน ๑๑ ประเทศ ประกอบด้วยกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และกลุ่มประเทศในภูมิภาคที่มีศักยภาพและเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย โดยเป็นการเริ่มเจรจาตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และให้ดำเนินการจนกระทั่งเจรจาแล้วเสร็จ โดยแบ่งเป็น (๑) ประเทศที่อยู่ในระหว่างการเจรจาฯ และยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ๓ ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และญี่ปุ่น และ (๒) ประเทศที่จะเปิดเจรจาแก้ไขอนุสัญญาฯ ฉบับเดิม ๘ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐโปแลนด์ ราชอาณาจักรนอร์เวย์ สมาพันธรัฐสวิส ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ราชรัฐลักเซมเบิร์ก สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ราชอาณาจักรเดนมาร์ก และรัฐบรูไนดารุสซาลาม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะต่อไปกระทรวงการคลังควรให้ความสำคัญกับการเจรจาและจัดทำอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับกลุ่มประเทศที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจ และมีศักยภาพในการเข้าไปลงทุนเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1951 | แนวทางและมาตรการในการดำเนินการให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางและมาตรการในการดำเนินการให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามและรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแนวทางดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงแรงงานและคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างทบทวนระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้มีความเหมาะสม โดยควรให้การสงเคราะห์เฉพาะกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนตามความจำเป็น และทบทวนแผนบริหารจัดการลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และกำหนดมาตรการและแนวทางในการเร่งรัดติดตามหนี้คงค้างชำระจากผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องชดใช้เงินคืนกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตลอดจนกำหนดการควบคุมและการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒ ให้กระทรวงแรงงานศึกษาและพิจารณาแนวทางเพื่อรวมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในแต่ละกรณีที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ประกอบกับเพื่อให้เกิดการบูรณาการกระบวนงานด้านการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือพิจารณาทบทวนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเก็บเงินจากนายจ้างเข้าสู่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเป็นเงินสงเคราะห์แก่ลูกจ้างตามวัตถุประสงค์ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ทั้งนี้ ให้พิจารณาเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นกรณีพิเศษสำหรับเงินได้ของนายจ้าง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการทบทวนระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และแผนบริหารจัดการลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้มีมติให้คงไว้ตามระเบียบเดิม เนื่องจากมีความเหมาะสมแล้ว ส่วนการศึกษาและพิจารณาแนวทางการรวมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม หรือการพิจารณาทบทวนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเก็บเงินจากนายจ้างเข้าสู่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและมีผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1952 | การลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้ลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ในช่วงปีภาษี ๒๕๕๑-๒๕๕๔ จากเดิมที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือ (อบต. หนองปรือ) ประเมินค่ารายปีไว้ ๗๖๔,๕๙๐,๔๕๙.๙๒ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเท่ากับ ๙๕,๕๗๓,๘๐๗.๔๖ บาท ลดลงเหลือ ๗๐๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเท่ากับ ๘๗,๖๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้ อบต. หนองปรือคืนเงินค่าภาษีให้กับ ทอท. ซึ่งเป็นผลจากการลดหย่อนค่าภาษี ตามข้อ ๑ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๗,๙๗๓,๘๐๗.๔๖ บาท จากเดิมที่ ทอท. เสนอคณะรัฐมนตรีขอคืนเงินค่าภาษีจาก อบต. หนองปรือ เป็นจำนวนเงิน ๒๗๑,๘๗๖,๗๓๗.๒๘ บาท ๓. สำหรับในช่วงปีภาษี ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ให้การประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของ ทอท. เป็นไปตามที่ อบต. หนองปรือประเมิน
|
|||||||||||||||||||||
1953 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ปี 2558 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งหลัง ปี ๒๕๕๘ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย แผนงานประจำในครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๘ ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ (ในกรุงเทพและปริมณฑล) และสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๘ โดยศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
1954 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกรณีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีและฉ้อโกงภาษีตามข้อเสนอ FATF) | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกรณีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีและฉ้อโกงภาษีตามข้อเสนอ FATF) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร หรือฉ้อโกงภาษีอากร ให้เป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เกี่ยวกับการกำหนดให้สำนักงาน ปปง. จัดส่งบรรดาข้อมูลซึ่งได้มาตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแก่กรมสรรพากร นั้น ควรระบุแนวทางการปฏิบัติไว้ในระเบียบที่อธิบดีและเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินร่วมกันกำหนดให้ชัดเจนว่า “เฉพาะข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดซึ่งอธิบดีเห็นควรให้ดำเนินการเท่านั้น” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1955 | ร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจร่วมกันเพื่อการจัดหาอุปกรณ์โดยกระทรวงการเข้าเมืองและการพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลียให้แก่กรมศุลกากร | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจร่วมกันเพื่อการจัดหาอุปกรณ์โดยกระทรวงการเข้าเมืองและการพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลียให้แก่กรมศุลกากร (Letter of Mutual Understanding for the Provision of Certain Equipment by the Department of Immigration and Border Protection to the Thai Customs Department) โดยร่างเอกสารความเข้าใจฯ ระบุให้กระทรวงการเข้าเมืองฯ เป็นผู้จัดซื้อเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าแบบสายพาน ยี่ห้อ Smith Detection รุ่น HI-SCAN 7555i และอุปกรณ์พ่วงที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบให้แก่กรมศุลกากร โดยกระทรวงการเข้าเมืองฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และกรมศุลกากรมีสิทธิที่จะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาว่าจะใช้หรือไม่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อไปในกรณีหลังจากครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีหากมีการพิจารณาใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อหลังจากระยะเวลาสามปีแรกแล้ว ก็จะมีภาระค่าบำรุงรักษาเกิดขึ้น กรมศุลกากรควรคำนึงถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าที่จะดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1956 | การให้สิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับแก่กรมวิชาการเกษตร ในการจำหน่ายพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมวิชาการเกษตรได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับ ในการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ประสงค์จะจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชหรือปัจจัยการผลิต สามารถติดต่อขอซื้อจากกรมวิชาการเกษตรได้โดยตรง ทั้งนี้ สิทธิพิเศษในการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต นั้น มีความหมายครอบคลุม ดังนี้
๑. พันธุ์พืช หมายถึง พันธุ์พืชไร่ พืชสวน และปัจจัยการผลิตที่ได้จากผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งพันธุ์พืช หมายความถึง ส่วนที่ใช้ในการขยายพันธุ์ เช่น เมล็ดพันธุ์ ท่อนพันธุ์ ต้นพันธุ์ หัวพันธุ์ หน่อพันธุ์ เป็นต้น ๒. ปัจจัยการผลิต หมายถึง ผลิตภัณฑ์ชีวินทรีย์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยชีวภาพ ชุดตรวจสอบเชื้อชีวินทรีย์ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
1957 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2558) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหา ๒ ส่วน ได้แก่ (๑) สรุปภาวะเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๘ ด้านเสถียรภาพในประเทศและต่างประเทศ เศรษฐกิจไทยในปี ๕๕๙ เและ (๒) สรุปการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน และแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1958 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2559 | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๗ แห่ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) รวมถึงการประเมินผลการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจครั้งที่ ๑ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘) และมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และกระทรวงการคลัง ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับการประเมินผลในครั้งที่ ๒ (ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙) ๑.๒ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนจากการสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบหลักการการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุน ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มิได้ดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานรัฐวิสาหกิจในปีที่เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจริง ๑.๕ รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลที่เปิดเผยของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๒๕๖๐) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อแก้ไขปัญหาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในการเตรียมการแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์หรือการป้องกันการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับการดำเนินการเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ พ.ศ. .... ควรเตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและหลักเกณฑ์การประเมินผลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นั้น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้จากการบริการ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและปรับปรุงระบบการบริหารการเงินให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1959 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนของไทยในกองทุนพัฒนาเอเชีย 12 (Asian Development Fund 12) | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมการบริจาคเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๒ (Asian Development Fund 12) หรือกองทุน ADF 12 เพื่อรักษาจุดยืนของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการมีบทบาทเป็นประเทศผู้นำในการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ยากจน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ๑.๒ อนุมัติให้บริจาคเงินตามสัดส่วนเดิมของประเทศไทยที่ได้บริจาคไว้เดิมในกองทุน ADF 11 ที่อัตราร้อยละ ๐.๐๘๓๕ คิดเป็นจำนวนเงิน ๒.๕๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๙๑,๙๑๑,๓๐๒ บาท ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับเงินเพิ่มทุนดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1960 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิก โดยลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียนให้มากกว่าที่เปิดเสรีตามกรอบองค์การการค้าโลก และประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามตารางข้อผูกพันแก่ประเทศสมาชิกอื่น ตามหลักการให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation Treatment : MFN) รวมถึงการดำเนินการภายใต้กรอบการรวมตัวภาคการธนาคารของอาเซียน (ASEAN Banking Integration Framework : ABIF) ที่ระบุให้ประเทศสมาชิกตั้งแต่สองประเทศหรือมากกว่านั้นอาจดำเนินการเจรจาและตกลงเปิดเสรีสาขาการธนาคารของประเทศตน โดยแต่ละประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการเจรจาอาจสรุปผลการเจรจา ณ เวลาใดก็ได้ ส่วนตารางข้อผูกพันฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันในสาขาย่อยประกันชีวิต (Life Insurance) และประกันวินาศภัย (Non-life Insurance) ในส่วนของข้อจำกัดการเข้าสู่ตลาด เฉพาะใน Mode 3 (การเข้าสู่ตลาดในรูปแบบการจัดตั้งธุรกิจ) โดยได้ปรับปรุงข้อผูกพันในเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติและเรื่องสัดส่วนกรรมการที่ไม่มีสัญชาติไทยให้เท่ากับกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. ในชั้นการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ให้กระทรวงการคลังเสนอพิธีสารดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสารฯ และส่งมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว |
.....