ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 93 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1841 - 1860 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1841 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายสมพงษ์ ตัณฑพาทย์ และนายรณวัตร สุวรรณาภิรมย์) | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมพงษ์ ตัณฑพาทย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. นายรณวัตร สุวรรณาภิรมย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1842 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรหนองคาย) | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรหนองคาย) มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนที่ทำการด่านศุลกากรหนองคาย ไปตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๒๒๔ หมู่ที่ ๒ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ (ช่วงถนนเฉลิมพระเกียรติ) ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พร้อมกับกำหนดทางอนุมัติและด่านศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1843 | มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ อปท. นำเงินสะสมมาใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ได้แก่ มาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและ อปท. (Matching Fund) และมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณที่ใช้ดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินสะสมของ อปท. เป็นลำดับแรกตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี และให้ อปท. พิจารณาแผนความต้องการ/ความจำเป็นเร่งด่วน ความพร้อมและรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่ชัดเจนของ อปท. จำนวน ๗,๘๕๑ แห่งก่อน โดยรายการดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการ/รายการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับหลักการกระจายงบประมาณอย่างแท้จริง และหากแผนความต้องการของ อปท. มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการตามมาตรการฯ เกินกว่าเงินสะสมของ อปท. ที่มีอยู่ และไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้ อปท. ในลักษณะของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจตามประเภทและขนาดของ อปท. ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และมีบัญชาเพิ่มเติม “หลักการใช้งบประมาณของ อปท. ก่อน ไม่พอของบกลาง จัดทำแผนงานให้ละเอียด ขั้นต้น สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท (Matching Fund)” ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นควรให้ อปท. ที่มีเงินสะสมไม่เพียงพอสามารถใช้งบประมาณจากข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาสมทบได้ และให้ อปท. จัดทำโครงการและเสนอขอความเห็นชอบโครงการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ และรีบก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สำหรับกรณีข้อเสนอที่จะให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์หรือสิ่งจูงใจให้ อปท. นำเงินสะสมมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ นั้น ควรหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเงื่อนไข/วิธีการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งคำนึงถึง อปท. ขนาดเล็กที่อาจจะไม่มีเงินสะสมเพียงพอที่จะร่วมทุน เพื่อให้เกิดความทั่วถึงในการดำเนินโครงการ และเห็นควรให้จังหวัดเป็นผู้พิจารณาและอนุมัติโครงการ เพื่อให้ อปท. สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการและเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติในการดำเนินมาตรการฯ ให้ชัดเจน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการฯ และประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1844 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรเลย) | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรเลย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สนามบินเลย จังหวัดเลย เป็นสนามบินศุลกากร เพื่อให้เป็นที่สำหรับนำของเข้าหรือส่งของออก หรือสำหรับส่งของออกซึ่งของที่ขอคืนอากรขาเข้า หรือของที่มีทัณฑ์บนทุกประเภท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1845 | รายงานการเสร็จสิ้นการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเสร็จสิ้นการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) ที่คณะกรรมการผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการชำระบัญชีกิจการของ บบส. เสร็จสิ้นแล้ว ตามพระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และให้ถือวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นวันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1846 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อยปี 2558 | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อยปี ๒๕๕๘ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ประจำปี ๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป เพื่อให้เป็นตามมาตรา ๘๒ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1847 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุได้พิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๙/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีที่ ๑ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่เคยได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถส่งมอบงานงวดสุดท้ายได้ทันภายใน ๑๕๐ วัน โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้จำนวน ๑๕๐ วัน ๑.๒ กรณีที่ ๒ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาจ้างก่อสร้างที่หน่วยงานได้ดำเนินการจัดจ้างถึงขั้นตอนการเสนอราคาแล้วก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึง ๒๒ เมษายน ๒๕๕๖ และได้ลงนามในสัญญาระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ ถึง ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (ซึ่งไม่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือไว้) โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้รวมเป็นจำนวน ๓๐๐ วัน ๑.๓ กรณีที่ ๓ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาจ้างก่อสร้างที่ได้ลงนามในช่วงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ ถึง ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้จำนวน ๑๕๐ วัน ๑.๔ กรณีที่ ๔ เป็นการช่วยเหลือโดยเพิกถอนคำสั่งลงโทษเป็นผู้ทิ้งงานแก่ผู้ประกอบการก่อสร้างซึ่งไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทดังกล่าวไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือให้นำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวไปใช้ในการจัดจ้างก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย โดยอนุโลม ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีบริการขยายตลาดการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ไทยทำข้อเจรจาตกลงการค้าเสรี โดยมอบหมายให้สถาบันก่อสร้างแห่งประเทศไทยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ กำหนดแนวทางการพัฒนาแรงงานทั้งระดับบนและล่างให้มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านภาษาและฝีมือแรงงานให้ได้ตามมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพความสามารถผู้ประกอบการให้เข้มแข้งขึ้น และพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เหมาะสม รวมทั้งปรับปรุง แก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาธุรกิจก่อสร้างไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1848 | โครงการสานพลังประชารัฐ - การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (บรืษัท เอสซีจี) เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้กับชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบันที่ประชาชนเข้ามาบุกรุกและสร้างเป็นที่พักอาศัยอย่างหนาแน่นในลักษณะชุมชนแออัด ทำให้สภาพแวดล้อมในบริเวณดังกล่าวมีความเสื่อมโทรม ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถขอทะเบียนราษฎร์และไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐได้ รวมทั้งทางเข้า-ออกที่ชุมชนใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่ได้ขออนุญาตการใช้อย่างถูกต้องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเสนอขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นโครงการต้นแบบที่ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนโยบายประชารัฐ โดยขอความร่วมมือจาก รฟท. ในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อเป็นทางเข้า-ออก และพื้นที่จอดรถของโครงการดังกล่าว และขอให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนให้การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานไปในทิศทางเดียวกัน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการภายใต้โครงการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะต้องป้องกันมิให้เกิดปัญหาการบุกรุกในพื้นที่ ข้อขัดแย้ง การร้องเรียน และการกระทำที่ผิดกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการออกแบบทางเข้า-ออก และสถานที่จอดรถของโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ของ รฟท. ตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1849 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB167A ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยชำระคืนต้นเงิน จำนวน ๗,๒๙๑.๓๘ ล้านบาท จากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และบัญชีเงินฝากจากการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนฯ ส่วนที่เหลือกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒๘,๗๐๘.๖๒ ล้านบาท ประกอบด้วย ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) และออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ทั้งนี้ ได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1850 | แนวทางการพัฒนาทรัพยากรน้ำและป่า ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาทรัพยากรน้ำและป่า ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ได้จัดทำโครงการ ๘๔ พรรษา ประชาชนรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ รักษ์ป่า มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ และเพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1851 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 3 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๓๖,๐๐๕.๔๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๔๘,๘๕๐.๔๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๑๒,๘๔๔.๙๖ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๘,๒๙๑.๕๓ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๔,๔๖๓.๕๕ ล้านบาท เป็น ๑๓๒,๗๕๕.๐๘ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การปรับโครงสร้างหนี้ การบริหารความเสี่ยง และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ภายในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1852 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายปรีชา มงคลหัตถี) | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปรีชา มงคลหัตถี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1853 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ซึ่งประกอบด้วย ๒ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๔๑๔,๓๖๖.๑๒ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๔๓,๑๗๖.๙๒ ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๘๗๑,๑๘๙.๒๐ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๔๕,๔๕๒.๐๑ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๙๒๘.๑๑ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะสำหรับการกู้เงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๓,๓๔๖.๕๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดของ ขสมก. ไปประกอบการพิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการหนี้และแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อให้มีผลประกอบการและฐานะการเงินที่ดีขึ้น ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกด้วย รวมทั้งควรมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศภาครัฐให้เพียงพอ อาทิ การบริหารความเสี่ยงทันทีที่เบิกเงินกู้ การเบิกเงินกู้ให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ และการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นต่อการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการลงทุนระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1854 | ขอความเห็นชอบให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต (กระทรวงการคลัง) (นายสมชาย พูลสวัสดิ์) | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะครบระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1855 | การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่และครุภัณฑ์ที่มีราคาสูงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรัดกุม โปร่งใส และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน ระยะ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนหลักอื่น ๆ เห็นควรให้มีกลไกขั้นตอนการพิจารณาก่อนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ (๑) คณะกรรมการกำหนดความต้องการด้านครุภัณฑ์และกรอบระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนหรือยุทธศาสตร์ (๒) คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานของครุภัณฑ์ และ (๓) คณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอราคาหรือผู้เสนองาน คุณสมบัติด้านเทคนิค และคุณสมบัติพิเศษด้านอื่น ๆ ไปกำหนดกลไกขั้นตอนการพิจารณาก่อนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ก็ให้เร่งดำเนินการโดยเร็วเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำกฎหมายลำดับรองของร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1856 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก | กค | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสาทร โตโพธิ์ไทย เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เนื่องจากนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝากคนปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระ ๔ ปี ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1857 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่ให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมและจัดลำดับการโอนหุ้นที่กระทรวงการคลังถือในรัฐวิสาหกิจที่เปลี่ยนสภาพทุนเป็นหุ้นในรูปแบบของบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ และให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและมีหน้าที่กำกับดูแลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติและรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจภายใต้บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต้องมีคุณสมบัติสามารถดำรงตำแหน่งจนครบวาระที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในร่างมาตรา ๕๔ เกี่ยวกับคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ของการให้บริการสาธารณะที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจในการเป็นกลไกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1858 | มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 | กค | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย (๑) มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (Front Load) (๒) มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ และ (๓) มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของรายละเอียด เงื่อนไข วิธีการ และงบประมาณในการดำเนินมาตรการทั้ง ๓ มาตรการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากรายจ่ายลงทุน รายการละไม่เกิน ๒ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ให้นำเงินงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มาดำเนินการ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ควรกำหนดหลักเกณฑ์โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง รวมถึงความพร้อมของส่วนราชการในการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การดำเนินการในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการตามขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1859 | การเป็นสมาชิก Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes | กค | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าร่วมเป็นสมาชิก Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes (Global Forum) จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยในการเข้าถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาษีระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะช่วยป้องกันธุรกิจที่หลบเลี่ยงภาษี โดยเฉพาะธุรกรรมทางการเงินที่กระทำผ่านสถาบันการเงินและการถ่ายโอนเงินไปกลุ่มประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. งบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมรายปี ปีละ ๑๕,๓๐๐ ยูโร และค่าธรรมเนียมอัตราก้าวหน้าประมาณ ๕,๐๐๐ ยูโร รวมเป็นปีละ ๒๐,๓๐๐ ยูโร หรือประมาณ ๘๐๑,๘๕๐ บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๓๙.๕๐ บาท) ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไปนั้น เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาอย่างรอบด้านว่าพันธกรณีของประเทศสมาชิกสอดคล้องกับข้อกฎหมายของประเทศไทยในการเปิดเผยข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของธนาคารหรือสถาบันการเงิน และหากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก Global Forum และต้องเข้าสู่กระบวนการ Peer Review ซึ่งเป็นการประเมินกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับความโปร่งใสและการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเกี่ยวกับภาษีเมื่อได้รับการร้องขอ ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมและปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ทันก่อนการเข้าสู่กระบวนการ Peer Review ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1860 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาศึกษาผลการดำเนินงานของกรมธนารักษ์ กรณีการดำเนินโครงการการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดินและกรณีการดำเนินโครงการการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ | กค | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาศึกษาผลการดำเนินงานของกรมธนารักษ์ กรณีการดำเนินโครงการการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดินและกรณีการดำเนินโครงการการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. กรณีการดำเนินโครงการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดิน กรมธนารักษ์ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เพื่อดำเนินโครงการจัดทำฐานภาษีเพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน ๘๑๙.๑๐๔ ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จและมีราคาประเมินที่ดินรายแปลงครบ ๓๒ ล้านแปลงทั่วประเทศภายในปี ๒๕๖๐ ๒. กรณีการดำเนินโครงการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ได้สำรวจข้อมูลที่ดินราชพัสดุที่เป็นที่ว่างไม่ใช้ประโยชน์ในราชการหรือใช้ประโยชน์ในราชการไม่เต็มพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อขอคืนและนำมาสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Social Enterprise) โดยกรมธนารักษ์ได้ทำหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการส่งคืนที่ราชพัสดุ และจัดให้มีการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับส่วนราชการในการนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวแล้ว รวมทั้งได้กำหนดแนวทางการดำเนินการโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุไว้ในแผนบริหารจัดการที่ราชพัสดุ เป้าหมาย ๕ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) และแผนปฏิบัติ ๑ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙) โดยมีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐทั่วประเทศในภาพรวมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วยแล้ว |
.....