ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 96 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1901 - 1920 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1901 | โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ และธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs เฉพาะการปล่อยสินเชื่อใหม่ วงเงินรวมทั้งโครงการ ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับการชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารออมสินนั้น ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยกำหนดอัตราการชดเชยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ของธนาคารออมสิน บวกร้อยละ ๑.๘๕ รวมไม่เกิน ร้อยละ ๓ ซึ่งครอบคลุมต้นทุนทางการเงินของธนาคารออมสิน และมีผลทำให้เกิดภาระงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารออมสิน ภายในกรอบวงเงิน ๖,๓๐๐ ล้านบาท ในระยะเวลา ๗ ปี โดยให้ธนาคารออมสินเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดวงเงินสินเชื่อต่อรายเพื่อให้โครงการฯ สามารถกระจายวงเงินสินเชื่อได้อย่างทั่วถึง รวมถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของภาครัฐมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SEMs ให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญกับการให้สินเชื่อในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้แก่ประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีการเจริญเติบโตดีในอนาคต การบูรณาการโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน การขยายวัตถุประสงค์การกู้ยืมให้ครอบคลุมถึงการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น การจัดให้มีการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมในลักษณะเดียวกันกับ Soft Lone ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาทที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการ SMEs รับทราบรายละเอียดโครงการฯ อย่างทั่วถึง และระบุเจตนารมณ์ของการดำเนินโครงการฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ผ่านมา เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1902 | ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1903 | แนวทางการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินกิจการของรัฐภายหลังสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ดังนี้ ๑.๑ เห็นสมควรให้เอกชนรายเดิม [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมัน เป็นระยะเวลา ๓๐ ปี ๑.๒ กำหนดอัตราผลตอบแทนในการเช่าที่ราชพัสดุฯ ในอัตราที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนตามราคาตลาด ๑.๓ ให้กรมธนารักษ์จัดให้มีการประเมินมูลค่าตลาดของค่าเช่า โดยผู้ประเมินอิสระอีกครั้ง เพื่อสอบทานความถูกต้องและความเป็นปัจจุบันของมูลค่าตลาดของค่าเช่า ก่อนการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนในการให้เช่าที่ราชพัสดุฯ ๑.๔ ให้กรมธนารักษ์นำเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามรายละเอียดในมาตรา ๒๔ (๔) (๕) (๖) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐพิจารณาภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินกิจการของรัฐภายหลังสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดลงโดยการให้เอกชนร่วมลงทุนแล้ว ทั้งนี้ ให้นำเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในการให้เช่าที่ราชพัสดุฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการหรือกิจการใดที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการเพิ่มเติมหรือขยายกำลังการผลิต หากเข้าข่ายประเภทและขนาดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนการดำเนินการเช่าที่ราชพัสดุฯ และอัตราผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมทั้งให้กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ กำกับ ติดตาม และดูแลคู่สัญญา [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] ให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1904 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
1905 | การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 5 (ปรับปรุงใหม่) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ ๕ (ปรับปรุงใหม่) จากเดิม สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินแล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน เป็น สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินแล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน ในส่วนของกรอบวงเงินงบประมาณ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขอื่น ๆ ของโครงการประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ ๕ ยังคงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยไม่มีการขยายระยะเวลาต่อไปอีก ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางการเงินผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในอนาคตด้วยความรอบคอบ โดยค้ำประกันสินเชื่อให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความจำเป็น ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง การคัดกรองผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการด้วยความระมัดระวังและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ การกระจายโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะเข้าร่วมโครงการให้ทั่วถึงและไม่ซ้ำซ้อน การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการที่เหมาะสม การให้ บสย. เร่งประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน การให้ความสำคัญกับการลดสัดส่วนหนี้ NPGs ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การประมาณการเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อและวงเงินชดเชยที่ขอจัดสรรจากสำนักงบประมาณให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง และการพิจารณากำหนดให้ บสย. นำรายได้จากค่าธรรมเนียมการค้ำประกันมาร่วมสมทบจ่ายชดเชยค่าความเสียหายกรณีที่เป็น NPGs ด้วย เพื่อเป็นการลดภาระทางด้านงบประมาณของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการดำเนินการและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ ๕ (ปรับปรุงใหม่) เสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1906 | การดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) สรุปได้ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๕๑/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนร่วมเป็นกรรมการ และมีผู้อำนวยสำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการฯ โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อพิจารณาร่างแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) และพิจารณาแนวทางการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานตามแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นฯ ๒. การจัดทำแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นฯ เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ “ผลักดัน Startup ให้เป็นกลไกในการพลิกโฉมสังคม เศรษฐกิจ นำไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ ASEAN” และมีพันธกิจหลัก ๔ ประการ ได้แก่ (๑) การสร้างความตระหนักและการรับรู้เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (๓) การส่งเสริมการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น และ (๔) การเสนอแนะนโยบายและมาตรการภาครัฐเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ๓. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกองทุนรวมวายุภักษ์ ในฐานะผู้จัดสรรแหล่งเงินทุนสำหรับการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้น อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นในรูปแบบทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) โดยธนาคารกรุงไทยฯ และกองทุนรวมวายุภักษ์ร่วมกันสนับสนุนแหล่งเงินทุน ในวงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าการดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ มีนักลงทุนสถาบันภาคเอกชนแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดตั้งทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) |
||||||||||||||||||||||||
1907 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์) | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1908 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกันเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1909 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๔ โครงการ ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๙/๖๐ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ และโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙ กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๔๕,๕๘๙.๓๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการดำเนินมาตรการและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการฯ ดังกล่าว โดยกำกับดูแลให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๔ เดือน ๒. สำหรับโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับเงื่อนไขให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินงบประมาณให้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
1910 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือฟ้องศาลต้องถอนอุทธรณ์หรือถอนฟ้องแล้วแต่กรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1911 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางศิริพร เหลืองนวล) | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศิริพร เหลืองนวล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1912 | ขออนุมัติยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ 118 แห่ง | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงว่า การยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของกรมสรรพากรในการจัดเก็บภาษีของรัฐ ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กรมสรรพากรยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงการดังกล่าว ควรจะแบ่งโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อไป และในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1913 | การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค (Memorandum of Cooperation on the Establishment and Implementation of the Asia Region Funds Passport : MOC) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมระหว่างเขตเศรษฐกิจที่ร่วมลงนาม โดยกองทุนรวมที่ได้รับความเห็นชอบจากเขตเศรษฐกิจหนึ่ง (Home Jurisdiction) สามารถไปเสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนรายย่อยในเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ (Host Jurisdiction) ได้ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง (Intermediaries) ที่ได้รับใบอนุญาตหรือกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของ Host Jurisdiction ๑.๒ มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่าง MOC ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว เช่น ความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการปรับตัว เพื่อเตรียมมาตรการรองรับและสร้างความพร้อมให้กับภาคธุรกิจและสถาบันการเงินภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1914 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขนิยามคำว่า หนี้สาธารณะ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพิ่มเติมนิยามคำว่า หนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง ปรับปรุงองค์ประกอบและเพิ่มเติมอำนาจของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และปรับปรุงกรอบการลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับความสอดคล้องกับบทบัญญัติที่เกี่ยวกับหนี้สาธารณะในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังว่า กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาเพื่อพัฒนาเครื่องมือหรือตัวชี้วัด ตลอดจนกรอบกฎหมายและแนวปฏิบัติเพื่อให้สามารถติดตามและกำกับดูแลหนี้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพิจารณานำภาระงบประมาณที่จะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดใช้ อาทิ กิจกรรมกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินของรัฐ กำหนดไว้ในบทนิยามคำว่า "หนี้สาธารณะ" หรือ "หนี้เงินกู้ ีที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง" เพื่อให้ทราบสถานะของหนี้สาธารณะและภาระของงบประมาณได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วนและชัดเจน ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นหนี้สาธารณะหรือหนี้เงินกู้หน่วยงานของรัฐควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการกำกับติดตามหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่มีหนี้ในลักษณะดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในภาพรวมเกี่ยวกับการกำกับติดตามและการรายงานสถานะหนี้ให้มีความครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
1915 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ฯลฯ) | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสองปี ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค นางสุดา วิศรุตพิชญ์ นายลวรณ แสงสนิท ๒. ด้านการเงินการธนาคาร นางสาวอาริศรา ธรมธัช ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
||||||||||||||||||||||||
1916 | วีดิทัศน์เรื่อง ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเซีย - ยุโรป ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
1917 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐอย่างกว้าง ๆ เพื่อเป็นมาตรฐานกลางสำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองและหลักเกณฑ์ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและทันกับการบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1918 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างประกาศกระทรวงการคลังเพื่อประกาศวันที่ข้อบทของความตกลงมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย โดยจะออกประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวให้ใกล้เคียงกับวันที่ประเทศไทยส่งมอบสัตยาบันสารมากที่สุด รวมทั้งได้เสนอเรื่อง “การขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชียและการสงวนสิทธิ์ไม่ยกเว้นภาษีจากคนชาติในส่วนของประเทศไทย” และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งกระทรวงการต่างประเทศให้จัดทำสัตยาบันสารและหนังสือสงวนสิทธิ์ดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1919 | โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยกระดับประสิทธิภาพการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนในสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนรัฐสวัสดิการ ต้องเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นในแต่ละปีปฏิทินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และเป็นรูปแบบสมัครใจ (Voluntary Basis) โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมเปิดเผยรายได้ การถือครองทรัพย์สินของตน เจ้าหนี้และจำนวนหนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น และมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย สำหรับกลไกการดำเนินการจะให้ประชาชนลงทะเบียน ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ สำหรับปีต่อ ๆ ไปให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายนของแต่ละปี ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวจะจัดเก็บเอกสารแล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกรมสรรพากรเพื่อจัดเก็บข้อมูลและทำการตรวจสอบความถูกต้องในภายหลัง (Post Audit) โดยกรมสรรพากรจะเชื่อมโยงข้อมูลไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลข้อมูลผู้มีรายได้น้อย นำไปบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม แล้วนำไปใช้ในการจัดสวัสดิการสังคมภายใต้โครงการ e-Payment ภาครัฐในระยะต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1920 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย หนี้รัฐบาล ๔,๔๓๑,๖๘๓.๙๗ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ๑,๐๓๙,๙๑๐.๘๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๕๒๕,๕๒๓.๗๐ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ๑๖,๕๓๑.๓๗ ล้านบาท รวมยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๑ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๔๑,๔๒๒.๒๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๐๓,๑๐๐.๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๓๘ ของแผนฯ ๓. ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยใช้งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment) วงเงินรวม ๒๑,๕๗๐.๖๘ ล้านบาท (การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาลสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๗๗.๓๕ ล้านบาท และการบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๒.๑๗ ล้านบาท) ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๘๙.๕๒ ล้านบาท ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙ แห่ง พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๔ โครงการ |