ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 94 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1861 - 1880 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1861 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1862 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1863 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) โดยกำหนดให้เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และมีคุณสมบัติอื่น ๆ ตามแผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ (ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) และให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มเติม โดยจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในฤดูการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๒. ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลัง (โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น) โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๓. ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ควรร่วมกันบูรณาการการพัฒนา Agri-Map เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเชิงนโยบายในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจนมากขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมหรือโซนนิ่งเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1864 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ฯลฯ) | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๓. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๔. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๕. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1865 | มาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล (ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างประกาศ รวม 4 ฉบับ) | กค | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวมทั้งเห็นชอบในหลักการร่างประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่ายที่ให้หักเป็นการเหมาในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๗) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินใด ๆ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้ง ตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และยกเว้นภาษีเงินได้ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๕ ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๓๐ ล้านบาท ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ สำหรับรายจ่ายที่เกิดจากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ค่าทำบัญชี และค่าสอบบัญชี ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดินสำหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ของผู้ถือหุ้นเพื่อชำระค่าหุ้นให้แก่นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ตามมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่ โอนอสังหาริมทรัพย์ของผู้ถือหุ้นเพื่อชำระค่าหุ้นให้แก่นิติบุคคลตั้งใหม่นั้นร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง ๑.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดสำหรับการโอนห้องชุดของผู้ถือหุ้นเพื่อชำระค่าหุ้นให้แก่นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ตามมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่โอนห้องชุดของผู้ถือหุ้นเพื่อชำระค่าหุ้นให้แก่นิติบุคคลตั้งใหม่นั้นร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้กรมสรรพากรรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล และมาตรการอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้วในช่วงก่อนหน้า เช่น นโยบายสนับสนุนให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีและงบการเงินที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของกิจการ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เป็นต้น ให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการพิจารณาให้บุคคลธรรมดาสามารถโอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการให้นิติบุคคลตั้งใหม่ได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1866 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายพนิต ธีรภาพวงศ์) | กค | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพนิต ธีรภาพวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1867 | การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม [ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราในการจ่ายเงินสงเคราะห์และกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพผู้ประสบภัย เนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติหรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ] | กค | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราในการจ่ายเงินสงเคราะห์และกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราในการจ่ายเงินสงเคราะห์และกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยปรับปรุงแก้ไขนิยามคำว่า “อัตราเงินเดือน” ให้สอดคล้องกับระบบการจำแนกตำแหน่งและเงินเดือนของข้าราชการพลเรือน และเหมาะสมยิ่งขึ้น และกำหนดให้ผู้ประสบภัยมีสิทธิได้รับเงินชดเชยระหว่างเข้ารับการรักษาพยาบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดให้จ่ายเงินชดเชยระหว่างเข้ารับการรักษาพยาบาลในอัตราวันละ ๕๐๐ บาท อาจพิจารณากำหนดการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวเป็นสูตรการคำนวณ เช่น อัตราเงินเดือนที่มีผลใช้บังคับอยู่ขณะนั้นหารด้วยจำนวนวันในหนึ่งเดือน (๓๐ วัน) เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบในหลักการการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือหรือค่าจัดการศพ โดยปรับปรุงแก้ไขอัตราเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพเป็นจำนวน ๓ เท่าของอัตราเงินเดือนแรกบรรจุต่ำสุดของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทวิชาการ (วุฒิปริญญาตรี) ระดับปฏิบัติการ ที่ใช้อยู่ขณะประสบภัย (ปัจจุบันอัตรา ๑๕,๐๐๐ บาท) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1868 | การเสนอความเห็นการจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน จำนวน ๔ ทุน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) กองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง (๒) กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๓) กองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และ (๔) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและการบริหารทุนหมุนเวียนเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมบางประเด็นในร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... การกำหนดกรอบหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนเงินกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ชัดเจน การจัดลำดับความสำคัญการสนับสนุนโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียนตามระดับอายุของนักเรียน การกำหนดรูปแบบการบริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติให้มีความชัดเจน และตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ภายใต้บังคับตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้ถูกต้อง รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายชดเชยผลตอบแทนไว้ในระดับที่จะไม่สร้างความเสี่ยงแก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานฯ จนเกินไป และควรมีการพิจารณากำหนดรูปแบบการบริหาร แหล่งที่มาของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทน อย่างรอบคอบ เพื่อให้กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติมีความยั่งยืนและดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนฯ นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินกิจการของทุนหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมหรือทุนหมุนเวียนที่จะตั้งขึ้นใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความพร้อมให้ถูกต้องชัดเจนตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ความโปร่งใส ในการดำเนินการทุกขั้นตอน โดยมีการยึดโยงการดำเนินการของกองทุนกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับชาติ และนโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ รวมทั้งจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลที่สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณานำกลไกประชารัฐ โดยเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการสนับสนุนการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนของภาครัฐ ทั้งในส่วนของงบประมาณและการปฏิบัติงาน ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1869 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งสิ้น ๒,๗๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๒,๒๑๕,๗๖๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๑.๔๖ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวน ๑๗๕,๙๖๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๓๘ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๘๐.๐๘) ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๗๕,๖๔๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๙๒๗,๙๗๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๘.๖๒ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๔,๓๕๔ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๘๗,๗๙๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๒.๘๗ ๒. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบประมาณทั้งสิ้น ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๑,๐๐๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๙.๖๕ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๔๑,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๙๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๖.๖๘ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๐.๔๓ ๓. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๓๐๗,๘๕๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๐๖,๐๗๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๖.๙๔ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวน ๗,๖๕๘ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๖๗,๒๔๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๘๑ ๔. นโยบายสำคัญของรัฐบาล ๔.๑ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัด) แล้ว จำนวน ๓๖,๔๖๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔,๕๔๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๗๔ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๓,๓๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๑.๔๔ ๔.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๗,๘๗๐ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๕,๑๘๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๒.๙๐ เบิกจ่ายแล้ว ๓๔,๑๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๐.๓๐ ๔.๓ โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (หมู่บ้านละ ๒ แสนบาท) จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๑๔,๙๑๘ ล้านบาท โอนจัดสรรงบประมาณเข้าบัญชีหมู่บ้านแล้ว จำนวน ๑๔,๙๐๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๙.๙๑ และหมู่บ้านเบิกจ่ายแล้ว ๘๔,๙๑๔ โครงการ จำนวน ๑๔,๘๐๑ ล้านบาท ๕. เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) แผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) จำนวน ๒๙๑,๓๓๑ ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐๓,๗๑๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๕.๖๐ ของแผนการลงทุนทั้งปี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1870 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ] | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรเกิน ๒๐๐ ล้านบาท และการจ้างแรงงานเกิน ๒๐๐ คน สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน ๒๐๐ ล้านบาท และการจ้างแรงงานไม่เกิน ๒๐๐ คน และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการที่ท้องถิ่นมีความต้องการจะพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจและสังคม สามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่าของรายจ่าย เป็นระยะเวลา ๓ รอบระยะเวลาบัญชี (รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วัตถุประสงค์ เงื่อนไขการยกเว้นภาษี และคุณสมบัติของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละมาตรการ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ทราบโดยทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม และในการดำเนินมาตรการพี่ช่วยน้องดังกล่าว ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนของโครงการหรือมาตรการที่รัฐดำเนินการช่วยเหลือ SMEs ในลักษณะหรือประเภทเดียวกันด้วย ส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชนบทจะต้องมีการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีความซ้ำซ้อนกับการดำเนินมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมตามภารกิจของหน่วยงานภาครัฐที่จะได้รับ รวมถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง ตลอดจนจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สิน เพื่อมิให้เกิดเป็นภาระแก่งบประมาณในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1871 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินมาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชนและมาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนภายใต้นโยบายรัฐบาลของธนาคารออมสิน และเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมือง เพื่อเป็นการช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพื่อการประกอบอาชีพ บรรเทาความเดือดร้อนภายในครอบครัว เป็นการช่วยลดปัญหาเงินกู้นอกระบบ รวมถึงเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมืองได้รับความรู้ทางการเงินและเห็นความสำคัญของการวางแผนทางการเงินของครอบครัว สามารถบริหารรายได้รายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนมีเงินออมเป็นหลักประกันทางการเงินของครอบครัว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินโครงการให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ธนาคารออมสินพิจารณาอย่างรอบคอบถึงเงื่อนไขและความจำเป็นของผู้กู้แต่ละราย และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาระหนี้ การรักษาวินัยทางการเงิน ตลอดจนภาระหนี้ที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นภายหลังครบระยะเวลาผ่อนผัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้อย่างแท้จริง และให้ธนาคารออมสินติดตามและประเมินผลในระหว่างการดำเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมืองหลังจากเสร็จสิ้นการอบรมในแต่ละรุ่น โดยประเมินความเหมาะสมของผู้เข้าอบรม หลักสูตรอบรม วิทยากร เทคนิคและวิธีการอบรม ตลอดจนความสามารถในการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ เพื่อนำมาปรับปรุงการอบรมในรุ่นต่อไปให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อบรมอย่างสูงสุด และเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการขอแยกบัญชีเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคาร รวมทั้งให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการดำเนินการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสของพนักงานได้นั้น ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1872 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรใน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ (๒) การหักภาษีและนำส่งภาษีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๓) การจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การนำส่งข้อมูลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดให้ธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินหรือกฎหมายเฉพาะและผู้ประกอบธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่นำส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินหรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าที่เสียภาษี ควรกำหนดขอบเขตประเภทของข้อมูลและกรณีที่ต้องปฏิบัติให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อผู้มีหน้าที่จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นว่า กรมสรรพากรควรมีความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติ มีแผนรองรับการดำเนินการในแต่ละเรื่อง ควรสื่อสารให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจ และประชาชนให้มีความรู้ ความเข้าใจในการจัดทำ จัดเก็บ การส่งข้อมูลธุรกรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ และควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนด เพื่อให้ผลการดำเนินการใดที่ใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีผลตามกฎหมายและสามารถใช้อ้างอิงเป็นพยานหลักฐานได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1873 | รายงานงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน สำนักงาน คปภ. มีสินทรัพย์รวม ๔,๙๓๒.๔๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๙๒ เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีหนี้สินรวม ๕๐๘.๔๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๙๕ เมื่อเทียบกับปีก่อน ๒. งบรายได้และค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ สำนักงาน คปภ. มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๗๐๐.๔๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๕๕ เมื่อเทียบกับปีก่อน ๓. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้แสดงความเห็นในประเด็นเงินค่าตอบแทนตามต้นทุนการบริการในอดีต เพื่อเป็นบำเหน็จเพิ่มเติมแก่พนักงานที่มาจากกรมการประกันภัยและกระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนดวงเงินไว้ประมาณ ๖๗๙.๐๕ ล้านบาท โดยทยอยตั้งในอัตราร้อยละสิบต่อปี เบิกจ่ายจริงในงวดที ๒๕๕๔ จำนวน ๒๓.๓๗ ซึ่งรายจ่ายดังกล่าวมีความไม่แน่นอน โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ มียอดสะสมเงินค่าตอบแทนดังกล่าวจำนวน ๔๐๐.๐๑ ล้านบาท โดยสำนักงาน คปภ. แจ้งว่าปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อน จึงต้องมีการพิจารณาและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1874 | การขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมด | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่เห็นชอบให้ขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมดให้อยู่ภายในกรอบวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยแยกเป็นวงเงินกู้ ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เป็นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ เนื่องจากการระบายข้าวจะต้องพิจารณาจากสภาวะตลาดในเวลาที่เหมาะสมและไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาข้าวภายในประเทศ ๑.๒ รายงานสถานะหนี้คงค้างจากการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ทั้งในส่วนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และเงินทุน ธ.ก.ส. ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๔๙๘,๗๖๗.๔๕๕ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้ในแต่ละฤดูกาลด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนการระบายข้าวในสต็อกของโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ และการลดกรอบวงเงินกู้คงค้างที่เหมาะสมในแต่ละปี โดยแผนดังกล่าวต้องแสดงให้เห็นถึงแนวทางการลดภาระหนี้เงินกู้ทั้งในส่วนการระบายข้าวและภาระงบประมาณที่ต้องชดเชยเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้อย่างชัดเจนเป็นรายปี และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวพิจารณาเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1875 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพิ่มเติม จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ หากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถโอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ทันในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ให้นำไปสมทบกับเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจะนำส่งในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1876 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข) | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1877 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1878 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระเบียบดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1879 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว สรุปได้ ดังนี้
๑. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๔,๘๗๘.๖๙ ล้านบาท และมีหนี้สินรวมจำนวน ๒๓,๙๐๑.๙๖ ล้านบาท ๒. ในปี ๒๕๕๘ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีรายได้รวมจำนวน ๙๓๗.๓๑ ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมจำนวน ๗๐๐.๖๐ ล้านบาท ๓. ณ สิ้นปี ๒๕๕๘ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีส่วนของเงินกองทุนเท่ากับ ๙๗๖.๗๓ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1880 | มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต [ร่างกฎกระทวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเงินฝากไว้กับธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยการฝากเงินนั้นมีข้อตกลงว่าธนาคารจะจ่ายเงินและผลประโยชน์ตามข้อตกลงโดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้ฝากเงิน และการรับฝากเงินต้องมีกำหนดเวลาตั้งแต่สิบปีขึ้นไป และกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการฝากเงินดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้ฝากเงินถึงประโยชน์ในการฝากเงินเพื่อสงเคราะห์ชีวิต รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ฝากเงินเข้าใจถึงประโยชน์และความจำเป็นในการออมเงินระยะยาวและการสร้างหลักประกันของชีวิตในอนาคต และในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกใหม่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎระเบียบในการกำกับดูแลมาตรฐานการดำเนินงาน ตลอดจนหลักเกณฑ์ในการบริหารความเสี่ยง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจและระบบการเงินโดยรวม นอกจากนี้ หากธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะแห่งใดจะพิจารณาขยายขอบเขตการออกผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต ควรจะต้องมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....