ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 100 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1981 - 2000 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1981 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่า สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ กำหนดให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ มาหักจากเงินได้พึงประเมินเสมือนเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เฉพาะค่าบริการหรือค่าที่พักที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รวมทั้งติดตามประเมินผลมาตรการดังกล่าวทั้งที่ได้ดำเนินมาตรการไปแล้วในช่วงก่อนหน้าและมาตรการในครั้งนี้ นอกจากนี้ จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบและเข้าใจสาระสำคัญ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่ชัดเจน รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับตามมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1982 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๑.๑.๑ กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็น (๑) ค่าอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม (๒) ค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบกิจการนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ (๓) ค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ต้องซื้อสินค้าหรือรับบริการและชำระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๙ ถึง ๑๗ เมษายน ๒๕๕๙ จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ๑.๑.๒ กำหนดให้ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าบริการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และค่าที่พักในโรงแรมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะ ๑-๒ ปีต่อจากนี้ไปกระทรวงการคลังควรเร่งดำเนินการขยายฐานภาษีโดยอาจพิจารณาใช้มาตรการจูงใจผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มเติมจากที่ดำเนินการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีบัญชีเดียว และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม และจัดให้มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการและประชาชนทราบสาระสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการดังกล่าวโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1983 | แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 (ปี 2559 - 2563) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ (ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการวางกรอบพัฒนาระบบสถาบันการเงินภายใต้แนวคิด “แข่งได้ เข้าถึง เชื่อมโยง ยั่งยืน” ประกอบด้วย ๔ นโยบายหลัก ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการใช้บริการทางการเงินและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ (Digitization & Efficiency) (๒) การเชื่อมต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค (Regionalization) (๓) การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Access) และ (๔) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Enablers) ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานธนาคารแห่งประเทศไทยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เกี่ยวกับความชัดเจนในประเด็นมาตรการในแต่ละด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กรการเงินชุมชนโดยเฉพาะสหกรณ์ การพิจารณาถึงความเชื่อมโยงและการกำหนดช่วงเวลาของแผนฯ ให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และ (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) การให้ความสำคัญกับการเข้าถึงทางการเงินของวิสาหกิจชุมชน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของสถาบันการเงิน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสถาบันการเงิน การผลักดันให้สถาบันการเงินพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของ SME ในแต่ละช่วงวงจรชีวิตธุรกิจ (Business Life Cycle) รวมทั้งการส่งเสริมให้สถาบันการเงินจัดตั้งหน่วยพัฒนาผู้ประกอบการ SME ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดดัชนีตัวชี้วัดผลการดำเนินการ (KPI) ในแต่ละด้านเพื่อใช้เป็นเป้าหมายและประเมินความสำเร็จของมาตรการและติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ๒.๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามและรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทราบทุกครึ่งปี |
|||||||||||||||||||||||||||
1984 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนสองเท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ และกองทุนโบราณคดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1985 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ 10,000 ลิตรขึ้นไป กับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้สิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นนอกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประเภทไม่บังคับ เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นนอกจาก กฟผ. มีทางเลือกในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1986 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มประเภทของหุ้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถซื้อหรือมีไว้ได้ และเพิ่มประเภทสินทรัพย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเข้าลงทุนได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินทรัพย์ที่ไปลงทุน จัดให้มีกระบวนการติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการจัดให้มีระบบการบันทึกบัญชีที่สามารถแสดงผลตอบแทนจากการลงทุนตามประเภทของสินทรัพย์อย่างชัดเจน เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1987 | การให้สัตยาบันพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (แนวทางการปฏิบัติในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจนและทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน และดำเนินการส่งมอบแก่เลขาธิการอาเซียนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการเชื่อมโยงระบบ National Single Window ของหน่วยงานภายในประเทศให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการจัดตั้งและเชื่อมโยงระบบดังกล่าวแก่ประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้การพัฒนาระบบของแต่ละประเทศมีความเท่าเทียมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการจัดตั้ง ASEAN Single Window และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในทางปฏิบัติอย่างแท้จริงไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจนและทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1988 | การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการธนาคารออมสินให้เป็นผู้กำหนดวงเงินจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการธนาคารออมสิน ประกาศงบดุลซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองแล้วและประกาศฐานะการเงินโดยย่อของธนาคารออมสินประจำไตรมาสภายในหกเดือนต้นของปีถัดไป ประกาศรายงานประจำปีว่าด้วยธุรกิจซึ่งธนาคารออมสินได้จัดทำในระหว่างปี จำนวนผู้ฝาก จำนวนเงินฝาก จำนวนเงินดอกเบี้ยที่จ่ายผลประโยชน์ที่ได้มาจากเงินทุนและอื่น ๆ และให้ธนาคารออมสินสามารถได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือจากแหล่งอื่นได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับประเด็นการเพิ่มทุนของธนาคารออมสินอาจได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือจากแหล่งอื่น การเสนอแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการธนาคารออมสินเพื่อให้สอดคล้องกับร่างมาตรา ๒๕ และร่างมาตรา ๒๖ ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม การเพิ่มข้อความ "ให้คณะกรรมการ ผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา" ในมาตรา ๑๙ (ข) และกำหนดกรณีที่ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และเพื่อไม่เป็นการเปิดช่องให้ธนาคารสามารถดำเนินการบางอย่าง เช่น กู้เงินจากแหล่งเงินอื่นได้เอง จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มข้อความ "มาตรา ๒๐/๑ ในกรณีที่ธนาคารออมสินมีเหตุจะต้องเพิ่มกองทุนเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินกิจการ ธนาคารออมสินอาจได้รับจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือจากแหล่งอื่นได้" ส่วนในมาตรา ๒๖ เห็นควรคงข้อความ "จำนวนเงินฝาก" ตามที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติเดิม เนื่องจากเห็นว่า "จำนวนเงินฝาก" เป็นภาระหนี้ของธนาคาร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับสาธารณชนจำนวนมาก ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1989 | โครงการบ้านประชารัฐ | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ระยะเวลาโครงการ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ระยะเวลาการยื่นความจำนงขอรับสินเชื่อ) ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทุกประเภทในราคาไม่เกิน ๑.๕ ล้านบาทต่อหน่วย ทั้งที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Assets : NPAs) ของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ และทรัพย์รอการขายของกรมบังคับคดี ทั้งที่สร้างบนที่ดินของตนเอง ที่ดินของเอกชนผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และที่ดินของรัฐ รวมถึงการซ่อมแซม/ต่อเติมที่อยู่อาศัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอถอนเงื่อนไขการดำเนินโครงการฯ เกี่ยวกับการถือครองกรรมสิทธิ์ เพื่อนำไปพิจารณาแนวทางและรูปแบบการดำเนินโครงการฯ บนที่ดินราชพัสดุ และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งในโอกาสต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อสถานะความมั่นคงทางการเงินของธนาคาร และควรมีมาตรการในการกำกับดูแลให้การกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนของผู้ประกอบการ มีการคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ มีกระบวนการบริหารความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง ตลอดจนการคำนวณความเสียหายและติดตามผลกระทบต่อฐานะที่อาจจะเกิดขึ้นต่อธนาคาร และให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสินแยกบัญชีมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน (Post Finance) เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) จากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคาร รวมทั้งให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการฯ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน จะต้องไม่ขอรับการชดเชยงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ในอนาคต ๔. ให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้สินเชื่อในส่วนของมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) ให้ชัดเจนโดยเฉพาะห้ามให้สินเชื่อเพื่อชดใช้หนี้เดิม (refinance) ของโครงการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิม ๕. ให้กระทรวงการคลังกำหนดให้ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ ประชาสัมพันธ์ และให้ข้อมูลโครงการฯ แก่ประชาชนผู้ขอรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) และผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วนในโครงการ ๖. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อวางแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในระยะยาว รวมทั้งกำหนดรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินโครงการต่อไป ๗. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์และไม่ได้ใช้ประโยชน์ รวมทั้งตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในโครงการอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1990 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (จำนวน 5 คน 1. นายปรเมธี วิมลศิริ ฯลฯ) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปรเมธี วิมลศิริ ๒. นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ๓. นายสุรชาติ จันทวัชรากร ๔. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ๕. นายชัชวาล จันทร์แสงสุก
|
|||||||||||||||||||||||||||
1991 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายวรวิทย์ จำปีรัตน์) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะครบวาระ ๔ ปี ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นวาระที่สอง ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1992 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีรูปแบบเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมเองและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจเพื่อสังคม และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นเงินลงทุนในหุ้นสามัญของวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่มอบให้หรือมูลค่าของทรัพย์สินที่โอนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมโดยไม่มีค่าตอบแทน เพื่อให้มีการประกอบกิจการเพื่อสังคมให้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้พิจารณาด้วยว่าการรับรองการเป็นกิจการเพื่อสังคมเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างแท้จริงและต้องมิให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการให้คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติซึ่งมีสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรับรองการเป็นกิจการเพื่อสังคมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
1993 | ร่างพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยขยายขอบเขตของหลักทรัพย์และสถาบันการเงินเพื่อให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมสามารถช่วยเหลือ SMEs ได้กว้างขึ้นซึ่งจะขยายการเข้าถึงการประกันสินเชื่อของ SMEs รวมทั้งแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีการใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนสามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพิ่มอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ของบรรษัทฯ โดยเพิ่มเติม การโอน รับ รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน การเพิ่มการลงทุน หรือถือหุ้นในกิจการที่เกี่ยวข้องหรือที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ของบรรษัทฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มาตรา ๘ ที่ให้เพิ่มเติมความ (๑๑/๒) ของมาตรา ๑๒ ที่ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม มีอำนาจลงทุนหรือถือหุ้นในกิจการที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องตามวัตถุประสงค์ของบรรษัทฯ หรือเป็นประโยชน์โดยตรงแก่กิจการของบรรษัทฯ โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี นั้น มีความหมายกว้าง อาจไม่สอดคล้องกับเหตุผลในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ เนื่องจากไม่ได้เจาะจงเฉพาะการจัดตั้งหรือเข้าร่วมจัดตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ความเสี่ยงของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในอนาคต และความในร่างพระราชบัญญัติฯ วรรคสอง อาจขัดแย้งกับพระราชบัญญัติหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๒ รวมทั้งการบัญญัติการใช้สิทธิของบรรษัทฯ ควรกำหนดให้มีความชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นได้ในตอนใดบ้างและบรรษัทฯ จะมีสิทธิในกระบวนการพิจารณาเพียงใด เนื่องจากบรรษัทฯ อาจเป็นคู่ความในคดีอยู่ก่อนในฐานะเป็นจำเลยรายหนึ่งซึ่งแตกต่างจากกรณีการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1994 | ร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายการต่าง ๆ เช่น งบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งงบประมาณของโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนอกเหนือจากภารกิจตามปกติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ควรมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการที่มีความรู้ความชำนาญ และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมภารกิจที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาศึกษาและทบทวนขอบเขตความรับผิดชอบและแนวการทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น สำหรับร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลัง พ.ศ. .... ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับ ติดตามการดำเนินการและการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และจากผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ ควรนำไปสู่การจัดทำบัญชีสาธารณะ (Consolidated Public Account) โดยรวม ที่มีความครอบคลุมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงด้านการคลังในระยะยาว และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการปรับตัว เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการในการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน (หน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1995 | ร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณถอนร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนร่วมกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1996 | การผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ สำหรับการจำหน่าย หนี้สูญจากการประกันภัยต่อกรณีภาวะอุทกภัยปี 2554 [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่าย หนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้] | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สำหรับการจำหน่ายหนี้สูญจากการประกันภัยต่อกรณีภาวะอุทกภัยปี ๒๕๕๔ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยสามารถจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ตามประมวลรัษฎากรได้ในส่วนของหนี้ที่ได้ดำเนินการด้อยค่าสินทรัพย์จากประกันภัยต่อครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การพิจารณาค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์จากการประกันภัยต่อกรณีภาวะอุทกภัยปี ๒๕๕๔ ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด เพื่อบรรเทาภาระให้บริษัทประกันวินาศภัยดังกล่าว ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมสรรพากรติดตามตรวจสอบการได้รับชำระค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมจากบริษัทประกันภัยต่อ ที่บริษัทประกันวินาศภัยได้รับชำระมาภายหลังจากการด้อยค่าสินทรัพย์แล้วของบริษัทประกันวินาศภัยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานและบรรเทาภาระรายได้ภาษีของรัฐที่ต้องสูญเสียจากการคืนเงินภาษีในกรณีดังกล่าว และให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยควรเพิ่มมาตรการลงโทษสำหรับกรณีที่บริษัทประกันภัยได้รับค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมจากบริษัทประกันภัยต่อภายหลัง แล้วไม่นำค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมที่ได้รับมารับรู้เป็นรายได้ทั้งจำนวนในรอบบัญชีที่ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1997 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 กรณีการยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (แผนการชำระหนี้ค่าภาษีการพนันของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กระทรวงมหาดไทย) | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ กรณีการยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (แผนการชำระหนี้ค่าภาษีการพนันของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กระทรวงมหาดไทย) ในส่วนเงินที่เหลือต้องชำระให้กระทรวงมหาดไทย จาก “สำหรับเงินส่วนที่เหลือ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการนำเงินส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายในการบริหารงานหรือดอกผล กันไว้เป็นเงินสำรองได้ไม่เกินร้อยละ ๕๐ ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗” เป็น “สำหรับเงินส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๙๕,๒๐๕,๔๖๗.๘๗ บาท ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ของสำนักงานสลากฯ เพิ่มเติม โดยให้แบ่งจ่ายชำระหนี้เป็น ๒ งวด งวดแรก ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๙๗,๖๐๒,๗๓๓.๙๔ บาท และงวดที่สอง ภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวน ๒๙๗,๖๐๒,๗๓๓.๙๓ บาท ตามลำดับ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1998 | หลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจ | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ และออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีทรัพย์สินประเภทโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นกับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงพลังงานว่า ในระหว่างที่รอกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีทรัพย์สินประเภทโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นกับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น จะยังคงขอใช้บัญชีราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่อเดือนของแต่ละโรงไฟฟ้าตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินที่คำนวณจากบัญชีราคาค่าเช่าที่ กฟผ. เสนอแล้ว ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นควรเร่งทำความเข้าใจและกำกับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งนำหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยค่ารายปีที่จะลดหย่อนให้แก่รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ นอกจากการคำนึงถึงรายได้ของท้องถิ่นและความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีทั่วไปรายอื่น ๆ แล้ว จะต้องพิจารณาความเหมาะสมและสถานะของรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผู้ถือหุ้นบางส่วนเป็นเอกชนและชาวต่างชาติด้วย เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม และสำหรับในอนาคตต่อไปหากรัฐวิสาหกิจมีความจำเป็นต้องเสนอขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดิน เห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ในท้องถิ่นนั้นร่วมกับกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจพิจารณาอย่างรอบคอบให้ได้ข้อยุติก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจมีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องขอลดหย่อนค่ารายปี โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงินหรือการดำเนินกิจการ เมื่อกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจนั้นเสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อยุติก่อน และให้กระทรวงการคลังนำผลการพิจารณาดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||||||||||||||
1999 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๒๖ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๔,๕๙๑,๐๓๒.๕๓ บาท ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข ๔ รายการ วงเงิน ๓,๗๔๐,๙๗๒.๐๐ บาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔ รายการ วงเงิน ๔,๙๒๐,๕๔๓.๐๓ บาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕ รายการ วงเงิน ๒,๐๕๖,๖๙๐.๕๐ บาท และกระทรวงคมนาคม ๑๓ รายการ วงเงิน ๑๓,๘๗๒,๘๒๗.๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2000 | โครงการจัดสร้างสวนป่า "เบญจกิติ" | กค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ตามแบบแปลนของสำนักพระราชวัง ภายในกรอบวงเงิน ๙๕๐ ล้านบาท โดยให้โรงงานยาสูบเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดสร้าง ทั้งนี้ ในการใช้จ่ายเงินแต่ละระยะ (PHASE) ของงานก่อสร้างให้เป็นไปตามที่กรมธนารักษ์และโรงงานยาสูบตกลงร่วมกัน และให้กระทรวงการคลัง (โรงงานยาสูบ) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้โรงงานยาสูบปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. อนุมัติให้โรงงานยาสูบนำค่าใช้จ่ายที่โรงงานยาสูบสนับสนุนเพิ่มเติม จำนวน ๕๓๐ ล้านบาท มาบวกกลับในการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัสประจำปีบัญชีที่มีการใช้จ่ายจริง ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
.....