ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 92 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1821 - 1840 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1821 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. .... | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท เพื่อใช้เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1822 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2559 | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยติดลบร้อยละ ๐.๐๙ ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบนโยบายการเงิน (ร้อยละ ๒.๕?๑.๕) ตามราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ กนง. ประเมินว่าไม่ได้เป็นสัญญาณของภาวะเงินฝืดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะโน้มสูงขึ้นและกลับเข้าสู่ขอบล่างของเป้าหมายตามอุปสงค์ในประเทศที่ค่อย ๆ พื้นตัว โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทย กนง. ประเมินว่าในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากฐานะทางการเงินที่มีความเข้มแข็งของธุรกิจขนาดใหญ่และสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น หนี้สินภาคครัวเรือนที่ขยายตัวเร็วกว่ารายได้ และพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า เป็นต้น ทั้งนี้ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ จะขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ๒. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับผ่อนปรนเพียงพอและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1823 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2558 (1 เมษายน 2558 - 31 มีนาคม 2559) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๘ (๑ เมษายน ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1824 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การดำเนินการเพื่อรองรับการโอนเงินจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพไปออมต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเงินหรือผลประโยชน์นั้นคำนวณจากเงินที่ลูกจ้างโอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วได้คงเงินไว้ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจนตาย ทุพพลภาพ หรืออายุไม่ต่ำกว่า ๕๕ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ไม่ว่าเป็นเงินที่รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยตรง หรือรับโอนมาจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอื่นที่เงินทอดแรกเป็นเงินที่ได้รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการสนับสนุนให้นายจ้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกจ้างมีช่องทางในการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุซึ่งจะช่วยส่งเสริมการออม เพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตภายหลังการเกษียณอายุ และช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐในการดูแลผู้สูงอายุได้ต่อไปในอนาคต ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1825 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2559 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ได้มีการจัดการอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ๒. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะค่อนข้างดี เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ดัชนีความคาดหวังในอีก ๖ เดือนข้างหน้า ประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๙ มีค่าเท่ากับ ๖๕.๔ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าเท่ากับ ๖๔.๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1826 | การบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งเสริมให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยประเภทใหม่ คือ “สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์” ให้ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจตั้งอยู่ โดยให้กู้ยืมเงินทั้งที่มีหรือไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน วงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย คิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) ไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี และเห็นชอบการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) เพื่อรับผิดชอบภารกิจด้านการแก้ไขหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางกฎหมายกับองค์กรหรือนายทุนเงินกู้นอกระบบอย่างจริงจัง การจัดทำฐานข้อมูลสำหรับป้องกันและปราบปราม การบูรณาการช่วยเหลือคุ้มครองประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตัดวงจรสาเหตุของหนี้นอกระบบ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระดับกระทรวงหรือระดับองค์กร การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชนเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาหนี้นอกระบบ การอบรมให้ความรู้และพัฒนาทักษะการบริหารจัดการทางการเงิน ตลอดจนการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงินเพื่อให้เป็นภูมิคุ้มกันสำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนในอนาคต การกำหนดหลักเกณฑ์การวัดผลการดำเนินงาน รวมถึงตัวชี้วัดในการดำเนินงานและนำแนวทางการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบฯ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เพื่อให้มีแผนปฏิบัติการรองรับและมีผู้รับผิดชอบชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ จัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางการเงิน (Financial literacy) แก่ประชาชน รวมทั้งกลไกในการขับเคลื่อน โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดให้มีการให้ความรู้ฯ แก่ประชาชนในช่องทางที่หลากหลายและเหมาะสมสำหรับประชาชนแต่ละกลุ่มอาชีพ การศึกษา หรือช่วงวัย ๓.๒ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และวางแผนการประชาสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจูงใจให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ต่อไป ๕. ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) และคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดให้ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1827 | รายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใช้ข้อมูลจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีมูลค่าการจัดหาพัสดุรวมทั้งสิ้น ๙๑,๗๐๑.๓๘ ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวเป็นข้อมูลก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ และส่วนราชการยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากสำนักงบประมาณ จึงไม่สามารถจำแนกได้ว่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวใช้เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน งบเงินอุดหนุน หรืองบรายจ่ายอื่น นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวไม่รวมรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังจะได้แจ้งผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการทุกเดือนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1828 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์" พ.ศ. .... | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท เพื่อใช้เป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1829 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๑๑๐ รายการ วงเงินรวม ๓๘๕,๗๘๗,๑๗๒.๕๔ บาท ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จให้ใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป และอนุมัติการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ที่เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยให้สัตยาบันการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรกที่ดำเนินการไปแล้ว ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๒๘,๖๐๔,๕๐๒.๐๐ บาท และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๒,๗๓๓,๓๙๐.๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติการขอยกเลิกการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๒๔ รายการ วงเงินรวม ๓๐,๗๔๐,๗๖๒.๖๘ บาท ๑.๓ อนุมัติให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้ดำเนินการดึงเงินเหลือจ่ายคืนจากหน่วยงานเจ้าของโครงการโดยตรงหลังจากวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่คณะรัฐมนตรีขยายระยะเวลาการดำเนินการและเบิกจ่ายตามข้อ ๑.๑ เพื่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะได้ดำเนินการปิดบัญชีแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อไป ๑.๔ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จากเดิม “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙” เป็น “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ” ๑.๕ อนุมัติการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โดยให้สัตยาบันการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC๑ พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกรมชลประทาน จำนวนทั้งสิ้น ๒.๑๗ ล้านบาท ๑.๖ อนุมัติการจัดสรรวงเงินสำรองจ่ายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๓๕๕,๗๔๒.๐๐ บาท ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และกระทรวงการคลังกำกับหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และเร่งรัดดำเนินการปิดโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ โดยคณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาดำเนินงานหรือการเบิกจ่ายเงินอีกต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการเบิกจ่ายเงินเกินกรอบระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีของส่วนราชการ รวมทั้งเสนอแนวทางป้องกันมิให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1830 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายไพศาล ชื่นจิตร) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล ชื่นจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1831 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อรับโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดตั้ง “บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (Islamic Bank Asset Management Ltd. : IAM)” มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมดใน IAM อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงการคลัง และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นหน่วยงานกำกับดูแล IAM โดยให้ IAM ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Financing : NPF) ในส่วนลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม รวมถึงหลักประกันของสินทรัพย์จาก ธอท. และนำไปบริหารหรือจำหน่ายเท่านั้น ตลอดจนดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการจัดตั้ง IAM การกำหนดการโอนลูกหนี้ และกำหนดคำนิยามหรือคุณสมบัติของลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่จะโอนไปยัง IAM ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ และเร่งรัดจัดตั้ง IAM โดยเร็ว โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑ ด้วย ๓. ยกเว้นให้ IAM ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไปเท่าที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้ง IAM โดยให้ IAM จัดให้มีกฎ ระเบียบ และข้อบังคับขององค์กรเอง เว้นแต่ในเรื่อง (๑) ระเบียบเรื่องการก่อหนี้ของประเทศ (๒) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ และ (๓) การให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังซึ่งเป็นข้าราชการประจำร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM เสนอกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของ IAM ต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM จัดทำแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์ แนวทางการกำกับดูแล ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน แหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการดำเนินการของ IAM และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทราบทุกเดือน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของ IAM ให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1832 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน 3 ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน ๓ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการในท้องที่) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) ในท้องที่] ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่และส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานการใช้มาตรการภาษีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ และมีความแตกต่างกันในรายละเอียดการช่วยเหลือและการสร้างแรงจูงใจภาคเอกชน รวมทั้งขอบเขตพื้นที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อมาตรการภาษีสิ้นสุดลงหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสานกับอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในการติดตามและประเมินผลการนำมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปบังคับใช้ในพื้นที่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1833 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ พึงประเมินที่ได้รับโดยเสน่หาที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬา ได้รับอันเนื่องมาจากเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬา สมัครเล่นระดับนานาชาติ) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้พึงประเมินที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หา เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นรายการกีฬาตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่อง การแบ่งระดับเกมส์การแข่งขันมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่จำนวนเกินกว่าที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒ (๒๘) แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1834 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 3 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และร่างสัญญาเงินกู้ ๑.๒ เห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามร่างสัญญาเงินกู้และ General Terms and Conditions for Japanese ODA Loans ฉบับเดือนพฤศจิกายน ปี ๒๕๕๗ ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจาก JICA สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑๖๖,๘๖๐ ล้านเยน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น และอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนที่รัฐบาลรับภาระให้แก่ รฟท. เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และลงนามในสัญญาเงินกู้กับ JICA ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวในโอกาสแรกภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และ รฟท. ดำเนินการควบคุมจัดทำระบบบัญชีเงินกู้ในส่วนที่รัฐบาล และ รฟท. รับภาระแยกออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อให้ทราบภาระต้นเงินกู้ ค่าดอกเบี้ย และภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบ และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณารูปแบบการลงทุนและการเดินรถโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่มีความเหมาะสม และในกรณีที่กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วยืนยันว่า รฟท. จำเป็นต้องเป็นผู้ลงทุนและเดินรถโครงการดังกล่าว เห็นควรให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนธุรกิจ แผนบริหารจัดการหนี้สิน และแผนการปรับโครงสร้างองค์กร รวมทั้งแนวทางการจัดเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจว่า รฟท. จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ทันทีที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1835 | มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ได้ร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำหรับงบประมาณในการดำเนินมาตรการฯ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เงินทุนธนาคารดำเนินการจ่ายแก่เกษตรกรในเบื้องต้นไปก่อน โดยรัฐบาลจะชำระคืนเงินต้นและต้นทุนเงินแก่ ธ.ก.ส. ในอัตรา FDR+1 โดยให้ ธ.ก.ส. จัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาล และให้ ธ.ก.ส. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙) ที่กำหนดให้ ธ.ก.ส. ใช้วงเงินไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของกำไร เพื่อการจัดสรรโบนัสเฉพาะปีบัญชี ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาวิธีการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำของ ธ.ก.ส. รวมทั้งคำนวณการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ธ.ก.ส. จากกำไรสุทธิและผลประกอบการจริงของ ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือต้องมีความชัดเจน การพิจารณาถึงผลกระทบที่จะมีต่อ ธ.ก.ส. จากการดำเนินมาตรการฯ และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนกรณีฉุกเฉินจำเป็น (A-Cash) โดยคำนึงถึงการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการก่อหนี้สินเกินตัว รวมทั้งการกำหนดให้ ธ.ก.ส. บันทึกธุรกรรมที่เกิดจากการดำเนินมาตรการในบัญชีธุรกรรมนโยบายภาครัฐ (Public Service Account : PSA) ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถติดตามผลของมาตรการได้อย่างเป็นระบบและมีความโปร่งใสต่อสาธารณชน นอกจากนี้ ควรมีการติดตามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ได้เกษตรกรที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้สินอยู่กับสถาบันการเงินอื่น ๆ นอกเหนือจาก ธ.ก.ส. ได้รับโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือด้านหนี้สินทางการเกษตรเช่นเดียวกับลูกค้า ธ.ก.ส. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1836 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๑ ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ โดยขออนุมัติหลักการให้จำหน่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจดทะเบียนใน ตลท. และกระทรวงการคลังถือต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ๒.๑.๑ หลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ที่ได้มาโดยนิติเหตุ ๒.๑.๒ หลักทรัพย์ที่ได้รับโอนมาจากส่วนราชการอื่นเนื่องจากหมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ ๒.๑.๓ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นในการถือครอง ได้แก่ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นต้องถือไว้เพื่อการพัฒนาประเทศ หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เอกชนสามารถดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ๒.๒ ในการจำหน่ายหลักทรัพย์ตามข้อ ๒.๑ เห็นสมควรมอบอำนาจให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการจำหน่าย ราคาที่จะจำหน่าย สัดส่วนการถือครอง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ และนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ ตามแผนของกระทรวงการคลังต่อไป ทั้งนี้ การขออนุมัติในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามข้อ ๖ ข้อ ๘/๑ และข้อ ๑๐ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐที่ได้ดำเนินการในแต่ละปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการดำเนินการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและไม่เอื้อประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียรายใดรายหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1837 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1838 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2539 เรื่อง การจัดให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เช่าที่ราชพัสดุบริเวณสนามกอล์ฟบางพระ ต่อไปเมื่อครบกำหนดสัญญาร่วมทุนกับเอกชน | กค | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ (เรื่อง การโอนหุ้นบริษัท บางพระกอล์ฟ อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด ให้กระทรวงการคลัง) โดยให้ยกเลิกเฉพาะที่อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระต่อไป เมื่อครบกำหนดสัญญาร่วมทุนกับบริษัท เจแปน กอล์ฟ โปรโมชั่นอินส์ หรือ J.G.P.J ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโอนบรรดาทรัพย์สินอาคารและรายการสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ซึ่งปลูกสร้างบนที่ราชพัสดุบริเวณสนามกอล์ฟบางพระในระหว่างสัญญาร่วมทุนและเป็นกรรมสิทธิ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไขสัญญาร่วมทุน ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงการคลังนับถัดจากวันที่สัญญาร่วมทุนสิ้นสุดลง และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการสนามกอล์ฟบางพระตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด และในการดำเนินการดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังกำหนดให้การส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่นักกีฬาสมัครเล่นและเยาวชนเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนด้วย ตามความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระเป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนในระหว่างดำเนินการหาเอกชนร่วมทุนในกิจการสนามกอล์ฟดังกล่าว แต่ต้องไม่เกิน ๑ ปี นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาร่วมทุนกับบริษัท J.G.P.I โดยให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการสนามกอล์ฟบางพระและการแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนให้แล้วเสร็จก่อนวันสิ้นสุดสัญญาดังกล่าว โดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1839 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะครบระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ จากเดิมร้อยละ ๑๐ โดยให้ยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการขยายฐานภาษีและพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีที่ดำเนินการไปแล้วกับการปรับประเภทภาษีส่วนที่ยังต้องดำเนินการต่อไปให้มีความสอดคล้องกันในการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี การสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างความเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1840 | หลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล | กค | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล ตามมติคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ลักษณะหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน (๑) ส่วนราชการ และ (๒) มูลนิธิ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ๒. ลักษณะของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน (๑) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านสาธารณสุขหรือลดความเหลื่อมล้ำด้านสังคม เช่น กลุ่มผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส เด็กและผู้สูงอายุ (๒) เป็นโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐหรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ (๓) เป็นโครงการที่ไม่มีการดำเนินงานซ้ำซ้อนกับโครงการที่เสนอขอรับเงินงบประมาณจากภาครัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่มีลักษณะเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการบริหารจัดการหรือดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทั่วไป และ (๔) เป็นโครงการที่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนการออกสลากการกุศลมาก่อน ๓. กำหนดให้มีการพิมพ์สลากการกุศลไม่เกินจำนวน งวดละ ๑๑ ล้านฉบับคู่ ๔. วงเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการต้องไม่เกินโครงการละ ๑,๐๐๐ ล้านบาท และการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ขอออกสลากการกุศลในแต่ละครั้งจะต้องมีวงเงินรวมไม่เกินครั้งละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การพิจารณาออกสลากการกุศลในครั้งต่อไป จะดำเนินการภายหลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้จ่ายเงินสนับสนุนโครงการให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติครั้งก่อนแล้วเสร็จ ๖. รายละเอียดของโครงการที่จะขอรับการสนับสนุน ๗. ให้มีการติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานของโครงการ
|
.....