ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 104 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2061 - 2080 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2061 | การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) | กค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมทุนของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอนาคต ช่วยแบ่งเบาภาระการคลังของประเทศในระยะยาว และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศผ่านกลไกของตลาดทุนได้ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า ลักษณะและขนาดของกองทุนฯ ควรให้เป็นไปตามความต้องการ (Demand) ที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างแท้จริง รวมทั้งมีแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนและมีความพร้อมในการดำเนินการเป็นสำคัญ สำหรับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งกองทุนฯ และกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นั้น ยังไม่มีรายละเอียดวงเงินและระยะเวลาที่ชัดเจน ประกอบกับเป็นกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกำหนดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดิน จึงเห็นควรที่ผู้บริหารกองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโดยไม่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ นอกจากนี้ ให้มีการกำหนดโครงสร้างและสัดส่วนของการลงทุนระหว่างการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นให้ชัดเจน รวมถึงมีการกำหนดกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำจากการลงทุน และระดับอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกองทุนฯ และการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้แก่นักลงทุน ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาในประเด็นนี้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||
2062 | โครงการของขวัญปีใหม่ 2559 ให้แก่ประชาชน | กค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีโครงการที่จะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ ๑.๑ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๑.๒ การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินและถอนเงินข้ามเขตภายในธนาคาร โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ๑.๓ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดย ธอส. ๑.๔ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดย ธ.ก.ส. ๑.๕ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดยธนาคารออมสิน และ ๑.๖ โครงการเปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ฟรี โดยกรมธนารักษ์ ๒. สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของธนาคารออมสิน ที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑๐,๐๑๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยผ่านกลไกของธนาคารออมสิน เห็นควรให้เสนอคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก่อน และให้ธนาคารออมสินขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้ทราบถึงโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นโครงการพิเศษนอกเหนือจากโครงการปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนรักษาวินัยทางการเงิน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังนำเรื่องการขอนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชนบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานของธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. รวมทั้งการนำค่าใช้จ่ายของ ธอส. ในการจัดทำโครงการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๘ เสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||
2063 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขถ้อยคำท้ายร่างมาตรา ๕ เป็น “กรรมการคัดเลือกต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ ไม่เป็นข้าราชการประจำ ...” ตามความเห็นของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2064 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เลนส์ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๑๔.๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๘๑ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๙๖.๗๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๑.๘๔ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ ผลไม้ สินค้าที่ขยายตัวเพิ่มสูงสุด ๕ กลุ่มสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ ดอกไม้ ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง และสูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย และเด็กหญิง และเนคไท ส่วนสินค้าที่มีการหดตัวสูงสุด คือ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางในการปรับลดอากรนำเข้าสินค้าในกลุ่มที่จะสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในประเทศ เช่น พลอยชนิดต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2065 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2558) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๘) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกอบด้วยเนื้อหา ๒ ส่วน ได้แก่ สรุปภาวะเศรษฐกิจ ปี ๒๕๕๘ เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๘ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน และเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๘ และสรุปการดำเนินงานของ ธปท. เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2066 | การดำเนินโครงการปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต และโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเป็นมาและขั้นตอนการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือภูเก็ตและโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต คณะทำงานประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีการประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือภูเก็ตแล้ว และคณะทำงานพิจารณากำหนดเงื่อนไขและผลประโยชน์ตอบแทนการบริหารจัดการท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีมติให้กรมธนารักษ์ประสานงานกับกรมเจ้าท่าเพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการประมูล แต่ยังขาดข้อมูลเชิงสถิติในอดีตและข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของท่าเรือ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือขอข้อมูลจากกรมเจ้าท่าแล้ว ๒. โครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา คณะทำงานประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดราคาประเมินทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างกรมธนารักษ์พิจารณากำหนดเงื่อนไขและผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อเสนอคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2067 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2068 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตรวจสอบข้อมูลโดยแบ่งการตรวจสอบเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ (๑) การตรวจสอบทางการเงินและบัญชี (Financial Auditing) (๒) การตรวจสอบการดำเนินงาน (Operation Auditing) และ (๓) การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (Compliance Auditing) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการแก้ไขตามผลการตรวจสอบของกระทรวงการคลัง และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถนำเสนอรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีให้รวดเร็วมากขึ้น และควรมีการพัฒนาระบบการทำงานและการตรวจสอบการปฏิบัติงานให้มีความรอบคอบและรัดกุมมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จนสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2069 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. ....) | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. .... ควรจะได้มีการศึกษาพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะประเด็นความไม่ชัดเจนของการดำเนินการ ความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ความซ้ำซ้อนและความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2070 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ หรือ ๑ เท่าของเงินได้ที่ได้จ่ายไประหว่างวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เข้าเงื่อนไขของมาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2071 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) โดยเป็นการกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน ๓ ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นจำนวนร้อยละ ๒๐ ของค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดในระหว่างวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้แล้วเสร็จภายในช่วงเวลาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2072 | การเข้าร่วมทุนของญี่ปุ่นในบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย-เมียนมา (Myanmar-Thailand Taskforce) เพื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒] โดยให้กระทรวงการคลัง [สำนักงานพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.)] เข้าร่วมจัดตั้งและร่วมลงทุนในบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Special Purpose Vehicle : SPV) กับหน่วยงานของญี่ปุ่นและเมียนมาในสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากัน คือ ร้อยละ ๓๓.๓๓ ภายใต้วงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จำนวนไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท สำหรับการเพิ่มทุนใน SPV ขอให้พิจารณาใช้เงินรายได้ของ SPV ที่ได้รับจากคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei special Economic Zone Management Committee : DSEZMC) เป็นลำดับแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ฉบับที่ ๒ (Shareholders Agreement II Relating to Dawei SEZ Development Company Limited) มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ให้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) สพพ. และ Foreign Economic Relations Department (FERD) ของเมียนมา ร่วมถือหุ้นใน SPV ในสัดส่วนการถือหุ้นเท่าเทียมกันคือ ร้อยละ ๓๓.๓๓ และมีจำนวนกรรมการบริหารบริษัท (Board of Directors) ฝ่ายละ ๓ คน รวมทั้งสิ้น ๙ คน และกำหนดให้จัดตั้งบริษัทลูก (Subsidiary) หรือสาขา (Branch) ของ SPV ในเมียนมา เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนโครงการทวายระยะสมบูรณ์ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. ร่วมลงนามในร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ ฉบับที่ ๒ ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน วัตถุประสงค์หลักของธุรกิจ และระยะเวลาของสัญญา รวมทั้งการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานและเงินทุนของ SPV ให้เหมาะสมกับบทบาทการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ DSEZMC และการเป็นหน่วยงานบริหารจัดการโครงการทวาย สำหรับการเพิ่มทุนใน SPV ให้พิจารณาใช้เงินรายได้ของ SPV ที่ได้รับจาก DSEZMC เป็นลำดับแรกก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2073 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (จำนวน 10 คน) (1. นายกุลิศ สมบัติศิริ ฯลฯ) | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวนรวม ๑๐ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๒. นายประภาศ คงเอียด กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายสุทธิชัย สังขมณี กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายพิพัฒน์ ขันทอ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๕. นายพิษณุ วิชิตชลชัย กรรมการ ๖. นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการ ๗. นายเจษฎา พรหมจาต กรรมการ ๘. นางสาวสมพิศ เจริญเกียรติกุล กรรมการ ๙. นางปรารถนา มงคลกุล กรรมการ ๑๐. นายชูศักดิ์ สาลี กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2074 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2558 | กค | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้
๑. รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่ได้กระทำในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และรายงานหนี้สาธารณะ ซึ่งโครงสร้างของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่คณะรัฐมนตรีด้มีมติอนุมัติและรับทราบ มีวงเงินรวม ๑,๔๖๕,๒๐๐.๔๓ ล้านบาท รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๑,๒๙๕,๕๘๔.๓๓ ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการบริหารหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ ๙๘,๓๖๓.๙๗ ล้านบาท ประหยัดดอกเบี้ยได้ ๒,๖๘๔.๓๘ ล้านบาท และมียอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ จำนวน ๕,๗๘๓,๓๒๓.๑๔ ล้านบาท ๒. รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งประกอบด้วย ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบของโครงการและความยั่งยืนของโครงการ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาคัดเลือกโครงการจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อย ๒-๕ ปี รวมทั้งมีความพร้อมของข้อมูลมาประเมิน ๒ โครงการ คือ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท และโครงการทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2075 | การประกาศกำหนดให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 | กค | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดเพิ่มเติมให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยให้ “สินค้าเกษตร หมายถึง ผลิตผลทางเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรกรรม” ซึ่งเป็นความหมายเดียวกันกับที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรให้รู้ถึงวิธีการใช้ประโยชน์จากตลาดล่วงหน้าเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจและประกันความเสี่ยงด้านราคา และให้กระทรวงการคลังติดตามประเมินผลการควบรวมตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะต่อเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2076 | ร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... | กค | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีบทบัญญัติที่รองรับระบบการชำระเงินที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบการเงินของประเทศสามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องในกรณีที่สมาชิกในระบบถูกศาลสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของสมาชิกในระบบ และมีกฎหมายเฉพาะที่กำกับดูแลระบบการชำระเงินของประเทศ เพื่อสามารถส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์กับการทำธุรกรรมใหม่ ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ ร่างมาตรา ๓ ควรกำหนดให้ชัดเจนที่จะยกเลิกกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลการประกอบธุรกิจระบบการชำระเงินและบริการการชำระเงิน ร่างมาตรา ๘ ควรกำหนดบทบัญญัติมระดับพระราชบัญญัติให้ชัดเจนเกี่ยวกับความคุ้มครองระบบการชำระเงินที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบการเงินของประเทศ ร่างมาตรา ๑๑ เพิ่มถ้อยคำว่า “...หากมีเงิน สินทรัพย์ หลักทรัพย์ หรือตราสารอื่นใดที่เป็นหลักประกัน และได้หักกลบลบหนี้กับธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว เหลือเงิน สินทรัพย์ หลักทรัพย์ หรือตราสารอื่นใดเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำส่งกองทรัพย์สินของลูกหนี้” ร่างมาตรา ๑๘ วรรคสี่ แก้ไขเป็นว่า “...ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย” เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (การประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์) เมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
2077 | รายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๓ ครั้ง โดยมีวงเงินรวม ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับการซื้อคืนเครื่องบินรุ่น A340-600 จำนวน ๖ ลำ ส่งผลให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังมียอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme จำนวน ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2078 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2557 | กค | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ทุนหมุนเวียนในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๙๕ ทุน (จากทั้งหมด ๑๑๕ ทุน) ในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย (รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน การปฏิบัติการ การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน) ดีกว่าเป้าหมายปกติ และดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๖ และคะแนนเฉลี่ย ๔ ปี (ปีบัญชี ๒๕๕๔-๒๕๕๗) เมื่อพิจารณาคะแนนรายด้าน ทุนหมุนเวียนมีคะแนนเฉลี่ยรายด้านสูงสุดในด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีคะแนนต่ำสุดในด้านการเงิน ๒. ทุนหมุนเวียนที่ไม่เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีบัญชี ๒๕๕๗ จำนวน ๒๐ ทุน ประกอบด้วย ๒.๑ ทุนหมุนเวียนที่กฎหมายเฉพาะบัญญัติให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๖ ทุน มีทุนหมุนเวียนที่มีกฎหมายเฉพาะฯ ส่งรายงานผลการประเมิน จำนวน ๓ ทุน สำหรับทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ส่งรายงานฯ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตามเร่งรัด ๒.๒ ทุนหมุนเวียนที่มีสถานะไม่พร้อมดำเนินการประเมินผล จำนวน ๑๔ ทุน ได้แก่ ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่และอยู่ระหว่างการจัดทำระเบียบข้อบังคับ จำนวน ๖ ทุน ทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการรวมทุนหมุนเวียน จำนวน ๑ ทุน ทุนหมุนเวียนที่ยังไม่มีการดำเนินงาน จำนวน ๑ ทุน และทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการยุบเลิก จำนวน ๖ ทุน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2079 | ขยายอายุการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียน แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนให้แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ออกไปอีก ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้ประเมินผลการดำเนินการเป็นรายปีให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ ทราบด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2080 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา) | กค | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....