ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 107 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2121 - 2140 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2121 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ที่ให้มีการศึกษาทบทวนเกี่ยวกับการขยายอายุของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ซึ่งกรณีการกำหนดคุณสมบัติผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียนให้มีอายุไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์ไว้ในร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... เนื่องจากประสงค์ให้การกำหนดคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวเป็นแนวทางเดียวกันกับการกำหนดคุณสมบัติกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณาเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียนฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2122 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2123 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๘) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เลนส์ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๘๗๖.๙๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๗๐ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๑๓๙.๗๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๘.๙๕ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง
|
|||||||||||||||||||||
2124 | ร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับแสตมป์สรรพสามิต จำนวน 2 ฉบับ | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับแสตมป์สรรพสามิต จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ว่าด้วยวิธีการในการใช้แสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี เพื่อให้ปรากฏว่าได้เสียภาษีแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวิธีการในการใช้แสตมป์สรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มเพื่อให้ปรากฏว่าได้เสียภาษีแล้ว ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ว่าด้วยชนิดและลักษณะแสตมป์สรรพสามิต มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและลักษณะแสตมป์สรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร |
|||||||||||||||||||||
2125 | ความคืบหน้าและการดำเนินการเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 27 มกราคม 2558 | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ การดำเนินการของคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน และการปรับเงินนำส่งรวมคงเหลือ จำนวน ๒๘,๐๘๑.๑๕ ล้านบาท ๑.๑.๑ การปรับปรุง พัฒนาทุนหมุนเวียนที่ผลประเมินการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนได้พิจารณาเห็นชอบ “แผนทบทวนและฟื้นฟูประสิทธิภาพการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ระยะเวลา ๑ ปี” แล้ว สำหรับทุนหมุนเวียนที่อยู่ในข่าย “ปรับปรุง/พัฒนา” ระยะเวลา ๓ ปี อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฯ ดังกล่าว ๑.๑.๒ การนำส่งเงินตามแผนปฏิบัติการนำเงินของทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นส่งเป็นรายได้แผ่นดินรวม ๒๘,๑๕๖.๘๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ หน่วยงานของรัฐเจ้าของทุนหมุนเวียนนำส่งเงินตามแผนปฏิบัติการฯ แล้ว ๒๖ ทุน เป็นเงินจำนวน ๑๗,๑๗๗.๑๐ ล้านบาท และมีทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้นำส่งเงินตามแผนปฏิบัติการฯ ๓ ทุน เป็นเงินจำนวน ๑๐,๙๐๔.๐๕ ล้านบาท โดยกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความชัดเจนในการใช้อำนาจตามกฎหมายของกระทรวงการคลัง ขณะที่เงินทุนหมุนเวียนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่กำหนดให้นำส่งเงินตามแผนปฏิบัติการฯ จำนวน ๑๑๕.๗๐ ล้านบาท มีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับภาระผูกพันในขั้นตอนจัดทำแผนปฏิบัติการฯ จึงปรับลดการนำส่งเงินตามแผนปฏิบัติการฯ คงเหลือ ๔๐ ล้านบาท ทำให้ยอดรวมเงินนำส่งรวมตามแผนปฏิบัติการฯ เท่ากับ ๒๘,๐๘๑.๑๕ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการปฏิรูปทุนหมุนเวียนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ ในการควบรวม ยุบเลิกและคงสถานะทุนหมุนเวียน โดยให้หน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อควบรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียนนั้น ๆ พร้อมทั้งนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ อนุมัติให้รวมทุนหมุนเวียน จำนวน ๒ ทุน และยุบเลิกทุนหมุนเวียน จำนวน ๒ ทุน ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาทุนหมุนเวียนตามข้อเสนอของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในส่วนที่เหลือให้ครบถ้วน และให้เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ และ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘) ที่ให้กระทรวงการคลังเสนอวิธีการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่อง ส่วนที่เกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต่อคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการนำเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินในส่วนที่เหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินให้ครบถ้วนโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2126 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีและขอผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก) | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายในกรอบวงเงิน ๒๒๐,๗๒๔,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๒๔,๑๑๔,๓๕๔ บาท และเงินฝากค่าใช้จ่ายเก็บภาษีท้องถิ่น ๑๐% สมทบ จำนวน ๙๖,๖๐๙,๖๔๖ บาท โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๒๖,๓๕๖,๐๐๐ บาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เห็นชอบการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๗ สำหรับรายการที่สามารถลงนามในสัญญาได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ แล้ว ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๗,๗๕๘,๓๕๔ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
2127 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)] | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเป็นการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สำหรับกำไรสุทธิตั้งแต่สามแสนบาทขึ้นไปให้เสียภาษีในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิ เป็นเวลาสองรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2128 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นการถาวร) | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นการถาวร) โดยมีหลักการสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นการถาวรจากอัตราร้อยละ ๓๐ ของกำไรสุทธิ เหลืออัตราร้อยละ ๒๐ ของกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นการถาวร ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังประเมินผลการดำเนินมาตรการลดอัตราภาษีในช่วงที่ผ่านมาทั้งการประเมินผลรายมาตรการและการประเมินผลในภาพรวม ให้ครอบคลุมทางด้านการขยายฐานภาษีการลงทุน การจ้างงาน และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้ภาครัฐและภาระหนี้สาธารณะในระยะปานกลาง และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2129 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเป็นการสนับสนุนให้มีการลงทุนของบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและทรัสต์ ให้ประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาตลาดการลงทุนในประเทศไทย และส่งเสริมให้มีการลงทุนในกิจการเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการประกอบกิจการตามประเภทอุตสาหกรรมที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กำหนด จึงได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่กิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับการลงทุนในกิจการที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการประกอบธุรกิจเพื่อสนับสนุนให้เกิดกิจการเงินร่วมลงทุนที่สามารถเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการประกอบการที่มีการสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การผลิตและการบริการที่ทันสมัย ก่อให้เกิดการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของระบบเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงการคลังและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุน ควรมีกลไกหรือกระบวนการตรวจสอบกิจการที่จะได้สิทธิให้ชัดเจน การเร่งกำหนดหลักเกณฑ์การรับรองกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุน โดยพิจารณาเพิ่มเติมธุรกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนดไว้ การประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ลงทุน บริษัทที่ประกอบการร่วมลงทุนและกิจการเป้าหมายในเรื่องของการดำเนินกิจการเงินร่วมทุน หลักเกณฑ์การรับรองกิจการฯ ที่ประกาศโดย สวทช. รวมทั้งสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กิจการร่วมลงทุนบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการตรวจสอบการใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีของผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว และมีการประเมินผลการดำเนินงานของมาตรการนี้ รวมถึงมาตรการสนับสนุนกิจการร่วมลงทุนอื่น ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2130 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการของมาตรการการเงินเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง และมาตรการการคลังเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมาตรการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้มากยิ่งขึ้น โดยการขอรับสินเชื่อที่มีเงื่อนไขพิเศษจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ กรณีการยกเว้นการให้สิทธิประโยชน์ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Loan : NPL) ของลูกหนี้รายย่อย ให้กระทรวงการคลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนเริ่มดำเนินการตามมาตรการการเงินด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุดตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓. มอบหมายให้ ธอส. ประสานงานกับผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อหาแนวทางในการลดภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมการโอนให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยตามมาตรการนี้ ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีตามหลักการของมาตรการการคลังในเรื่องนี้ เพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||
2131 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระ) | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วราภรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์ปาริชาติ วลัยเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๓. รองศาสตราจารย์นภาภรณ์ หะวานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๔. นายกิติศักดิ์ สินธุวนิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๕. นางเพชรศรี ศิรินิรันดร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๖. ศาสตราจารย์วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๗. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
|
|||||||||||||||||||||
2132 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (จำนวน 3 คน 1. นายอัญญา ขันธวิทย์ ฯลฯ) | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอัญญา ขันธวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การคลัง การบริหารหนี้สาธารณะและการงบประมาณ ๒. นางชลัยพร อมรวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การคลัง การบริหารหนี้สาธารณะและการงบประมาณ ๓. นายประสงค์ วินัยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||
2133 | รายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2557 (1 เมษายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๗ (๑ เมษายน ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สินทรัพย์รวมสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์จำนวน ๑,๔๓๑,๐๔๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๙๒,๕๑๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๙๑ โดยมีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน ๑,๐๘๙,๗๖๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๑๑๙,๑๓๓ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒๗ ๒. ในปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีกำไรสุทธิจำนวน ๑๐,๓๖๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔๔ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๔๑ โดยระหว่างปีมีรายได้รวมจำนวน ๗๔,๘๑๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๕๐๒ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๔๖ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน ๖๔,๔๔๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๒๕๘ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๖๓ ๓. อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ ๑๓.๑๕ ลดลงจากสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๖ ซึ่งมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ ๑๓.๒๒
|
|||||||||||||||||||||
2134 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Tax Invoice) | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรได้ปรับปรุงรายงานภาษีขายโดยเพิ่มเลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ และได้กำหนดให้ผู้ประกอบการทอดแรกจัดทำรายงานภาษีขายด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์โดยจัดกลุ่มผู้ประกอบการกับระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมโครงการ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2135 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๕๐ ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๕๐ ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด (จำนวนผลิตไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ เหรียญ) เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเผยแพร่ภารกิจของมหาวิทยาลัยให้เป็นที่รู้จักของประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2136 | การปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA ตามผลการหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา และให้นำร่างความตกลงฯ เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และร่างบันทึกความเข้าใจประกอบการลงนามในความตกลงฯ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ ตามข้อ ๑ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามความตกลงฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2137 | มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลบางกรณี | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลบางกรณี เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญหรือบุคคลในคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล โดยกำหนดให้เงินส่วนแบ่งของกำไรจากเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากเงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ซึ่งเป็นเงินได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมอันได้มาโดยทางมรดกหรือที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา และเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลที่มิได้มีเจตนาเข้าร่วมกันเพื่อประกอบกิจการให้มีความชัดเจน เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในการกำหนดผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนผู้ได้รับประโยชน์ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งกำหนดเพดานการยกเว้นภาษีเพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสในการจัดหารายได้ของรัฐบาล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมในการอำนวยความสะดวกด้านภาษีให้แก่นักลงทุน เช่น การลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษี การลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และการให้บริการรับชำระภาษีแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop service) เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
2138 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง ในลักษณะการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่สมาชิกของ กอช. จ่ายเป็นเงินสะสมเข้า กอช. ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะทำนองเดียวกันแล้วต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด ๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกของ กอช. หรือบุคคลซึ่งสมาชิกของ กอช. ได้แสดงเจตนาไว้แก่ กอช. หรือทายาทของสมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สมาชิกของ กอช. สิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือมีกฎหมายกำหนดให้การสิ้นสมาชิกภาพเพราะเหตุอื่นถือว่าเป็นการสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือสิ้นสมาชิกภาพเพราะตาย ๑.๓ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่ทุพพลภาพก่อนอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อ ๑.๑-๑.๓ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ๑.๔ ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการของ กอช. ๑.๕ ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารของ กอช. สำหรับผลประโยชน์ของเงินสะสมที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน เห็นควรให้รวมคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับการลาออกจากกองทุนอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เนื่องจาก กอช. ได้เริ่มรับสมาชิกในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยรับโอนสมาชิกส่วนหนึ่งจากกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้น โดยข้อเท็จจริงจึงไม่มีสมาชิกที่อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๘ แต่อย่างใด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2139 | ทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมีหลักการในการจ่ายเงินปันผลในส่วนของกระทรวงการคลัง จากเดิมกำหนดให้จ่ายโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ธ.ก.ส. เป็น การจ่ายปันผลในลักษณะเงินนำส่งคลังเช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในอนาคต หาก ธ.ก.ส. มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน กระทรวงการคลังควรกำหนดให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการและกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการควบคู่กับการจัดทำรายงานวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) เช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น เพื่อพิจารณาผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) และใช้ประกอบการขอรับการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2140 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๙ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถนำแหล่งเงินจากกำไรสุทธิ ร้อยละ ๙๐ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำส่งรัฐ และสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราโดยไม่ต้องเข้าบัญชีสำรองพิเศษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗ ของพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ เข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อให้สามารถชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....