ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 109 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2161 - 2180 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2161 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 | กค | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย ๓ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๕๙๑,๖๖๔.๖๓ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๖๓,๙๒๖.๘๘ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน ๙๐๔,๖๒๓.๒๑ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง วงเงิน ๑๒๓,๑๑๔.๕๔ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๐๔,๘๒๓.๙๘ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๓๑,๖๘๑.๖๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศสำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของกรมทางหลวง จำนวน ๒ สายทาง ได้แก่ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในวงเงิน ๒๑,๗๓๖ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้ต่างประเทศได้ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่ปีงบประมาณ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินกู้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และหากมีการปรับเปลี่ยนแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ให้พิจารณาโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้จริง และนำผลการเบิกจ่ายเงินที่ผ่านมาประกอบการปรับแผนฯ เพื่อไม่ให้วงเงินกู้มีจำนวนมากเกินความจำเป็น รวมทั้งในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี ควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้ พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการเสนอปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งต่อไป มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสังเกตให้มีการร่วมลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อเป็นการลดภาระหนี้ของภาครัฐในระยะยาว เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี นครราชสีมา ของกรมทางหลวง เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาทบทวนการจัดทำประมาณการหนี้สาธารณะและสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ในระยะ ๕ ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบแนวโน้มของหนี้ในอนาคต |
|||||||||||||||||||||
2162 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 3 | กค | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๑๓๒,๓๖๕.๘๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๙๗,๕๖๖.๓๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๖๕,๒๐๐.๔๓ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ มีการปรับลดวงเงินลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าของการดำเนินงาน จึงควรมีการติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานสามารถกู้เงินให้สอดคล้องเป็นไปตามแผนการดำเนินงานและระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและส่งผลต่อการขยายตัวโดยรวมของระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2163 | มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ | กค | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้าน และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการ เป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๒,๔๗๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีต่อ ๆ ไป ตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินมาตรการ เป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๓๖,๒๗๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และ/หรือ ๒๕๕๙ และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล โดยให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการต่าง ๆ เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเวลา ๒ สัปดาห์ หลังจากวันที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการ ทั้งนี้ ให้เปิดเผยข้อมูลโครงการต่อประชาชนและรายงานการประเมินโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๑.๒.๒ ให้สำนักงบประมาณเป็นผู้จัดหางบประมาณ พร้อมทั้งติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนงานการปฏิบัติงานและเบิกจ่ายงบประมาณ และเสนอรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบความคืบหน้าทุกเดือน ๑.๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินมาตรการเป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำระบบการตรวจสอบ ติดตามและรายงานผลการเบิกจ่ายให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน รวมทั้งรายงานผลสำเร็จของโครงการต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๑.๔ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้นำแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการจัดหาพัสดุก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับ ตามหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุที่ กค (กวพ) ๐๔๒๑.๓/ว๒๕๕ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงาน) มาใช้ประกอบการจัดทำโครงการตามมาตรการดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้ในระยะยาว เพื่อป้องกันปัญหาการขาดศักยภาพในการชำระหนี้ในอนาคต และป้องกันปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายหลังสิ้นสุดมาตรการ รวมทั้งควรมีความเข้มงวดในการพิจารณา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๑๐๐๙/๑๘๓๙๓ ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ หน้า ๓ ข้อ ๓.๑.๒ (๒.๒) จากเดิม “ให้หมู่บ้านหรือชุมชนจัดทำโครงการตามข้อ (๒.๑) เสนอต่อคณะกรรมการตำบลรวบรวมและรับรองโครงการเสนอต่อนายอำเภอ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด...” เป็น “ให้คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) หรือกรรมการชุมชนจัดทำโครงการ ตามข้อ (๒.๑) เสนอต่อคณะกรรมการระดับอำเภอรวบรวมเสนอต่อคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาอนุมัติ...” ๔. ในส่วนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่อยู่ในขั้นตอนของการเพิ่มทุน จำนวน ๑๘,๕๖๖ กองทุน นั้น ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกันว่า กฎ ระเบียบ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีกลไกในการคัดกรองและติดตามให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ มีความคุ้มค่า และโปร่งใสหรือไม่ โดยหากยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎ ระเบียบ ที่มีอยู่ปัจจุบัน ก็ให้เสนอมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้ดำเนินการได้ต่อไป ๕. ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินโครงการที่เป็นการส่งเสริมกิจการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการดำเนินโครงการด้วยวิธีการจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ |
|||||||||||||||||||||
2164 | การลงนามในร่างหนังสือแสดงความเข้าใจการจัดตั้งโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค | กค | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงความเข้าใจการจัดตั้งโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค (Statement of Understanding on the Establishment of the Asia Region Funds Passport : SOU) มีสาระสำคัญคือ รับรองแนวทางเบื้องต้นและข้อตกลงพื้นฐาน (Initial Guiding Principles and Basic Arrangements) ของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดน (APEC Asia Region Funds Passport : ARFP) รับทราบถึงข้อดีของการเข้าร่วมโครงการ ARFP และความพยายามลดข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น เรื่องภาระภาษีและการควบคุมบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย เป็นต้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้เขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่สนใจเข้าร่วมในโครงการ ARFP ได้ในอนาคต ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือความเข้าใจดังกล่าว และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างหนังสือแสดงความเข้าใจดังกล่าวในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ หรือไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. เนื่องจากหนังสือแสดงความเข้าใจการจัดตั้งโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปคไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงความเข้าใจดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
2165 | การเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดวงเงินในการจัดหาพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จากเดิมเป็นดังนี้ ๑.๑.๑ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๒ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๓ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๔ การซื้อโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใดตามที่กำหนดในระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒๓ ๑.๑.๕ การจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใดตามที่กำหนดในระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒๔ ๑.๒ การจัดหาพัสดุครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเดิมกำหนดให้ส่วนราชการต้องดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ให้ส่วนราชการดังกล่าวดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีประกวดราคาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับการจัดหาพัสดุครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ส่วนราชการดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) หรือด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) แล้วแต่กรณี ๑.๓ แนวทางการปฏิบัติในข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ให้เริ่มถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สำหรับกระบวนการจัดหาพัสดุที่ได้ดำเนินการก่อนวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ และยังไม่แล้วเสร็จ ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการเดิมต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินโครงการลงทุนที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ได้ตามขั้นตอนปกติ เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การรายงานรายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) กำหนดให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อติดตามการดำเนินโครงการเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการตรวจสอบก่อนอนุมัติหรือเห็นชอบให้ดำเนินโครงการแต่อย่างใด
|
|||||||||||||||||||||
2166 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายสมชัย สัจจพงษ์) | กค | 25/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย สัจจพงษ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกุลิศ สมบัติศิริ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ๓. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
|
|||||||||||||||||||||
2167 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายกุลิศ สมบัติศิริ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ) | กค | 25/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย สัจจพงษ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกุลิศ สมบัติศิริ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ๓. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
|
|||||||||||||||||||||
2168 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2169 | การเข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของประเทศไทยในธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามในร่างความตกลงในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในทางนโยบายของประเทศไทยที่จะเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ โดยมิใช่ขั้นตอนการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อเสนอเกี่ยวกับวงเงินลงทุนในการจัดตั้ง AIIB ในส่วนของไทย ให้มีความเหมาะสมได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการเสนอขอความเห็นชอบต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการให้สัตยาบันความตกลงฯ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินลงทุนในการจัดตั้ง AIIB ในส่วนของไทยแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพร้อมกับความตกลงฯ ที่ลงนามแล้วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2170 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายชูชัย อุดมโภชน์) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชูชัย อุดมโภชน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
2171 | ขอทบทวนแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย เงินยืมจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุนฯ) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท และเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๖๕,๗๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. สำหรับแนวทางการชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ยืมเงินจากกองทุนฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อนำไปชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนและสำนักงาน กสทช. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
2172 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษา กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยขยายระยะเวลาตามมาตรการต่อไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคเพื่อการกีฬาบางกรณี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลมาตรการทางภาษีต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อจะได้มีการทบทวนมาตรการให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และมิก่อให้เกิดการเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
2173 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรปรับแก้ข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เพื่อให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถได้รับสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนจากรายจ่ายอย่างอื่นได้ ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อสิ้นสุดการสนับสนุนในปี ๒๕๖๒ ควรจัดให้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดจากการสนับสนุน เพื่อปรับแนวทางการสนับสนุนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเป้าหมายของการพัฒนาประเทศในขณะนั้นต่อไป รวมทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับรู้อย่างทั่วถึง ตลอดจนมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การเพิ่มการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในเรื่องนี้จะมีผลทำให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปเพื่อการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปถือเป็นรายจ่ายได้เพิ่มขึ้น ทำให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง ดังนั้น กระทรวงการคลังควรมีกลไกรองรับในกรณีที่รายได้ของรัฐลดลงในส่วนนี้ด้วย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควรมีกลไกที่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลด้าน ๘ “การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม” ด้วย |
|||||||||||||||||||||
2174 | ขยายพื้นที่เป้าหมายและวงเงินในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายพื้นที่เป้าหมายเพิ่มเติม จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ไร่ และวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๘ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินโครงการให้เกิดความต่อเนื่องและสามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในเรื่องการทำประกันภัย ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR)+๑% ในปีงบประมาณถัดไป ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกรผู้เอาประกันภัยข้าวเพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) เพื่อมิให้เกิดปัญหาความล่าช้าเวลาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ในปีต่อ ๆ ไป ควรปรับปรุง พัฒนารูปแบบ และวิธีการทำประกันภัยข้าว โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยทั้งในส่วนของเกษตรกรและการอุดหนุนของภาครัฐ รวมทั้งการกำหนดอัตราสินไหมทดแทนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และขยายผลไปสู่พืชชนิดอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโครงการประกันภัยพืชผลเป็นเครื่องมือในการดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้สอดคล้องกับศักยภาพการผลิต (Zoning) โดยภาครัฐควรพิจารณาทบทวนการจ่ายเงินสมทบในการทำประกันภัยแก่เกษตรกรที่ปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชนั้น ๆ เพื่อจูงใจให้เกษตรกรปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ การปรับปรุงระบบการเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2175 | การสนับสนุนมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานแนวทางดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งกับหน่วยงานของรัฐเจ้าของทุนหมุนเวียน จำนวน ๑๕ กองทุน สรุปได้ ดังนี้
๑. ขยายเวลาการชำระหนี้ และ/หรืองดการจัดเก็บดอกเบี้ย/ค่าปรับ ซึ่งมีทุนหมุนเวียนที่สามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ของทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จำนวน ๑๐ กองทุน ๒. พัฒนาแหล่งน้ำเดิมและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม โดยการขุดเจาะบ่อบาดาล ลอกคูคลอง ขุดลอกทางน้ำชลประทาน โดยใช้แรงงานที่เป็นเกษตรกรในท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งและไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามฤดูกาล มีทุนหมุนเวียนเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จำนวน ๒ กองทุน ๓. สนับสนุนแหล่งเงิน และ/หรือปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร โดยการลดดอกเบี้ยและต้นทุนปัจจัยการผลิตมีทุนหมุนเวียนที่สามารถดำเนินมาตรการในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนปัญหาภัยแล้ง จำนวน ๖ กองทุน ทั้งนี้ มี ๓ กองทุน (กองทุนพัฒนาสหกรณ์ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร) ที่สามารถกำหนดช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งได้ทั้งข้อ ๑ และ ๓
|
|||||||||||||||||||||
2176 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กรมสรรพากร พ.ศ. .... | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กรมสรรพากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาหนึ่งร้อยบาท หนึ่งชนิด เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเผยแพร่ภารกิจของกรมสรรพากรให้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2177 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (การกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดนบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน) | กค | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (การกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดนบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน) โดยกรมศุลกากรได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบประเด็นปัญหา/อุปสรรคจากการดำเนินงาน รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดนบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังนี้ ๑.๑ ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อปรับปรุงระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS) ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั่วประเทศได้โดยเร็ว และพิจารณาหาแนวทางลดขั้นตอนการบันทึกข้อมูลที่ด่านพรมแดนเพื่อให้การปฏิบัติพิธีการตรวจคนเข้าเมืองรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๑.๒ แยกช่องทางการให้บริการของผู้เดินทางออกจากสินค้าโดยชัดเจนเพื่อลดความแออัดและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบควบคุม รวมถึงการนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการตรวจปล่อยคนโดยสารและสินค้า เช่น x-ray e-Lock ระบบยานพาหนะผ่านแดน เป็นต้น ๑.๓ บริหารจัดการพื้นที่และสถานที่ปฏิบัติงานให้เพียงพอสำหรับรองรับปริมาณยานพาหนะและผู้เดินทางเข้า-ออกพรมแดน โดยอาจจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งก่อนถึงด่านพรมแดนสำหรับใช้ตรวจสอบสินค้า และให้มีพื้นที่ควบคุมใกล้ด่านพรมแดนอีกหนึ่งจุดสำหรับจอดพักรอการข้ามแดนเพื่อช่วยลดความแออัดบริเวณหน้าด่านพรมแดน และรองรับการปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (Common Control Area : CCA) ในอนาคต ๑.๔ ปรับปรุงเส้นทางการสัญจรให้เพียงพอต่อปริมาณยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก และรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต โดยคำนึงถึงเส้นทางการจราจรที่แตกต่างกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๕ ปรับกระบวนงานที่ด่านพรมแดนทั้งระบบให้มีความกระชับรัดกุมและเป็นเอกภาพมากขึ้น โดยเน้นการบูรณาการทุกหน่วยงาน ณ ด่านพรมแดน เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อนและปัญหาการจราจรคับคั่ง ๑.๖ ขยายเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหม้อ อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย ให้เร็วขึ้นจากเดิม ๐๘.๐๐ น. เป็น ๐๖.๐๐ น. เพื่อให้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น ๒. ให้กระทวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ด่านพรมแดนแต่ละแห่งเพิ่มระบบตรวจสอบประชาชนกลุ่มเสี่ยงและระบบคัดกรองผู้ป่วยโรคอุบัติใหม่ และควรมีการติดตามเร่งรัดเรื่องการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนโดยการตรวจปล่อย ณ จุดเดียวของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการขยายเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ควรมีการรับฟังข้อคิดเห็นของจังหวัดหนองคาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณจุดผ่อนปรนการค้า และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อพิจารณาความพร้อมในการปฏิบัติงานและผลกระทบด้านความมั่นคง หากขยายเวลาการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2178 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) (กองทุนฯ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๘า เพิ่มเติม จำนวน ๑๒,๔๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
2179 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวิสุทธิ์ จันมณี และ นางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ) | กค | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวิสุทธิ์ จันมณี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒. นางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
2180 | การพบปะนักลงทุนกลุ่มสมาชิก Asia House | กค | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานผลการพบปะนักลงทุนกลุ่มสมาชิก Asia House ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยให้กับนักลงทุนต่างชาติ (Roadshow) โดยในช่วงแรกเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดานักลงทุนรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนใจลงทุนในประเทศไทย ช่วงต่อมาเป็นการปาฐกถาเกี่ยวกับปัญหาการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง Roadmap ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมรับฟังมีคำถามในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความชัดเจนของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ การอยู่ในอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ การเปิดโอกาสทางธุรกิจให้นักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมลงทุนกับรัฐบาล (Public Private Partnership : PPP) นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานความร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางในการชักชวนนักลงทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มจะย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ให้มาลงทุนในประเทศไทยด้วย
|
.....