ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 106 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2101 - 2120 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2101 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีผู้ประกอบการทั่วไป ให้หักรายจ่ายเป็นจำนวน ๒ เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุนหรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ๑.๒ กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ๑.๒.๑ กรณีโครงการที่ได้มีการลงทุนไปแล้ว หากผู้ประกอบการประสงค์จะขอใช้สิทธิตามข้อ ๑.๑ ผู้ประกอบการรายนั้นจะต้องมีการลงทุนในโครงการใหม่แยกต่างหากจากโครงการเดิมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ ๑.๑ ๑.๒.๒ กรณีโครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน แต่ยังไม่มีการลงทุน และสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ประกอบการสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการดังกล่าว หรือเลือกใช้สิทธิตามข้อ ๑.๑ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ในการเข้าใช้สิทธิตามมาตรการดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพื่อให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ ๓.๑ ดำเนินมาตรการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับนักลงทุนในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ๓.๒ พิจารณาแนวทางหรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อชดเชยหรือเพิ่มเติมรายได้ภาครัฐที่สูญเสียไป ๓.๓ ให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศให้ภาคเอกชนไทยทราบอย่างชัดเจนและทั่วถึง ตลอดจนอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการและรวบรวมผลกระทบจากการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่มีผลต่อรายได้ภาครัฐให้ทันต่อสภาวการณ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2102 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (จำนวน 3 คน 1. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ฯลฯ) | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๓ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายชวลิต ชูขจร ๒. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ แทนนายโอภาส กลั่นบุศย์ ๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง แทนนายมนัส แจ่มเวหา
|
||||||||||||||||||
2103 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล และนายบรรยง วิเศษมงคลชัย) | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ แทนนายเกริก วณิกกุล ๒. นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการอื่น แทนนางโชติกา สวนานนท์
|
||||||||||||||||||
2104 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (จำนวน 3 คน 1. นายมนัส แจ่มเวหา ฯลฯ) | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นได้ขอลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) แทนนายนริศ ชัยสูตร ๒. นายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการอื่น แทนนายอภิชัย บุญธีรวร ๓. นายกำธร ตติยกวี กรรมการอื่นเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||
2105 | มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในการกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรา ๑๘ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการ ประกอบด้วย การจัดเตรียมโครงการ การเสนอโครงการ การคัดเลือกเอกชน และการคัดเลือกโครงการและกลไกการควบคุมมาตรการ PPP Fast Track และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมในการจัดทำการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุน หน่วยงานดังกล่าวไม่ควรมีที่มาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกตามนัยมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ และเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คำปรึกษาและข้อแนะนำกับหน่วยงานเจ้าของโครงการในการจัดเตรียมข้อเสนอโครงการและข้อมูลอื่นที่หน่วยงานเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ประกอบการวิเคราะห์โครงการ และกรณีที่ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รับข้อเสนอโครงการแล้ว ควรจัดประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการในประเด็นความครบถ้วนของข้อมูลร่วมกับหน่วยงานเจ้าของโครงการและกระทรวงเจ้าสังกัด รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถนำเสนอคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พิจารณาได้ทันทีหลังจากคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเห็นชอบในหลักการของโครงการ หรือคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการแล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง เพื่อขอบรรจุไว้ในแผนการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ต่อไป |
||||||||||||||||||
2106 | การกำหนดอัตราค่าเช่า และค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าเช่า และค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จังหวัดสงขลา ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๔๐,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ จังหวัดตาก ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๓๖,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ จังหวัดสระแก้ว ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๓๒,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๒๒๕,๐๐๐ บาท ๑.๔ จังหวัดตราด ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๒๔,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๑๖๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ จังหวัดมุกดาหาร ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๒๔,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๑๖๐,๐๐๐ บาท ๑.๖ จังหวัดหนองคาย ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปีแรก) (ปรับ ๑๕% ทุก ๕ ปี) ๒๔,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า/ไร่/๕๐ ปี ๑๖๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการจัดการพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่อไป
|
||||||||||||||||||
2107 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ [ร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการโอนทรัพย์สินจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และยกเว้นภาษีเงินได้ของผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นใบทรัสต์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดอันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนตัวทรัสตีเป็นการถาวร |
||||||||||||||||||
2108 | รายงานผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนใหม่ จำนวน ๒ ทุน ได้แก่ กองทุนเพื่อการศึกษา และกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยไม่ควรกำหนดให้รัฐบาลต้องพึงจัดสรรเงินอุดหนุนรายปีให้แก่สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพโดยตรง และควรกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาในการดำเนินงานกองทุนฯ ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพให้ชัดเจน รวมทั้งแสดงรายละเอียดที่มาของการประมาณการรายรับ-รายจ่าย และกำหนดเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในและระยะเวลาในการจัดทำงบการเงินส่งผู้สอบบัญชี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกองทุนเพื่อการศึกษาและกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไปพิจารณาปรับปรุงและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับทุนหมุนเวียนที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนนั้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาทุนหมุนเวียนตามข้อเสนอของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในส่วนที่เหลือให้ครบถ้วน และเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงการคลังเสนอวิธีการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต่อคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการนำเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินในส่วนที่เหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินให้ครบถ้วนโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
2109 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ขององค์การขนส่ง มวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๘๒๙.๒๘๖ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๒,๔๖๙.๕๔๒ ล้านบาท ๒. ให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๑๗๖.๑๕๘ ล้านบาท และ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๗๗๔.๙๔๖ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ ขสมก. ปรับปรุงการให้บริการตามผลการสำรวจความพึงพอใจ เช่น ลดความเร็วในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด และนำผลการศึกษาต้นทุนต่อกิโลเมตรที่ทำการศึกษาโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาประกอบการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ และให้ รฟท. เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะด้านความสะอาด ความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา การเร่งรัดการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนการลงทุน การจัดทำแนวทางการปรับปรุงผลการดำเนินงานการให้บริการสาธารณะสำหรับตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ค่าเป้าหมาย รวมทั้งการศึกษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในการให้บริการของรถไฟที่มีประสิทธิภาพเพื่อประกอบการพิจารณาข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
2110 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. ๒๕๕๑ กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกองทุนโบราณคดี ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ สามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ๒. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. ๒๕๕๑ กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกองทุนโบราณคดี ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ สามารถนำมูลค่าของเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและรายจ่ายในการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของราชการหรือของเอกชนที่เปิดให้ใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร |
||||||||||||||||||
2111 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิเป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทบางกรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรมีการประเมินและรายงานผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2112 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต) | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต) มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้สมาชิกสามารถนำข้อมูลของลูกค้าตนที่ได้จากบริษัทข้อมูลเครดิตไปใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตเพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์สินเชื่อ การออกบัตรเครดิต และการบริหารความเสี่ยงในกิจการของสมาชิก เพื่อแก้ไขบทบัญญัติในส่วนที่สันนิษฐานให้กรรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคล ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษทางอาญาร่วมกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำหรือเจตนาประการใดอันเกี่ยวกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้สมาชิกสามารถนำข้อมูลของลูกค้าตนที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตตามมาตรา ๒๐ ไปใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตได้ โดยได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนนั้น ควรมีกระบวนการตรวจสอบการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตซึ่งสมาชิกได้ดำเนินการไปแล้วด้วย เพื่อป้องกันมิให้สมาชิกนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้เกินกว่าหรือนอกขอบแห่งวัตถุประสงค์ รวมทั้งการนำข้อมูลมาใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตนั้น สถาบันการเงินควรมีความระมัดระวังในการรักษาความลับของข้อมูลลูกค้าอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2113 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2558/59 เฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายละเอียดการดำเนินโครงการและงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้มีกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑,๘๖๐.๕๗ ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ดังนี้
๑. โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงิน ๙๗๕.๕๗ ล้านบาท ๒. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๒๓๖.๖๗ ล้านบาท (ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการจาก MLR เป็น MLR-1 รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ โดยปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ ๕) ๓. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๖๔๘.๓๓ ล้านบาท (ปรับลดระยะเวลาให้สอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินโครงการไม่เกิน ๑๐ เดือน) |
||||||||||||||||||
2114 | การดำเนินการตามขั้นแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการปรับสายการเดินรถโดยสารประจำทางใหม่ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ใน ๖ ด้าน ดังนี้
๑. ลดต้นทุนเชื้อเพลิง โดยการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง ๒,๒๐๐ ล้านบาทต่อปี รวมทั้งเพิ่มความสะดวกในการบริการด้วยการติดตั้ง WIFI ระบบ 3G ให้แก่ผู้โดยสารได้ใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ๒. ลดค่าใช้จ่ายในการเช่าอู่จอดรถของเอกชน โดยการจัดหาพื้นที่ของราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อทำเป็นอู่จอดรถโดยสาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ปีละประมาณ ๖๐ ล้านบาท ๓. นำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ E-ticket มาใช้เก็บค่าโดยสารแทนการใช้พนักงานเก็บค่าโดยสาร และมีแผนการดูแลพนักงานเก็บค่าโดยสารด้วยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดตามความสมัครใจ ซึ่งคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้มากถึงปีละ ๑,๓๐๐ ล้านบาท ๔. ปรับปรุงเส้นทางเดินรถให้มีความทับซ้อนน้อยลง จากเดิม ๒๑๐ เส้นทาง ลดเหลือ ๑๗๒ เส้นทาง ๕. เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยการนำระบบ GPS มาใช้ในการบริหารจัดการการเดินรถเพื่อควบคุมความเร็วของคนขับรถโดยสาร สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถโดยสารได้แบบ Real Time ๖. เพิ่มรายได้จากการบริหารพื้นที่ในอู่จอดรถที่มีอยู่ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ อู่บางเขนและอู่มีนบุรีปรับปรุงให้เป็นอาคารสรรพสินค้า อู่สวนสยามปรับปรุงให้เป็นศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรและอาคารพาณิชย์ และอู่แสมดำปรับปรุงให้เป็นโกดังเก็บสินค้าให้เช่า คาดว่าจะสร้างรายได้ ๑๐๙ ล้านบาทต่อปี
|
||||||||||||||||||
2115 | การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ | กค | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) โดยยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากการบริหารเงินทั้งหมดของ IHQ โดยปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง IHQ ในส่วนการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ IHQ ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ จากการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของ IHQ จากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน เป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของ IHQ จากการบริหารเงินโดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้สามารถใช้ฐานเงินดอลลาร์สหรัฐในการคิดภาษีของ IHQ เพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติมีการจัดตั้ง IHQ รวมถึงมีการทำธุรกรรมทางการเงินในไทยโดยรวมมากขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
2116 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2558 | กค | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ และมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานของรัฐจัดทำโครงการที่อยู่ในกิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเท่านั้น และสำหรับโครงการที่อยู่ในกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) ตามแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก ๓. ในการให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ กำหนดให้เอกชนลงทุนในโครงการในสัดส่วนที่มากขึ้น และหากโครงการมีผลตอบแทนทางการเงินต่ำและไม่จูงใจให้เอกชนเข้ามารับผิดชอบการลงทุนของโครงการทั้งหมด ให้พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่เอกชน รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐศึกษาและเสนอรูปแบบการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมให้แก่เอกชน ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินลงทุนควรพิจารณาให้มีความเสี่ยงและภาระผูกพันในระยะยาวของรัฐอยู่ในระดับต่ำสุด ๔. กรณีโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อประกอบการพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดลักษณะของรายงานดังกล่าวเป็นแบบเบื้องต้นที่สามารถเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการออกแบบได้ รวมทั้งกำหนดระยะเวลาการพิจารณาให้กระชับและชัดเจนมากขึ้น ๕. มอบหมายให้กระทรวงการคลังปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินโครงการร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ต้องใช้ที่ราชพัสดุ สำหรับโครงการที่เป็นกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน โดยไม่ต้องส่งคืนที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และสามารถทำความตกลงร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนำส่งรายได้จากโครงการเป็นรายได้แผ่นดิน ๖. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้านของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ๗. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS-5 มาตรการสนับสนุน SMEs ผ่านการร่วมลงทุน มาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
|
||||||||||||||||||
2117 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และนางณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์) | กค | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย) ในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน ๒ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการ ๒. นางณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||
2118 | สรุปผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2558 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้ว่าการของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA Group) มีประเด็นหารือเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอนาคต ซึ่งได้มีการหยิบยกประเทศไทยขึ้นเป็นกรณีศึกษา โดยประเทศไทยมีจำนวนประชากรวัยทำงานอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่อาจเป็นภาระทางการคลังในอนาคต ๒. การเสวนาโต๊ะกลมระหว่างกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศอาเซียน มีประเด็นหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและประเทศกำลังพัฒนา และการเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีต่ออาเซียน ๓. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๘ ๓.๑ กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีการปรับลดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้จากร้อยละ ๓.๓ เหลือร้อยละ ๓.๑ เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้ คาดว่าในปี ๒๐๑๖ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา โดยจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ๓.๒ ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย (๑) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน (๒) ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ (๓) ข้อจำกัดทางการคลัง และ (๔) ความผันผวนในตลาดการเงินโลกจากแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ๓.๓ เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบจาก (๑) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยประเมินว่าหากเศรษฐกิจจีนลดลงร้อยละ ๑ จะทำให้เศรษฐกิจอาเซียนลดลงร้อยละ ๐.๓ และ (๒) ความเสี่ยงจากหนี้ภาคเอกชนอันเนื่องมาจากการกู้ยืมมากเกินไปในอดีต (Excess Corporate Borrowing) ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้พบหารือทวิภาคีกับคู่เจรจา ได้แก่ (๑) ประธานธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) (๒) รองประธานธนาคารโลก และ (๓) รองประธานองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) โดยได้มีการหารือถึงประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน
|
||||||||||||||||||
2119 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ฯลฯ) | กค | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๒. นายจุมพล ริมสาคร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||
2120 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2558 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย แผนงานประจำในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ และสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....