ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 58 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1141 - 1160 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1141 | แผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0 - 6 ปี) พ.ศ. 2551- 2553 | พม | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบหลักการแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก คือ แผนงานที่ 1 การเตรียมความ พร้อมสังคมไทยเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) กลุ่มเป้าหมายที่ต้องเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยคู่สมรส ใหม่ พ่อ แม่ ครอบครัว ญาติ พี่เลี้ยงเด็กที่อยู่บ้าน ชุมชน กลุ่มแกนนำ อาสาสมัคร องค์กรพัฒนาเด็กในชุมชน และประชาชนทั่วไป แผนงานที่ 2 การพัฒนาผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ที่ปฏิบัติงานที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และ อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในชุมชน และแผนงานที่ 3 การจัดสภาพแวดล้อม สื่อ กระบวนการในการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กเห็นความสำคัญของการจัดสภาพแวดล้อม สื่อ และกระบวนการในการพัฒนาเด็ก ทั้งนี้ ให้ปรับชื่อแผนแม่บทดังกล่าว เป็นแผนปฏิบัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 และให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรมีการบูรณา การแผนในทุกมิติไม่ใช่เฉพาะภาครัฐเท่านั้น แต่ควรให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะการนำผู้มีประสบ การณ์ เช่น ผู้สูงอายุ มาร่วมดำเนินการ และเพิ่มเติมเด็กพิการ เด็กด้อยโอกาส และเด็กถูกทอดทิ้งในแผนดังกล่าว ด้วย และในการกำหนดช่วงอายุในความหมายของคำว่า "เด็กปฐมวัย" ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังไม่เหมือนกัน จึงเห็นควรให้หน่วยงานทั้งสองรับไปหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ ว่าจะสมควรกำหนดช่วงอายุของเด็กปฐมวัยเป็น 0-5 ปี หรือ 0-6 ปี จึงจะเหมาะสมตามหลักสากล และควรเป็น ความหมายที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจง่ายด้วย รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย และเนื่องจากการพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องสำคัญและเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ต่าง ๆ หลายกระทรวง และแต่ละกระทรวงก็จะพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงาน ฯ ดังนั้น เพื่อให้มีการบูรณาการ แผนปฏิบัติการต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทภายใต้นโยบายและยุทธ ศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-5 ปี) ระยะยาว พ.ศ. 2550-2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะทำให้การ ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงควรมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมเป็น ฝ่ายเลขานุการ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป โดยอาจพิจารณา ออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1142 | โครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานในระดับตำบล | กษ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานใน
ระดับตำบล โดยให้จัดจ้างพนักงานราชการภายในกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548- 2551 ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วจำนวน 470 อัตรา ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามที่ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ในการจัดพนักงานราชการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์พิจารณา โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นลำดับต้นด้วย สำหรับในส่วนของการ ขอกรอบอัตราใหม่นอกเหนือจากกรอบอัตราที่ได้รับอนุมัติจำนวน 470 อัตรานั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) รับไปหารือกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ กำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินภารกิจให้มีความชัดเจนและไม่มีความซ้ำซ้อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาทบทวนภารกิจและการจัดอัตรากำลังบุคลากร ทั้งหมดของกระทรวงในส่วนภูมิภาคเพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานในภาพรวมให้เหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1143 | มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง (ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....) | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในระหว่าง
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... ยังไม่มีผลใช้บังคับ ของกระทรวงมหาดไทย โดยออก กฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ฯ อาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง รวม 145 ฉบับ โดยอาศัย อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ในเขตผังเมือง และได้แจ้งเวียนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเรื่อง การ ขออนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ และถูกต้อง ตามกฎหมาย ส่วนมาตรการด้านกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ได้ให้แต่ละจังหวัดออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมือง รวมทั้งได้แจ้งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งออก กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบกิจการทางการค้าหรือการขยายกิจการทางการค้า ให้มีผลบังคับใช้โดย เร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1144 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | ทส | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ องค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติ และระดับลุ่มน้ำ และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและบำรุงรักษา แหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและให้มีการจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็ก และยกเลิกระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้ และอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1145 | สรุปความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ | นร | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปความคิดเห็นของประชา
ชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.1111.go.th ตู้ ปณ. 1111 สายด่วนของรัฐบาล 1111 จุดบริการประชาชน 1111 และเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ www.publicconsultation.opm. go.th ระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม 2550 ซึ่งมีประชาชนแสดงความคิดเห็นรวม 403 คน ได้แสดงความ คิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนี้ ประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ได้แก่ ควรมีคณะบุคคลเพื่อหาทาง ออกในยามวิกฤตของชาติ ควรมีการกำหนดคุณธรรม และจริยธรรมนักการเมือง ควรกำหนดจำนวนและการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา ควรกำหนดจำนวนและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรกำหนดสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วน ร่วมของประชาชน และสิทธิชุมชน ควรมีการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีแนวนโยบายพื้นฐาน แห่งรัฐ ควรมีคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ควรกำหนดบทบาทใหม่ของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ควรมี การเพิ่มอำนาจและลดอำนาจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรมีการคานและดุลยอำนาจใบแดงคณะกรรม การการเลือกตั้ง ควรปรับอำนาจบทบาทตุลาการ อัยการให้เป็นอิสระมากขึ้น และควรกำหนดการกระทำที่ขัดกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของรัฐ ส่วนประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ได้แก่ ควรกำหนด ให้ 20,000 รายชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ รวมทั้งปัญหาการบัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1146 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการออกเสียงประชามติ | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 43/2550 วันที่
15 พฤษภาคม 2550 เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อให้กระทรวง ทบวง กรม และ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ตลอดจนรัฐวิสาหกิจในสังกัดต่าง ๆ และองค์การของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่สำนักเลขา ธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เสนอเพิ่มเติมว่าขอปรับถ้อยคำ ในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ลต (กกต) 0303/6478 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 หน้าที่ 1 ข้อ 1 จากเดิม "กลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ" เป็น "กลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ"
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1147 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ จัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐเพื่อให้มีการศึกษา ส่งเสริม วิชาการ การวิจัย และวิชาชีพชั้นสูง พัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเน้นทางด้านเวชศาสตร์ เขตเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร พัฒนาองค์ความรู้ด้านการ ปกครองส่วนท้องถิ่น และพัฒนามหานคร รวมทั้งให้โอกาสทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน เขตเมือง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับรายได้ของมหาวิทยาลัยที่บัญญัติไว้ในร่างมาตรา 12(6) ที่กำหนดให้รายได้ของมหาวิทยาลัย มาจากเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ อาจเป็นภาระผูกพันงบประมาณ และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การ เงินการคลังของประเทศ จึงสมควรปรับปรุงร่างมาตรา 12(6) เป็น "เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความ จำเป็นและเหมาะสมเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย" ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง รวม ทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุง เทพมหานคร) รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ กรณีชื่อของมหาวิทยาลัยที่ต้องกำหนดเป็นชื่อ เฉพาะ ตามข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. นั้น โดยที่การจัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของกรุงเทพมหานครดังกล่าว เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเฉลิม พระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งหากจะต้องขอพระราชทานชื่อของ มหาวิทยาลัย ก็ควรพิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1148 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างพระ
ราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคมเพื่อให้สามารถส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมโดยองค์กรภาคประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกและเกิดระบบการช่วยเหลือเกื้อกูลในสังคมชุมชน ตลอดจนรวมตัวกัน เป็นเครือข่ายการจัดสวัสดิการชุมชน เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และการพึ่งพาตนเองของ ชุมชนได้อย่างเข้มแข็งและเป็นไปอย่างทั่วถึง เหมาะสม และเป็นธรรม และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขมาตรา 40/3 โดยบัญญัติให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรสาธารณประโยชน์อาจให้ความร่วมมือ และ สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสวัสดิการชุมชนตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา 40 /2 ที่กำหนดให้องค์กรสวัสดิการชุมชนอาจได้รับการสนับสนุนในการจัดสวัสดิการสังคมหรือการปฏิบัติงานด้านการ จัดสวัสดิการสังคม นอกจากนี้ องค์กรสวัสดิการชุมชนที่ภาคประชาชนร่วมกันก่อตั้งขึ้นตามบทบัญญัตินี้ หากไม่มีข้อ กำหนดในการบริหารงานและการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นสมาชิกได้ ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1149 | การถ่ายโอนบุคลากรและงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการการกระจาย
อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ ดังนี้ เห็นชอบมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 25 เมษายน 2550 ที่มีมติเห็นชอบแนวทางการถ่ายโอนบุคลากร และงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเห็นชอบตามที่เสนอขอแก้ไขปรับปรุงถ้อย คำของมติ กกถ. ตามหนังสือ กกถ. ที่ นร 0107/1053 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ในประเด็นข้อ 2 เป็นดังนี้ "ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่ถ่ายโอนไปสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบังคับบัญชาและดูแลการปฏิบัติราชการของข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่ช่วย ราชการในสถานศึกษาที่ถ่ายโอนได้"
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1150 | ขอขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณ และการดำเนินงานโครงการส่วนที่เหลือของโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการขยายเวลาการ
ดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 ที่ได้รับงบประมาณแล้วและยังคงดำเนิน การก่อสร้าง/ปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ จำนวน 324 โครงการ ออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 และ ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 รวมทั้งมอบหมายให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินงานโครงการในพื้นที่ 16 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย โครงการที่ได้รับการจัดสรร งบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้งระบบจำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ตอบสนองความต้องการน้ำเพื่อ การอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ทั้งนี้ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดโครงการจำนวน 324 โครง การที่ล่าช้า ให้แล้วเสร็จทันกับฤดูแล้ง เพื่อให้การดำเนินการสามารถตอบสนองต่อความจำเป็นในการดำรงชีพของ ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิผล สำหรับโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้ง ระบบ จำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ในพื้นที่ นำร่อง 16 จังหวัด นั้น ควรสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับโครงการจัดหา น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างทั่วถึงและเสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน และดำเนินการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพื่อทราบสถานการณ์การเปลี่ยน แปลงของสภาพการขาดแคลนน้ำโดยรวมของประเทศ รวมถึงความสำเร็จของโครงการในการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการบำรุงรักษาแหล่งน้ำและระบบจ่ายน้ำให้อยู่ใน สภาพที่ดีพร้อมใช้งานบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1151 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... | พม | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยหอพัก โดยกำหนดแนวทางและวิธีการในการกำกับดูแลและควบคุมการดำเนิน กิจการหอพักให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียน และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น พ.ศ. 2542 และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และ ข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็น ว่าการกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีป้ายหอพักรวมทั้งให้ลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้กับหอ พักที่ได้รับการรับรองมาตรฐานหอพัก ไม่ควรกำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้ แต่หากเห็นว่า ควร ยกเว้นภาษี เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการหอพักปรับปรุงหอพักให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหอพักของเยาวชน ก็อาจไปกำหนดไว้ในกฎหมายภาษีอากรเรื่องนั้น ๆ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1152 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา | วธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระ
เกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา ดังนี้ ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสมาชิกและผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลาอุปสมบท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตลอดพรรษา เป็นระยะเวลา 94 วัน สำหรับผู้ที่ไม่อยู่ จำพรรษาให้ลาอุปสมบทได้เป็นระยะเวลา 19 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเสมือนเป็นการปฏิบัติราชการ ได้รับเงิน เดือนตามปกติ สำหรับผู้อุปสมบทที่เคยใช้สิทธิในการลาแล้ว ให้สามารถลาอุปสมบทในปีมหามงคลนี้ได้ รวมทั้ง ผู้อุปสมบทเฉลิมพระเกียรติกับหน่วยงานอื่นให้ใช้สิทธิในการลาครั้งนี้ได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1153 | แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 | สธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) มี เป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาสุขภาพไทยไปสู่ระบบสุขภาพพอเพียงสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนควรให้ความสำคัญให้การ สร้างกระบวนการเรียนรู้และความเข้าใจในชุมชนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย ความร่วมมือในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันในการดูแลสุขภาพ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ชุมชน/ประชาชน โดยอาจเชื่อมโยงกับการดำเนินงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด และการกำหนดแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนาระบบการแพทย์ ฉุกเฉินและการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญในการบูรณาการและเชื่อมโยง บทบาทภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ สำหรับสำนักงบประมาณมีข้อสังเกตว่า การดำเนินการตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็น จำนวนมาก ซึ่งในทางปฏิบัติอาจเกิดความไม่ต่อเนื่องในการดำเนินงาน หน่วยงานที่รับผิดชอบควรประสานกับ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดทำรายละเอียดของแผนปฏิบัติการให้มีความชัดเจน และเป็นที่ยอมรับร่วม กันด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาปรับแก้ไข แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1154 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 (งบกลาง) โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมเทศบาลเมืองแม่สอด ระยะที่ 2 | มท | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) โดยเทศบาลเมืองแม่
สอดดำเนินโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมเทศบาลเมืองแม่สอดระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2551) โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุก เฉินหรือจำเป็นจำนวน 46,560,000 บาท และงบประมาณส่วนที่เหลือจำนวน 186,240,000 บาท ให้กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่นพิจารณาปรับรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ในขั้นปรับปรุง รายละเอียดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ปัจจุบันองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้มี ความเป็นอยู่ดีขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม เช่น โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมเทศบาลเมืองแม่สอดระยะที่ 2 เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูงเกินกว่าศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาและไม่เป็นภาระงบกลาง จึงให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับแผนการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับแก้ไขปัญหาเร่งด่วนขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ไว้เป็นวงเงินตามความจำเป็นด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1155 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2550 (1 ตุลาคม 2549 - 31 มีนาคม 2550) | สธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
รายงานผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รอบ 6 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สรุปได้ดัง นี้ ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549-31 มีนาคม 2550 มีประชากรลงทะเบียนสิทธิประกันสุขภาพถ้วน หน้า จำนวน 46.67 ล้านคน โดยลงทะเบียนสิทธิกับหน่วยบริการของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 42.22 ล้านคน หน่วยบริการของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2.11 ล้านคน และหน่วยบริการสังกัดเอกชน จำนวน 2.3 ล้านคน ส่วนการดำเนินงานด้านการให้บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิในระบบหลักประกัน ฯ สปสช. ได้ให้บริการไปแล้วทั้งสิ้น 212,894 เรื่อง เป็นการให้ข้อมูล จำนวน 207,874 เรื่อง เรื่องร้องทุกข์ 4,379 เรื่อง และเรื่องร้องเรียน 641 เรื่อง โดยเรื่องร้องเรียนทุกเรื่องได้รับการตอบสนอง (ตอบกลับผู้ร้องหรือผู้แจ้งเรื่อง) ภายใน 5 วันทำการ สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน มีจำนวนเรื่องร้องเรียนที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 1,288 เรื่อง ด้านการควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริการ ได้ดำเนินการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานหน่วยบริการ ทุกระดับ สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานหน่วยบริการปฐมภูมิ และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ในระบบบริการปฐมภูมิ ด้านการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคี ได้สนับสนุนการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายองค์กร ประชาชน เครือข่ายผู้ป่วย การมีส่วนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่วมมือกับองค์กรวิชาชีพในการพัฒนา ระบบหลักประกันสุขภาพ และด้านการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการจัดสรรงบเหมาจ่ายราย หัว (ค่าบริการทางการแพทย์) โดยเป็นการจัดสรรล่วงหน้าให้แก่หน่วยบริการ เพื่อให้เงินลงสู่หน่วยบริการได้อย่าง รวดเร็วเพิ่มสภาพคล่องให้หน่วยบริการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1156 | รายงานผลการเดินทางไปราชการจังหวัดนราธิวาส | นร | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการเดินทางไปราชการจังหวัดนราธิวาส ของรัฐมนตรีประจำ
สำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2550 เพื่อร่วมงานแสดง ความขอบคุณต่อรัฐบาลที่ได้ให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ในการบรรเทาปัญหาใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีองค์กรต่าง ๆ กล่าวรายงานและขอบคุณรัฐบาลแทนประชาชน รวมทั้งมีผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน พื้นที่ยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาลเพิ่มเติม อาทิ การพัฒนาสนามบินนราธิวาสเป็นสนามบินฮัจย์ ขอ งบประมาณในการขุดลอกสระน้ำเพื่อกักเก็บน้ำสำหรับการเกษตร และบัณฑิตที่ยังไม่มีงานทำขอความช่วยเหลือใน เรื่องการจัดหางาน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1157 | ขออนุมัติหลักการการจัดการศึกษารูปแบบสหกิจสำหรับแก้ปัญหาการรองรับนักเรียนในกรุงเทพมหานคร | ศธ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติดังนี้
อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอการจัดการศึกษารูปแบบสหกิจสำหรับแก้ปัญหาการรองรับนัก เรียนในกรุงเทพมหานคร กับเห็นชอบในหลักการในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการจัดการศึกษา รูปแบบสหกิจ ฯ โดยกรณีกรุงเทพมหานครจะขยายห้องเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และเพิ่มข้าราชการครูในปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณการจับคู่สถานศึกษาเป็นโรงเรียนพี่โรงเรียนน้องแห่งละ 20,000 บาท ให้ใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครดำเนินการ ส่วนการก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมตั้งแต่ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555 จำนวน 52 อาคาร เป็นเงินทั้งสิ้น 598 ล้านบาท เห็นควรจัดสรรงบประมาณ อุดหนุนเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 และกรุงเทพมหานครสมทบอีกร้อยละ 60 โดยให้จัดทำคำขอจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2551 ในสัดส่วนของเงินอุดหนุนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับงบประมาณดำเนินการในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องและประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็นว่า นอกเหนือจากการขยายการบริหารและการจัดการศึกษา ไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีกรุงเทพมหานครตามโครงการการจัดการศึกษารูปแบบสหกิจ ฯ แล้ว ควร ดำเนินการขยายการบริหารและจัดการศึกษาไปให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่ และเขตการศึกษาในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้สถานศึกษาเหล่านั้นสามารถยก ระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการจัดการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ต่อไป รวมทั้งประสาน และขอความร่วมมือให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลให้ความร่วมมือ สนับสนุน ช่วยเหลือสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อให้สามารถปรับปรุง พัฒนาศักยภาพและคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษานั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย สำหรับกรณีที่ มีการจัดสร้างชุมชนขึ้นใหม่และทำให้มีความต้องการในการเข้าเรียนของนักเรียนในพื้นที่เพิ่มขึ้น ให้กระทรวงศึกษา ธิการประสานขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชุมชนนั้น ๆ เช่น การเคหะแห่งชาติกรณีการ ดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นต้น ให้การสนับสนุนพื้นที่หรืองบประมาณการก่อสร้างหรือขยายสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนในพื้นที่ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1158 | มาตรการป้องกันความเสียหายเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีก่อสร้าง บูรณะ และบำรุงรักษาทางและสะพาน | ตผ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอมาตรการป้องกันความเสียหาย
เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรณีก่อสร้าง บูรณะ และบำรุงรักษาเส้นทาง และสะพาน (หนังสือด่วนที่สุด ที่ ตผ 0004/1808 ลงวันที่ 24 เมษายน 2550) และให้ อปท. และหน่วยงาน อื่นที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1159 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 | กษ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญ คือ ยกเว้นอากรการฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียมโรงฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียมโรงพักสัตว์ และค่าธรรมเนียมการประทับ ตรายางรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์สำหรับการฆ่าไก่ เป็ด หรือห่าน ที่เรียกเก็บตามข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 แห่ง กฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อ สัตว์ พ.ศ. 2535 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่เห็นว่า ใน อนาคตหากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พัฒนาปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ที่มีระบบเป็นมาตรฐาน มีสุขอนามัยที่ดี และมีความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) แล้ว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับกระทรวง มหาดไทยเพื่อพิจารณาว่าจะสมควรยกเลิกการยกเว้นการจัดเก็บอาคารและค่าธรรมเนียมการฆ่าสัตว์ดังกล่าว ให้ท้องถิ่นมีรายได้จากอากรและค่าธรรมเนียมการฆ่าสัตว์ทุกประเภทที่นำมาฆ่าในโรงฆ่าสัตว์ของท้องถิ่นเพื่อ ให้ท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองได้ หรือไม่ และเมื่อประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ติดตามประเมินผลว่า มาตรการตามกฎกระทรวงสามารถแก้ไขปัญหาการฆ่าสัตว์ประเภท ไก่ เป็ด และห่านนอกโรงฆ่าสัตว์หรือการตั้งโรงฆ่าสัตว์เถื่อนได้ หรือไม่ และมีผลกระทบต่อรายได้ของท้องถิ่น ประการใดบ้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1160 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 15/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้อง
ที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยปรับปรุง เกี่ยวกับกระบวนการเข้าสู่ตำแหน่ง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และสอดคล้องกับสภาวการณ์ของ ประเทศ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องอาทิ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ประเภทประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หาก อปท. เพิกเฉยหรือละเลย ไม่ยอมเข้าไปดำเนินการ ให้ส่วนภูมิภาคเข้าไปทำหน้าที่ดูแลแทน รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความในร่างพระราชบัญญัติ ฯ มาตรา 8 โดยยกเลิกข้อ 15 และข้อ 16 ของมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2486 เนื่องจากอำนาจ หน้าที่ดังกล่าวเป็นของ อปท. ตามมาตรา 16 (17) และ (19) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
.....