ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 51 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1001 - 1020 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1001 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
1002 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
1003 | การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
1004 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการในสังคมไทย | สสป | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง นโยบายการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการในสังคมไทย สรุป ได้ดังนี้ 1.1 ด้านกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ รัฐอาจตรากฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคน พิการขึ้นโดยตรง หรืออาจปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่ให้มีบทลงโทษ มีกลไกรักษาหรือบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิ ภาพ โดยอาจคุ้มครองคนพิการโดยเฉพาะหรืออาจครอบคลุมกลุ่มผู้ด้อยโอกาสโดยรวม 1.2 ด้านการให้การศึกษาแก่สาธารณชน รัฐต้องให้การศึกษาเพื่อให้สาธารณชน โดยเฉพาะพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลบุคคลในครอบครัวและผู้ให้บริการคนพิการมีจิตสำนึกและรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมทั้งใช้ประโยชน์ จากสื่อโดยเฉพาะช่องทีวีไทย (ทีวีสาธารณะ) ในการให้การศึกษาแก่ประชาชน และจัดให้มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อลดการเลือกปฏิบัติกับคนพิการ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของ องค์กรภาคเอกชนที่ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเด็กและคนพิการทั้งในรูปแบบการจัดการศึกษา หรือ อื่น ๆ 1.3 ด้านการเสริมสร้างบทบาทของครอบครัว รัฐต้องให้ความสำคัญกับการค้นหาและการสร้างกล ไก และวิธีการที่ทำให้ครอบครัวแสดงบทบาทอย่างถูกต้องต่อบุตรหลานคนพิการ จัดทำทะเบียนครอบครัวที่มีเด็ก พิการเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนสามารถเข้าช่วยเหลือ และส่งเสริมเยาวชนให้ได้รับการอบรมตั้งแต่เด็กใน การให้ความช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อแก่คนพิการ 1.4 ด้านการสร้างโอกาสทางอาชีพ รัฐควรสร้างโอกาสพิเศษทางอาชีพให้แก่คนพิการเพื่อสร้างผล ผลิตและมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ และคำนึงถึงการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานราชการ สถานประกอบ การ และหน่วยงานภาคเอกชนให้มากขึ้น 1.5 ด้านการพัฒนาองค์กรคุ้มครองสิทธิ รัฐต้องกำหนดนโยบายในการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับ องค์กรด้านคนพิการเพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ จัดตั้งองค์กรด้านคนพิการที่ทำหน้า ที่พิทักษ์สิทธิให้กับคนพิการในรูปแบบขององค์กรพัฒนาเอกชนที่มีผู้ปฏิบัติงานที่เป็นคนพิการ ตลอดจนส่งเสริม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความรู้ความเข้าใจ มีส่วนร่วมสนับสนุนองค์กรด้านคนพิการ รวมทั้งสนับสนุนเรื่อง งบประมาณให้องค์กรคนพิการในท้องถิ่นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข อัยการสูงสุด สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิ การ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศ ไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1005 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดสรรเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ส่วนที่เพิ่มขึ้น 1,500 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 12 เดือน (1 ตุลาคม 2551-30 กันยายน 2552) ให้แก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 14,115 คน เป็น เงิน 254,070,000 บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ 2. สำหรับค่าตอบแทนพิเศษ ฯ ที่เบิกจ่ายตามอัตราเดิม 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเงินจำนวน 169,380,000 บาท ให้เบิกจ่ายจากเงินรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1006 | การสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ติดตามตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงกรณี ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดประสบปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อการดำเนินการในภารกิจสำคัญและจำเป็นเร่ง ด่วนของท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1007 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของ World Water Forum ครั้งที่ 5 | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแบบองค์รวม มีการบูรณา การหน่วยงานและกิจกรรมในระบบลุ่มน้ำ รวมทั้งกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมให้เกี่ยวโยงกันอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีการ เฝ้าระวังเตือนภัยจากน้ำ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 1.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน และระบบ สุขาภิบาลทุกหมู่บ้านให้บรรลุ Millennium Development Goals ของสหประชาชาติ เพื่อสนองตอบความต้องการ น้ำอุปโภค-บริโภค และระบบสุขาภิบาล 1.3 ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการภายใต้แผนการลงทุนพัฒนาและบริหาร จัดการน้ำและการชลประทาน ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อดำเนินการเป็นรูป ธรรมในการปฏิบัติต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยา กรน้ำทั้งระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ ควรคำนึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและภาคประชาชนเพื่อให้การจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน ด้านการป้องกันและลดผลกระทบตามมาตรการด้านโครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง เนื่องจากการลงทุนเพื่อป้องกันมี ความคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนเพื่อบรรเทาปัญหาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากร น้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่จะมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อมิติเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางในการจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย 3. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติรวบรวมข้อมูลรายละเอียด ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการบริหาร จัดการน้ำในภาพรวม รวมทั้งในส่วนที่ได้มีการโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดำเนินการ ด้วย เช่น กิจการประปาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมท่อประปาที่ชำรุด พร้อมทั้งจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาแล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1008 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (การกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง) | อก | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรง งาน พ.ศ. 2535 และปรับปรุงการกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงาน เป็นดังนี้ 1.1 ลดความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 19 ประเภท โรงงาน 1.2 เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 3 ประเภท โรงงาน 1.3 เปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมข้อความให้ชัดเจนกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงาน จำนวน 39 ประเภทโรงงาน 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับปรุงประเภท โรงงานจากจำพวกที่ 3 เป็นจำพวกที่ 2 และจากจำพวกที่ 2 เป็นจำพวกที่ 1 อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อมและประชาชนเนื่องจากปัจจุบันมีการประกอบกิจการขนาดเล็กหรืออุตสาหกรรมชุมชนที่ไม่ถือว่าเป็น "โรง งาน" ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เป็นจำนวนมากแล้วซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมควรเตรียมความ พร้อมให้กับหน่วยงานอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามารับหน้าที่ในการควบคุมดูแลการประกอบกิจ การนั้น ๆ ด้วย ส่วนโรงงานผลิตก๊าซหรือแยกก๊าซ ควรเพิ่มคำว่า "ที่ไม่ใช้ก๊าซธรรมชาติ" เพื่อมิให้ซ้ำซ้อนกับ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และโรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
1009 | ข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ ไปพิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพจากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ในพื้นที่มาบตาพุดและอำเภอบ้านฉาง รวมถึงเผยแพร่วิธีป้องกันผลกระทบและวิธีการสร้างเสริมสุขภาพในภาวะ มลพิษให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงโดยเร็วและต่อเนื่อง และให้จัดทำแผนและกฎการปฏิบัติการสำหรับป้องกัน และบรรเทาอุบัติภัยจากอุตสาหกรรมและการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาอุบัติภัยสารเคมีระดับจังหวัดโดยให้ ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรและประชาชนในพื้นที่ 1.2 ให้ คสช. สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพกลไกกลางในการดำเนินงานและความเข้มแข็งของภาค ประชาชน ได้แก่ การศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกลไกผู้ตรวจการสำหรับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบทางสุข ภาพ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภาคประชาชน และการสนับสนุนภาคประชาสังคมจังหวัด ระยองติดตามความเคลื่อนไหวทางนโยบายโดยใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ 2. ส่วนข้อเสนอที่สำนักงาน คสช. เสนอคือ 2.1 ให้รัฐบาลทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยจัดตั้งคณะกรรมการจากทุก ภาคส่วน วางและจัดทำผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชนจังหวัดระยองฉบับใหม่ ปรับปรุงระบบและ มาตรการทางการคลัง และจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดระยอง จัดให้มีระบบและกลไกการป้องกันและ แก้ไขปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาเด็กและเยาวชน และจัดให้มีบริการทางสังคมซึ่งเป็นความสำคัญขั้นพื้น ฐานอย่างเพียงพอ โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ในทุกขั้นตอน 2.2 ให้รัฐบาลชะลอการขยายและก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่มาบตาพุดและบ้านฉาง ในระหว่างการทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยให้มีการกำหนดแนวทางและกระบวนการ ตัดสินใจในการให้อนุมัติ/อนุญาต/ให้ความเห็นชอบการขยายโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น ให้คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งมีรอง นายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน รับไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่ และความสอดคล้องของกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
1010 | การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน | นร | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า
1. รับทราบผลการปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศ ของส่วน ราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 2. ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในส่วนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานต่างประเทศ 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือให้ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1011 | ขอมติคณะรัฐมนตรีให้หน่วยงานราชการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงได้ | พม | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ 1. กำหนดให้น่วยงานราชการดังต่อไปนี้ดำเนินการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากมี คนพิการใช้บริการมาก ตามลำดับ คือ 1.1 โรงพยาบาล จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2548 ซึ่ง กำหนดให้มีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพและคนชรา 1.2 หน่วยงานราชการ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต ที่ทำการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด/ส่วนตำบล/สำนักงานเทศบาลนคร/เมือง/ตำบลและเมือง พัทยา) สถาบันการศึกษา และสถานีตำรวจ จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ทางลาด ห้องน้ำ ที่ จอดรถ ป้ายและสัญญลักษณ์ และบริการข้อมูล ภายในปี พ.ศ. 2554 2. ให้หน่วยงานราชการดังกล่าวสามารถขอตั้งงบประมาณหรือเจียดจ่ายหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ในการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ โดยให้เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการ จังหวัดอนุมัติ 3. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับความจำเป็นต้องจัดให้มีสิ่ง อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ให้ใช้จากเงินรายได้หรือเงินเหลือจ่าย หรือปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำปีของหน่วยงาน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1012 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอมติสมัชชาสุขภาพแห่ง
ชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 รวม 14 ประเด็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลการดำเนินการพร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคเพื่อแจ้งต่อคณะ กรรมการสุขภาพแห่งชาติด้วย โดยมติสมัชชาสุภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย มติ 1.1 ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ มติ 1.2 การเข้าถึงยาถ้วนหน้าของประชากรไทย มติ 1.3 นโยบายแห่งชาติเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ มติ 1.4 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการกำหนดนโยบายการเจรจาการค้าเสรี มติ 1.5 เกษตรและอาหารในยุควิกฤต มติ 1.6 ยุทธศาสตร์ในการจัดการปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มติ 1.7 บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการสุขภาพและทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อม มติ 1.8 ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น มติ 1.9 ผลกระทบจากสื่อต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว มติ 1.10 สุขภาวะทางเพศ : ความรุนแรงทางเพศ การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และเรื่องเพศกับเอดส์ /โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มติ 1.11 ระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในสังคมไทย มติ 1.12 นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะของแรงงานนอกระบบ มติ 1.13 การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติกับบุคลากรทางการแพทย์ มติ 1.14 วิกฤตเศรษฐกิจและการปกป้องสุขภาวะคนไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1013 | ของบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกลางวัน | มท | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับ การสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวันเต็ม 100% และปรับอัตราค่าอาหารกลางวัน จากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นอัตราคนละ 13 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีส่วนร่วมสมทบดำเนินการและประสานความร่วมมือทั้ง จากภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น มาร่วมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารกลางวัน อันจะ ช่วยให้มีภาวะโภชนาการที่ดีขึ้นส่งผลต่อสุขภาพและการเรียนรู้ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควร ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรเงิน อุดหนุน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะ ทุพโภชนาการ ยากจนและขาดแคลนให้ได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายตามมาตรฐานของ กระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1014 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำ : กรณีศึกษากว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา | สสป | 06/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น และข้อเสนอแนะ ของสภา ฯ เรื่อง แนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำ : กรณีศึกษากว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา สรุปได้ดังนี้ 1.1 จัดทำแผนแม่บทพัฒนากว๊านพะเยาโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการในจังหวัดพะเยา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 1.2 เร่งดำเนินการขอขึ้นทะเบียนกว๊านพะเยาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ram sar Site) ตามอนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ (Ramsar Convention) ที่ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2541 เป็นการยกระดับกว๊านพะเยาที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติแล้ว ให้ เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพิ่มขึ้น 1.3 สนับสนุนให้มีการจัดตั้งองค์กรใหม่ระดับจังหวัดทำหน้าที่ดูแล รักษา และพัฒนากว๊านพะเยา 1.4 กำหนดกระบวนการในการดำเนินโครงการกู้วัดติโลกอาราม ในกว๊านพะเยา โดยให้ปฏิบัติตาม ขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 และพระราชบัญญัติส่งเสริมและ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 อย่างเคร่งครัด และดำเนินการต่อผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ 3. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับโครงการกู้วัดติโลกอารามไปศึกษาผลกระทบด้านต่าง ๆ ร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวเนื่อง จากสภาพวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างมีอายุนับร้อยปีและจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานมีสภาพอิ่มน้ำไม่สามารถคงรูปเดิม ไว้ได้ รวมทั้งส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยา และการดำเนินงานจะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวน มาก นอกจากนี้ เมื่อดำเนินการแล้วจะทำให้ทัศนียภาพกว๊านพะเยาขาดความงดงามตามธรรมชาติ ไปประกอบ การพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1015 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | มท | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ในส่วนของกรอบวงเงินชดเชยค่าใช้น้ำประปา ของระบบประปาเทศบาลที่ดำเนินการในลักษณะเทศพาณิชย์ และ ระบบประปาหมู่บ้านที่ดำเนินการในลักษณะพาณิชย์ดำเนินการจำนวน 540 ล้านบาท และจำนวน 2,445.725 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้ประชาชนในชนบทที่อยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับความช่วย เหลือด้านน้ำประปาเท่าเทียมกับประชาชนในเขตนครหลวงและภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับ ปรุงข้อมูลที่ใช้ในการประมาณการเงินชดเชยไปดำเนินการ และให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นประสาน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวม ทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1016 | ข้อเสนอมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมไทย (การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย) | อก | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย ตามข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2539 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2541 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง หลักเกณฑ์การใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศ อย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนำระเบียบ ฯ และ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมาปรับใช้ตามความเหมาะสม และหาแนวทางและมาตรการในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ ตลอดจนการลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศในอีกทางหนึ่ง 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ หรือเป็นกิจการของคนไทย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติดังกล่าวส่วนราชการควรระมัดระวังมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ เป็นต้น โดยอาจประสานกับกระทรวงพาณิชย์ ก่อนดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
1017 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครอง
ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง การช่วยเหลือค่าครอง ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม (บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนัก งานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม กลุ่ม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน และบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ) จัดให้ มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และจัด ทำรายละเอียดเพื่อเสนอขออนุมัติใช้เงินงบกลางกับสำนักงบประมาณโดยตรงโดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติในรายละ เอียดกับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ใชัจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตร การช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ให้หน่วยงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม 2552 (หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1018 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. ให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ภายในกรอบวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ตามที่ กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1019 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการใช้ประโยชน์จากภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น" | สสป | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการใช้ประโยชน์จากภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการให้บริการด้าน การท่องเที่ยวของท้องถิ่น" สรุปได้ดังนี้ 1.1 มาตรการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของรัฐ ควรปรับปรุงโครงสร้างกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการ ด้านภาษีให้ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นโดยให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีได้โดยตรงเพิ่มขึ้น และ ควรสร้างมาตรฐานและข้อกำหนดในการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศให้ชัดเจน และไม่ซ้ำซ้อน เป็นต้น 1.2 มาตรการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจากภาษีคืนสู่ท้องถิ่น โดยรายได้ที่จัดเก็บโดยหน่วย งานใดในพื้นที่โดยตรง ควรมีการกำหนดสัดส่วนที่ให้ท้องถิ่นสามารถหักเก็บไว้ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก่อนนำส่ง ส่วนกลาง และรายได้ที่จัดเก็บโดยหน่วยงานส่วนกลางควรกำหนดสัดส่วนการจัดสรรให้พื้นที่อย่างชัดเจน 1.3 มาตรการใช้ประโยชน์ของภาษีเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการและการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ให้กำหนดสัดส่วนการนำเงินงบประมาณไปใช้ประโยชน์ให้ตรงกับสัดส่วนภาษีที่จัดเก็บ และสร้างกลไกการกำกับ ดูแลการใช้ประโยชน์จากงบประมาณท้องถิ่นในรูปคณะกรรมการ 1.4 มาตรการสนับสนุน ให้เร่งผลักดันร่างกฎหมายรายได้ท้องถิ่น โดยกำหนดโครงสร้างให้ครอบ คลุมส่วนต่าง ๆ ให้ครบวงจร และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ และข้อมูลเกี่ยวกับระบบภาษีและการ จัดเก็บภาษีแก่ผู้เสียภาษีโดยเฉพาะภาษีท้องถิ่น รวมทั้งควรดำเนินนโยบายภาษีให้ชัดเจนและส่งเสริมองค์ความรู้ เกี่ยวกับการบริหารจัดการและการพัฒนาระบบบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ เป็นต้น 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงาน พัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1020 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ก่อน เพื่อพิจารณาไปพร้อมกับร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 4 ฉบับ ที่คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้เสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....