ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 59 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1161 - 1180 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1161 | ร่างพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 15/05/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการเคหะแห่งชาติให้ รวมถึงการจัดให้มีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาผู้อยู่อาศัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขึ้น แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจกระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของการเคหะแห่งชาติให้กว้างขึ้น และกำหนด ให้มีนิติบุคคลชุมชนการเคหะ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป กับอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพื่อให้สามารถออกกฎกระทรวงกำหนดยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร สำหรับอาคารที่หน่วยราชการ หน่วย งานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐจัดให้มีขึ้น เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีราย ได้น้อย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1162 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 15/05/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548 ดังนี้ การดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่างานตามสัญญาซื้อจ้าง 112,992.60 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงิน รัฐวิสาหกิจ กองทุนและเงินทุน หน่วยงาน อิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ มีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 6,135,974.17 ล้านบาท (ไม่รวบงบ สอบทาน) ผลการตรวจสอบในภาพรวมพบความเสียหายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้รวมทั้งสิ้น 2,335.50 ล้านบาท ดังนี้ ราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 2,000.92 ล้านบาท ราชการส่วนท้องถิ่น 258.13 ล้าน บาท เมืองพัทยา 0.68 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 75.77 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าความเสียหายดังกล่าวสามารถ เรียกคืนหรือจัดเก็บได้ 385.59 ล้านบาท ส่วนสาเหตุของความเสียหายเกิดจากหน่วยรับตรวจไม่ปฏิบัติตาม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ ระบบการควบคุมภายในไม่รัด กุม ขาดหลักการบริหารจัดการที่ดี ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และการมีส่วนได้ส่วนเสีย และทำการโดยเอื้อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ นำผลการตรวจสอบในรายงานดังกล่าวไปถือปฏิบัติหรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อ ไป
|
||||||||||||||||||||||||
1163 | ขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์บูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2554 | สธ | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนยุทธศาสตร์บูรณาการป้องกันและแก้ไข
ปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ. 2550-2554 สาระสำคัญ (เล่มที่ 1) และแผนยุทธศาสตร์บูรณาการป้องกันและแก้ไข ปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ. 2550-2554 รายละเอียดยุทธศาสตร์ มาตรการ กลวิธี ตัวชี้วัด และหน่วยงานรับผิด ชอบ (เล่มที่ 2) โดยให้ใช้แผนยุทธศาสตร์ ฯ เป็นแผนที่จะใช้ในการกำหนดกรอบกิจกรรม เพื่อให้แต่ละหน่วยงาน พิจารณาจัดทำในส่วนที่รับผิดชอบ เพื่อของบประมาณประจำปีผ่านสำนักงบประมาณ ตามแผนยุทธศาสตร์ ฯ ทั้ง เล่มที่ 1 และเล่มที่ 2 ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ความสำคัญกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยสนับสนุนการจัดตั้ง เครือข่ายกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อให้กลไกในการรณรงค์เพื่อ ลด ละ เลิกพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง และให้ความรู้ความ เข้าใจในการป้องกันโรคเอดส์ และเพิ่มบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับชุมชนในการป้องกันและแก้ ไขปัญหาเอดส์ในพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ฯ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กลไก ที่มีอยู่สามารถประสานการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ ฯ กับแผนพัฒนาสุข ภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2550-2554 เพื่อให้การดำเนินงานหนุนเสริมซึ่งกันและกัน และความเห็นของ สำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติงาน กรอบกิจกรรม และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ควรให้เหมาะ สมตามภารกิจส่วนที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานให้ชัดเจน ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1164 | ขออนุมัติแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2559 | สธ | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติในระยะ 10 ปี ตั้ง แต่ พ.ศ. 2550-2559 เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายและทิศทางในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกำลังคนด้านสุขภาพ โดยในชั้นต้นให้ใช้งบประมาณจากงบดำเนินงานปกติของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประชุมคณะ กรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ ให้เสนอขออนุมัติ ตามแผนปฏิบัติการในแต่และยุทธศาสตร์ต่อไป และให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติตามกล ยุทธ์ 1 ในยุทธศาสตร์ 1 สร้างและพัฒนากลไกในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์กำลังคนด้านสุขภาพแห่ง ชาติที่สอดคล้องกับระบบสุขภาพของประเทศ เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะในระดับนโยบายเกี่ยวกับกำลังคนด้าน สุขภาพในภาพรวมของประเทศ รวมทั้งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและผลักดันการดำเนินงานตามแผนยุทธ ศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติที่ได้รับอนุมัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับ ความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติที่ เห็นว่า ในหลักการของแผนยุทธศาสตร์ ฯ ควรคำนึงถึงกำลังคนด้านสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ และแผน ยุทธศาสตร์ปรับขนาดกำลังคนภาครัฐด้วย ส่วนการกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ แห่งชาติควรกำหนดตามหลักการของพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 โดยมอบให้กระทรวงการ คลังดำเนินการตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ฯ ต่อไป และข้อสังเกตของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ลำดับที่ 23 ยังไม่ครอบคลุมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1165 | การตรวจสถานการณ์หมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน | นร | 18/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือรายงาน
สรุปผลการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2550 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2550 ณ ศาลากลาง จังหวัดแม่ฮ่อง สอน โดยที่ประชุมได้พิจารณาผลการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาและผลกระทบที่สำคัญ คือ การไม่รู้สาเหตุของ การเกิดไฟป่าที่แท้จริง การใช้มาตรการทางกฎหมายกับพี่น้องชาวบ้าน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง (เกิดผลในทาง ลบ มากกว่าผลในทางบวก) และการยอมรับในความเป็นจริงตามสภาพระบบนิเวศน์ว่ายังไงต้องมีการเผา ทั้งใน การเผาในที่ทำกิน และการเผานอกพื้นที่ทำกิน สำหรับข้อเสนอต่อแนวทางการแก้ไขปัญหา ประกอบด้วย แผน ในการจัดการปัญหาระยะสั้น (เร่งด่วน) ได้แก่ บรรเทาปัญหาความหนาแน่นของหมอกควันและผลกระทบที่เกิด ขึ้น การหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการตรวจจับพี่น้องชาวบ้านที่กำลังจะเริ่มทำไร่ (เผาไร่) โดยเฉพาะที่ทำกินที่ อยู่ในเขตป่า การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเฝ้าระวังการเผาที่จะเกิดขึ้นใหม่ และการจัดตั้งอาสาสมัคร ดับไฟที่มีประสิทธิภาพ และแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว อาทิ การศึกษาข้อมูลในเชิงสถิติ ปริมาณ ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกิดไฟป่า และผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมที่ แท้จริง การทบทวนนโยบาย/แนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การจัด Zoning การเผา รวมทั้งนโยบายอื่น ๆ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายยอมรับ และสร้างให้เกิดกลไกมีส่วนร่วมในการจัดการ ร่วมกันระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาควิชาการ และภาคชุมชน และการศึกษาหาวิธีการ ทาง เลือกอื่น ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟป่าอย่างเหมาะสมตามรูปแบบของการเกิดไฟ บนฐานความ รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการป้องกันและช่วยดับไฟ การ กำหนดให้ปัญหาหมอกควัน เป็นวาระแห่งชาติ และการบูรณาการการป้องกันแก้ปัญหาอุบัติภัยทุกภาคส่วนทั้ง ด้านวิชาการและเทคโนโลยี เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดมาตรการ "7 วันปลอดควันวันสงกรานต์" ได้แก่ มาตรการด้านการป้องปรามและเฝ้าระวัง มาตรการด้านการควบคุม มาตรการด้านการรณรงค์ประชา สัมพันธ์ มาตรการด้านการปฏับัติการดับไฟป่า และมาตรการด้านการรายงานและประเมินผล
|
||||||||||||||||||||||||
1166 | สรุปผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | นร | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงาน
ผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง (คพพ.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2550 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประเด็นสำคัญของการประชุมประกอบ ด้วย หลักการสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ซึ่งได้แก่ การพัฒนาที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง ได้มากขึ้น โดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาที่ไปสู่ความยั่งยืนและสร้างภูมิคุ้มกันให้ คน/ชุมชนปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงใช้ความคิดของชาวบ้านเป็นหลัก รัฐเป็นผู้สนับสนุน การเชื่อมโยงความคิด ของชุมชนเข้าสู่กระบวนการทำงาน โดยมีจังหวัดเป็นกลไกในการประสานและสนับสนุนให้เกิดการจัดทำแผนชุมชนที่ เชื่อมโยงกับแผนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งสอดคล้องกับแผนงานตามกรอบยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุข ใน 5 แผนงาน ส่วน คพพ.จะเสริมต่อการดำเนินงานของชุมชนที่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาศักย ภาพของหมู่บ้าน/ชุมชนได้ผลดี โดยจังหวัดต้องมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรเงินตามสภาพปัญหาของชุมชน ไม่ใช่ กระจายเม็ดเงินอย่างเท่าเทียมกันในทุกชุมชน และแนวทางการบูรณาการสู่ความอยู่ดีมีสุขของชุมชน คือ ความพอ เพียง ไม่ยากจน ความน่าอยู่ ปลอดภัย ความเข้มแข็ง มีความรู้ มีสุขภาวะ และมีคุณธรรม โดยผู้ว่าราชกาจังหวัด ต้องมีบทบาทเป็นผู้ประสานเชื่อมโยงการบูรณาการทั้งในส่วนขององค์กร คน เงิน และทุนทุกประเภท โดยใช้หลัก 4 ประการ ได้แก่ (1) ยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (2) ประชาชนมีบทบาทเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ได้รับประโยชน์ ส่วนราชการเป็น ฝ่ายเอื้ออำนวย (3) รวมพลังทุกภาคส่วน และ (4) บูรณาการอย่างเป็นระบบ สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป ให้ จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายในวันที่ 10 เมษายน 2550 รวมทั้ง พิจารณากลั่นกรอง และอนุมัติโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนด และส่งให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||
1167 | การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข | มท | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ ให้ศูนย์พัฒนาการเมืองการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ศพป.) ทุกระดับเป็นองค์กรขับเคลื่อนและบูรณาการ การพัฒนาประชาธิปไตย รวมทั้งให้อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อสพป.) เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกิจ กรรมในทุกพื้นที่ กับให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ ศพป. ทุกระดับ และนำหลักสูตรการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขบรรจุไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ พร้อมทั้งบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียน การสอนทุกระดับ โดยหลักสูตรการพัฒนาการเมืองการปกครองดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความรู้ความ เข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ฯ และการปรับเปลี่ยนทัศนะคติของ ประชาชนให้ "ถูกต้อง เป็นธรรม เป็นไทย" ดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูก ต้องเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นไทย การให้มีความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรมและได้ คนดี และการนำกรณีศึกษาระบอบประชาธิปไตยเป็นแนวทางในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน และ ให้สำนักงบประมาณ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณการพัฒนาการเมืองการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่ ศพป. ในแต่ละระดับจะขอรับการสนับสนุนเพิ่ม เติม ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นและข้อเสนอแนะของส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรประสานกับคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสภาพัฒนา การเมืองและยกร่างแผนแม่บทพัฒนาการเมือง สภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ภาคประชาสังคม กลุ่มเครือข่ายองค์กร NGO และภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและเชื่อมโยงในภารกิจที่คล้ายคลึงกัน ส่วนกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ควรประสานกับสถาบันการศึกษา สถาบัน พระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะรัฐศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ โดยเนื้อหาหลักสูตร ให้เน้นสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย นอกจากนี้ ควรคิดรูปแบบและกลไกการฝึกอบรมวิทยากร ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเน้นการฝึกปฏิบัติ และกำหนดวิธีการประเมินผลการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลการ ดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1168 | นโยบายด้านการคุ้มครองสถานภาพผู้สูงอายุ โดยการขยายผลการดำเนินงานโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน | พม | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ประธานกรรมการผู้
สูงอายุแห่งชาติเสนอมติคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 วันที่ 17 มกราคม 2550 ที่ให้มีการขยายผลโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน โดยกำหนดเป็นนโยบายด้านผู้สูงอายุ และให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นองค์กรหลักในการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในท้องถิ่น และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการ
|
||||||||||||||||||||||||
1169 | แนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2550 | รง | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศ
กาลสงกรานต์ พ.ศ. 2550 ของกระทรวงแรงงาน สรุปได้ดังนี้ กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง ขนส่งจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ จัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และฝึกอาชีพยกระดับฝีมือแรงงานให้ แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจทาง หลวง และหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ให้มีความรู้ด้านช่างยนต์ สามารถวิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องใน เบื้องต้นได้ และมอบให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค (สพภ.) และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) จัด ทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเส้นทางต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ทั้งได้ขอความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง อู่ซ่อมรถยนต์ หรือผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ หน่วยงานภาค รัฐของจังหวัดจัดตั้งศูนย์บริการตรวจสภาพ ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทั้งก่อนและระหว่างเทศ กาลในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความพร้อมและเหมาะสม นอกจากนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร การขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการรณรงค์ช่วยลดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่งด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1170 | ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม | พม | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม ครั้งที่
3 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยที่ประชุมได้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์สังคมที่ จักเร่งขับเคลื่อนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย 5 งานสำคัญ คือ (1) พัฒนาระบบสวัสดิการท้อง ถิ่น โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเทศบาลเมืองพัทยา เพื่อจัดระบบการดูแลผู้ยาก ลำบากในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (2) ขยายระบบสวัสดิการขุมชน โดยร่วมกับเครือ ข่ายองค์กรชุมชนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (3) สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานในการสร้างสันติสมาน ฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักความเป็นกลาง และมีเครือข่ายภาคประชาชน ชุมชน อาสาสมัคร เป็น กลไกสำคัญในการทำงาน (4) ร่วมถอดสลักความรุนแรงในสังคมไทย โดยเปิดเวทีประชาธิปไตยชุมชน เพื่อความ มั่นคงของมนุษย์ในระดับอำเภอและเขตกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งความสมานฉันท์ในระดับฐานรากระหว่างประชาชน และ (5) จัดระบบและพัฒนาหอพักนักศึกษาในเขตเทศบาล และพัฒนาสภาวะแวดล้อมโดยรอบมหาวิทยาลัย รวม ทั้งกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น พ.ศ. .... พระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรม แห่งชาติ พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
1171 | ขอให้คณะรัฐมนตรีทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็นชอบ
ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (20 มิถุนายน 2549) ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็น อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และมอบให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจการบริหารการพัฒนา และยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับกรณีขอให้มีคณะกรรมการเพื่อเชื่อมโยงภารกิจขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับภารกิจของส่วนภูมิภาค ควรพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจให้ครบถ้วนและชัดเจนก่อน ขอจัดตั้ง โดยดำเนินการภายใต้กรอบของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ องค์ ประกอบของคณะกรรมการ อำนาจหน้าที่และความเชื่อมโยงอย่างครอบคลุม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดัง กล่าว ควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดเมื่อสามารถใช้องค์กรเป็นเครื่องมือบริหารจัดการและบูรณาการกิจกรรมพัฒนา และปัญหาต่าง ๆ ได้ทุเลาลงแล้ว สำหรับรูปแบบแนวทางการบริหารการพัฒนา นอกจากคณะกรรมการแล้ว ไม่สม ควรมีการจัดตั้งองค์กรอื่นใดขึ้นอีก นอกจากนี้องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ควรให้มีผู้ทรง คุณวุฒิเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1172 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 | นร | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความ
ปลอดภัยทางถนนเสนอดังนี้ เห็นชอบแผนบูรณการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 ได้แก่ การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2550 การกำหนดเป้าหมายคาดคะเนจำนวนครั้งอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ (Admit) รวมทั้งมาตรการด้าน การป้องปรามผู้กระทำผิด มาตรการด้านการควบคุม และมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย และเห็นชอบการจัดกิจกรรมสัปดาห์รณรงค์ความปลอดภัยทางถนนตามกรอบสหประชาชาติและกิจกรรม ACD Road Safety Day (Asia Cooperation Dialogue-ACD) ของประเทศไทย ประกอบด้วย การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2550 และการจัดประชุมเชิงวิชาการสรุป บทเรียนการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2550 ในทุกจังหวัด สำหรับส่วน กลางร่วมจัดกิจกรรมกับ UNESCAP UNICEF WHO และองค์กรอื่น ๆ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติประจำประเทศไทย ในวันที่ 25 เมษายน 2550 ทั้งนี้ โดยให้กระทรวง หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยว ข้องทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและถือปฏิบัติตามมาตรการ รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า เป้าหมายการปฏิบัติงานตามแผนดังกล่าว ทั้งในส่วนของจำนวนครั้งของอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ นั้น เป็นการประมาณการที่จัดทำขึ้นเพื่อการบริหารจัดการและการประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผน เท่านั้น ดังนั้น ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูลในเรื่องนี้ จึงให้ดำเนินการให้เหมาะสม ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจได้ ง่าย โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลอุบัติเหตุให้ถูกต้องและรวดเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1173 | การปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ. 2540 | นร | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการ
คลังว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ. 2540 โดยให้ครอบคลุมถึงเจ้า หน้าที่ที่เป็นข้าราชการซึ่งปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในหน่วยบริการดูแลอื่น ๆ เช่น โรง เรียน สถานสงเคราะห์ เป็นต้น ไม่เฉพาะหน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น รวมทั้งพนักงานของ รัฐ และลูกจ้างประเภทต่าง ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลผู้ที่ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เอชไอวีเช่นกัน และให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการยกร่างระเบียบ ฯ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องที่เห็นควรปรับปรุงระเบียบให้ครอบคลุมถึงข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติ หน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขด้านการบำบัดการส่งเสริมสุขภาพ การฟื้นฟูสมรรถภาพ การควบคุมโรคและ การป้องกันโรค การกำจัด และการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีลักษณะที่เป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์ และปรับ ปรุงความหมายของคำว่า "หน่วยบริการ" ตามร่างระเบียบให้ครอบคลุมเป็น "หน่วยบริการ หมายความว่า หน่วย งานของราชการที่ดำเนินงานทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ในการให้บริการดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ เช่น สถานสงเคราะห์ ศูนย์บริการทางสังคมประเภทต่าง ๆ ของทาง ราชการ เป็นต้น" ไปพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1174 | แผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการทรัพยา
กรน้ำแห่งชาติ เสนอกรอบแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว และแผนการบรรเทาผลกระทบจาก ปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณให้สามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สำหรับการ ดำเนินงานตามแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว ในวงเงิน 10,577.21 ล้านบาท และแผนการ บรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ในวงเงิน 4,286.47 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลง กับสำนักงบประมาณในรายละเอียด และมอบหมายให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรม การจัดทำแผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้งเพื่อดำเนินการจัดทำรายละเอียด แผนงาน และงบ ประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2559 เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยคณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสถาบันสารสน เทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร) เข้าร่วมจัดทำแผนดังกล่าวด้วย และให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำและ ดำเนินการตามแผนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1175 | สถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ | นร | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือเสนอมติที่
ประชุมคณะกรรมการ ฯ เกี่ยวกับมาตรการและแนวทางแก้ปัญหาหมอกควัน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 สรุปโดย สังเขปดังนี้ การดำเนินการในระยะสั้น ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งบินสำรวจการทำฝนหลวงทุกวันช่วย แจ้งจุด Hot Spot มาที่ศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ เพื่อที่จะได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนิน การต่อไป กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงจากการเผาว่ามีสาเหตุมาจากการทำ Contact Farming หรือไม่ อย่างไร และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานความร่วมมือกับประเทศอาเซียนเพื่อประชุมหา รือร่วมกันในการแก้ปัญหา Hot Spot และหมอกควัน ส่วนการดำเนินการในระยะกลาง แจ้งข้อมูลในการตรวจวัด ระดับฝุ่นละอองให้ประชาชนทราบเพื่อเป็นการป้องกันและเพิ่มความระมัดระวัง ใช้สื่อ โดยเฉพาะสื่อวิทยุเพื่อสื่อสาร และขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่ได้เฝ้าระวังการจุดไฟทั้งการเผาป่า และการเผาในที่โล่ง พร้อมทั้งจัดอาสา สมัครพิทักษ์ไฟในชุมชน พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟ สำหรับการดำเนินการในระยะยาว กำหนดเทศ บัญญัติ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เรื่องการเผาขยะและวัชพืช ให้มีบทลงโทษและปฏิบัติอย่างจริงจัง ศึกษาผล กระทบที่เกิดจากปัญหาไฟป่าอย่างรอบด้านเพื่อการวางแผนแก้ไขปัญหาที่ครบวงจรและส่งเสริมให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบล ได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางป้องกันและ แก้ไขปัญหาไฟป่า รวมทั้งภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
1176 | ร่างระเบียบและกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2550 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2550 | กก | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2550 และกีฬาอาเซียน
พาราเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2550 เสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2550 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2550 ว่าด้วยการเงินและงบประมาณ พ.ศ. 2550 และว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2550 รวม 2 ฉบับ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุ บัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งเห็นชอบกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นใน การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2550 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2550 จำนวนรวม 1,463 ล้านบาท และอนุมัติหลักการให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขัน โดย สนับสนุนค่าใช้จ่าย หรือดำเนินกิจกรรมอื่นที่เป็นการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการจัดการแข่ง ขัน ฯ เร่งรัดดำเนินการจัดหารายได้จากสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้ครอบคลุมประมาณการรายจ่ายให้มากที่สุด นอก เหนือจากนี้ให้ประสานขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1177 | ขออนุมัติให้ส่วนราชการ องค์การ หรือรัฐวิสาหกิจ ซื้อเมล็ดพันธุ์จากกรมการข้าว โดยวิธีกรณีพิเศษ | กษ | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในการ
ประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ให้กรมการข้าวได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับในการ จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวเช่นเดียวกับที่กรมส่งเสริมการเกษตรเคยได้รับ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการ บริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ประสงค์จะสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าว ให้สามารถสั่งซื้อได้ โดยวิธีกรณีพิเศษโดยไม่ต้องสอบราคาหรือประกวดราคา |
||||||||||||||||||||||||
1178 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. .... | นร | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้นำกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย มาบัญญัติไว้รวมกัน และ ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ การจัดทำแผน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ควรให้ความสำคัญในการประสานความร่วมมือกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชน และองค์กรภาคประชาชนด้วย และโดยที่งานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจะเกี่ยวข้องกับงานที่หน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่ด้วย เช่น ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น จึงให้กระทรวงมหาด ไทยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว เพื่อเชื่อมโยงและรวบรวมข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อการ ตัดสินใจและติดตามการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรีไว้ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1179 | ร่างพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | คค | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างพระราชบัญญัติการทางพิเศษ
แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎ หมายว่าด้วยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของ กทพ. ให้สามารถดำเนินกิจ การในอันที่จะให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อความ ปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ทางพิเศษ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอันตรายจากการติด หรือตั้งป้ายโฆษณาตามร่างมาตรา 38 และบทเฉพาะกาลตามร่างมาตรา 71 ว่าควรมีการวางแนวทางปฏิบัติให้ ชัดเจน และพิจารณาว่ามาตรการดังกล่าวและระยะเวลาตามบทเฉพาะกาลมีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด โดย ให้ กทพ. ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล) เป็นประธาน หากเห็นว่ามาตรการดังกล่าวมีความเหมาะสมและมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนแล้วให้ ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตเกี่ยวกับป้ายโฆษณาที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับร่างพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่ง มีจำนวนมาก ไม่เป็นระเบียบ หรือมีลักษณะไม่เหมาะสมด้วยประการอื่น เช่น น่าจะเป็นอันตราย กระทบต่อ วัฒนธรรมอันดีของประชาชน หรือใช้ภาษาไม่เหมาะสม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ โดยประสานกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1180 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. .... | พม | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเด็กและเยาว ชนแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ กำหนดให้รัฐดำเนินการพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยส่งเสริมให้ภาคต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ กรณีการจัดตั้งสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ขึ้นในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาจ เกิดความซ้ำซ้อน และไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2547 ที่กำหนดว่าในการร่างกฎ หมายเพื่อใช้บังคับในเรื่องใดก็ตาม ไม่ควรมีข้อกำหนดในรายละเอียดให้มีการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ แต่ควร มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ เป็นหน่วย งานรับผิดชอบการดำเนินงาน และปรับข้อความเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและหลักการกระจายอำนาจจาก ที่บัญญัติไว้ตามร่างพระราชบัญญัติ เป็น "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาเด็ก และเยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบตามความเหมาะสม" สำหรับการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดทำ แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่นให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ รวมทั้งการออก ข้อบัญญัติหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามแผนดังกล่าวในร่างมาตรา 38 และร่างมาตรา 39 เห็นว่าไม่ขัดกับหลัก ความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะนัยตามร่างมาตราดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความ เชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายความสำเร็จของการดำเนินงานพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยกำหนดหลักการดำเนินงานไว้ ส่วนรายละเอียดเป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะต้องดำเนินการตามภารกิจของตนต่อไป และรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติ ฯ แล้วส่งให้ คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
.....