ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | แผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) | นร | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติที่ประชุมพิจารณาแผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนา
ฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 ตาม ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการที่จะขอ สนับสนุนจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 109,381,400 บาท โดยให้หน่วย งานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุน ฯ พิจารณาตามขั้นตอนโดย ด่วนต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2551 ของกระทรวง เพื่อใช้ดำเนินโครงการในกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูง จำนวน 8 โครงการ วงเงิน 37,758,720 บาท โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้คำนึงถึงบทบาทและภารกิจของ อปท.เป็นหลักในการดำเนินการ กับให้กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในกลุ่มโครงการที่เห็น ควรขอสนับสนุนงบประมาณปกติ เพื่อเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดทำ แผนแม่บทด้านการบริหารจัดการปัญหาขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และน้ำเสีย โดยให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวม การคัดแยก การกำจัด และการบริหารจัดการขยะและสิ่งปฏิกูล ตลอดจนปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชนและชุมชนให้มีส่วน ร่วมในการดูแลรักษาความสะอาด และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน เสนอนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||
1122 | รายงานผลการพัฒนาระบบราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - 2549 | นร | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการพัฒนาระบบราช
การประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549 สรุปได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น ส่วน ราชการสามารถลดระยะเวลาในการปฏิบัติราชการลงได้ โดยเฉลี่ยร้อยละ 47.90 เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐของประชาชน โดยเฉลี่ยร้อยละ 76.61 ต่ำกว่า เป้าหมายเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2550 จะสามารถยกระดับความพึงพอใจของประชาชนได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ส่วนการปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดของภาครัฐให้มีความเหมาะสม ปริมาณหรือจำนวนของภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของส่วนราชการ ลดลงร้อยละ 73 กฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก จำนวน 233 ฉบับ จำนวนข้าราช การลดลงร้อยละ 4.35 สำหรับการยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่า เกณฑ์สากล มีหน่วยราชการได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานอย่างน้อย 1 กระบวนงานหลัก ร้อยละ 60 ข้า ราชการได้รับการพัฒนาขีดความสามารถตรงตามที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 และส่วนราชการอย่างน้อยร้อยละ 80 ได้รับการพัฒนาการให้บริการหรือสามารถดำเนินงานในรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของการเปิดระบบ ราชการให้สนองต่อการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระดับความสำเร็จของการเปิดโอกาสให้ประชา ชนเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก ระดับความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอยู่ในระดับมากที่ สุด และร้อยละของปัญหาขัดแย้ง หรือกรณีพิพาทร้องเรียนระหว่างส่วนราชการกับประชาชน มีจำนวนลดลงหรือ ไม่มีปัญหาความขัดแย้งในระดับมากที่สุด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งรัดการจัดทำรายงานผลการพัฒนาระบบ ราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า การพัฒนาระบบราชการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการให้เหมาะสม สอดคล้องสัมพันธ์กัน ลดช่องว่างในทางปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราช การแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
|
||||||||||||||||||||||||
1123 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง ข้อสังเกตของ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | อก | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีที่ให้มี การกระจายอำนาจการจัดการของเสียอันตรายจากโรงงานให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น กรมโรงงานอุตสาห กรรมได้กำหนดให้จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทั้งภายนอก และภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ก่อกำเนิดของเสียอันตรายจำนวนมากเป็นพื้นที่นำร่องในการกระจายอำนาจ การตรวจกำกับดูแลของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น ส่วนกรณีให้มีการประสาน การทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม นั้น ได้มีการ ประสานการทำงานกับส่วนท้องถิ่นให้รับทราบการอนุญาตของเสียอันตรายและข้อมูลที่จำเป็น ตลอดจนเกณฑ์และ แนวทางปฏิบัติในการจัดการของเสียอันตราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถรับทราบได้โดยตรงที่สำนักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้จากฐานข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมทางสื่อ อิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||
1124 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550) | มท | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด 9 อำเภอ 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ ราษฎรเดือดร้อน 7,550 คน 2,598 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และบางส่วน 5 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,500 ไร่ ความเสียหาย ด้านอื่น ๆ และมูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ และปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัย ยังคงมีสถานการณ์อุทก ภัย 3 จังหวัด ด้านการให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว สำหรับสภาพน้ำ ท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านอำเภอเมือง จังหวัดนคร สวรรค์ 1,387 ลบ.ม./วินาที และปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 1,377 ลบ.ม./วินาที ส่วน สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 53,274 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิด เป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี พ.ศ. 2549 (60,298 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 7,024 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็นร้อยละ 11.64 ของความจุอ่างทั้งหมด ในส่วนของสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน น้ำเหนือจะไม่มีผลกระทบต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายกเว้นกรณีที่มีฝนตกหนักในพื้นที่อาจ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นบางพื้นที่ โดยกรมชลประทานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมเครื่อง สูบน้ำประจำที่ท่าสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
1125 | หนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" | พม | 25/09/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรม
พัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดทำหนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 โดยหนังสือดังกล่าวได้รวบรวมความ ดี จำนวน 80 ความดี ซึ่งเป็นความดีของบุคคลและองค์กรที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานทั่ว ประเทศในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในการพัฒนาตนเอง การพัฒนาศักยภาพชุมชนจนประสบความ สำเร็จสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และจะได้จัดส่งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่สถาบันการศึกษาระดับ ต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเครือข่ายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กร ภาคเอกชน ส่วนราชการ สื่อมวลชน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หอ สมุดแห่งชาติ และเจ้าของความดี
|
||||||||||||||||||||||||
1126 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 18/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเห็นว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายอุดหนุนองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว จึงให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้จ่ายจากเงินดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
1127 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 [ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535)] | อก | 11/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจ การโรงงาน ซึ่งประสงค์จะชำระค่าธรรมเนียมรายปีให้ชำระผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือที่ทำการไปรษณีย์ หรือศูนย์บริการชำระเงินที่เชื่อมต่อระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรม โรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี และส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1128 | การกำหนดหลักเกณฑ์การให้รางวัลจูงใจตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549 - 2551) | นร | 11/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.)
เสนอว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 คปร.จะปรับปรุงยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549- 2551) ซึ่งจะสิ้นสุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศัก ราช พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. .... รวมทั้งแนวทางการพัฒนาระบบราชการ และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภาครัฐแนว ใหม่ เพื่อจัดทำข้อเสนอใหม่เรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ 2552-2555) รวมทั้งรายละ เอียดหลักเกณฑ์และวิธีการให้รางวัลจูงใจส่วนราชการที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ฯ ให้สอดคล้องกัน และนำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันต่อไป นอกจากนี้ คปร.มีมติให้ตรึงกรอบอัตราข้าราชการในภาพรวม (ไม่รวมถึงข้าราชการทหารข้าราชการรัฐสภาสามัญ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และข้าราชการส่วนท้องถิ่น) ตามจำนวนตำแหน่งมีเงินที่มีอยู่ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำนวน 1.16 ล้านอัตรา และตรึงกรอบอัตราพนักงานราชการในภาพรวมให้มีจำนวนไม่เกิน 243,490 อัตรา เพื่อควบคุมจำนวนกำลังคน ภาครัฐมิให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นภาระผูกพันงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคคลในระยะยาวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1129 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2550 (1 ตุลาคม 2549 - 30 มิถุนายน 2550) | สธ | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.) รายงานสรุปผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รอบ 9 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549-30 มิถุนายน 2550 มีประชากรลงทะ เบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 46.74 ล้านคน มีหน่วยบริการคู่สัญญาในระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 1,194 แห่ง ด้านการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุข ภาพถ้วนหน้า มีการใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน 82.61 ล้านครั้ง (27.50 ล้านคน) อัตราเฉลี่ยการใช้บริการ ผู้ป่วยนอก เท่ากับ 2.59 ครั้ง/คน/9 เดือน และผู้ป่วยใน จำนวน 3.05 ล้านคน (11.77 ล้านวัน) อัตราการใช้ บริการผู้ป่วยใน เท่ากับ 0.14 ครั้ง/คน/9 เดือน ด้านการควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริหาร หน่วย บริการที่มีการพัฒนาตามมาตรฐาน HA หรือ ISO 9001 : 2000 ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 91.36 เป็น 94.33 สำหรับการคุ้มครองสิทธิ การช่วยเหลือเบื้องต้น และการประชาสัมพันธ์ ในส่วนของการให้ บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิและผู้ให้บริการในระบบหลักประกันถ้วนหน้าได้มีการให้บริการไปแล้วทั้ง สิ้น 623,844 เรื่อง โดยร้องเรียนทุกเรื่องได้รับการตอบสนอง (ตอบกลับผู้ร้องหรือผู้แจ้งเรื่อง) ภายใน 5 วันทำ การ ด้านการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ กรณีที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการรักษาพยา บาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 318 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 37.61 ล้านบาท รวมทั้งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขใน ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 121 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 1.89 ล้านบาท นอกจากนี้ สปสช. ได้สนับ สนุนการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายองค์กรประชาชน เครือข่ายผู้ป่วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรวิชาชีพ ในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระบบ ประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่วนการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา มีการใช้เงินกองทุน ฯ ไปแล้วทั้งสิ้น 42,911.81 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.57 ของงบประมาณที่ได้รับตามพระราชบัญญัติหลักประกัน ฯ 63,508.46 ล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายเกินกว่างบ ประมาณที่ได้รับในงบช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ ฯ และงบชดเชยค่าธรรมเนียม 30 บาท แก่หน่วยบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
|
||||||||||||||||||||||||
1130 | ข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา พ.ศ. .... | กค | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงิน
ค่าตอบแทนการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธี ปฏิบัติในการบังคับคดีและสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อให้ส่วนราชการ (กระทรวง กรม หรือ ส่วนราชการอื่นและมีฐานะเป็นกรม และราชการส่วนภูมิภาค แต่ไม่รวมถึงราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจหรือ หน่วยงานอื่นของรัฐ) ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1131 | รายงานการสอบสวนเรื่องร้องเรียนน้ำเน่าเสียในจังหวัดนครปฐม | ผร | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภารายงานการสอบสวนเรื่อง
ร้องเรียนกรณีน้ำเน่าเสียจากเขตเทศบาลนครนครปฐม ตำบลสนามจันทร์ ตำบลห้วยจรเข้ ตำบลพระประโทน ตำบลถนนขาด ตำบลธรรมศาลา ตำบลดอนยายหอม และตำบลท่ากระชับ ได้ไหลลงสู่คลองบางแก้ว บึงกุ่ม และบึงบางช้าง ทำให้น้ำในคลองและบึงดังกล่าวเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น และส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำหลายชนิดที่ อาศัยอยู่ในคลอง รวมทั้งประชาชนที่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยน้ำเสีย จากฟาร์มสุกรโดยมิได้ผ่านการบำบัดลงสู่ลำคลอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัดยังมิได้ ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย จึงควรมีการแก้ไขปรับปรุง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุง บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครนครปฐมโดยเร่งด่วนตามแบบซึ่งได้อนุมัติในการประชุมเชิงปฏิบัติการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจบ่อบำบัดน้ำเสีย หากพบว่าใช้ งานไม่ได้พลดี ควรเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงโดยเร็ว โดยประยุกต์ใช้รูปแบบที่ใช้ในโครงการวิจัย และพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวทางที่ใช้ที่เทศบาลนครนครปฐม
|
||||||||||||||||||||||||
1132 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 21/08/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรงมหาดไทยเสนอขอถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
จัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คืนไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1133 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 21/08/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2549 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่า งานตามสัญญาซื้องาน 51,530.25 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและ เงินทุน หน่วยงานอิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ มีมูลค่าสินทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 14,049,951.70 ล้านบาท พบความเสียหายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ รวมทั้งสิ้น 2,604.86 ล้านบาท ดังนี้ ราชการส่วน กลางและส่วนภูมิภาค 1,471.34 ล้านบาท ราชการส่วนท้องถิ่น 296.66 ล้านบาท เมืองพัทยา 0.16 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 836.70 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าความเสียหายดังกล่าวสามารถเรียกคืนหรือจัดเก็บได้ 457.79 ล้าน บาท ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับ ปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่น ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติด ตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำรายงานในปีต่อ ๆ ไป สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินควรให้ข้อเสนอ แนะและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วย เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณามอบหมายสั่งการได้ชัดเจน ยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
1134 | ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... | พม | 07/08/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติ
สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เครือข่าย องค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ได้ข้อยุติในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ตามความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้นำข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทยกรณีอำนาจหน้าที่ของสภาองค์กร ชุมชนบางส่วนที่อาจจะซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งอำนาจหน้าที่ในการตรวจ สอบและประเมินผลการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
1135 | แผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง | นร | 07/08/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมคณะกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2550 ที่มีมติมอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นประสานข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินงาน ตามแผนกับกรมทรัพยากรน้ำ และแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำและดำเนิน การตามแผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1136 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์ และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ | กษ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์
และพัฒนาบึงบอเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 26 ท่าน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น ประธานกรรมการ และอธิบดีกรมประมง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแนว ทางการพัฒนาบึงบอเพ็ด กำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและแผนดำเนินโครงการในระยะต่าง ๆ ตามผลการ ศึกษาความเหมาะสม และอนุมัติแผนปฏิบัติการหรือโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบึงบอเพ็ดของส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งประสานและติดตามประเมินผล การดำเนินการพัฒนาบึงบอเพ็ดของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
1137 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 4/2550 | กค | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอมติที่
ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2550 ดังนี้ ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวง สาธารณสุข จัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ได้หรือใกล้เคียงเป้าหมายร้อยละ 93 ส่งให้กรมบัญชีกลาง โดยให้สำนักงบประมาณดูแลการปรับ แผนของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข และรายงานผลการปรับแผนของส่วนราชการต่อที่ประชุม ครั้งต่อไป กับให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเตรียม ข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินว่า ยังมีเงินค้างอยู่ในธนาคารพาณิชย์เท่าไร และรายงานที่ประชุมในครั้งต่อไป และให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาคมอุตสาห กรรมก่อสร้างไทยหารือร่วมกัน แล้วทำหนังสือแจ้งส่วนราชการในเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง รวมทั้ง ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาประเด็นราคากลางต่ำกว่าความเป็นจริง หากต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณ ราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้ สศช. ขอข้อมูลการค้างจ่าย ค่า K ของทุกส่วนราชการ และประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงิน ล่วงหน้า และการซอยโครงการขนาดใหญ่ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลในทางปฏิบัติเกี่ยวกับกฎระเบียบ การขึ้นบัญชีดำบุคคลให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
1138 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่ง ชาติ พ.ศ. 2507 โดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ปรับปรุงบัญชีอัตราค่า ธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่าให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ที่ เห็นควรกำหนดรายละเอียด และวิธีการคัดเลือกผู้ที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะร่วมเป็นคณะกรรม การควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติให้ชัดเจน และกำหนดมาตรการป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติใน เขตป่าสงวนแห่งชาติที่รัดกุม เนื่องจากบางกรณีอาจเป็นการกระทำหรือมีส่วนร่วมของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง กำหนดบทลงโทษในกรณีดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1139 | การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 | นร | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
เรื่อง การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจาก การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้ เรื่องคุณธรรมถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งควรมีการบูรณาการ ร่วมกันของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ขณะเดียวกันกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้ มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่ง เสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิ ภาพ และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลด้วย สำหรับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขควรหมายรวมไปถึงเรื่องสุขภาพ สุขภาวะ และอนามัยด้วย และส่งเสริมให้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง ที่ลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่น โดยให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ แจ้งแผนงาน/โครงการ และงบ ประมาณลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่นให้จังหวัดทราบ เพื่อให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนได้ ร่วมกันพิจารณาหารือเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณดังกล่าว ว่าสมควรปรับปรุงแผนงาน/โครงการ หรือไม่ ประการใด เพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขท่านละ 2-3 จังหวัด และ ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ควรมีการศึกษาถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ว่าการดำเนินงาน ตามนโยบาย ได้ดำเนินงานไปแล้วเกิดผลอย่างไร ควรมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร หรือไม่ และมีเรื่องใดสมควร กำหนดเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคตโดยอาจจัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของราช การและเอกชน โดยเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้า ของเรื่องร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยศึกษาวิจัยในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ อาจขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอข้อแนะนำเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1140 | บริษัท สายจำรัสปูนขาว จำกัด ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วงการทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์ หรือเพื่อทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรืออุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา | ทส | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้บริษัท สายจำรัส
ปูนขาว จำกัด เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วง การทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์หรือเพื่อทำปูนขาว สำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรือ อุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (กรมป่าไม้) และบริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรแก้ไขเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาต ในข้อ 13 และ ข้อ 22 โดยให้ใช้ข้อความดัง ต่อไปนี้ "ข้อ 13 ต้องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพเพื่อป้องกันการก่อให้เกิดเหตุรำคาญและแก้ไขเหตุรำคาญที่เกิด ขึ้นหรือลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนส่วนรวม อันเกิดจากการประกอบกิจการของผู้ได้รับอนุญาต" และ "ข้อ 22 ต้องให้ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของคณะทำงานเฉพาะกิจ ฯ และ/หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนที่จะติดตาม หรือมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจ สอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพ ตามที่ระบุไว้ในราย งาน ฯ ตามควรแก่กรณี โดยให้ปฏิบัติตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้สั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติเพื่อให้เป็นไป ตามมาตรการฯ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย" และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (Mitigation Plan) ของสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้กรมป่า ไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ฯ ไป กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เพื่อให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของกรมป่าไม้ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้ง ให้ความสำคัญในเรื่องแผนฟื้นฟูและแผนป้องกันผลกระทบจากสิ่งแสดล้อมในเรื่องของปริมาณฝุ่นละออง และเสียง โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้แทนชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ติดตามประเมินผล และให้มี การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้วรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุก 2 ปี ต่อไป นอกจากนี้ ให้กรมป่าไม้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายของหนังสืออนุญาตให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ให้ ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในบริเวณพื้นที่โดยรอบ เช่น การจ้างงานกับประชาชนท้อง ถิ่นเป็นอันดับแรก การฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของประชาชนในท้องถิ่นที่จะได้ รับ การจัดตั้งเป็นกองทุนสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นที่บริหารโดยไตรภาคี คือ บริษัท ภาครัฐ ภาคประชาชนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....