ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | โครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงาน ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี | ศธ | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็ก
และเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงานตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปี งบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 เพื่อให้เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานได้รับการศึกษาอย่าง ต่อเนื่องและทัดเทียมกับเด็กและเยาวชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อให้ชุมชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ ดีขึ้น โดยงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ ฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามขั้น ตอนต่อไป ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2556 ให้พิจารณาเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตาม ขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักประสาน เร่งรัด กำกับ และติดตาม การดำเนินโครงการ ฯ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้ชัดเจนโดยให้ คำนึงถึงความสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และภูมิสังคมที่มีความแตกต่างในแต่ละ ภูมิภาคและท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนในการพัฒนาการเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมคุณธรรม การปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคีในการเรียนการสอน ไปพิจารณาด้วย และให้กระทรวง ศึกษาธิการพิจารณาแนวทางในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ ฯ จากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุน งบประมาณในโครงการ ฯ ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1062 | การขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่องงบประมาณลงทุนประจำปี 2536 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ) | กก | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติอนุมัติ
ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่อง งบประมาณลงทุนประจำปี พ.ศ. 2536 ของการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควร กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งสำนักงานสาขาในประเทศให้มีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสมและจำเป็น ตลอดจน มีความคุ้มค่า โดยให้คำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว และให้ประสานขอใช้อาคารในศูนย์ราชการในจังหวัด ต่าง ๆ ที่ว่างอยู่หรืออาจประสานกับองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนและร่วมมือใน การดำเนินการ เพื่อให้เกิดการบริหารการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณเกี่ยวกับการจัด หาอาคารสำนักงาน และรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงขีดความสามารถการให้บริการของสำนักงานและศูนย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก กว่าการเพิ่มจำนวนสำนักงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1063 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 [ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535)] | นร | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระ สำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และโรงงานจำพวกที่ 3 สามารถชำระค่าธรรมเนียมราย ปีผ่านที่ทำการไปรษณีย์หรือศูนย์บริการชำระเงินที่เชื่อมต่อระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอม พิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อีกนอก เหนือจากชำระค่าธรรมเนียมรายปีผ่านธนาคารพาณิชย์ด้วยวิธีดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและเพิ่ม ความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1064 | มาตรการการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ
ประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยยกเลิกการดำเนินโครงการเดิม 3 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย โครงการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบ แนวทาง และหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลผลิตการจัดทำและบริหารงบประมาณ โครงการจ้างที่ปรึกษาให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ ประเมินผล 1 ด้านการจัดทำการประเมินผลเชิงลึก และโครงการประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยปรับ แผนไปดำเนินการโครงการ/รายการใหม่ 2 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย ราย การปรับปรุงอาคารสำนักงบประมาณ เพื่อรองรับโครงสร้างในส่วนที่เป็นงบประมาณจังหวัด และรายการครุภัณฑ์ สำหรับอาคารห้องประชุม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1065 | หลักเกณฑ์การค้ำประกันและการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง | กค | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศและร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เรื่อง หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเพดานของวงเงินการค้ำประกัน หรือวงเงินให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐแต่ละราย โดยใช้สัดส่วนของหนี้ต่อวงเงินกองทุน (Debt Equity Ratio) เป็นเกณฑ์ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๒.๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ซึ่งแยกออกเป็น ๒ กรณี คือ ๑) ผู้กู้เป็นหน่วยงานของรัฐ และ ๒) ผู้กู้เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐนั้น ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เรียกเก็บเงินสกุลตามที่ได้ค้ำประกัน ๒.๓ กำหนดระยะเวลาและกรอบในการประเมินระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๓.๒ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยให้กู้ต่อจากหน่วยงานดังกล่าวในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังกู้มาจากแหล่งเงินกู้โดยรวมค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาให้กู้ต่อด้วย ๓.๓ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อ ให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ให้กู้ต่อ ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๔.๑ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำสัญญากับผู้กู้โดยเร็ว และสัญญากู้ต้องเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ๔.๒ กำหนดขั้นตอนในการเบิกถอนเงินกู้ การชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้กู้ต่อรายงานผลการดำเนินการตามโครงการหรือแผนงานให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามการใช้จ่ายเงินกู้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1066 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | มท | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 ที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปา นครหลวง (กปน.) วงเงินลงทุน 7,494 ล้านบาท โดยให้ปรับลดการลงทุนในส่วนการวางท่อใหม่ทดแทนท่อเก่า วงเงิน 306 ล้านบาท ให้ไปจัดไว้ในงบลงทุนประจำปี และให้ กปน. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินกิจการประปามีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น การมี หน่วยงานกลางกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยให้การควบคุมมาตรฐานและการบริการมีความเท่า เทียมกัน และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงเห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอ พระราชบัญญัติประกอบกิจการน้ำ พ.ศ. .... เพื่อให้สามารถจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการน้ำได้ต่อไป ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและตรวจสอบผู้ใช้น้ำบาดาลของภาค รัฐและเอกชนที่เคยแจ้งยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้ใช้น้ำประปาอย่างจริงจัง รวมทั้ง การต่อใบอนุญาตในพื้นที่ใหม่ที่ กปน. สามารถขยายเขตจ่ายน้ำเพื่อให้บริการน้ำประปาทดแทนการใช้น้ำบาดาล ได้แล้ว เพื่อเร่งปรับลดการใช้น้ำบาดาลของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้เกิดผลสำเร็จ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันจัดทำแผนป้องกันปัญหาน้ำเสีย ควบคู่ไปพร้อมกับการ บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ตามหลักการผู้ก่อมลพิษต้องรับภาระค่าใช้จ่าย (Polluters Pay Principle) และสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบจากปัญหาน้ำเสียที่มีต่อชุมชนส่วนรวม และข้อจำกัดงบประมาณภาค รัฐ และประสานแผนงานก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความสอด คล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบการดำเนินงานและการลงทุนที่ซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนกำกับ ดูแลการให้บริการน้ำประปาของ กปน. และของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในการสนับสนุนการให้บริการ น้ำประปาซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอยต่อของจังหวัดที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1067 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2551) | มท | 20/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 10-15 พฤษภาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 5 จังหวัด 14 อำเภอ 21 ตำบล 84 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร สุราษฎร์ ธานี ชุมพร และพังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 27,179 คน 6,947 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่าง การสำรวจ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม โดยจัดตั้งศูนย์ อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี พ.ศ. 2551 ขึ้น ณ กรมป้องกันและบรร เทาสาธารณภัย และได้มีหนังสือแจ้งให้ทุกจังหวัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ ระดับจังหวัด และให้อำเภอ องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำ ศูนย์ ฯ โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย จัดทำแผนเฉพาะกิจ ฯ จัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารทั้งข่ายหลักและข่ายสำรอง จัดเตรียมยานพาหนะ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือเครื่อง ใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสิทธิชัย โควสุรัตน์) ในฐานะประธานกรรมการ ศูนย์ ฯ ได้ประชุมเพื่อติดตามสภาวะอากาศและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมความพร้อมในการป้อง กันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ของหน่วยงาน ตลอดจนประสานแผน และประสานการปฏิบัติเพื่อ ให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1068 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 13/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเกี่ยวกับการปฏิบัติ
ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 โดยในปี พ.ศ. 2550 คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการตรวจ แนะนำการปฏิบัติงานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และ นำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อมีมติในเรื่องการสนับสนุนให้การบังคับใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 เป็น ไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำโครงการศึกษาวิจัยในเรื่องต่าง ๆ เพื่อนำผลการศึกษาวิจัยในโครงการมาใช้ประโยชน์ ในการกำหนดนโยบายและแนวทางในการดำเนินงาน ดำเนินการเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานต่างๆ ของรัฐในกรณีต่างๆ ตามที่ประชาชนได้มีคำขอ ตอบข้อหารือของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนา ระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของสำนัก งานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และพัฒนาระบบสารสนเทศในการบริหารงานของสำนักงานฯ เพื่อให้ เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1069 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2551) และการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2551 | มท | 06/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 20 จังหวัด 172 อำเภอ 919 ตำบล 6,349 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาค เหนือ 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด และภาคกลาง 1 จังหวัด ราษฎรเดือดร้อน 817,243 ครัว เรือน 3,260,359 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 151,987 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 128,430 ไร่ พื้นที่ไร่ 23,110 ไร่ และพื้นที่สวน 447 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค /บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี พ.ศ. 2551 โดยสั่งการให้จังหวัดเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มที่อาจเกิดขึ้นใน พื้นที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป รวมทั้งให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มระดับจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1070 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... | นร | 22/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหาร
งานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำแผน พัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด งบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด และส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขร่างมาตรา 7 เพื่อให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นเลขานุการร่วมในคณะกรรมการ นโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า นโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ ก.น.จ. กำหนดควรสอดคล้องเชื่อมโยงกับ แผนบริหารราชการแผ่นดิน และแผนบริหารราชการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำแผนขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่สอดคล้องรองรับกันต่อไป ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งเห็นชอบให้ยกเลิก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 และระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยกร่างระเบียบเพื่อยกเลิกระเบียบทั้งสองฉบับดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1071 | มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ | กค | 22/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหา
ริมทรัพย์ที่มิได้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง รับไปพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อทดแทนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากมาตรการดัง กล่าว เช่น การขยายฐานภาษี และการนำภาษีประเภทอื่น ๆ มาใช้ เป็นต้น และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวง มหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีสนับ สนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่า จดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีสนับสนุนการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ หรืออาคาร ดังกล่าวพร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินหรือที่ดำเนินการการ จัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2552 และให้กระทรวงมหาด ไทยเร่งดำเนินการเพื่อประกาศใช้บังคับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1072 | ขออนุมัติโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2551 | ศธ | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและ
สนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน โดยผลการดำเนินโครงการ ฯ ปี พ.ศ. 2547 และ ปี พ.ศ. 2548 กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการโดยงบประมาณงบกลางวงเงิน 499,470,400 บาท ส่วนปี พ.ศ. 2549 ดำเนินการด้วยเงินรายได้พิเศษของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลวงเงิน 200,000,000 บาท สำหรับ ปี พ.ศ. 2550 ยังไม่ได้รับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ จึงดำเนินการตามความพร้อมของส่วนราชการ รวมทั้ง ได้จัดทำโครงการ ฯ ในปี พ.ศ. 2551 มีเป้าหมายการจ้างงานนักเรียน นักศึกษาทั้งสิ้นจำนวน 74,380 คน โดยขอ อนุมัติเงินงบกลางปี พ.ศ. 2551 จำนวน 185,000,000 บาท และเห็นชอบให้ส่วนราชการกระทรวงต่าง ๆ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ และภาคเอกชนร่วมมือสนับสนุนโครงการ ฯ โดยยกเว้นงบ ประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการ ฯ จำนวน 185,000,000 บาท ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผน การใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ และในส่วน ของสำนักงานคณะกรมการการอุดมศึกษาให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยก่อน หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่าย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น โดยให้ตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน เกี่ยวกับลักษณะงานที่จะให้นักเรียน นักศึกษาทำต้องคำนึงถึงความเหมาะสมแก่วัย สภาพร่างกาย และต้องไม่ให้ เกิดผลกระทบต่อการเรียน และควรให้มีการปฐมนิเทศเกี่ยวกับการจ้างงานก่อนที่จะส่งตัวไปปฏิบัติงาน และความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีกลไกการบริหารโครงการ ฯ ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเป้าหมายและแผน การดำเนินงานร่วมกันที่มีบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบไปพิจารณาประกอบการดำเนิน การต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1073 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการ" | นร | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการ ดังนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อาทิ รัฐบาลต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติให้ทุกคนในชาติมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ ที่ดี โดยใช้การพลศึกษา กีฬาและนันทนาการเป็นกิจกรรมหลักในวิถีชีวิตประการหนึ่ง และรัฐบาลต้องกำหนดเป็น ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศโดยใช้ศาสตร์ด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการขับเคลื่อน รวมทั้งส่งเสริม การดำเนินกิจกรรมผ่านสื่อสารมวลชนสาขาต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกภาค ส่วนของสังคม เป็นต้น และข้อเสนอด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ ระดับผลักดันยุทธศาสตร์ อาทิ รัฐบาลต้องผลัก ดันให้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) สามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้จงได้ และรัฐบาลควรกำหนดให้การกีฬาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของแต่ละจังหวัด ส่วนระดับปฏิบัติการ อาทิ รัฐบาลควร ผลักดันให้การพลศึกษา การเล่นกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการ กลายเป็นวิถีชีวิตของประชาชนทุกระดับ และรัฐบาลควรจัดให้มีนโยบายการกีฬาแห่งชาติ เพื่อกำหนดนโยบายมาตรการกำกับ ดูแลและสนับสนุนการปฏิบัติ งานตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการกีฬา ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้าง พื้นบ้านและอุปกรณ์กีฬาเพื่อสนับสนุนการเล่นกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการ เป็นต้น และรับทราบตาม ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงร่วมกับส่วน ราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1074 | แนวทางและแผนการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 | รง | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแนวทางและแผนการปฏิบัติตาม
มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำ แนวทางและแผนการปฏิบัติดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยร่วมกับ ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง ขนส่งจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ จัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไปมี ความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และจัดฝึกอาชีพยกระดับฝีมือแรงงานให้ แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้ด้านช่างยนต์ สามารถ วิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในเบื้องต้นได้ และให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝี มือแรงงานจังหวัด จัดทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ก่อนการเดินทาง ณ ที่ตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม-10 เมษายน 2551 และระหว่างช่วงเทศกาล ดำเนินการระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2551 โดยตั้ง จุดบริการบนถนนสายหลัก และดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้เดินทางทราบเกี่ยวกับการตั้งจุดบริการใน ช่วงก่อนเทศกาลและระหว่างเทศกาล รวมทั้งให้บริการที่พักรถปลอดภัยภายในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคและ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง จัดให้มีที่พักรถ/คน บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น ฯลฯ และติดป้ายประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบโดยทั่วกัน มีข้อความดังนี้ "เหนื่อยนัก พักก่อน ปลอดภัย ไร้กังวล"
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1075 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2551) | มท | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกา ยน 2550 ถึงวันที่ 4 เมษายน 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 55 จังหวัด 487 อำเภอ 3,138 ตำบล 24,936 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด 137 อำเภอ 733 ตำบล 5,084 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 500,872 ครัวเรือน 1,512,831 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 242 อำเภอ 1,943 ตำบล 16,916 หมู่บ้าน ราษฎร ประสบภัย 1,811,223 ครัวเรือน 8,017,458 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 43 อำเภอ 177 ตำบล 1,204 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 70,248 ครัวเรือน 250,567 คน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 47 อำเภอ 225 ตำบล 1,417 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 141,577 ครัวเรือน 418,433 คน และภาคใต้ 5 จังหวัด 18 อำเภอ 60 ตำบล 315 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 58,572 ครัวเรือน 160,517 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 150,077 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 128,430 ไร่ พื้นที่ไร่ 21,535 ไร่ และพื้นที่สวน 112 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค/บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้จัดการประชุมติดตามสถานการณ์ ปัญหาภัยแล้งภาคกลาง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 ณ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมอบนโยบาย ชี้แจงแนวทางและ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมอบหมายให้จังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องติดตามและแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเร่งระดมการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจัด หาน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรให้เหมาะสมกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ การส่งเสริมฝึกอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย/ป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูแล้ง และการดูแลป้อง กันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1076 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551) | มท | 01/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 55 จังหวัด 462 อำเภอ 2,950 ตำบล 22,001 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาค เหนือ 16 จังหวัด 129 อำเภอ 656 ตำบล 4,697 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 468,766 ครัวเรือน 1,343,098 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 231 อำเภอ 1,848 ตำบล 14,482 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,556,026 ครัวเรือน 6,852,577 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 41 อำเภอ 169 ตำบล 1,137 หมู่บ้าน 69,226 ครัวเรือน 243,507 คน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 45 อำเภอ 222 ตำบล 1,383 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 141,247 ครัวเรือน 414,622 คน และภาคใต้ 5 จังหวัด 16 อำเภอ 55 ตำบล 302 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 53,422 ครัวเรือน 140,200 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 130,858 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 117,648 ไร่ พื้นที่ไร่ 12,798 ไร่ และพื้นที่สวน 412 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค/บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2551 ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อชี้แจงแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น เพื่อให้จังหวัด/อำเภอ/องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเร่งระดม การให้ความช่วยเหลือในเรื่อง การจัดหาน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ให้เหมาะสมกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ การส่งเสริมฝึกอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย/ป้องกันโรคระบาดใน ช่วงฤดูแล้ง และการดูแลป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1077 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551 - 2554 | ทส | 25/03/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 โดยในส่วนของการควบคุม ไฟป่า ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานจัดการไฟป่าระดับจังหวัด จัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ และสร้างเครือ ข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมไฟป่า และออกประกาศกำหนดเขตควบคุมไฟป่า ส่วนการควบคุมการ เผาในพื้นที่เกษตรกรรม ได้จัดทำโครงการนำร่องสาธิตการใช้มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งพื้นที่เกษตรกรรมใน พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งการจัดประชุมคณะทำงานด้านหมอกควันและไฟป่าอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ครั้งที่ 1 (1st TWG Mekong) และ การประชุมคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 (COM-2) เมื่อวันที่ 4-7 มีนาคม 2551 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ประชุม ฯ เห็นชอบให้ดำเนินการความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาหมอกควันข้ามแดนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการพัฒนาศักยภาพ การป้องกันและควบคุมไฟป่า รวมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการดับไฟป่าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ตรวจพบว่ามีจุดความร้อน (Hotsposts) จำนวนมาก หรือบริเวณที่มีฝุ่น ละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานจำนวนมากเพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานระดับพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ เฝ้าระหวังไฟป่าและควบคุมกิจกรรมการเผาในที่โล่งต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1078 | การเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | นร | 08/02/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอ
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เรื่อง การแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เรื่อง แนวทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของคณะรัฐมนตรี (การ แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2535 เรื่อง การ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 265 (1) บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่ง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และมาตรา 106 (6) บัญญัติให้สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 265 ทำให้มีปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นใดจากผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ และจะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) ของรัฐธรรมนูญ ฯ หรือไม่ จึงมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หารือปัญหาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1079 | รายงานผลการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ | นร | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เสนอดังนี้ รับทราบรายงานผล
การศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ของคณะอนุกรรมการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณา การ โดยมีผลการศึกษาดังนี้ แนวทางหลักของการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรราการ คือ การประสานการพัฒนา แบบบูรณาการและมีส่วนร่วม การใช้ภูมิภาคเป็นกรอบในการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้เกิดการพัฒนาแบบ สมดุลทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม และการจัดตั้งองค์กรกลางในการพัฒนาภาคมหานคร โดยกำหนดเกณฑ์ ในการจัดตั้งองค์กรแยกเป็น 3 ประเด็น ดังนี้ (1) โครงสร้างองค์กร ให้มีการจัดรูปแบบองค์กรเป็น 3 กลุ่ม คือ คณะ กรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคมหานครโดยตรง 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาครัฐบาลกลาง ภาคท้องถิ่น (กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน ภาค ประชาสังคม และภาควิชาการ/วิชาชีพ คณะอนุกรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่ม ผู้มีหน้าที่ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการพัฒนาภาคมหานคร และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการ พัฒนาภาคมหานคร เช่น ประชาชน กลุ่มประชาชน และองค์กรต่าง ๆ ซึ่งต้องจัดให้มีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม (2) อำนาจหน้าที่ขององค์กร คือ การสื่อสารเพื่อประสานความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ เพื่อนำมากำหนด วิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ดำเนินการวางแผนการพัฒนา และบริหารการ พัฒนา และ (3) กระบวนการพัฒนาภาคมหานคร เป็นการสร้างแผนการพัฒนาภาคมหานคร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่เริ่มทำแผนพัฒนาภาคมหานคร และเห็นชอบให้กรุงเทพมหา นคร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการต่อไป โดยประสานการดำเนินงาน กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1080 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548 - 2557 | ทส | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือและสนับสนุนการ ดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2557 ดังนี้ การจัดการพื้นที่ป่า เพื่อการอนุรักษ์โดยการจัดทำโครงการเชื่อมต่อป่า (Corridor) ภายในกลุ่มป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ขอความร่วมมือ และการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท) และระหว่างกลุ่มป่าตะวันตกกับ กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม (กองทัพภาคที่ 1) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการเปลี่ยนแปลง ทรัพยากรป่าไม้และไฟป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดการสัตว์ ป่า โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสัตว์ป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และกระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
.....