ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร โครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูการผลิต ปี 2555/56 | พณ | 07/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ นบข. นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการตรวจสอบข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดพิจิตรร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีเกษตรกรที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งสิ้นจำนวน ๒๒๙ ราย ปริมาณ ๔,๔๗๙.๑๐๑ ตัน วงเงิน ๕๒,๘๓๕,๕๓๑.๗๐ บาท ๑.๒ มอบหมายฝ่ายเลขานุการ นบข. ประสานสำนักงบประมาณพิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยเร่งด่วน เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร ตามข้อ ๑.๑ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกรต่อไป ๑.๓ การจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร และ/หรือการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดกฎหมายฐานฉ้อโกงเกษตรกรจังหวัดพิจิตร กรณีมีปัญหาหรือมีความจำเป็นทางข้อกฎหมาย ขอให้นำมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาใช้ดำเนินการก่อน เพื่อให้เกษตรกรจังหวัดพิจิตรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอให้คดีความยุติก่อน ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ๒๒๙ ราย เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๕๒,๘๓๕,๕๓๑.๗๐ บาท ให้เบิกจ่ายงบประมาณจาก ธ.ก.ส. ก่อน หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ด้วย
|
||||||||||||||||||
662 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้าการส่งออกและโลจิสติกส์ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดปัญหา อุปสรรค และแนวทางการปรับลดกระบวนการขั้นตอนนำเข้า ส่งออก นำผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Nation Single Window : NSW) รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อให้การบังคับใช้ การดำเนินการนำเข้า ส่งออก แบบไร้เอกสารอย่างปลอดภัย สมบูรณ์ผ่านระบบ NSW เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเพื่อพิจารณาต่อไป ๒. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานภาคเอกชนหาแนวทางในการดำเนินการพัฒนาสถานประกอบการและพัฒนาบุคลากรในการเชื่อมโยงโซ่อุปทานให้เกิดประสิทธิภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนถึงมือผู้บริโภคให้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านอุตสาหกรรมในภาพรวม ๓. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตรที่เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคการเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการในลักษณะบูรณาการเพื่อตอบสนองต่อประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเกษตร รวมทั้งเห็นชอบร่างกรอบบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสินค้าข้าว (Business Model) โดยให้ปรับปรุงร่างกรอบบริหารจัดการฯ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น แบ่งเป็น ๒ กลุ่มหลัก คือ (๑) กลุ่มสินค้าข้าวอินทรีย์ และ (๒) กลุ่มข้าวขาว เนื่องจากมีสภาพปัญหาและความจำเป็นในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่แตกต่างกัน ๔. ผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ มอบหมายให้กรมเจ้าท่าวิเคราะห์สภาพปัญหาอุปสรรคในการขนส่งทั้งด้านกายภาพของท่าเรือ การบริหารจัดการท่าเรือ การบริหารตู้สินค้า พื้นที่หลังท่า ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่เหมาะสม และเสนอแนวทางการพัฒนาท่าเรือชายฝั่งอย่างเป็นระบบเพื่อให้มีการขนส่งสินค้าชายฝั่งเชื่อมโยงระหว่างภาคใต้และภาคตะวันออก รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการท่าเรือในการขนส่งสินค้าผ่านออกต่างประเทศ โดยให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศพิจารณาต่อไป ๕. แนวทางการพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ รับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ และเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทการพัฒนาจุดพักรถบรรทุก ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๗๓ ของกระทรวงคมนาคม โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำเป็นข้อเสนอการลงทุนในลักษณะโครงการ โดยให้พิจารณาแนวทางการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมการพัฒนาศูนย์บริการพักรถบรรทุกตามแผนแม่บทฯ จำนวน ๑๓ แห่ง รวมทั้งประสานกับกรมธนารักษ์ถึงความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่และสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป สำหรับระยะต่อไป ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการพักรถบรรทุกที่จะเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศตามเส้นทางเศรษฐกิจและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนการลงทุนและพัฒนาจุดจอดพักรถ จำนวน ๒๘ แห่ง ให้กรมทางหลวงประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๖. แนวทางการพัฒนาและสนับสนุนการขนส่งสินค้าด้วยระบบรางในพื้นที่ภาคตะวันออก รับทราบและมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งระบบรางโดยเฉพาะการก่อสร้างทางคู่บนเส้นทางขนส่งสินค้าหลัก เพื่อสนับสนุนการใช้ระบบรางเป็นโครงข่ายหลักในการขนส่งสินค้าของประเทศ |
||||||||||||||||||
663 | การปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) | พม | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) ตามมติคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบออกแบบกลไกในการติดตามผลการดำเนินงานของ CGEO และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐรายงานผลการดำเนินงานประจำปีมายังสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ๑.๒ ให้แต่งตั้ง CGEO ระดับกระทรวง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน โดยกำหนดให้ปลัดกระทรวง เป็น CGEO กระทรวง เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น โอกาสของหญิงชายในการดำรงตำแหน่ง การแต่งตั้ง โยกย้าย การสับเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างเหมาะสม และความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพตามศักยภาพที่มีอยู่ เป็นต้น |
||||||||||||||||||
664 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||
665 | การปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างแรกบรรจุของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ที่เห็นชอบกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๑๓ (๒) ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการเองได้ เมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบแล้วในเรื่อง การปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างแรกบรรจุของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. หลักเกณฑ์การจ่ายและอัตราการจ่ายให้เป็นไปตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร. ๑๐๐๘.๑/ว ๒๐ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ที่ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ของทางราชการโดยอนุโลม ๒. หากรัฐวิสาหกิจแห่งใดจะไม่ดำเนินการตามแนวทางการปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแรกบรรจุดังกล่าว ให้รัฐวิสาหกิจสามารถพิจารณาดำเนินการได้ตามแนวทางที่เหมาะสมกับองค์กรแต่ละแห่งได้ แต่ทั้งนี้ กรอบวงเงินในการชดเชยในภาพรวมจะต้องไม่สูงกว่าแนวางการปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแรกบรรจุของางราชการ ตามข้อ ๑ ๓. การปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างแรกบรรจุ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป โดยให้ใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น |
||||||||||||||||||
666 | การดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองปี ๒๕๕๘ และการเปิดตลาดนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง น้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๕๘ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับ ดูแล เมล็ดถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ทำหน้าที่กำกับดูแลการรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองที่ผลิตได้ภายในประเทศ การนำเข้า และการใช้เมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าให้เป็นไปตามนโยบายและมาตรการ รวมทั้งการเปิดตลาดนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว มะพร้าวแห้ง น้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๕๘ โดยเปิดตลาดตามปริมาณและอัตราภาษีที่ผูกพันทุกกรอบการค้า โดยการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับมาตรการบริหารนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองปี ๒๕๕๘ กรณีการนำเข้าภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ควรเป็นไปเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วน รวมทั้งผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ตกลงกันไว้ภายใต้กรอบ AFTA โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ ควรมีมาตรการป้องกันศัตรูพืช (หนอนหัวดำ) ที่อาจติดมากับผลมะพร้าวที่นำเข้ามา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
667 | โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรให้เชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ และความสมัครใจของเกษตรกร ปรับระบบส่งเสริมการผลิตให้เกิดการพัฒนาในเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ และเพื่อเพิ่มศักยภาพสหกรณ์ในการดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยปรับปรุงและสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการเกษตรที่จำเป็น (ยุ้ง ฉาง เครื่องมือการเกษตร) และการพัฒนาศักยภาพผู้นำสหกรณ์ในเชิงธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้สหกรณ์เป็นผู้ค้าขายสินค้าเกษตรรายใหญ่อีกรายหนึ่ง โดยการสนับสนุนให้สหกรณ์ของกลุ่มเกษตรกรสมาชิกผู้ผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มบทบาทในฐานะผู้ซื้อผลิตผลจนถึงการแปรรูปและการส่งออกได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาก่อนดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกี่ยวกับการวางแผนด้านการตลาดรองรับให้สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันมีเสถียรภาพและไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ การให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิตโดยวิเคราะห์ดินและใบปาล์มน้ำมันมาประกอบการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีภาระดอกเบี้ยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงของโครงการเพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการเพื่อสร้างความเข้มแข้งและความยั่งยืนในการพัฒนาระบบปาล์มน้ำมัน รวมทั้งการเลือกพื้นที่ดำเนินการโดยพิจารณาศักยภาพของแหล่งน้ำต้นทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
668 | ขอเสนอโครงการตามแผนการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าประมง | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับโครงสร้างประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจร จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจร โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งผลิตหอยแครง และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปลานิลแบบครบวงจร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการขยายพื้นที่ดำเนินโครงการให้ครอบคลุมเพื่อให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน และยังเป็นการลดความเสี่ยงด้านวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย รวมทั้งควรเร่งประสานภาคเอกชนและตลาดรับซื้อสินค้าประมงต่าง ๆ เพื่อให้รับทราบและร่วมวางแผนการตลาดเพื่อเชื่อมโยงช่องทางการตลาดของสินค้าประมงทั้งภายในและภายนอกไว้ล่วงหน้า และส่งเสริมให้เกิดการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและมีช่องทางการตลาดที่เหมาะสม ตลอดจนการสนับสนุนองค์ความรู้และประสบการณ์ทั้งในด้านการผลิต การตลาด การจัดการและดำเนินธุรกิจสินค้าประมงให้กับสถาบันเกษตรกรอย่างเข้มข้นเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและเป็นต้นแบบในการขยายผลระยะต่อไป และควรสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงกับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ในทุกระดับ โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนในด้านวิชาการและการพัฒนาต่อยอด มีการติดตามดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามระบบมาตรฐานที่มีอยู่ นอกจากนี้ ควรมีการศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณถัดไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กรมประมงพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้จัดสรรไว้มาดำเนินการตามภารกิจและตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ หากไม่เพียงพอ ให้กรมประมงพิจารณาดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติมและเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐมาดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วนและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กรมประมงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
669 | การปรับโครงสร้างการผลิตและความมั่นคงทางอาหารด้านการปศุสัตว์ | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับโครงสร้างการผลิตและความมั่นคงทางอาหารด้านการปศุสัตว์ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตกระบือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโค และโครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมือง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้กู้ประเภทกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ นิติบุคคล ควรมีความชัดเจนด้านการบริหารจัดการเงินกู้ประเภทกลุ่มที่ชัดเจน และควรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตกระบือให้กับผู้เข้าร่วมโครงการรับทราบวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งควรมีแนวทางในการสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่อนุรักษ์กระบือ เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือวิถีพื้นบ้าน และการใช้มูลกระบือในการสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น ส่วนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโค ควรสนับสนุนให้เกษตรกรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการฟาร์มให้มีมาตรฐานทั้งระบบ และติดตามปริมาณและคุณภาพน้ำนมดิบของโครีดนมหลังจากส่งคืนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมือง ควรสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกรเพื่อต่อยอดในการดำเนินธุรกิจต่อไป และควรคำนึงถึงผลผลิตไก่พื้นเมืองที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาของเนื้อสัตว์ประเภทอื่น โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่ออกสู่ตลาดในปริมาณมาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ส่วนงบประมาณในปีงบประมาณต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||
670 | ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ แบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม คือ ๑.๑ กรณีโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จ ๑.๒ กรณีประสบภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ ๑.๓ ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ๑.๔ หนี้ขาดอายุความ ๑.๕ หนี้ค้างชำระเป็นระยะเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีขึ้นไป ๑.๖ หนี้ที่ไม่สามารถติดตามทรัพย์เพื่อดำเนินการบังคับคดีได้ ๑.๗ เกษตรกรผู้ยืมเงินเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบ หรือละทิ้งถิ่นที่อยู่ ๑.๘ เกษตรกรผู้กู้ยืมเงินพิการ ทุพพลภาพ วิกลจริต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ๑.๙ ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อยหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ๑.๑๐ หนี้สินของเกษตรกรผู้กู้ยืมเงินมาจำนวนต้นเงินกู้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจากการดำเนินการฟ้องร้องจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดหนี้ต้นเงินคงค้างไว้ในจำนวนที่เท่ากัน คือ ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และกำหนดให้กองทุนหรือเงินทุนภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ข้อมูลหนี้คงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นกรอบในการสำรวจลูกหนี้เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับสิทธิในการพิจารณาจำหน่ายหนี้เป็นสูญตามหลักเกณฑ์ของโครงการ รวมทั้งให้คงอำนาจการจำหน่ายหนี้เป็นสูญของกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีหรือกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุนหรือเงินทุนเร่งจัดทำแผนปรับปรุง/พัฒนาการดำเนินงานระยะเวลา ๓ ปี ของทุนหมุนเวียนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง และพันธุ์สัตว์น้ำอื่น ๆ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย เงินทุนหมุนเวียนยางพารา เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตเชื้อไรโซเบียม เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช และกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||
671 | แนวปฏิบัติเกี่ยวกับมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ | นร | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รวม ๑๐ ท่านเป็นกรรมการ นั้น เพื่อให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติในเรื่องใดซึ่งถือได้ว่าเป็นนโยบายสำคัญและผ่านการพิจารณากลั่นกรองแล้ว ให้ส่วนราชการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ทันที และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีในวาระเพื่อทราบในโอกาสแรก
|
||||||||||||||||||
672 | ขอความเห็นชอบให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้กับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฝึกการบินของสถาบันการบินพลเรือน | คค | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยานในอัตราครูการบินให้กับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฝึกการบิน ของสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งตามระเบียบสถาบันการบินพลเรือนว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับค่าอากาศยานและค่าปฏิบัติงานในอากาศยาน พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๕ กำหนดให้ครูการบินได้รับเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยานในอัตราเดือนละ ๒๗,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปีละ ๓๒๔,๐๐๐ บาท (เดือนละ ๒๗,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๒ เดือน) ให้ใช้จากเงินรายได้ของสถาบันการบินพลเรือน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
673 | การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑.๑ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๒ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๒ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้นครึ่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๓ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนสองขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๖ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๔ พนักงานที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับเงินเดือนตอบแทนพิเศษ ให้เบิกจ่ายเงินเดือนในอัตราขั้นสูงสุดระดับของตำแหน่งเดิม ๑.๕ เงินตอบแทนพิเศษไม่ถือเป็นเงินเดือน และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่ใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนทุกเรื่องของพนักงาน ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าวให้ใช้จากเงินรายได้ของ กทพ. ดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กระทรวงคมนาคม รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการเสนอขอปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนใหม่โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ฐานะการเงิน ค่าใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงภาระการจ่ายชำระดอกเบี้ยและคืนต้นเงินกู้ที่มี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
674 | การขอปรับปรุงสวัสดิการการรักษาพยาบาลในส่วนของค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกของสถานพยาบาลเอกชน (ของการไฟฟ้านครหลวง) | มท | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานและบุคคลในครอบครัว (คู่สมรส บุตร บิดา มารดา) ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลเอกชน เฉพาะนอกเวลาทำการ จากเดิม เฉพาะพนักงานเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวน แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ต่อปี เป็น ทั้งพนักงานและบุคคลในครอบครัว ให้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัวต่อปี ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนที่ควบคุมได้ รวมทั้งมีแนวทางในการเพิ่มรายได้เพื่อให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น และมีแนวทางในการควบคุมค่าใช้จ่ายองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
675 | ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 นโยบายของคณะกรรมการโครงการและแผนงานในอนาคตของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ นโยบายของคณะกรรมการ โครงการและแผนงานในอนาคตของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยที่ประชุมมีความเห็น ดังนี้ ๑.๑ ในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าให้คำนึงถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มาร่วมในการเดินรถให้มีความเหมาะสม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรนำบทเรียนที่ได้จากปัญหาที่พบในการดำเนินโครงการในปัจจุบันไปใช้ในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในโครงการอื่น ๆ ที่จะดำเนินการต่อไปอีก ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครพิจารณานำพื้นที่ที่ได้มีการเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และขณะนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบการค้าขาย เช่น คลองถม มาใช้พื้นที่ดังกล่าวแทน ๑.๓ ควรมีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบว่ารถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางมีกำหนดแล้วเสร็จเมื่อใด ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นควรกำกับดูแลการดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามแผนงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
676 | โครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs | สลธ.คสช. | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการมาตรการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) และ (๒) มาตรการเพิ่มวงเงินที่รัฐชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทน SMEs ในปีแรกที่ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อผ่านโครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ ๕ เพิ่มอีกจำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ในการขยายสินเชื่อ ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พิจารณาขยายวงเงินให้เหมาะสมต่อไป สำหรับอัตราชดเชยดอกเบี้ย ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนด โดยจะต้องไม่ต่ำกว่าอัตราที่รัฐชดเชยในโครงการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะชดเชยในอัตราร้อยละ ๓ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามระยะเวลาดำเนินโครงการ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ส่วนโครงการมาตรการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ที่เหลืออีก ๘ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการ Machine Fund (๒) มาตรการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (Specialized Financial Institutions : SFIs) สามารถผ่อนปรนการวิเคราะห์สินเชื่อให้กับ SMEs ที่ติด Blacklist กับเครดิตบูโร (๓) มาตรการผ่อนปรนการปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ (๔) มาตรการชะลอการโอนอำนาจจากกระทรวงการคลัง (๕) มาตรการทบทวนการกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicator : KPI) ของ SFIs ให้สอดคล้องกับพันธกิจ (๖) โครงการขยายสาขาธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ (๗) โครงการจัดตั้ง Website และ (๘) โครงการศูนย์ให้บริการธุรกิจ SMEs แบบครบวงจร มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) รับไปพิจารณาทบทวนเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||
677 | ขออนุมัติหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ | คค | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ โดยให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาข้อเสนอเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของทั้ง ๒ หน่วยงาน (การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบในหลักการการจัดสรรเงินอุดหนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทาง โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตั้งแต่การดำเนินมาตรการในระยะต่อไป ทั้งนี้ กรณีที่รัฐวิสาหกิจทั้ง ๒ แห่ง (การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ขาดสภาพคล่องทางการเงินจากกรณีที่ยังไม่ได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี ให้รัฐวิสาหกิจขอกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องจากการดำเนินการ โดยรัฐบาลรับภาระในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณหารือร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเพื่อขอกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องจากการดำเนินการ โดยรัฐบาลรับภาระในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยไม่ขัดต่อหลักการตามมติคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะที่เห็นชอบให้ใช้เงินงบประมาณเป็นหลักในการดำเนินงานตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) รวมทั้งเพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจประสบปัญหาทางการเงินจากการดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
678 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๒,๓๔๘.๗๙๔ ล้านบาท เห็นสมควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งวดที่ ๒ จำนวน ๘๘๔.๘๗๕๖ ล้านบาท ๑.๒ ผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๙๑๑.๗๖๙ ล้านบาท เห็นสมควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งวดที่ ๒ จำนวน ๓๒๘.๗๑๐ ล้านบาท ๒. ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการประเมินผลที่เป็นมาตรการสร้างแรงจูงใจให้รัฐวิสาหกิจปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงินต่อรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) และสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาหาแนวทางในการดำเนินการเพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจต้องแบกรับภาระจากการดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจะมีผลต่อฐานะการเงินและคุณภาพการให้บริการ และเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการอุดหนุนการให้บริการสาธารณะที่ต้องการชดเชยภาระทางการเงินให้แก่รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
679 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 (ครั้งที่ 1) | พน | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๑) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๑.๑ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดกระทะไฟฟ้าก้นตื้นที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดตู้น้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเตาอบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาออกพระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีสำหรับอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ๒. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒.๑ แนวทางการดำเนินการกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญา ๒.๒ อัตราการรับซื้อไฟฟ้าพิเศษจากขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ๒.๓ การออกระเบียบการรับซื้อจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ๒.๔ แผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๓.๑ ปัจจุบันเตาอบไฟฟ้า กระทะไฟฟ้าก้นตื้น ตู้น้ำเย็นบริโภค และตู้น้ำร้อนบริโภค เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในครัวเรือนและสำนักงาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในลำดับต้น ๆ ที่ควรมีกฎหมายบังคับค่าประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ และวางแผนกำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำของสินค้าที่จะวางขายในตลาด และเพื่อกำหนดค่าต่ำสุดของประสิทธิภาพของอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และในการลดหย่อนภาษีของอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ควรให้สิทธิประโยชน์สินค้าทั้งที่ผลิตจากในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งควรกระจายสิทธิประโยชน์ถึงผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้สินค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้มากขึ้น ๓.๒ การเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะอุตสาหกรรม ควรพิจารณาถึงกรอบระยะเวลาการสนับสนุนให้เหมาะสม เมื่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสามารถแข่งขันได้กับการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ควรมีการพิจารณาปรับลดราคาหรือยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน ๓.๓ การออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าเฉพาะจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) สำหรับปี ๒๕๕๘ (ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) ควรแก้ไขสัญญาที่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้วที่ยังอยู่ในระยะเวลาสนับสนุน ๗ ปีด้วย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้วที่ขนาดการผลิตที่ไม่เกิน ๑ เมกะวัตต์ เพื่อให้ความเป็นธรรมที่ทั่วถึงกับการดำเนินการในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบ Adder เป็น FiT ที่ครอบคลุมในทุกกลุ่ม ๓.๔ ระบบโครงการข่ายสมาร์ทกริด ในการพัฒนาโครงข่ายในช่วงต้นยังจำเป็นต้องนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่ในระยะยาวประเทศไทยต้องพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีให้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทกริดเหล่านี้ภายในประเทศ ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิตอุปกรณ์ การสร้างศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์และการติดตั้ง การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและระดับแรงงานวิชาชีพ เป็นต้น |
||||||||||||||||||
680 | แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด (พ.ศ. 2557 - 2560) ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร12 | 10/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ จังหวัด (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) ฉบับทบทวน และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเสนอ ๒. มอบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยให้ทุกจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเร่งจัดทำงบประมาณที่เป็นการใช้จ่ายลงทุน ซ่อมสร้าง รายการหลัก ๆ ให้เป็นรูปธรรม และให้ทุกจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจัดลำดับความเร่งด่วน กำกับดูแล เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม และดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อธิบดี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการทุกกระทรวง และส่วนราชการประจำจังหวัด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎ ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับเลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย |
.....