ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ การออกประกาศและระเบียบเพื่อใช้บังคับในเขตเมืองเก่าดังกล่าวควรสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ การเปิดโอกาสให้คณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้มีโอกาสกำหนดแนวทางดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาของตนเองภายใต้บริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนามีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
642 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2558 | ทก | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๘ คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรับทราบคำสั่งมอบหมายรองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร (นายทรงพร โกมลสุรเดช) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการฯ รวมทั้งรับทราบสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลด้วยยุทธศาสตร์ ๕ ด้าน และ (ร่าง) แผนการดำเนินงานเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ๒. เห็นชอบแผนการดำเนินงานบรอดแบนด์แห่งชาติ ได้แก่ (๑) แต่งตั้งคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ (๒) ให้มีการบูรณาการโครงข่ายภาครัฐเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อนและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ (๓) ให้มีหน่วยงานทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงข่ายบรอดแบนด์และสายเคเบิลใยแก้วนำแสงจากหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐและภาคเอกชน ๓. เห็นชอบแนวทางและ (ร่าง) แผนการดำเนินงานศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย (Data Center) โดยเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้หน่วยงานภาครัฐระงับการสร้างศูนย์ข้อมูลทุกประเภท ยกเว้นโครงการ/กิจกรรมที่มีการผูกพันตามสัญญาแล้ว ก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ และให้หน่วยงานภาครัฐขอแปลงงบลงทุน (ครุภัณฑ์ ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง) เป็นงบดำเนินงานที่เพียงพอต่อการเช่าใช้บริการระบบสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อนที่การลงทุนของภาคเอกชนจะเกิดขึ้น ๔. รับทราบแผนการดำเนินโครงการลดสำเนากระดาษเพื่อบริการประชาชน (Smart Service) ระยะที่ ๑ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการทำการตรวจสอบความพร้อมของ e-Service ที่หน่วยงานเสนอเข้าร่วมโครงการ แล้วรายงานผลให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ (อ.ก.พ.ร.) ทราบภายใน ๑ เดือน และรับทราบแผนการดำเนินการตามโครงการบูรณาการข้อมูลงานบริการภาครัฐ (Information Gateway) ๕. เห็นชอบแผนการดำเนินงานการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้ SMEs ปรับเปลี่ยนวิธีทำธุรกรรมแบบออนไลน์เต็มรูปแบบ ๒๐,๐๐๐ ราย ภายในระยะเวลา ๑ ปี ๖. เห็นชอบแนวทางและ (ร่าง) แผนการดำเนินงานการส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneurs) โดยเป้าหมายของการส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล คือ ในระยะ ๓ ปี ไทยจะมี Digital Entrepreneurs เกิดใหม่ไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ราย ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ที่ตลาดต้องการรวมกันไม่ต่ำกว่า ๑,๕๐๐ คน ๗. มอบหมายให้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมการเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับคณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปรับ (ร่าง) แผนการดำเนินงาน รวมทั้งให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปพิจารณาดำเนินการ และนำ (ร่าง) แผนการดำเนินงานที่ปรับแล้วเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการประชุมครั้งต่อไป ๘. เห็นชอบให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พิจารณาการใช้งานคลื่นความถี่ที่เหมาะสมเพื่อให้การประมูลการให้บริการในระบบ 4G มีประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ มีมาตรฐาน โดยให้ดำเนินการเตรียมการและเปิดประมูลได้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กสทช. และผู้แทนคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล) หารือและร่วมกันเจรจาในเรื่องการนำโครงสร้างพื้นฐานที่มีข้อพิพาทอยู่มาใช้ประโยชน์ ๙. เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย คณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ (National Broadband) คณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ (Data Center) คณะทำงานการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล (Digital Commerce) การส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และการส่งเสริมเนื้อหาดิจิทัล (Digital Content) คณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และคณะทำงานติดตามกฎหมายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ๑๐. เห็นชอบให้นำประเด็นที่ กสทช. เสนอเกี่ยวกับการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ไปพิจารณาในคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติเพื่อให้เกิดการบูรณาการบรอดแบนด์ของประเทศและเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑๑. เห็นชอบให้จัดการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประจำทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
643 | การเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร05 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่อง การเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แล้ว ที่ประชุมเห็นว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมีเรื่องพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านแรงงานค่อนข้างมาก จึงเห็นชอบให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
644 | โครงการตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการดำเนินงาน (Road Map) ด้านข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | กษ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการดำเนินงาน (Road Map) ด้านข้าว ให้เน้นการดำเนินโครงการในระยะสั้น ๑-๒ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนพิจารณาดำเนินการในระยะต่อไป โดยให้พิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ ในการดำเนินมาตรการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เห็นควรให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรแต่ละชนิดพันธุ์พืช โดยให้มีการขึ้นทะเบียนกลุ่มดังกล่าวด้วย เพื่อให้รัฐบาลสามารถอุดหนุนปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพและราคาประหยัดได้โดยตรงและเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งดำเนินการโดยประสานขอความร่วมมือภาคเอกชนในการสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้แล้วเสร็จก่อนฤดูการผลิต ๑.๒ ในการสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ในการทำการเกษตร เช่น รถไถ รถเกี่ยว เพื่อการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตในชุมชน มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกระทรวงกลาโหมดำเนินการในพื้นที่ที่ไม่มีนิคมสหกรณ์ นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง สามารถเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศได้ ๑.๓ การให้สินเชื่อแก่สหกรณ์เพื่อรับซื้อข้าวในฤดูการผลิต มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ไปพิจารณากำหนดเป้าหมายในการรับซื้อให้ชัดเจน ๒. ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้จัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๖ เดือน ๑ ปี และ ๒ ปี ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ รวมทั้งแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือแหล่งเงินอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
645 | การกำหนดกรอบงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้เกษตรกร (การเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในหลักการกำหนดกรอบงบประมาณให้ กฟก. จัดทำแผนเพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ กฟก. แล้วเสร็จเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้แก่เกษตรกร) (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้พิจารณาเรื่อง การกำหนดกรอบงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้เกษตรกร แล้ว มีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เร่งรัดการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ โดยให้นำความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการนำงบประมาณคงเหลือจากโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรส่งคลัง และเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป มาประกอบการดำเนินการ และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
646 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทก | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับทราบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงแนวทางการพัฒนากิจการอวกาศของประเทศไทย ผลการประชุมกลุ่มเตรียมการครั้งที่ ๔ สำหรับการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. ๒๐๑๕ (APG 15-4) ขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียแปซิฟิก (APT) และความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์การอนุญาตการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการดำเนินการประสานสำนักกฎหมายในการนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และมอบหมายให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานดำเนินการและกำกับดูแลภายใต้หลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป ๒.๒ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการรับข้อสังเกตจากที่ประชุมเกี่ยวกับการกำหนดสิทธิ์ในการใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศและหลักเกณฑ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการให้สิทธิ์การใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศ และวิเคราะห์หาข้อมูลการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อเปรียบเทียบและนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ เห็นชอบให้ รศ.ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอวกาศ และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
647 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง หลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม แห่งชาติ พ.ศ. 2554 | สผ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง หลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่เห็นควรให้เร่งรัดปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ เนื่องจากการไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน และกองทุนการออมเพื่อวัยสูงอายุควรอยู่ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแลเดียวกันเพื่อให้เกิดเอกภาพในด้านนโยบายและประสิทธิภาพในการกำกับดูแลในภาพรวม ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีความเห็นว่า ควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อไป และกระทรวงการคลังควรเป็นหน่วยงานที่ดูแลหลักประกันบำนาญของประชาชนซึ่งเป็นภาระผูกพันระยะยาวของภาครัฐ ขณะที่สำนักงานประกันสังคมควรทำหน้าที่ดูแลการจัดสวัสดิการระยะสั้นของแรงงาน และเห็นควรยกเลิกความคุ้มครองประกันสังคมตามมาตรา ๔๐ กรณีบำนาญชราภาพ (ทางเลือกที่ ๓-๕) โดยโอนผู้ประกันตนภายใต้ความคุ้มครองดังกล่าวมาที่กองทุนการออมแห่งชาติตามความสมัครใจ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งอนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกองทุนการออมแห่งชาติ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ฉบับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
648 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และขออนุมัติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เรื่องที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) | กษ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีมติเห็นชอบในหลักการให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (Command Center for Combating Illegal Fishing) เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยให้รับประเด็นอภิปราย ๔ ข้อ ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ และให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมายจัดทำแผนปฏิบัติการพร้อมทั้งประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ต่อไป สำหรับประเด็นอภิปรายทั้ง ๔ ข้อ มีดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเรือประมงอย่างเข้มงวด โดยเรือลำใดไม่มีการจดทะเบียนจะไม่ให้ออกเรือ และหากมีการฝ่าฝืนให้สามารถจับกุมและยึดเรือไว้เพื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการได้ การแจ้งเข้า-ออกของเรือประมง การติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (VMS) และระบบการรายงานผล รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงชายฝั่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) และแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายสรุปขั้นตอนการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้ชัดเจนแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. เนื่องจากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวเพิ่มเติม และออกกฎหมายลำดับรองที่จะต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งในระยะเวลานี้หากจำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้มีการออกกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายได้รวดเร็วขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อออกคำสั่งต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมข้อสังเกตจากนักวิชาการและสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมประเด็นปัญหาการประมงผิดกฎหมายในส่วนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วน ๓. การชี้แจงต่อต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมายของไทยนั้น ต่างประเทศอาจไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและกฎหมายของไทยเท่าที่ควร ดังนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมประเด็นต่าง ๆ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ๔. ในกรณีที่เรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงผิดกฎหมายในไทย เช่น เรือประมงของเวียดนามที่ลักลอบเข้าทำประมงในน่านน้ำของไทย และได้มีการจับกุมลูกเรือดังกล่าวไว้เพื่อดำเนินคดีนั้น ขณะนี้ยังมีคดีประเภทดังกล่าวที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความแออัดของสถานที่คุมขัง รวมทั้งเป็นภาระแก่ทางราชการด้วย จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในภาพรวม โดยให้คำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
649 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร05 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้มีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ที่ให้มีการจัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย" (Command Center for Combating Illegal Fishing) เรียกโดยย่อว่า ศปมผ. (CCCIF) เป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บัญชาการ ศปมผ. ทั้งนี้ หากจะมีการดำเนินการตามข้อ ๑๗ ของคำสั่งดังกล่าวที่ผู้บัญชาการ ศปมผ. มีอำนาจสั่งย้ายหัวหน้าส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เพิกเฉยหรือละเลย ไม่กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งนี้ได้ทันที นั้น จะต้องมีรายงานต่อนายกรัฐมนตรีตามลำดับชั้น และการสั่งการดังกล่าวจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของข้าราชการพลเรือนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
650 | แนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ (ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาการเลี้ยงไก่ไข่ของประเทศ) | กษ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วย (๑) มาตรการระยะสั้น (เร่งด่วน) ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการตลาด ขอความร่วมมือส่วนราชการจัดสถานที่ให้เกษตรกรจำหน่ายไข่ไก่ตรงสู่ผู้บริโภค การรวบรวมไข่ไก่ส่วนเกินออกจากระบบเพื่อส่งออกในรูปไข่ไก่สดและแปรรูป โดยชดเชยเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรฟองละไม่เกิน ๐.๕๐ บาท และการปลดแม่ไก่ไข่ก่อนกำหนด อายุไม่เกิน ๖๕ สัปดาห์ โดยทำโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่เพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร และ (๒) มาตรการระยะยาว คือ กำหนดปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ และการนำเข้าไก่ไข่พ่อ-แม่พันธุ์ (P.S.) ที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์มีอำนาจบริหารจัดการไก่ไข่ทั้งระบบ และกรมปศุสัตว์ควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่และบริหารไก่ไข่พันธุ์ โดยการควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าเลี้ยงในฟาร์มต่อไป และรับทราบการดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพไข่ไก่ โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องการผลิตและการตลาดไข่ไก่ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยเป็นสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ส่วนการปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงและรวบรวมไข่ไก่ออกจากระบบ ควรพิจารณากรอบระยะเวลาดำเนินการและปริมาณที่เหมาะสมด้วยความรอบคอบ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อตลาดและประชาชนผู้บริโภคในประเทศ นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการสนับสนุนการใช้องค์ความรู้และงานวิจัยของสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยต่าง ๆ ในการแปรรูปและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบต่อสุขภาพจากการบริโภคไข่ไก่เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับราคาและปริมาณไข่ไก่ในอนาคต ให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
651 | การตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ | ทส | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๙๐ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๖๒๐.๓๕๒๑ ล้านบาท จำแนกเป็นงบประมาณแผ่นดิน จำนวน ๕,๑๕๒.๙๓๔๔ ล้านบาท เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน ๓.๙๐ ล้านบาท และงบท้องถิ่นสมทบ จำนวน ๔๖๓.๕๑๗๗ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม และได้จัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย) ให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
652 | มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2558 เรื่อง รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม 2558 และภาพรวมมาตรการ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน | นร11 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๘ และภาพรวมมาตรการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน โดยที่ประชุมมีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ สามารถฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ โดยข้อมูลเครื่องชี้สำคัญที่ขยายตัวดีขึ้น ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงร้อยละ ๑๖.๐ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ ๕ เดือน สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (ไม่รวม ปตท.) เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๗ และร้อยละ ๘๑.๓ ตามลำดับ ส่งผลให้โดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓.๐ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปี ๒๕๕๗ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัดจากการลดลงของมูลค่าการส่งออก ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่และช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง จัดทำบัญชีรายชื่อบริษัท/ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่จะร่วมมือกับภาครัฐในการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย และเครื่องจักรเครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น และจัดเตรียมมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้บริษัท/ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการลดราคาปัจจัยการผลิต ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมหาแนวทางลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในฤดูการผลิตที่กำลังจะมาถึง ๑.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกันพิจารณาจัดตั้งศูนย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเป็นศูนย์กลางของการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการทุกเรื่องให้เป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปอย่างโปร่งใส รวมทั้งให้สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
653 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๒.๗๒ ล้านล้านบาท และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้น จำนวน ๘,๒๗๕.๐๔ ล้านบาท และปรับเพิ่มให้สภากาชาดไทยเป็นค่าก่อสร้างอาคารศูนย์ก้าวหน้าทางวิชาการ จำนวน ๒๖๔.๙๖ ล้านบาท ๑.๒ ปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรร เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร จำนวน ๒ โครงการ จำนวน ๒๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงสร้างงบประมาณ มีการปรับปรุงในส่วนรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนภายในวงเงินเดิม ๑.๔ การจำแนกยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ โดยปรับปรุงวงเงินใน ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม และรายการค่าดำเนินการภาครัฐภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๒.๗๒ ล้านล้านบาท ๒. เห็นชอบการทบทวนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัย ซึ่งมีงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา อีกจำนวน ๑,๐๖๘.๐๙ ล้านบาท (กระทรวงกลาโหมและสภากาชาดไทย) รวมเป็นเงินงบประมาณด้านการวิจัย จำนวน ๒๕,๓๗๓.๑๙ ล้านบาท และยังมีเงินรายได้ด้านการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยของรัฐต่าง ๆ อีกจำนวน ๗,๘๕๑.๓๙ ล้านบาท รวมทุกแหล่งเงิน เป็นจำนวน ๓๓,๒๒๔.๖๐ ล้านบาท (ไม่รวมภาคเอกชน) คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ร้อยละ ๐.๒๕ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก จำนวน ๘,๕๔๐ ล้านบาท โดยลดงบประมาณรายการเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องด้วย ๔. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณนำมติคณะรัฐมนตรี (ตามข้อ ๑-๓) ไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเอกสารประกอบงบประมาณ และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเอกสารประกอบ และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๕. ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เตรียมการให้เกิดความพร้อมในการจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
654 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2557 และ ครั้งที่ 1/2558 | ทส | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ได้รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ โครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค โรงพยาบาลศิริราช ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ๑.๒ โครงการศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศและศูนย์อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ๑.๔ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๕ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ๑.๖ โครงการศึกษาทบทวนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเก็บน้ำโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ จังหวัดพะเยา ของกรมชลประทาน ๒. การประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ จำนวน ๗ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๒.๒ ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ๒.๓ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ ๔ (ระยอง-แก่งคอย) ครั้งที่ ๓ (โครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติกลางทางบนระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๔) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒.๔ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒.๕ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-ลำสาลี-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๖ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๗ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ บริเวณทางลอดบางพลัด ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
655 | แต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (นายสกล วรรณพงษ์) | กก | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งนายสกล วรรณพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายสกล วรรณพงษ์ ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
656 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | สช | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๑๖๓,๑๕๒,๑๘๓,๕๐๐ บาท สำหรับงบบริหารจัดการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๑,๙๔๓,๒๙๔,๐๐๐ บาท ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๒ ในการใช้จ่ายงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ห้ามมิให้นำไปใช้จ่ายนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ให้ใช้จ่าย เช่น การก่อสร้าง ซ่อมแซมอาคาร ค่าตอบแทนบุคลากรเพิ่มเติม และการนำไปสนับสนุนมูลนิธิต่าง ๆ เป็นต้น โดยให้ใช้จากงบบริหารจัดการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือจากงบประมาณปกติของส่วนราชการ ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๑.๓ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่เห็นควรร่วมกันพิจารณาปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ ได้แก่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ลดความเหลื่อมล้ำของการใช้สิทธิผ่านทาง ๓ ระบบดังกล่าว โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของภาระงบประมาณประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาหาแนวทางในการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนยากจน รวมทั้งการดูแลผู้สูงอายุ โดยหาแนวทางสนับสนุนการดำเนินการโดยใช้เงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากงบประมาณจากภาครัฐ โดยอาจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การบริจาคเงินเพื่อรองรับภาวะที่จะมีผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต รวมทั้งหามาตรการให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถดูแลสุขภาพของตนเองเพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณแก่ภาครัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
657 | การให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ เพิ่มเติม และการจัดการสถานะและสิทธิในบริการสาธารณสุขของบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติทั้งระบบ | สธ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ ที่เห็นชอบในหลักการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเพิ่มเติม ประกอบด้วยบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิรวมถึงบุตรที่กระทรวงมหาดไทยได้ขึ้นทะเบียน โดยมีเลขประจำตัว ๑๓ หลัก เรียบร้อยแล้ว จำนวน ๒๐๘,๖๓๑ คน สำหรับบุคคลกลุ่มอื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะขาดหลักฐานซึ่งยังไม่มีความชัดเจนถึงจำนวนที่แท้จริงและอาจมีความซ้ำซ้อนของข้อมูล ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของกลุ่มบุคคลดังกล่าวก่อน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
658 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และขอความเห็นชอบในการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม กรณีการพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานน้ำตาล | อก | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การย้ายสถานที่ตั้งและตั้งโรงงานน้ำตาลทรายใหม่ และการพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี) ๑.๒ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาราคาอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ) ในส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวข้อ ๑.๒ (๕) ของหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ด่วนที่สุด ที่ อก ๐๖๐๒/๑๗๔๐ ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กรณีห้ามไม่ให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาล และกำหนดมาตรการในการจัดการกับกำลังการผลิตส่วนเกินที่ได้รับอนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ รวมทั้งกำหนดสถานที่ตั้งของโรงงานน้ำตาลให้เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูกก่อนที่จะห้ามไม่ให้มีการย้ายและขยายโรงงานอีกต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การอนุญาตให้ตั้ง หรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาลในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการอนุญาตตั้งโรงงานน้ำตาลออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณาอนุญาตให้ตั้ง หรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยโดยดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาลที่ขออนุญาตจะต้องยึดหลักของประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนการขนส่งของเกษตรกร รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และกลไกให้โรงงานน้ำตาลที่ตั้งขึ้นใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์ตามร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมนี้ต้องดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยแต่ละฤดูการผลิต การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อดำเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำการเกษตร ก่อนอนุมัติให้ตั้งหรือย้าย หรือขยายโรงงานน้ำตาล ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบถึงผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
659 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2558 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๘ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๒๕ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๗,๗๖๙.๑๐๒ ล้านบาท [ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)] ประกอบด้วย โครงการที่มีแหล่งเงินรองรับการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๗๖๐.๗๗๑ ล้านบาท และโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับและไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๕,๐๐๘.๓๓๑ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยแหล่งเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำหรับโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับให้ กปภ. พิจารณาใช้แหล่งเงินทุนโครงการจากเงินรายได้ของ กปภ. เป็นหลักก่อนหรือใช้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกันตามความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ให้ กปภ. พิจารณาถึงความคุ้มค่าของการลงทุน จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินโครงการในกรอบเวลาที่กำหนดอย่างรอบคอบเหมาะสม คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้ กปภ. ประสานกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำดิบสำหรับดำเนินโครงการเพื่อให้พอเพียงต่อความต้องการอุปโภคและบริโภคด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
660 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกข้าวนาปรัง ปี 2558 | พณ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรวงเงินตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘ ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๘,๗๙๖.๕๔ ล้านบาท โดยนำงบประมาณที่คงเหลือจากโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ มาดำเนินโครงการ วงเงินชดเชยดอกเบี้ย ๕๘๒ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....