ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 5030 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์) | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
602 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ | ทก | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมติคณะกรรมการเตรียมการฯ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ การเตรียมการจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ การดำเนินงานของคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ ๑.๓ การดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ ๑.๔ การจัดทำมาตรฐานกลางรหัสสินค้าและบริการและระบบทะเบียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ๑.๕ การผลักดันมาตรการด้าน Cyber security ในระยะเร่งด่วน ๒. ผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการฯ ๒.๑ ดำเนินการคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ขนาดความกว้างคลื่นความถี่ 4.8 MHz ที่ได้รับคืนจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อไปประมูลร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๒ การเตรียมการด้าน International Gateway อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการฯ ในโอกาสต่อไป ๒.๓ ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานกำหนดแผนการนำสายสื่อสารและสายไฟฟ้าลงร้อยท่อใต้ดินในกรุงเทพมหานครภายใต้คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามคำสั่งคณะกรรมการเตรียมการฯ ที่ ๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมคณะทำงานฯ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
603 | ขยายอายุการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียน แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนให้แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ออกไปอีก ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้ประเมินผลการดำเนินการเป็นรายปีให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ ทราบด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
604 | การทบทวนปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด | กค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การทบทวน ปรับปรุง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ในการจำหน่ายอุปกรณ์อากาศยานหรือจ้างซ่อมอากาศยานและอุปกรณ์ จากเดิมเป็น ดังนี้ “อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ประสงค์จะซื้อหรือจ้างบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด เกี่ยวกับพัสดุอุปกรณ์อากาศยานหรือการซ่อมอากาศยานและอุปกรณ์ให้ดำเนินการซื้อหรือจ้างซ่อมได้ โดยวิธีกรณีพิเศษ หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกัน ตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ โดยให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการซื้อหรือจ้างดังกล่าวดำเนินการต่อรองราคาให้อยู่ในวงเงินที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้บริษัทฯ ดำเนินการจ้างซ่อมอีกทอดหนึ่งได้เฉพาะงานที่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้เองเท่านั้น และให้บริษัทฯ คำนึงถึงความสำคัญของการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยเรียนรู้วิทยาการด้านการซ่อมอากาศยานให้มากขึ้น รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับทรัพยากรที่มีอยู่ด้วย เพื่อลดอัตราการจ้างช่วง และเป็นการลดอัตราสูญเสียเงินตราต่างประเทศต่อไป และให้บริษัทฯ จัดทำบัญชีต้นทุนการใช้พื้นที่ในการประกอบกิจการและการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น บุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ เป็นต้น ทั้งในส่วนของบริษัทฯ และ/หรือในส่วนที่บริษัทฯ ใช้ร่วมกับกองทัพอากาศ ตามมาตรฐานด้านการบัญชีที่บริษัทฯ ถือปฏิบัติให้ถูกต้องชัดเจนด้วย” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้มีการประเมินผลประกอบการและการดำเนินการของบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อเห็นว่า บริษัทฯ สามารถที่จะดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งแล้ว ก็สมควรที่คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจจะพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
605 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 | ทส | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้มีมติรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยเป็นเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๘ เรื่อง ดังนี้
๑. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ คำขอประทานบัตรที่ ๒๐/๒๕๕๔ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ ๒๑/๒๕๕๔, ๒๒/๒๕๕๔, ๒๓/๒๕๕๔ และ ๒๔/๒๕๕๔ ของบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ๒. โครงการเหมืองแร่แบไรต์ และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๑๕๖๐๓/๑๔๗๐๔) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของบริษัท เชียงใหม่จำรัสขนส่ง จำกัด ๓. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) และแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๕/๑๕๗๒๔) ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองแร่เดียวกันกับคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๖/๑๕๖๒๕) คำขอต่ออายุประทานที่ ๓/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๙/๑๕๖๒๖) และคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๔/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๔๐/๑๕๖๒๗) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๕ และหมู่ที่ ๑๐ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๔. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด คำขอประทานบัตรเลขที่ ๑๐-๒๒/๒๕๕๓ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรเลขที่ ๓๒๔๕๑/๑๕๖๘๗, ๓๒๔๕๔/๑๕๖๘๘, ๓๒๔๕๒/๑๕๖๘๙, ๑๙๙๑๗/๑๕๖๙๐, ๓๒๔๕๓/๑๕๖๙๑ และใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ เลขที่ ๑/๒๕๔๘, ๒/๒๕๔๘, ๓/๒๕๔๘ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาวงและตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ๕. ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๗ ๖. การเสนอขอควบคุมสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (สาร POPs) ภายใต้อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ที่ยังไม่ได้กำหนดเป็นวัตถุอันตราย ๗. การกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากรถจักรยานยนต์ใหม่ ระดับที่ ๗ ๘. การเข้าร่วมโครงการ The Ratification and Early Implementation of the Minamata Convention on Mercury
|
|||||||||||||||||||||||||||
606 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนใหม่ของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ทุกระดับตำแหน่งตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเงินเดือนเข้าโครงสร้างเงินเดือนใหม่ หากเงินเดือนใหม่ที่ได้รับยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือน ให้ปรับเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินเดือนใหม่ หากเกินร้อยละ ๑๐ ของเงินเดือนใหม่ ให้รอปรับเงินเดือนในปีต่อไปก่อน จึงจะปรับให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำ ตามมติ ครส. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ และเนื่องจากการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการปรับเงินเดือนเข้าโครงสร้างเงินเดือนใหม่ของพนักงาน ธอส. อาจส่งผลกระทบให้ ธอส. มีภาระค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้ ธอส. ดำเนินการตามแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยเคร่งครัดเพื่อสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของ ธอส. ในระยะยาว รวมทั้งต้องมีการประเมินผลงานรายบุคคลให้สอดคล้องกับการประเมินผลงานทั้งองค์กร และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบความคืบหน้าของการดำเนินการด้วย ๑.๓ ไม่เห็นชอบให้ ธอส. ปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานทุกตำแหน่งในอัตราร้อยละ ๒ ๑.๔ การกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงของพนักงานระดับ ๑๖ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส/รองกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากที่ผ่านมา ธอส. ยังไม่ได้กำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงสำหรับพนักงานระดับ ๑๖ ไว้ และในคราวนี้ ธอส. ได้เสนอและกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงสำหรับตำแหน่งระดับ ๑๖ ไว้แล้ว ดังนั้น จึงเห็นควรกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งระดับ ๑๖ สำหรับรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส/รองกรรมการผู้จัดการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันให้อยู่ภายใต้โครงสร้างเงินเดือนใหม่ ๑.๕ เห็นชอบในหลักการแนวนโยบายการปรับโครงสร้างเงินเดือนพนักงานของ ธอส. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของหน่วยงาน และพิจารณาการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยไม่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้รับบริการเพื่อสร้างรายได้ให้เพียงพอและครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น การกำหนดแนวนโยบายในการพิจารณาปรับบัญชีโครงสร้างเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงการคลังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การปรับปรุงตัวชี้วัดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งระบบให้สะท้อนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน รวมทั้งมีแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ และในการปรับโครงสร้างเงินเดือนในคราวถัดไปต้องอยู่บนพื้นฐานของการประเมินค่างานที่แสดงให้เห็นถึงภารกิจหรือค่างานที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลและปรับปรุงวิธีการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานในตำแหน่งระดับสูงได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับพนักงานระดับล่าง |
|||||||||||||||||||||||||||
607 | การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยอนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ประสงค์จะจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ทั้งนี้ หากผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมที่จัดซื้อจัดจ้างมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตั้งแต่ ๒ ราย ขึ้นไป ตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแจ้งผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยทุกรายเข้าเสนอราคา แล้วจัดซื้อจากรายที่เสนอราคาต่ำสุด โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเร่งรัดการตรวจสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดทำและประกาศบัญชีนวัตกรรมไทยได้ต่อไป รวมทั้งให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยในหน่วยงานภาครัฐ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
608 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 3/2558 และแนวทางดำเนินการตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ชาวสวนยาง | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ในการปรับปรุงองค์ประกอบ กนย. โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธาน กนย. หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งนี้ การปรับปรุงองค์ประกอบ กนย. มอบหมายให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ดำเนินการคัดเลือกผู้แทนคนกรีดยางอีก ๑ คน และเสนอให้ฝ่ายเลขานุการ กนย. ดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ๒ ๒. เห็นชอบแนวทางดำเนินการตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โดย กยท. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางผู้มีเอกสารสิทธิ์ ประกอบด้วยเจ้าของสวนยาง และหรือผู้เช่า และคนกรีดยาง ในสัดส่วนร้อยละ ๖๐ : ๔๐ อัตราไร่ละ ๑,๕๐๐ บาท จำนวน ๘๕๐,๐๐๐ ครัวเรือน และกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยมอบหมายให้ กยท. ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหาข้อยุติในประเด็นข้อกฎหมาย ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของการใช้เงินจากกองทุนพัฒนายางพารา ให้ดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้ กยท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขึ้นทะเบียนบัญชีเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยางให้ชัดเจน และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวางแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางทั้ง ๓ ด้าน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสวนยาง การปรับปรุงคุณภาพผลผลิตยางพารา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกรีดยาง รวมทั้งแนวทางการพัฒนายางด้านอื่น ๆ ที่จะสนับสนุนให้การพัฒนายางทั้งระบบของรัฐบาลเกิดความสมบูรณ์และยั่งยืน โดยพิจารณาใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนพัฒนายางพาราในการดำเนินการเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
609 | เลื่อนวันประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 900 MHz | กสทช | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ในการประชุม (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้เลื่อนวันประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 900 MHz จากเดิมที่เคยกำหนดวันประมูลวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ กลับไปประมูลในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามกรอบเวลาเดิม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
610 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 (ครั้งที่ 4) | พน | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Alternative Energy Development Plan : AEDP 2015-2036) แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Oil Plan 2015) และแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Gas Plan 2015) และรับทราบแผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาทบทวนแผน AEDP 2015 โดยให้เร่งรัดการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซลประเภท B10 และ B20 ให้เร็วกว่าแผน AEDP 2015 และใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การพัฒนาบุคลากรในสาขาพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาไปสู่การผลิตเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์ การเตรียมความพร้อมเรื่องเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต การสร้างความเป็นธรรมในการส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก การลดการสนับสนุนเชื้อเพลิงประเภทใดประเภทหนึ่งและส่งเสริมการแข่งขันด้านราคาด้วยกลไกตลาดอย่างเสรี การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำของเทคโนโลยีพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกทุกประเภท การส่งเสริมพลังงานที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตในประเทศ การส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ การให้ความสำคัญกับการผลักดันแผนต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งการกำหนดแนวทางหรือกลไกกำกับติดตามการดำเนินการตามแผนเพื่อให้การขับเคลื่อนแผนสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก เห็นควรให้กระทรวงพลังงานรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เร่งดำเนินการศึกษาและส่งเสริมการพัฒนาเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล ประเภท B10 และ B20 ให้สำเร็จโดยเร็วต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานและกระทรวงพลังงานรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันไบโอดีเซลให้มากขึ้น โดยให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับน้ำมันทั้งสองประเภท รวมทั้งพิจารณากำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันไบโอดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค |
|||||||||||||||||||||||||||
611 | แนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | สลธ.คสช. | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยจำนวนผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบ เกณฑ์การคำนวณค่าใช้จ่ายที่ควรให้ความช่วยเหลือ กรอบวงเงินที่ควรให้ความช่วยเหลือ ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงดังกล่าว ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและผลการตรวจสอบ รวมทั้งเป็นไปตามกฎหมายด้วย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๒. ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงในระหว่างที่สามารถออกทำการประมงได้ ภายในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๒๘,๕๑๖,๑๐๐ บาท โดยให้กองทัพเรือ โดยศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุน
|
|||||||||||||||||||||||||||
612 | การยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในระดับจังหวัด | ทส | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เนื่องจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่า อปท. หลายแห่งมีความสามารถในการสมทบเงินงบประมาณได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการยกเว้นเงินสมทบควรมีเงื่อนไขกรณีการปรับลดการสมทบงบประมาณในแต่ละโครงการว่า การปรับแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ จะต้องไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของระบบการจัดการขยะมูลฝอย และให้มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าว รวมทั้งการยกเว้นเงินสมทบควรเป็นมาตรการระยะสั้นตามความจำเป็นเร่งด่วน สำหรับระยะยาวให้ อปท. เข้ามามีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าบริการในอัตราที่เหมาะสมสะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง และควรมีการจัดทำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง อปท. ที่เข้าร่วมโครงการและมีกลไกการกำกับดูแลเพื่อให้มีปริมาณขยะเข้าสู่ระบบจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีกลไกการกำกับดูแลติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และ อปท. สามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้ อปท. มีส่วนร่วมในการใช้เงินรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชน ภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินงานโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ อปท. ไม่ต้องสมทบงบประมาณในการดำเนินงานตามโครงการ รวมทั้งปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอยของประเทศ เพื่อให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับ อปท. ในการจัดการขยะมูลฝอยต่อไป ๔. โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องดังกล่าวแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอเรื่องนี้ต่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
613 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่มเติม เครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) | ยธ | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘ (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขร่างในส่วนของการกำหนดอินทรธนูและส่วนประกอบบนอินทรธนูตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
614 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 (ครั้งที่ 3) | พน | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของแผนฯ นี้ด้วย เช่น แนวทางการประหยัดพลังงานแบบ ESCO สำหรับภาคราชการ ซึ่งมอบให้กระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ๒. เห็นชอบให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และให้กระทรวงพลังงานแจ้งคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีเกิดสภาวะวิกฤติด้านพลังงานและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังจะต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทันที และรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้กระทรวงพลังงานทราบทุกครั้ง ๓. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานกับคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจเพื่อนำหลักการที่จะยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าฉบับปรับปรุงใหม่ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
615 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 และครั้งที่ 4/2558 | ทก | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และครั้ง ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๕/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ จำนวน ๒ ท่าน ประกอบด้วย นายสุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอวกาศ และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ ๑.๒ รับทราบความคืบหน้าของการพัฒนาความร่วมมือด้านกิจการอวกาศภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ ๓ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการโครงการลดความยากจนและเหลื่อมล้ำทางภูมิเศรษฐกิจโดยการรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ (THEOS-2) โดยให้ปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา” ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ๒. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ ๒.๑ รับทราบการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี ใน ๒ กรณี คือ กรณีค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม ๓ และกรณีโครงการดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๒ รับทราบการนำหลักเกณฑ์การอนุญาตการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๒.๓ รับทราบการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจโลกระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ CRESDA โดยมีองค์ประกอบของความร่วมมือในข้อตกลง ๓ เรื่อง ได้แก่ ข้อเสนอโครงการปรับปรุงสมรรถนะของสถานีรับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และโครงการวิจัยร่วม ๒.๔ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ (National Space Program) ที่ประกอบด้วยกรอบแนวคิดและเป้าหมายของโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ และองค์ประกอบของโปรแกรมฯ ๔ ด้าน (ระบบดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ระบบดาวเทียมสำรวจโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ การวิจัยและการสำรวจห้วงอวกาศ) ๒.๕ เห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๖ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
616 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (นาวาอากาศเอก จิรพล เกื้อด้วง) | คค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง นาวาอากาศเอก จิรพล เกื้อด้วง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน ต่ออีกหนึ่งวาระตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๘ กันยายน ๒๕๕๙) ตามมติคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทน ค่าตอบแทนพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
617 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 (ครั้งที่ 3) | พน | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ รวม ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) การขอเลื่อนวันกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ SCOD โครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร (๒) มาตรการพิเศษส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา (๓) การเพิ่มสัดส่วนน้ำมันปาล์มดิบผสมกับน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ จากร้อยละ ๑๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๒๓ (๔) การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ปี ๒๕๕๘ (๕) ข้อเสนอให้โครงการห้วยลำพันใหญ่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเซเสด และ (๖) การขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒. เห็นชอบร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท Shell Eastern Trading (PTE) LTD และบริษัท BP Singapore PTE. Limited โดยให้ใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการได้ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องมีการปรับปรุงข้อความในร่างสัญญาดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถปรับปรุงข้อความได้โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีอีก ๓. โดยที่เรื่อง (๑) แผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) เป็นเรื่องที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๒) การยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ จึงให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป ๔. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) ควรมีมาตรการป้องกันปัญหามลพิษจากโรงไฟฟ้าที่รัดกุม การเพิ่มสัดส่วนน้ำมันปาล์มดิบผสมกับน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่จากร้อยละ ๑๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๒๓ ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การขยายระบบส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ก่อนดำเนินโครงการต่อไป และการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการรับซื้อไฟฟ้าที่คำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ อาทิ แนวโน้มความต้องการไฟฟ้า ผลกระทบต่อประสิทธิภาพแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (Base Load) ในพื้นที่ และขีดความสามารถของระบบไฟฟ้าทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ตลอดจนผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า เพื่อให้การกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีความโปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบกิจการพลังงานทุกราย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
618 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ | กค | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ๑.๑.๑ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองประธาน ๑ ตำแหน่ง จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยกเลิกตำแหน่งรองประธาน จำนวน ๑ ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยกเลิกตำแหน่งกรรมการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง ได้แก่ นางพรรณี สถาวโรดม (ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) และผู้แทนการค้าไทย ๑.๑.๒ ปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ข้อ ๔ จากเดิม “รายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๒ สัปดาห์” เป็น “การรายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๑ เดือน” ๑.๒ การปรับปรุงกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศจะใช้ในการติดตามและขับเคลื่อน โดยปรับปรุงกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘) ให้เหลือเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้เงิน และเพิ่มเติมมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรฐบาลทั่วประเทศ ไว้ในกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการฯ จะใช้ในการติดตาม ประกอบด้วย ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การส่งเสริมการลงทุน (๓) มาตรการการเงินการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน และ (๔) มาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและความยากจนในการเสริมสร้างความยั่งยืน ๒. ในส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ให้เพิ่มผู้แทนสำนักงบประมาณร่วมเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จำนวน ๑ คน และให้ดำเนินการสรุปการปฏิบัติโดยต่อเนื่อง เป็นมาตรการช่วยเหลือระยะที่ ๑ (คณะรัฐมนตรีชุดเดิม) และมาตรการช่วยเหลือระยะที่ ๒ (คณะรัฐมนตรีชุดใหม่) เพื่อง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
619 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทส | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีมติให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (ส่วนขยาย) ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ๒. โครงการศูนย์การแพทย์มหิดล นครสวรรค์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล ๓. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ระยะที่ ๒ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๔. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท ๕. การกำหนดประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ที่มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ ขึ้นไป ๖. ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๗. การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๔ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๘. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๙. ขอปรับปรุงร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร ๑๐. โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๑๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๒. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังเปิดดำเนินการโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิดดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
620 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 39 | ทส | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ ระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งมีประเด็นสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การรับรองอนุสรณ์สถานแหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์ของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monument, Sites and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) ไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) (๒) การรับรองรายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และ (๓) ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงเอกสารสำหรับการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการมรดกโลกฯ โดยการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินงานตามข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกและแผนการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูปธรรม ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามพันธกรณีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรพิจารณาอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเข้าศึกษาวิจัยเพื่อนำมาประกอบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นมรดกโลกต่อไป รวมทั้งพิจารณากันเขตแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานออกจากแผนที่แนบท้ายการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ เพื่อให้พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานยังคงความเป็นธรรมชาติ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
.....