ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 109 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2161 - 2180 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2161 | การกำหนดเงินตอบแทนสำหรับข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอการกำหนดเงินตอบแทนสำหรับ
ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ โดยได้รับเงินตอบแทนรายเดือน เงินรางวัลประจำปี สวัสดิ การและประโยชน์อื่น ๆ จากเงินงบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในส่วนราช การต้นสังกัด โดยให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังกรณีข้าราชการไปปฏิบัติราชการในองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และหน่วยงานภาคเอกชนที่ เป็นนิติบุคคล หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. กำหนด ต้องไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นที่ข้าราชการได้ รับจากการไปปฏิบัติงานนั้น ๆ เพื่อไม่ให้ได้รับประโยชน์ซ้ำซ้อน และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากหน่วยงานที่ข้าราชการไปปฏิบัติงานจ่ายค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์บางส่วนให้ข้าราชการผู้นั้นแล้ว ตาม ข้อตกลง ก็ให้รับจากหน่วยงานนั้นและไม่ให้นำมาเบิกซ้ำซ้อนจากหน่วยงานต้นสังกัดอีก ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2162 | การถ่ายโอนสถานศึกษา บัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 | ศธ | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการถ่ายโอนสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการขอสงวนไว้จำนวน
11 โรงเรียน ที่อยู่ในบัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกรณีที่สถานศึกษาที่มีงบ ประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้ส่วนราชการเดิมเป็นผู้ดำเนินการตามสัญญาให้เสร็จสิ้นแล้วจึงส่งมอบให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป ไม่ ควรจำกัดจำนวนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะถ่ายโอนในแต่ละปี ควรพิจารณาตามความสมัครใจและความ พร้อมของ อปท. เป็นรายกรณีไป และสร้างเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบและสนับสนุนให้การ ดำเนินการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นบรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยปรับบทบาทมาให้ความสำคัญกับ การกำกับ ดูแล ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรยึดหลัก เกณฑ์ที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 โดยให้ สถานศึกษาใดมีความพร้อมและสมัครใจไปอยู่ อปท. และ อปท. ยินดีรับโอนสถานศึกษา ให้สถานศึกษา และ อปท. ทำความตกลงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน และเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2163 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาทำสัญญาต่อคณะรัฐมนตรี (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) | ศธ | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ขยายระยะเวลาทำสัญญา
ก่อหนี้รายการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและอาคารฝึกอบรมท้องถิ่นไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2551
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2164 | รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้านการงบประมาณ : OECD Asian Senior Budget Officials Meeting ครั้งที่ 4 | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้าน
การงบประมาณ : OECD Asian Senior Budget Officials Meeting ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 มกราคม 2551 ที่กรุงเทพมหานคร โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับระบบงบประมาณ และแนวทางในการพัฒนาระบบงบประมาณไปสู่ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (Performance-based Bud geting) การจัดทำประมาณการงบประมาณรายจ่ายระยะปานกลาง และการกำหนดเป้าหมายทางการคลังอย่าง เป็นรูปธรรม และรับทราบผลการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการนำ Fiscal Space หรือวงเงินงบประมาณรายจ่ายคง เหลือที่ภาครัฐมีในแต่ละปี ที่สามารถนำมาดำเนินงาน/โครงการภายใต้นโยบายใหม่ หลังจากหักงบประมาณราย จ่ายตามภาระงบประมาณแล้ว และแนวทางการเพิ่ม Fiscal Space รวมทั้งรับทราบผลการศึกษาเกี่ยวกับการร่วม ทุนระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ (Public Private Partnership : PPP) และการให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินงานของ ภาครัฐ (Outsourcing) โดยมุ่งเน้นการลดภาระงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ ตลอดจน ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จซึ่งครอบคลุมในเรื่องของกฎหมาย สัญญา การจัดซื้อจัดจ้าง และการกระจาย ความเสี่ยง เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานการศึกษาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินนโยบายราย จ่ายภาษี (Tax Expenditure) ของภาครัฐ และรายงานการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการจัดสรรเงินอุดหนุนและแนว ทางปฏิบัติของส่วนภูมิภาคหรือท้องถิ่นในรูปแบบต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2165 | ขอความเห็นชอบในการดำเนินโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 3 | ศธ | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมคณะทำงานกลั่นกรองรายละเอียดงบกลาง ครั้งที่ 2/2550 วันที่
21 ธันวาคม 2550 ในการอนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน 18 เรื่อง รวมเป็นเงิน 4,123,273,539 บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินโครงการทุน การศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 3 ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประชุมคณะทำงาน ฯ มีมติเห็นสมควรไม่อนุมัติ เนื่องจากไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2166 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... | นร | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลัก
เกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดยปรับ ปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาใหม่ทั้งฉบับให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 52/1 และมาตรา 53/1 แห่งพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 โดยกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการ หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำ ของบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การกำกับดูแลการปฏิบัติตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งปรับ ปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และงบประมาณจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยมอบให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ ประกอบของคณะกรรมการนโยบายแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ก.น.พ.) ตามร่างมาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน กรรมการคนที่สอง และให้เพิ่มผู้แทนคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประธาน กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมายหนึ่งคน เป็นกรรมการ เพื่อให้เป็นไปตาม ร่างพระราชกฤษฎีกาที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้เดิม และตัดความในส่วนที่กำหนดเกี่ยวกับกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิต้องแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ รวม 4 ด้านออก เพื่อให้ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่ม จังหวัดพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ตามที่เห็นสมควร โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ตามที่ กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนการจัดทำแผนกลุ่มจังหวัด ตามร่างมาตรา 16 ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราช การจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด อาจไม่เหมาะสมกับการบริหาร งานของกระทรวงมหาดไทย สมควรแก้ไขให้กระทรวงมหาดไทยสามารถใช้ดุลพินิจมอบหมายบุคคลที่เหมาะสมทำ หน้าที่ดังกล่าวได้ และปรับเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง "หัวหน้ากลุ่มจังหวัด" เป็น "ผู้ประสานงานของกลุ่มจังหวัด" รวมทั้ง แก้ไขร่างมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ โดยที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ เห็นชอบให้จัดตั้งสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มจังหวัด และเป็นฝ่ายเลขา นุการของคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จึงควรแก้ไขชื่อตำแหน่งของผู้ที่เป็นเลขานุการในร่างมาตรา 17 วรรคสอง ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าว และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2167 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ รับทราบรายงานข้อมูลผลกระทบต่อประชาชนและ
สังคมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 (เรื่อง ร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) สรุปได้ว่า มีความจำเป็นต้องแก้ไขพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ให้กรุงเทพมหานครมีอำนาจออกข้อบัญญัติจัดเก็บ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรม ฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และเพื่อให้สามารถดำเนินการออกข้อบัญญัติ จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าว ได้เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ และอนุมัติหลักการร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เพื่อให้การจัดบริการสาธารณะและการใช้บังคับกฎ หมายเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความโปร่งใส และสอดคล้องกับพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2168 | การนำเสนอวาระเพื่อเด็กและเยาวชน ปี 2551 ต่อคณะรัฐมนตรี | พม | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอประเด็นวาระ
เพื่อเด็กและเยาวชนปี พ.ศ. 2551 ซึ่งใช้ประเด็น 5 ด้าน เช่นเดียวกับปี พ.ศ. 2550 คือ (1) ส่งเสริมกิจกรรมสร้าง สรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษาเพื่อส่งเสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชนที่หลากหลาย ทำให้เกิดคุณลักษณะที่ดีและมีส่วนร่วมกับชุมชนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคม (2) ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของครอบครัวในทุกภาคส่วนของสังคม (3) ส่งเสริมสื่อเพื่อการศึกษาและ การเรียนรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพื่อให้เกิดรายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว (4) จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนอยู่ใน สภาพแวดล้อมที่ดี และปลอดอบายมุข และ (5) ส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ เพื่อให้เด็กปฐมวัย ซึ่ง เป็นช่วงที่มีโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ด้านเชาว์ปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ และ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การ ดำเนินงานตามวาระเด็กและเยาวชน นั้น ควรนำแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดำเนิน งาน โดยเฉพาะเรื่องคุณธรรมนำความรู้ เพื่อมุ่งเสริมสร้างและพัฒนาจิตใจของเด็กและเยาวชน รวมทั้งควรมีระบบ การติดตามความก้าวหน้าและรายงานผลการดำเนินงานเป็นระยะเพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนายกระดับการดำเนิน งาน และใช้ประกอบในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการทำงานของภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องทุกภาครัฐ และ ความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรมุ่งเน้นการเรียนรู้และกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมถึงการช่วยกันรักษา เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2169 | ร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) | นร | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) รวม 6 ด้าน ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการ ฯ ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงิน การคลัง ด้านการถ่าย โอนบุคลากรและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคลากรส่วนท้องถิ่น ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน /ภาคประชาสังคมและการตรวจติดตามประเมินผล และด้านการแก้ไขหรือจัดให้มีกฎหมายที่ดำเนินการตามแผน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบ ให้ส่วนราชการที่ถ่ายโอนแผนปฏิบัติการ ฯ ดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอน กำหนดขั้นตอนและแนวทางการ ถ่ายโอนให้สอดคล้องกับระยะเวลาการถ่ายโอนที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ จัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติ งานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ อปท. ที่รับโอนภารกิจ และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแก่ อปท. เพื่อให้ สามารถบริหารจัดการภารกิจที่ถ่ายโอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานบริการสาธารณะ ที่ถ่ายโอน เพื่อให้ อปท. ให้บริการสาธารณะอย่างมีมาตรฐาน และติดตามประเมินผลในภารกิจที่ถ่ายโอนอย่าง ต่อเนื่องและรายงานให้ กกถ. ทราบทุกรอบ 3 เดือน และให้รายงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2170 | สรุปสถานการณ์ภัยหนาวและการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2551 | มท | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยหนาวและการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี
พ.ศ. 2551 ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยหนาว ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2551 มีพื้นที่ ประสบภัยหนาวและได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 40 จังหวัด จำแนกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ภาคกลาง 3 จังหวัด และภาคตะวันออก 3 จังหวัด ในส่วนของ การให้ความช่วยเหลือ ได้รับรายงานจาก 43 จังหวัดว่าได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลนใน 385 อำเภอ 3,183 ตำบล 9 เทศบาล 27,627 หมู่บ้าน โดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการ จังหวัดที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ ฯ ให้จัดหาเครื่องกันหนาวในวงเงินจังหวัดละไม่เกิน 25 ล้านบาท รวมทั้งได้ รับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคม มูลนิธิ อบต. ฯลฯ รวม 492,800 ชิ้น สำหรับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี พ.ศ. 2551 กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งระดับจังหวัด/อำเภอ/องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำการสำรวจและจัดทำบัญชีหมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน วัสดุอุปกรณ์และ รถยนต์บรรทุกน้ำ และให้จังหวัดพิจารณาช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยให้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการตาม ระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) ในด้านการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ มีแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี พ.ศ. 2550/51 ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นจำนวน 12.83 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 10.03 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 7.53 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.50 ล้านไร่) พืชไร่-ผัก 2.80 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 0.90 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.90 ล้านไร่) ส่วนการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในกิจ กรรมต่าง ๆ ได้จัดลำดับความสำคัญ ได้แก่ เพื่อการอุปโภคบริโภคและการประปา เพื่อการรักษาระบบนิเวศน์ เช่น ผลักดันน้ำเค็ม เพื่อการเกษตรกรรม และเพื่อการอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2171 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและขอความเห็นชอบให้จังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภา
พันธ์ 2549 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำ แพง และงบดำเนินการในวงเงิน 110,000,000 บาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ที่อนุมัติให้ จัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 45,000,000 บาท โดยปรับเปลี่ยนให้จังหวัดเชียงใหม่รวมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ หากพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อท้อง ถิ่น และให้จังหวัดทุกจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2172 | แผนแม่บทการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP) พ.ศ. 2551 - 2555 | อก | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงอุตสาหกรรม ประธานอนุกรรมการบริหารงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP) เสนอร่าง แผนแม่บทการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP) พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555 โดยร่างแผนแม่บทฉบับนี้ ได้กำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น รวม 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์เฉพาะ กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนากลุ่มผู้ผลิตเพื่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาไทย ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนากลุ่มผู้ผลิตเชิงธุรกิจ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริมชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว (2) ยุทธศาสตร์กลาง ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างปัจจัยเอื้อในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น และยุทธศาสตร์ที่ 5 การบริหารงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งได้กำหนดกลไกการขับเคลื่อน การดำเนินงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น 2 ระดับ ได้แก่ ส่วนกลาง ให้คณะอนุกรรมการบริหารงาน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำหน้าที่ กำหนดนโยบาย แผนงาน แนวทางการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น และแผนปฏิบัติการส่งเสริมผลิต ภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น โครงการ งบประมาณ รวมถึงกำกับติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ชุมชนและท้องถิ่น และให้คณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการบริหารงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น พิจารณากลั่นกรองเรื่องต่าง ๆ เสนอต่อคณะอนุกรรมการบริหารงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น และ ส่วนภูมิภาค ให้คณะกรรมการอำนวยการระดับจังหวัดของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมี สุข ภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขเป็นกลไกการขับเคลื่อนในระดับภูมิภาค สนับสนุนและดำเนินงานตามนโยบาย และแผนปฏิบัติการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2173 | โครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ | ทส | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาค เอกชนซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัย เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในรายละเอียด และเงื่อนไขการรับประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดเกี่ยว กับการประกันภัยพืชเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จ ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และให้รับความ เห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับขั้นตอนการ นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดให้แก่ ธปท. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสาน ธปท. ในการ ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรในโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกต้นไม้เศรษฐกิจ รวม ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันวินาศภัยต้นไม้ กับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเตรียม แผนรองรับในด้านการประกอบอาชีพและภาระด้านสินเชื่อในกรณีที่เกษตรกรไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการ ดำเนินโครงการ และมีระบบการติดตาม ดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จอย่าง ยั่งยืน และเป็นหลักประกันให้กับเกษตรกรรายย่อย และข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการกำหนด หลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่มีผลผูกพันกับเกษตรกรและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นและจังหวัดเข้าร่วมพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ภายใต้โครงการควรมีรายละเอียดข้อมูล เกี่ยวกับการดำเนินการกับไม้ที่รับซื้อจากเกษตรกรและการดำเนินการกับผลประโยชน์ที่เป็นรายได้ซึ่งรัฐบาลจะ ได้รับจากการจำหน่ายไม้ดังกล่าวไว้ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ก่อนเสนอขออนุมัติรายละเอียดโครง การและกรอบวงเงินงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2174 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | มท | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปาน
กลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษี บำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมิน ภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2550 มา ใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป และ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังที่ว่า ราคาปานกลางของที่ดินประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ได้ใช้ในการประเมินภาษี บำรุงท้องที่มาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว จึงไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากสภาวะราคาตลาดของที่ดินมี การปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงน่าที่จะปรับปรุงราคาปานกลางของที่ดินหรืออัตราภาษีบำรุงท้องที่ตามสมควรเพื่อให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชน มากเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2175 | แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551 - 2555) | ทส | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการของ
แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) กับเห็นชอบร่างคำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) และให้สำนักงาน พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สนับสนุนข้อมูลภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ธรรมชาติแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามมาตรการดังกล่าว โดยให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงแผนงานและมาตรการดังกล่าว โดยจัดทำ เป็นกรอบยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มีการกำหนดผลผลิต ผลลัพธ์ และจำนวนพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดทั้งเชิง ปริมาณและคุณภาพทั้งในระดับแผนงาน มาตรการ และระดับรายโครงการเพื่อเป็นตัววัดความก้าวหน้าและความ สำเร็จของการดำเนินงาน ส่วนการแต่งตั้ง คปป. และคณะกรรมการระดับจังหวัด ควรมีผู้แทนของเครือข่ายชุมชน องค์กรพัฒนาเอกเชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีการพัฒนาต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน สามารถรับผิดชอบต่อการป้อง กันแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า สามารถผลักดันในเชิงระดับนโยบายและขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ เป็นต้น ไป พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและ หน่วยงานสนับสนุนตามมาตรการเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2551 ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการตามแผนและมาตรการ ฯ ก่อน ส่วนค่าใช้จ่าย ในปีต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะ สมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2176 | รายงานดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ประเทศไทย ปี 2549 | พม | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานดัชนีความมั่น
คงของมนุษย์ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2549 ดังนี้ ดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมของประเทศ เท่ากับ 0.6924 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมสูงสุด 0.7290 รองลงไปคือ ภาคเหนือ 0.6804 และตอนพิเศษ (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ค่าดัชนีต่ำสุด 0.6118 ส่วนดัชนีความ มั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมระดับจังหวัด จังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม 0.9757 รองลงไปคือ จังหวัดสิงห์บุรี 0.9346 จังหวัดมหาสารคาม 0.9307 จังหวัดขอนแก่น 0.9056 และจังหวัด เพชรบุรี 0.9025 โดยจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี 0.1371 จังหวัดศรีสะเกษ 0.3748 จังหวัดระนอง 0.4265 จังหวัดยะลา 0.4810 และจังหวัดนครสวรรค์ 0.5002 สำหรับดัชนีความมั่นคงของ มนุษย์ในรายมิติ มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ มิติสังคม-วัฒนธรรม 0.7038 รองลงไปคือ มิติ สิทธิและความเป็นธรรม 0.7028 มิติการมีงานทำและรายได้ 0.7018 มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ มิติการเมืองและธรรมาภิบาล 0.6895 รองลงไปคือ มิติความมั่นคงส่วนบุคคล 0.6945 และมิติที่อยู่อาศัย 0.6959 ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ปี พ.ศ. 2549 ในระดับต่ำอย่าง น่าเป็นห่วงไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรเพิ่มเติมตัวชี้วัดความมั่นคง ด้านสังคม-วัฒนธรรม ในประเด็นดังต่อไปนี้ (1) ศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน ในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (2) ศักยภาพในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาชุมชน (3) การมีส่วน ร่วมของประชาชนในกิจกรรมของชุมชนหรือท้องถิ่น และ (4) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวทาง การพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาเพิ่ม เติมด้วยว่า ค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ที่นำเสนอเป็นทศนิยมนั้น ควรแปลงเป็นร้อยละจะทำให้วัดค่าการดำเนิน งานได้ง่ายและชัดเจนกว่า และนอกเหนือจากตัวชี้วัดที่ได้นำมาดำเนินการในครั้งนี้แล้ว ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัด อื่น ๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และบริบทของประเทศไทยเองเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากตัวชี้วัดบางตัว อาจไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงของสังคมไทยและอาจมีจำนวนตัวชี้วัดที่น้อยเกินไป เช่น ตัวชี้วัดด้านสังคมและวัฒน ธรรม สิทธิ และความเป็นธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณากำหนดดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ระดับท้องถิ่นเองและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองต่อไปและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทาง ในการพัฒนาตนเองต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2177 | ขออนุมัติหลักการแผนพัฒนาเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เต็มศักยภาพ 60 ล้านไร่ | กษ | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอที่จะให้มีการพัฒนาเพิ่มพื้น
ที่ชลประทาน เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านน้ำอันจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้เกษตรกรสามารถเพิ่มพูนผล ผลิตและรายได้ มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ชลประทานทั้งหมดประมาณ 60 ล้านไร่ โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์นำเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนให้รอบคอบและเหมาะสม โดยให้คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เช่น ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วม การยอมรับและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและประชาชนใน พื้นที่ เป็นต้น และให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ เกษตรกรและมีความยั่งยืน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีความเห็นว่า แผนพัฒนาเพิ่มพื้นที่ชลประทานดังกล่าวยังขาดบูรณาการร่วมกับองค์ประกอบอื่นที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันทั้ง การพิจารณาความเหมาะสมในระบบลุ่มน้ำ ศักยภาพทางอุทกภูมิศาสตร์ ความต้องการใช้น้ำของภาคการใช้ต่าง ๆ โอกาสทางการตลาดของข้าวเทียบกับทางเลือกอื่น ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและประชาชนใน พื้นที่ รวมทั้งการมีส่วนร่วมและการยอมรับของภาคประชาชนและท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเป็นโครงการลง ทุนเพื่อก่อสร้างแหล่งน้ำและการผันน้ำโดยขาดแนวทางและมาตรการด้านการจัดการความต้องการเพื่อให้เกิดการ ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทบทวนเป้าหมาย และระยะเวลาดำเนินงานตามแผนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับขีดความสามารถของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และคำนึงถึงฐานะการเงินการคลังของประเทศ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2178 | รายงานผลการเร่งรัด ติดตามกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (ตุลาคม 2549 - กันยายน 2550) | นร | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเร่งรัด ติดตามกรณี
เงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยผลการดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 -กันยายน 2550 ในส่วนของการเร่งรัดติดตามให้หน่วยงานของรัฐที่เกิดกรณีเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุจริต เร่งดำเนินการสอบสวนหาผู้รับผิดชดใช้ทางแพ่ง แจ้งความดำเนินคดีอาญา และพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ กระทำผิดและผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเรื่องรับใหม่ ได้รับแจ้งเรื่อง 223 เรื่อง จำนวนเงินที่เสียหาย 212,893,788.46 บาท เรียกเงินชดใช้คืน 86 เรื่อง จำนวนเงิน 47,467,928.64 บาท และดำเนินการจนได้ผลเป็นที่ยุติทั้ง 3 ทาง คือ ทาง แพ่ง ทางอาญา และทางวินัย 122 เรื่อง โดยสรุป ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีเรื่องอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตาม 1,128 เรื่อง จำนวนเงินทั้งสิ้น 9,623,680,227.99 บาท โดยจำนวนเรื่องที่เกิดขึ้นในหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีปริมาณ เรื่องสูงสุด คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 428 เรื่อง และยอดเงินเสียหายสูงสุดเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง คมนาคม ซึ่งจำนวนเงินที่เสียหายเป็นเงินถึง 7,017,286,152.95 บาท ส่วนผลการพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการ ดำเนินการเร่งรัด ติดตาม ส่วนมากเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางแพ่งและอาญา มีดังนี้ ทางแพ่ง อยู่ระหว่าง ดำเนินการ 843 เรื่อง ทางอาญา อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,021 เรื่อง และทางวินัย อยู่ระหว่างดำเนินการ 767 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2179 | (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545-2559) | ศธ | 11/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการ (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545-พ.ศ. 2559) ตามที่กระทรวงศึกษา ธิการเสนอ โดย (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังและพัฒนาให้คนมีคุณธรรม นำความรู้ เป็นคนดี มีเหตุผล มีความรักในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รู้จักประมาณ รู้จักอนุรักษ์ สร้างเสริมและพัฒนาวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีภูมิคุ้มกัน มีความสามารถในการแก้ปัญหา มีสมรรถนะและทักษะในการประกอบอาชีพ พร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกันมีความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และนำประเทศก้าวสู่สังคมเศรษฐ กิจฐานความรู้ รวมทั้งเพื่อสร้างเสริมสังคมภูมิปัญญาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ สันติวิธี และมีวิถีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน และเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาคนและ สร้างสังคม คุณธรรม ภูมิปัญญา และการเรียนรู้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ ด้วยดังนี้ หัว ข้อ 3.1.6 เรื่อง การศึกษาเฉพาะทาง ให้เพิ่มกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องนี้ และหัวข้อ 5.8 เรื่อง การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาครูและบุคลากรทาง การศึกษาให้มีความรู้ควบคู่คุณธรรม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ ที่ได้ปรับ ปรุงแก้ไขแล้ว เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณของกรอบทิศทางการพัฒนาการ ศึกษา ฯ ในระยะต่อไปควรเพิ่มสัดส่วนการจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนให้มากกว่า 70 : 30 เพื่อให้เอกชน ได้มีบทบาทในเรื่องนี้มากขึ้น โดยวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและระบบการจัดการศึกษาที่จะนำไปสู่ผลที่ เป็นรูปธรรมและลดช่องวางทางการศึกษาของผู้เรียนในเมืองและในชนบท รวมทั้งให้ความสำคัญแก่การพัฒนาการ ศึกษาในระดับอาชีวศึกษาให้มากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมด้านแรงงานฝีมือไว้รองรับความต้องการของภาคอุตสาห กรรมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2180 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยรามคำแหง 24 กับซอยรามคำแหง 12 พ.ศ. .... | กทม | 11/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยรามคำแหง 24 กับ ซอยรามคำแหง 12 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อ สร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยรามคำแหง 24 กับซอยรามคำแหง 12 ในท้องที่แขวงหัว หมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
