ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 104 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2061 - 2080 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2061 | ข้อเสนอมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมไทย (การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย) | อก | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย ตามข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2539 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2541 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง หลักเกณฑ์การใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศ อย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนำระเบียบ ฯ และ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมาปรับใช้ตามความเหมาะสม และหาแนวทางและมาตรการในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ ตลอดจนการลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศในอีกทางหนึ่ง 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ หรือเป็นกิจการของคนไทย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติดังกล่าวส่วนราชการควรระมัดระวังมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ เป็นต้น โดยอาจประสานกับกระทรวงพาณิชย์ ก่อนดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2062 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครอง
ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง การช่วยเหลือค่าครอง ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม (บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนัก งานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม กลุ่ม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน และบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ) จัดให้ มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และจัด ทำรายละเอียดเพื่อเสนอขออนุมัติใช้เงินงบกลางกับสำนักงบประมาณโดยตรงโดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติในรายละ เอียดกับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ใชัจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตร การช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ให้หน่วยงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม 2552 (หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2063 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. ให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ภายในกรอบวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ตามที่ กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2064 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การขยายผลสู่สาธารณะเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | สสป | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การขยายผลสู่สาธารณะเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตรตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สรุปได้ดังนี้ 1.1 ควรใช้ชุมชนและแผนชุมชนเป็นตัวตั้งในการขยายผลสู่สาธารณะ โดยรัฐทำหน้าที่ส่งเสริมและ สนับสนุนให้ชาวบ้านแต่ละชุมชนได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจในเรื่องแหล่งน้ำ ดิน ป่า และการเกษตร อันจะ นำไปสู่การปรับใช้และประพฤติเป็นวิถีชีวิตต่อไป 1.2 ควรกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยวัตถุประสงค์อาจกำหนดไว้ 3 ประการ คือ เพื่อให้คนพึ่งตนเองได้ระดับหนึ่ง เพื่อให้คนอยู่กับผู้อื่นในสังคมได้อย่างสันติสุข และเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับธรรม ชาติได้อย่างยั่งยืน 1.3 ควรมีการจัดการความรู้และการสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.4 ควรมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติขยายผลสู่สาธารณะ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ส่วนจังหวัดและอำเภอเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติการขยายผล ให้ราชการ ส่วนภูมิภาคเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านเทคนิค ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นหน่วยงานประสาน ให้สถาบันการ ศึกษาและสถาบันศาสนาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากองค์กรอื่น ๆ ในชุมชน ได้แก่ สหกรณ์ สื่อ มวลชน องค์กรเอกชน เป็นต้น 1.5 ควรมีระบบการติดตามและประเมินผลโดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ จัดทำคู่มือการติดตามและประเมินผลฉบับมาตรฐานกลางขึ้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ทำ การติดตามประเมินผลและให้ชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มีการประเมินตนเองเป็นระยะ ๆ 1.6 ควรจัดงบประมาณให้เพียงพอและดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อ ส่งเสริมให้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยต่อไป 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ร่วมกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบ คุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการ ปกครองท้องถิ่น และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2065 | ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการดำเนินโครงการตามหลักคิดคำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พนม.) และโครงการพัฒนาชุมชนสันติสุขตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง (พนพ.) ประจำปี 2552 ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอ ดังนี้ 1. โครงการ พนม. ให้ถือเป็นนโยบายหลักของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชาย แดนภาคใต้สนับสนุนการดำเนินงานโครงการ พนม. ที่มี ศอ.บต. เป็นเจ้าภาพหลักรวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการต่อยอดโครงการ พนม. กับให้ ศอ.บต. ดำเนินการตามแนวทางการ บริหารงบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2550 ที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2550 โดยให้ ศอ.บต. สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทาง การดำเนินงาน และระยะเวลาดำเนินงานของโครงการ รวมทั้งการติดตามประเมินผล และให้ ศอ.บต. สามารถ บูรณาการ ปรับเปลี่ยนรายละเอียดขั้นตอนได้ตามความจำเป็น การดำเนินการโครงการคุณภาพชีวิตของประชาชน ระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลตามเป้าประสงค์ของโครงการได้ 2. โครงการ พนพ. ประจำปี 2552 จัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชา ชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา "คิดเอง ทำเอง ตัดสินใจทางเลือกด้วยตนเอง" มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และพัฒนาศักยภาพการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้พึ่งตนเองและพึ่งพากันเองในชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำตามนโยบายของรัฐมีกลุ่ม ครัวเรือน เป้าหมายในพื้นที่ 5 จังหวัด 44 อำเภอ 317 ตำบล ๆ ละ 1 จุดตัวอย่าง ประกอบด้วยครัวเรือนเป้าหมาย 70 ครัวเรือน ครัวเรือนปราชญ์ชาวบ้าน 317 ครัวเรือน ครัวเรือนบัณฑิตอาสา 320 ครัวเรือน รวมครัวเรือนเป้า หมายทั้งหมด 22,439 ครัวเรือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2066 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการใช้ประโยชน์จากภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น" | สสป | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการใช้ประโยชน์จากภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการให้บริการด้าน การท่องเที่ยวของท้องถิ่น" สรุปได้ดังนี้ 1.1 มาตรการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของรัฐ ควรปรับปรุงโครงสร้างกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการ ด้านภาษีให้ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นโดยให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีได้โดยตรงเพิ่มขึ้น และ ควรสร้างมาตรฐานและข้อกำหนดในการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศให้ชัดเจน และไม่ซ้ำซ้อน เป็นต้น 1.2 มาตรการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจากภาษีคืนสู่ท้องถิ่น โดยรายได้ที่จัดเก็บโดยหน่วย งานใดในพื้นที่โดยตรง ควรมีการกำหนดสัดส่วนที่ให้ท้องถิ่นสามารถหักเก็บไว้ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก่อนนำส่ง ส่วนกลาง และรายได้ที่จัดเก็บโดยหน่วยงานส่วนกลางควรกำหนดสัดส่วนการจัดสรรให้พื้นที่อย่างชัดเจน 1.3 มาตรการใช้ประโยชน์ของภาษีเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการและการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ให้กำหนดสัดส่วนการนำเงินงบประมาณไปใช้ประโยชน์ให้ตรงกับสัดส่วนภาษีที่จัดเก็บ และสร้างกลไกการกำกับ ดูแลการใช้ประโยชน์จากงบประมาณท้องถิ่นในรูปคณะกรรมการ 1.4 มาตรการสนับสนุน ให้เร่งผลักดันร่างกฎหมายรายได้ท้องถิ่น โดยกำหนดโครงสร้างให้ครอบ คลุมส่วนต่าง ๆ ให้ครบวงจร และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ และข้อมูลเกี่ยวกับระบบภาษีและการ จัดเก็บภาษีแก่ผู้เสียภาษีโดยเฉพาะภาษีท้องถิ่น รวมทั้งควรดำเนินนโยบายภาษีให้ชัดเจนและส่งเสริมองค์ความรู้ เกี่ยวกับการบริหารจัดการและการพัฒนาระบบบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ เป็นต้น 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงาน พัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2067 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ก่อน เพื่อพิจารณาไปพร้อมกับร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 4 ฉบับ ที่คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้เสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2068 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... | พม | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่น คงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 1.2 กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็น ส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน 1.3 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายตรวจสอบเพื่อเสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการตรวจสอบภาย ในต่อคณะกรรมการนโยบาย 1.4 กำหนดให้การพัฒนาเมืองต้องสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามที่กำหนดไว้ในผังเมือง และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่เมืองและเขตพื้นที่พัฒนาการบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรม ชาติ 1.5 กำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง 1.6 กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งกำหนดหลักการในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนจะกระทำได้เฉพาะที่เป็นกิจกรรมที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือเพื่อช่วยเหลือในการครองชีพ หรืออำนวยบริการแก่ ประชาชน และเป็นกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีดำเนินการตามระเบียบของทางราชการได้ และการออกพระราชบัญญัติ ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งให้มีการนำมาตรการในการ จูงใจมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการดำเนินงาน โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการยกเว้นค่า ธรรมเนียม เนื่องจากมีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่พัฒนา ส่วนบทนิยามของคำว่า "การพัฒนาเมือง" ควร กำหนดให้มีความหมายที่ครอบคลุมทุกสาขาของการพัฒนา อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสิ่งแวด ล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การกำหนดให้ กองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองส่วนหนึ่ง ประกอบด้วยเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อสมทบกองทุนโดยอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรี นั้น น่าจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการจัดตั้งกองทุนในการที่จะต้องกู้เงินมาสมทบกองทุนเพื่อเป็น ค่าใช้จ่าย ควรกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ และขอรับการ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะเหมาะสมว่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2069 | โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า โครงการเรียนฟรี
15 ปี อย่างมีคุณภาพตามนโยบายของรัฐบาล เป็นโครงการที่ครอบคลุมนักเรียนนักศึกษาทุกคนทุกสังกัด ทั้งสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถาน ศึกษาของเอกชน ดังนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าวควรมีแนวทางปฏิบัติทำนองเดียวกันกับที่กระทรวง ศึกษาธิการดำเนินการอยู่ จึงเห็นสมควรให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ประสานงานการดำเนินโครงการอย่างมี คุณภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2070 | ร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... | กษ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้จัดตั้งสภาเกษตร กรแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกร และองค์กรเกษตรกร ส่งเสริมและพัฒนาการทำเกษตร ให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร จัดทำแผนแม่บท เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และสนับสนุนวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านพันธุกรรมพืชและสัตว์ท้องถิ่น และให้นำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2071 | ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. .... | พม | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้ 1.1 กำหนดแนวทางการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 1.2 กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ และวาระ การดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 1.3 กำหนดให้มีการจัดตั้งสถานคุ้มครองและช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง 1.4 กำหนดให้คนไร้ที่พึ่งมีสิทธิขอรับบริการจากสถานคุ้มครองและช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง หรือศูนย์คุ้ม ครองคนไร้ที่พึ่ง ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด 1.5 กำหนดให้จัดตั้งกองทุนคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งเพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการให้ความคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็น ควรจัดให้มีระบบการขึ้นทะเบียนผู้ไร้ที่พึ่งเพื่อเป็นฐานข้อมูลเบื้องต้น และเป็นประโยชน์ในการสงเคราะห์ในอนาคต และไม่ควรมีบทบัญญัติยกเว้นการดำเนินคดีต่อคนไร้ที่พึ่งที่กระทำผิดเกี่ยวกับการพักอาศัยในที่สาธารณะ แต่ควร พิจารณาเพื่อหาทางช่วยเหลือหรือเยียวยาแก่คนไร้ที่พึ่งที่ถูกดำเนินคดี ส่วนการกำหนดให้มีสถานคุ้มครองและช่วย เหลือคนไร้ที่พึ่งและศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เป็นการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มมากขึ้น และเป็นภาระต่องบประมาณ ควร ทบทวนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ควรมีหลัก เกณฑ์การใช้จ่ายที่ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่น ๆ นอกจากนี้ ในส่วนของคณะกรรมการคุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง ควรประกอบด้วยตัวแทนจาก 3 ภาคส่วน ได้แก่ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และควรให้ อปท. เป็นองค์กรหลักในพื้นที่ในการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เป็นต้น ไปประกอบ การพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2072 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดการขยะของประเทศไทย | สสป | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การจัดการขยะของประเทศไทย รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการ พิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านการป้องกันไม่ให้เกิดขยะ ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคการผลิต ผลิตสินค้าโดยใช้วัสดุคง ทน สามารถใช้งานได้นาน ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ง่าย และสามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Recycle) สร้าง มาตรการและแรงจูงใจเพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนช่วยในการลดขยะ โดยเฉพาะการลดขยะในครัวเรือน ส่งเสริมและ สนับสนุนอาชีพเก็บ-ซื้อ-ขายขยะ ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั้งระดับบุคคล ระดับชุมชน และระดับธุรกิจขนาด เล็ก กลาง ถึงใหญ่ เป็นต้น 2. ด้านการจัดการขยะ ควรรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคโดยบริโภคเฉพาะสิ่งที่จำเป็น และลด การทิ้งขยะอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ทำการศึกษาวิจัยเพื่อ วางแนวทางและแผนการจัดการขยะที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย หรือการวิเคราะห์เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีในการนำขยะที่เหลือขั้นสุดท้ายมาใช้ประโยชน์ ตลอดจนการนำขยะที่ ถูกฝังกลบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น 3. ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม ในการวางแนวทางและแผนการจัดการขยะตั้งแต่ขั้นศึกษาข้อมูล จัดทำแผนการจัดการ การติดตามการปฏิบัติ การ วิเคราะห์ประเมินผล และร่วมปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ ชุมชนโรงเรียน สถาบันการศึกษา วัด และสถานที่ทำงานได้มีกิจกรรมด้านการจัดการขยะในสถานที่ของตนเอง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2073 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราชการประจำในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติ
ในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราชการประจำในต่างประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราช การประจำในต่างประเทศ พ.ศ. 2545 2. ปรับปรุงแก้ไขประเภทของบ้านหรือห้องที่จะเช่าเป็นบ้านพักสำหรับข้าราชการให้สอดคล้องกับ ระบบการกำหนดตำแหน่งใหม่ของข้าราชการพลเรือน และกำหนดรองรับสำหรับข้าราชการทหารและข้าราช การตำรวจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 3. กำหนดการต่อสัญญาเช่าบ้านพัก กรณีทำสัญญาเช่าฉบับใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสาระใน สัญญาเช่า 4. ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เป็นหนังสือสั่งการมาปรับปรุงให้เหมาะสม และให้กำหนดไว้ใน ระเบียบฉบับเดียวกรณีเช่าบ้านพักหลังที่สอง หากจำเป็นต้องจ่ายเงินค่านายหน้า ค่าทนายเงินกินเปล่า ค่า มัดจำ ค่าอากรแสตมป์ ค่าลงทะเบียนการทำสัญญาเช่าบ้าน และค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสภาพบ้าน ใน การเช่าบ้านพักหลังที่สอง และการเช่าบ้านพักตามประเพณีท้องถิ่น ให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น 5. การเช่าบ้านพักสำหรับเอกอัครราชทูตหรือกงสุลใหญ่ ให้ดำเนินการเช่าในนามสำนักงาน โดย ความเห็นชอบของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2074 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบให้ใช้อำนาจประกาศกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่ได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตควบคุมมลพิษจัด ทำแผนปฏิบัติการเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และดำเนินการตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. เห็นชอบนโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม โดยให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตราการ ฯ และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับ มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษจากการประกอบกิจการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสำรวจพื้นที่และจัดทำข้อมูลรายงานต่อประธานกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ภายใน 7 วัน 4. เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อตกลงในรายละเอียดต่อไป กรณีที่ไม่สามารถ สนับสนุนงบประมาณจากกลางปี พ.ศ. 2552 ได้ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาตาม ขั้นตอนต่อไป 5. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาด โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ ปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการปรับปรุงเอกสารท้ายประกาศ 1 ในลำดับที่ 28 โดยกำหนดให้โครงการจัดสรรที่ดิน จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกิน กว่า 100 ไร่ ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดสรรที่ดินแปลงย่อยขนาด 250 แปลง แต่ไม่ถึง 500 แปลง ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลข้อ มูล และให้เสนอแนวทางในการดำเนินการให้มีมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มโครงการตามหลักวิชาการที่ เหมาะสมเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป 6. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองแม่สอด จังหวัดตาก เทศบาลตำบลหัว ขวาง จังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยให้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียตามอัตราขั้นต่ำในปีแรกที่เริ่มจัดเก็บ ก่อน กับเห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมและวาง แผนงานต่าง ๆ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ โดยมีเงื่อนไขให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่า บริการบำบัดน้ำเสียทุก 5 ปี 7. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดการขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เทศบาล เมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เทศบาลตำบลเมืองแกลง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เป็นอัตราค่าบริการที่เป็นช่วง (ขั้นต่ำ-ขั้นสูง) โดยเทศบาลดังกล่าวจะต้องจัดให้มีกระบวนการสร้างความรู้เพื่อทำ ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าบริการด้วย และให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการทุก 5 ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2075 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 6 กลุ่ม ประกอบด้วย บุคลากรขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นพนักงานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวง กลาโหม กลุ่มครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชนและบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรม นูญ เป็นผู้ซึ่งสมควรได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ รายละ 2,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขมีรายได้/ค่าจ้างประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน 2. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมายจัดให้มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ที่สมควรได้ รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และให้เสนอขอ อนุมัติคณะรัฐมนตรีต่อไป 3. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพดังกล่าว เมื่อตรวจสอบสิทธิ์ และได้รับอนุมัติ จากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ดำเนินการ ดังนี้ 3.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการ ช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 4. สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2076 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | ตช | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติระงับการดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติจราจร
ทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ไว้ก่อน ในประเด็นผู้รักษา การพระราชบัญญัติและการแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็นที่จะ ต้องแก้ไขในขณะนี้ และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อมีประเด็นที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2077 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย - พม่า ครั้งที่ 25 (Regional Border Committee : RBC-25) | กห | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วน
ภูมิภาคไทย-พม่า ครั้งที่ 25 (Regional Border Committee : RBC-25) เมื่อวันที่ 6-8 สิงหาคม 2551 ณ จังหวัด เชียงราย โดยประเด็นสำคัญของการประชุม ฯ อาทิ การติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการชาย แดนส่วนท้องถิ่น ซึ่งฝ่ายไทยย้ำข้อเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าวที่ บ.พระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี-อ.พญาตองซู และการยกระดับจุดผ่อนปรนบริเวณด่านเจดีย์สามองค์-พญาตองซู เป็นจุดผ่านแดน ถาวร รวมทั้งเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเพิ่มความร่วมมือด้านการค้า วัฒนธรรม และศาสนา เพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ระหว่างประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้ดีขึ้น และเสนอให้มีการลาดตระเวนร่วมทางทะเลระหว่างกองทัพเรือทั้งสอง ฝ่าย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาทางทะเล ส่วนประเด็นการให้ที่พักพิงแก่กลุ่มต่อต้าน ฝ่ายไทยปฏิเสธข้อกล่าวหา ของฝ่ายพม่าในการให้ที่พักพิงแก่กลุ่มต่อต้าน จำนวน 25 แห่ง ได้แก่ กองทัพรัฐฉาน พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะยา กองทัพแห่งชาติว้า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยนักศึกษาพม่า กลุ่มกะเหรี่ยงพม่า กลุ่มมุสลิมและพรรคคอมมิวนิสต์ พม่า รวมทั้งยืนยันนโยบายไม่ให้มีการเคลื่อนไหวหรือการดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลพม่าในเขตไทย นอกจาก นี้ ที่ประชุม ฯ ได้หารือในเรื่องการบินล้ำน่านฟ้าพม่า การทำประมงผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำพม่า ปัญหาเขตแดน ความร่วมมือในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การค้าชายแดน ความร่วมมือด้านสาธารณสุขบริเวณชายแดน การรื้อฟื้นโครงการที่เคยกระทำร่วมกัน ได้แก่ โครงการเกษตรพันธะ สัญญา จ.เมียวดี และโครงการพัฒนาทางเลือกที่เมืองบายิน รัฐฉาน รวมทั้งการจัดประชุมคณะกรรมการเขตแดน ร่วม ครั้งที่ 7 การดำเนินการจัดระเบียบชาวปะด่องเพื่อป้องกันการละเมิดพระราชบัญญัติการค้ามนุษย์ และการจัด ประชุมคณะกรรมการ RBC-26 ซึ่งจะจัดขึ้นที่พม่า
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2078 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 28 ราย 1. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ฯ) | มท | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวง
มหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 28 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2. นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงใหม่ 3. นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง 4. นายปรีชา เรืองจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก 5. นายวิชัย ไพรสงบ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดภูเก็ต 6. นายชุมพร พลรักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสิงห์บุรี 7. นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 8. นายปรีชา กมลบุตร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครนายก 9. นายวิทยา ผิวผ่อง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 10. นายสุกิจ เจริญรัตนกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 11. นายมานิต วัฒนเสน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 12. นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดขอนแก่น 13. นายวิเชียร ชวลิต ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุรินทร์ 14. นายบุญสนอง บุญมี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอำนาจเจริญ 15. นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครพนม 16. นายชิดพงษ์ ฤทธิประศาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดร้อยเอ็ด 17. นายสยุมพร ลิ่มไทย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง 18. นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสตูล 19. นายสุเทพ โกมลภมร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี 20. นายวิญญู ทองสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพัทลุง 21. นายทองทวี พิมเสน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม 22. นายพินิจ เจริญพานิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 23. นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงราย 24. นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทย 25. นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 26. นายวันชัย อุดมสิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดยโสธร 27. นายวันชัย สุทิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกำแพงเพชร 28. นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสกลนคร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2079 | ร่างพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปรับ ปรุงแก้ไขเพิ่มเติมจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วโดยปรับปรุงแก้ ไขเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับการรักษาสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การป้องกัน และควบคุมโรคระบาดของสัตว์ทุกชนิด และการประกาศกำหนดเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ เป็นต้น และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติ ฉบับนี้ ควรมีความครอบคลุมให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการด้วย เพราะการระบาด ของโรคจะเกิดขึ้นในพื้นที่ของท้องถิ่นต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ และเนื่องจากสัตวแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่มีจำนวนจำกัด ในแต่ละอำเภอ ทำให้การแจ้งการเกิดการระบาดของโรคไม่ทันต่อเหตุการณ์ หากให้อำนาจท้องถิ่นจะทำให้การ แจ้งการเกิดการระบาดของโรคได้รวดเร็ว และสามารถประสานกับสัตวแพทย์เพื่อดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จึงเห็น ควรกำหนดนิยามของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไว้ด้วย ส่วนในบทมาตรการต่าง ๆ ที่จะต้องให้มีการแจ้งหรือเข้าร่วม ระงับการระบาดควรให้ท้องถิ่นมีอำนาจเข้าดำเนินการได้ รวมทั้งควรมอบอำนาจให้กับท้องถิ่นในการออกเทศ บัญญัติ หรือข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเขตปลอดโรค เมื่อการควบคุมป้องกันเขตระบาดของโรคเป็นเขตปลอด โรคแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2080 | การดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอกควัน ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ปี 2552 และมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอก ควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ปี 2552 และเห็นชอบให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และมอบหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ สนับสนุน และดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรเพิ่มเติมบท บาทของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการสนับสนุนภาพถ่ายดาวเทียมในการร่วมเฝ้าระวัง เตือนภัย และแจ้งเหตุ บทบาทของกระทรวงอุตสาหกรรมในการสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะบุคลากรและอุปกรณ์อันจำเป็นในการรับการถ่ายโอนภารกิจเพื่อป้องกันและควบ คุมไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนให้ชัดเจน และปรับเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ที่ระบุว่าต้องการลดพื้นที่ป่าที่ถูกไฟ ไหม้ลงเหลือไม่เกิน 3 แสนไร่ต่อปี ให้สอคคล้องกับสถานการณ์ไฟไหม้ป่า ตามที่ข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า มีพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ทั่วทุกภาครวมกันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพียง 1.8 แสนไร่ 0.5 แสนไร่ และ 1.1 แสนไร่ ตามลำดับเท่านั้น และ ควรพิจารณาทบทวนปรับปรุงแผนปฏิบัติงานให้มีความสอดคล้องกับนโยบาย และแผนบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาลก่อนบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปี และให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและจังหวัดติดตามประเมินผลและรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดในช่วงเวลาการดำเนินงาน ตามแผน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. เห็นชอบในหลักการมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาค เหนือตอนบน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ สนับสนุน และดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม 3. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะ รัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า การดำเนินการต่าง ๆ ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในเรื่องนี้ ควรต้องพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็นบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยไม่ก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกต่อประชาชน และส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
