ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 107 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2121 - 2140 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2121 | ขอจัดตั้งเงินทุนหมุนเวียนโรงงานแบตเตอรี่ขึ้นใหม่ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 และรวมเงินทุนหมุนเวียนโรงงานแบตเตอรี่ | กห | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้จัดตั้งเงินทุนหมุนเวียนโรงงานแบตเตอรี่ขึ้นใหม่ ตามที่กระทรวงกลา
โหมเสนอ โดยการจัดตั้งเงินทุนหมุนเวียน ฯ เพื่อขยายวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการและขอเพิ่มเงินทุนอีกจำนวน 85,000,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดหาวัตถุดิบและเป็นต้นทุนในการผลิตและรวมเงินทุนหมุนเวียนโรงงานแบตเตอรี่ เดิมเข้ากับเงินทุนหมุนเวียนโรงงานแบตเตอรี่ที่ขอจัดตั้งใหม่ตามพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือ ยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2543 โดยให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ให้กำหนดขอบ เขตวัตถุประสงค์ของเงินทุนหมุนเวียน ฯ เพื่อผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ให้แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตามรายการที่มีการร้องขอเท่านั้น และให้มีการวางแผน ผลิตภัณฑ์ ยุทธศาสตร์ระยะยาวด้านแบตเตอรี่สำหรับกองทัพไทย และหน่วยงานพิเศษ รวมทั้งจัดทำแผนระยะปาน กลางและระยะยาวในการเพิ่มประสิทธิภาพ กระบวนการผลิต ลดต้นทุน พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การจัดการสิ่งแวด ล้อม ตลอดจนปรับโครงสร้างองค์กรของโรงงานให้สามารถบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัว นอกจากนี้ ควรนำงบประมาณหรือเพิ่มงบประมาณไปใช้ในการเพิ่มบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อค้นคว้าวิจัย ผลิตภัณฑ์ใหม่และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้ดีขึ้น และให้ระมัดระวังในการบริหารสินค้าคงคลัง เงินทุนหมุนเวียนและ ยอดขายให้มีประสิทธิผล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2122 | ขอปรับเพิ่มงบประมาณค่าอาหารกลางวันนักเรียน | ศธ | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้แก่เด็กนักเรียนตามโครงการอาหาร
กลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา จากเดิมอุดหนุนในอัตราคนละ 10 บาทต่อวัน เป็นอัตราคนละ 13 บาทต่อวัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการประสานขอความร่วมมือจากคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อนำรายได้ของ อปท. มาสมทบค่าอาหารกลางวันที่ เพิ่มขึ้นในโอกาสแรกก่อน และให้ทบทวนและตรวจสอบจำนวนเด็กนักเรียนที่ได้รับการจัดสรรค่าอาหารกลางวันใน ปัจจุบันอีกครั้ง หากจำเป็นก็ให้พิจารณาเสนอของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งควรส่งเสริมให้ โรงเรียนนำเงินทุนหมุนเวียนจากสำนักงานโครงการอาหารกลางวัน กระทรวงศึกษาธิการ มาดำเนินงาน โดยส่ง เสริมให้นักเรียนทำการเกษตร เช่น ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ฯลฯ ในโรงเรียนแล้วนำผลผลิตทางเกษตรมาสมทบ กับค่าอาหารกลางวัน ตามข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ การจัดอาหารกลางวันให้แก่เด็กนักเรียนดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกหลักโภชนาการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหาร ที่เหมาะสมเพียงพอทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2123 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการกระทำที่ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร การรื้อส่วนอื่นของโครงสร้างอาคารที่ถือเป็นการรื้อถอนอาคาร และกรณีที่สามารถจัดให้มี หรือดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจาก แผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต หรือที่ได้แจ้งไว้ พ.ศ. .... | มท | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการกระทำที่
ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร การรื้อส่วนอื่นของโครงสร้างอาคารที่ถือเป็นการรื้อถอนอาคาร และกรณีที่สามารถ จัดให้มีหรือดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตหรือที่ได้แจ้งไว้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้รวมเข้าด้วยกันซึ่งกฎ กระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 อันเป็นข้อกำหนด ว่าด้วยการกระทำที่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวยกเว้นไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร และข้อกำหนดว่า ด้วยการรื้อส่วนอื่นของโครงสร้างอาคารที่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ถือเป็นการรื้อถอนอาคาร กับ กฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 อันเป็นข้อ กำหนดว่าด้วยการจัดให้มีหรือดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารที่มาตรา 13 (3) แห่ง พระราชบัญญัติดังกล่าว ยกเว้นให้สามารถกระทำผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบ แปลนที่ได้รับอนุญาต ตลอดจนวิธีการ หรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาตได้ รวมทั้งผ่อน ผันข้อกำหนดบางประการที่กำหนดไว้โดยกฎกระทรวงทั้งสองฉบับ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2124 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี พ.ศ. .... | มท | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณ
ที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี พ.ศ. .... ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและ ขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี ในท้องที่แขวงโคกแฝด และแขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2125 | การปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบและราคากลางการจำหน่ายนมโรงเรียน | กษ | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบ ณ หน้า
โรงงาน จากเดิม 14.50 บาท/กิโลกรัม เป็น 18.00 บาท/กิโลกรัม และปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนสำหรับนม ยู.เอช.ที. เพิ่มขึ้น 1.34 บาท/กล่อง/ซอง และนมพาสเจอร์ไรส์ เพิ่มขึ้น 1.43 บาท/ถุง โดยนม ยู.เอช.ที ชนิดกล่อง ราคากลางเดิมกล่องละ 6.52 บาท เป็นราคาใหม่กล่องละ 7.86 บาท นม ยู.เอช.ที ชนิดซอง ราคากลางเดิมซองละ 6.42 บาท เป็นราคากลางใหม่ซองละ 7.76 บาท และนมพาสเจอร์ไรส์ ชนิดถุง ราคากลางเดิมถุงละ 5.14 บาท เป็น ราคากลางใหม่ถุงละ 6.57 บาท ทั้งนี้ ให้การปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนและราคารับซื้อน้ำนมดิบดังกล่าวมีผล นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เร่งพิจารณาอนุญาตปรับเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์นมในตลาดทั่วไป (นมพาณิชย์) ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับไปประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น (อปท.) ในการปรับแผนการใช้จ่ายของ อปท. เพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นในช่วงระยะ เวลาที่เหลืออยู่ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมพร้อมดื่มตามโครงการอาหารเสริม (นม) ครบตามเป้าหมายเดิม คือ ไม่น้อยกว่า 230 วัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2126 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2551) | มท | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและ
การให้ความช่วยเหลือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม-25 กรกฎาคม 2551 มีพื้นที่ ประสบภัยรวม 22 จังหวัด 148 อำเภอ 728 ตำบล 4,456 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี เชียง ราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สุพรรณบุรี จันทบุรี นคร ราชสีมา หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และพังงา ราษฎรเดือดร้อน 1,308,785 คน 313,393 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 10 หลัง บางส่วน 61 หลัง ถนน 1,866 สาย สะพาน 118 แห่ง ฝาย 129 แห่ง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 466,599 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 359,235,866 บาท สำหรับ สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบันได้คลี่คลายทุกพื้นที่แล้ว โดยทางจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่ง สำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2127 | การรายงานผลการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพบก ครั้งที่ 1/2551 | ทส | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน
ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และกองทัพบก ครั้งที่ 1/2551 สรุปตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการลาดตระเวน มีการประสานงานขอรับการสนับสนุนกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเข้าร่วม ปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร และสนธิกำลังดำเนินการใช้มาตรา 25 ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศัก ราช 2507 จำนวน 46 ครั้ง เป็นต้น 2. ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ ได้พัฒนาองค์ความรู้และฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการข่าว การใช้อาวุธ จิตวิทยามวลชน การพัฒนาเทคโนโลยี การควบคุมไฟป่า การฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ การสร้างเครือข่าย กฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ทุกฉบับ และด้านอื่นที่จำเป็น เป็นต้น 3. ด้านการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของกองทัพบก เป็นพนักงานเจ้าหน้า ที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และแต่งตั้งนายทหารชั้นประทวน ระดับ ผบ.หมู่ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ 4. ด้านการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ อยู่ระหว่างการประมวลเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความ เห็นชอบในหลักการเพื่อให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้ามามีชื่อในกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม อาวุธปืน พ.ศ. 2490 5. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง ได้มีการออกอากาศทางสถานีวิทยุท้องถิ่นของทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 6. ด้านการสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ประชุมหารือร่วมกับกองทัพบก ในการรับ เสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี 7. ด้านความร่วมมืออื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนกล้าไม้แก่กองทัพบก เพื่อใช้ในการส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ ป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพบกภาค 1-4 การปลูกป่า ฟื้นฟูสภาพป่าตามโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระ บารมี การปลูกป่า ดำเนินโครงการรักแม่-รักษ์ป่า และดำเนินโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2128 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2551) | มท | 22/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและ
การให้ความช่วยเหลือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม-21 กรกฎาคม 2551 มีพื้นที่ ประสบภัยรวม 14 จังหวัด 80 อำเภอ 471 ตำบล 3,205 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี พระนคร ศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สุพรรณบุรี จันทบุรี นครราชสีมา หนองคาย อุดรธานี สุราษฎร์ธานี ชุมพร และพังงา ราษฎรเดือดร้อน 913,112 คน 220,985 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 55 หลัง ถนน 1,412 สาย สะพาน 32 แห่ง ฝาย 38 แห่ง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 446,581 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 320,637,033 บาท สำหรับสถานการณ์อุทกภัยปัจจุบันได้คลี่คลายทุกพื้นที่แล้ว โดยทางจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราช การเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2129 | ข้อสังเกตของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับการถ่ายโอนภารกิจด้านการรับจดทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก | นร | 15/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรม
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ตามข้อสังเกตของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับการ ถ่ายโอนภารกิจด้านการรับจดทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก โดย กกถ. เห็นว่า การถ่ายโอนภารกิจด้านการ รับจดทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบกให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะถ่ายโอนได้ก็ต่อเมื่อ อปท. มีความพร้อม ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนการกำหนดเกณฑ์ความพร้อมและประเมินความพร้อมของ อปท. ก่อนการถ่ายโอน ประกอบกับ กกถ. เห็นว่า เป็นภารกิจที่ต้องใช้เทคนิค ทักษะวิชาการ และมีระบบเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วประเทศที่ถือ ว่าเป็นเครือข่ายระดับชาติ หากถ่ายโอนให้ อปท. ในช่วงเวลาที่อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือทำให้ประสิทธิภาพ น้อย จึงเห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการต่อไป และในระยะต่อไป (3-5 ปี) สมควรนำภารกิจดังกล่าวนี้ มาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง หากพิจารณาเห็นว่า อปท. ยังขาดความพร้อม และกรมการขนส่งทางบกสามารถ พัฒนาระบบบริการประชาชนให้มีมาตรฐาน ประชาชนได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพ มีความโปร่งใส เป็นธรรม ก็เห็น ควรให้กรมการขนส่งทางบกปฏิบัติภารกิจด้านการจดทะเบียนรถต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2130 | โครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงาน ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี | ศธ | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็ก
และเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงานตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปี งบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 เพื่อให้เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานได้รับการศึกษาอย่าง ต่อเนื่องและทัดเทียมกับเด็กและเยาวชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อให้ชุมชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ ดีขึ้น โดยงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ ฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามขั้น ตอนต่อไป ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2556 ให้พิจารณาเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตาม ขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักประสาน เร่งรัด กำกับ และติดตาม การดำเนินโครงการ ฯ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้ชัดเจนโดยให้ คำนึงถึงความสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และภูมิสังคมที่มีความแตกต่างในแต่ละ ภูมิภาคและท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนในการพัฒนาการเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมคุณธรรม การปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคีในการเรียนการสอน ไปพิจารณาด้วย และให้กระทรวง ศึกษาธิการพิจารณาแนวทางในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ ฯ จากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุน งบประมาณในโครงการ ฯ ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2131 | การขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่องงบประมาณลงทุนประจำปี 2536 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ) | กก | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติอนุมัติ
ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่อง งบประมาณลงทุนประจำปี พ.ศ. 2536 ของการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควร กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งสำนักงานสาขาในประเทศให้มีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสมและจำเป็น ตลอดจน มีความคุ้มค่า โดยให้คำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว และให้ประสานขอใช้อาคารในศูนย์ราชการในจังหวัด ต่าง ๆ ที่ว่างอยู่หรืออาจประสานกับองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนและร่วมมือใน การดำเนินการ เพื่อให้เกิดการบริหารการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณเกี่ยวกับการจัด หาอาคารสำนักงาน และรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงขีดความสามารถการให้บริการของสำนักงานและศูนย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก กว่าการเพิ่มจำนวนสำนักงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2132 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 [ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535)] | นร | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระ สำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และโรงงานจำพวกที่ 3 สามารถชำระค่าธรรมเนียมราย ปีผ่านที่ทำการไปรษณีย์หรือศูนย์บริการชำระเงินที่เชื่อมต่อระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอม พิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อีกนอก เหนือจากชำระค่าธรรมเนียมรายปีผ่านธนาคารพาณิชย์ด้วยวิธีดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและเพิ่ม ความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2133 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12 - 16 มิถุนายน 2551 | กษ | 24/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อทราบเกี่ยวกับผลการเดิน
ทางไปปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-16 มิถุนายน 2551 เพื่อประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น โดยผลการ ประชุมหารือ สรุปได้ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้ญี่ปุ่นเร่งรัดจัดการประชุมคณะอนุกรรม การพิเศษว่าด้วยความปลอดภัย และคณะอนุกรรมการพิเศษว่าด้วยการเชื่อมโยงท้องถิ่นสู่ท้องถิ่น ภายใต้ความร่วม มือด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง ภายใต้กรอบความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement : JTEPA) รวมทั้งเร่งรัดการอนุญาตการนำเข้าส้มโอและไก่สดจากไทย และการ เปิดประมูลนำเข้าข้าวเข้าญี่ปุ่นในส่วนที่เหลือ 100,000 ตัน ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ญี่ปุ่นได้ขอให้ฝ่ายไทยสนับสนุนการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชระหว่างประเทศ ซึ่งจะจัดที่ญี่ปุ่นในเดือน กรกฎาคม 2551 และขอให้เร่งรัดการเปิดตลาดนำเข้าส้ม 7 สายพันธุ์ รวมทั้งการเปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวจากญี่ปุ่น ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือกับนักธุรกิจ ผู้นำเข้าสินค้าเกษตร และผู้ประกอบการ เกษตรอาหารญี่ปุ่น และเป็นประธานเปิดงาน Thai Fruit and Food Festa ณ กรุงโตเกียว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2134 | มาตรการการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ
ประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยยกเลิกการดำเนินโครงการเดิม 3 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย โครงการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบ แนวทาง และหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลผลิตการจัดทำและบริหารงบประมาณ โครงการจ้างที่ปรึกษาให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ ประเมินผล 1 ด้านการจัดทำการประเมินผลเชิงลึก และโครงการประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยปรับ แผนไปดำเนินการโครงการ/รายการใหม่ 2 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย ราย การปรับปรุงอาคารสำนักงบประมาณ เพื่อรองรับโครงสร้างในส่วนที่เป็นงบประมาณจังหวัด และรายการครุภัณฑ์ สำหรับอาคารห้องประชุม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2135 | มาตรการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
งบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในกำกับ ในวง เงิน 475,857,760 บาท ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวนเงิน 9,841,000 บาท กรม การปกครอง จำนวนเงิน 13,439,750 บาท กรมที่ดิน จำนวนเงิน 2,202,600 บาท กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น จำนวนเงิน 107,986,610 บาท กรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวนเงิน 196,005,100 บาท กรมป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวนเงิน 2,466,100 บาท กรมการพัฒนาชุมชน จำนวนเงิน 27,786,600 บาท และเมืองพัทยา จำนวนเงิน 116,130,000 บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งส่วนราชการในสังกัดดำเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2136 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑล สาย 4 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธ มณฑลสาย 4 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้าง ทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่ง ด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2137 | หลักเกณฑ์การค้ำประกันและการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง | กค | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศและร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เรื่อง หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเพดานของวงเงินการค้ำประกัน หรือวงเงินให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐแต่ละราย โดยใช้สัดส่วนของหนี้ต่อวงเงินกองทุน (Debt Equity Ratio) เป็นเกณฑ์ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๒.๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ซึ่งแยกออกเป็น ๒ กรณี คือ ๑) ผู้กู้เป็นหน่วยงานของรัฐ และ ๒) ผู้กู้เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐนั้น ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เรียกเก็บเงินสกุลตามที่ได้ค้ำประกัน ๒.๓ กำหนดระยะเวลาและกรอบในการประเมินระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๓.๒ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยให้กู้ต่อจากหน่วยงานดังกล่าวในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังกู้มาจากแหล่งเงินกู้โดยรวมค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาให้กู้ต่อด้วย ๓.๓ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อ ให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ให้กู้ต่อ ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๔.๑ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำสัญญากับผู้กู้โดยเร็ว และสัญญากู้ต้องเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ๔.๒ กำหนดขั้นตอนในการเบิกถอนเงินกู้ การชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้กู้ต่อรายงานผลการดำเนินการตามโครงการหรือแผนงานให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามการใช้จ่ายเงินกู้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2138 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | มท | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 ที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปา นครหลวง (กปน.) วงเงินลงทุน 7,494 ล้านบาท โดยให้ปรับลดการลงทุนในส่วนการวางท่อใหม่ทดแทนท่อเก่า วงเงิน 306 ล้านบาท ให้ไปจัดไว้ในงบลงทุนประจำปี และให้ กปน. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินกิจการประปามีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น การมี หน่วยงานกลางกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยให้การควบคุมมาตรฐานและการบริการมีความเท่า เทียมกัน และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงเห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอ พระราชบัญญัติประกอบกิจการน้ำ พ.ศ. .... เพื่อให้สามารถจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการน้ำได้ต่อไป ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและตรวจสอบผู้ใช้น้ำบาดาลของภาค รัฐและเอกชนที่เคยแจ้งยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้ใช้น้ำประปาอย่างจริงจัง รวมทั้ง การต่อใบอนุญาตในพื้นที่ใหม่ที่ กปน. สามารถขยายเขตจ่ายน้ำเพื่อให้บริการน้ำประปาทดแทนการใช้น้ำบาดาล ได้แล้ว เพื่อเร่งปรับลดการใช้น้ำบาดาลของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้เกิดผลสำเร็จ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันจัดทำแผนป้องกันปัญหาน้ำเสีย ควบคู่ไปพร้อมกับการ บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ตามหลักการผู้ก่อมลพิษต้องรับภาระค่าใช้จ่าย (Polluters Pay Principle) และสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบจากปัญหาน้ำเสียที่มีต่อชุมชนส่วนรวม และข้อจำกัดงบประมาณภาค รัฐ และประสานแผนงานก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความสอด คล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบการดำเนินงานและการลงทุนที่ซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนกำกับ ดูแลการให้บริการน้ำประปาของ กปน. และของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในการสนับสนุนการให้บริการ น้ำประปาซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอยต่อของจังหวัดที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2139 | แผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาภูมิปัญญาไท สุขภาพวิถีไท (พ.ศ. 2550 - 2554) | สช | 20/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) ประธานกรรมการสุขภาพ
แห่งชาติรายงานสรุปผลความก้าวหน้าของแผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาภูมิปัญญาไทสุขภาพวิถีไท (พ.ศ. 2550- พ.ศ. 2554) สรุปได้ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการอำนวยการแผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาภูมิปัญญาไท สุขภาพวิถีไท (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) มี จำนวนกรรมการไม่เกิน 25 คน โดยมีนายวิชัย โชควิวัฒน เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสถาบันวิจัย ระบบสาธารณสุข เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี และ คสช. ในการขับเคลื่อนและผลักดันการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้คำปรึกษาและ ข้อเสนอแนะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสุขภาพ ตามที่คณะรัฐมนตรี และ คสช. มอบหมาย เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฯ และนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้าน สุขภาพ ตลอดจนสนับสนุน ติดตาม และประเมินผลความสำเร็จตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฯ และนโยบายสาธารณะ ที่เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2140 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2551) | มท | 20/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 10-15 พฤษภาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 5 จังหวัด 14 อำเภอ 21 ตำบล 84 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร สุราษฎร์ ธานี ชุมพร และพังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 27,179 คน 6,947 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่าง การสำรวจ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม โดยจัดตั้งศูนย์ อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี พ.ศ. 2551 ขึ้น ณ กรมป้องกันและบรร เทาสาธารณภัย และได้มีหนังสือแจ้งให้ทุกจังหวัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ ระดับจังหวัด และให้อำเภอ องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำ ศูนย์ ฯ โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย จัดทำแผนเฉพาะกิจ ฯ จัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารทั้งข่ายหลักและข่ายสำรอง จัดเตรียมยานพาหนะ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือเครื่อง ใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสิทธิชัย โควสุรัตน์) ในฐานะประธานกรรมการ ศูนย์ ฯ ได้ประชุมเพื่อติดตามสภาวะอากาศและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมความพร้อมในการป้อง กันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ของหน่วยงาน ตลอดจนประสานแผน และประสานการปฏิบัติเพื่อ ให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
