ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 105 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2081 - 2100 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2081 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่และกฎหมายว่าด้วย
เทศบาล ตามร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเพื่อให้ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล และสารวัตรกำนัน ในเขตท้องที่ที่ได้รับยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองหรือเทศบาลนครคงอยู่ต่อไป โดยไม่มี การยุบเลิกยกเว้นในท้องที่ที่มีความเจริญแล้วนั้น ควรต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบเพราะอาจมีปัญหาที่ส่งผล ต่อการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น จึงมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ให้คณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2082 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย 8 ยุทธ ศาสตร์ 1 รายการ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมั่นและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ 1.2 ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ 1.3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต 1.4 ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ 1.5 ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1.6 ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม 1.7 ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 1.8 ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 1.9 รายการค่าดำเนินการภาครัฐ 2. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 3. แนวทางในการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 4. การจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กำหนดให้จังหวัด /กลุ่มจังหวัดมีงบประมาณเพื่อการพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ในจำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ ด้านการคลังของประเทศ 5. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้มีการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 171,820.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ที่ได้รับการจัดสรร เงินอุดหนุนไว้ 163,057.0 ล้านบาท เป็นเงิน 8,763.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2083 | นโยบายการพัฒนาระบบราชการ | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการในการประชุม ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ โดยกำหนดให้มีมาตรการระงับ การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยให้ส่วนราชการ ต่าง ๆ ระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชน หรือหน่วย งานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร และหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ เพิ่มใหม่ชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ 1.1 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ 1.2 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญ เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ 1.3 กรณีการยกฐานะจากกองเป็นสำนักซึ่งมีการปรับปรุงงานให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่มีผลทำ ให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.4 กรณีการยุบ รวม โอน หน่วยงานภายในส่วนราชการ/จังหวัดเดียวกัน หรือระหว่างส่วนราช การในกระทรวงเดียวกันหรือต่างกระทรวง หรือระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้น 1.5 กรณีการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานใหม่ 2. การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ในกรณีร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชน 2 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ (องค์การมหาชน) และหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินการ ต่อไปได้ 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชน แต่ละแห่ง หากพบว่า องค์การมหาชนใดไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่ใช้ ในการดำเนินงาน หรือหมดความจำเป็น ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายุบเลิก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2084 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2551 | กค | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2551
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. รวบรวมและพัฒนาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ 2. งานวิชาการ จัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย จัดทำ REIC Research Report และจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย 3. การส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดสัมมนาทางวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ประจำปี และจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง 4. งานที่ศูนย์ข้อมูลฯ ดำเนินการเพิ่มเติม (นอกเหนือจากแผนงาน) เช่น การจัดทำบันทึกตกลง (MOU) ว่าด้วยการขอใช้ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในระะบบสารสนเทศที่ดินระหว่างกรมที่ดินกับ ธอส. และจัดสัมมนาเผยแพร่ ข้อมูลการปรับราคาประเมินที่ดินปี 2551 ของกรมธนารักษ์เมื่อเดือนมกราคม 2551 5. การดำเนินการของ กค. โดยให้ศูนย์ข้อมูลฯ ดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่า พอใจ โดยการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ ทาง Website อย่างไรก็ตาม ได้ให้ศูนย์ข้อมูลฯ เร่งดำเนินการโครงการของปี 2551 ที่ล่าช้ากว่าแผนงาน 4 โครงการ คือ 1) โครงการสำรวจที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑล และจังหวัดยุทธศาสตร์ในเขตภูมิภาค 2) โครงการพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลใบอนุญาตก่อสร้างอาคารของท้องถิ่นส่วนเพิ่ม 3) โครงการวิจัยอุปสงค์และ อุปทานด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต และ4) โครงการวิจัยพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยประเภท อาคารชุดในกรุงเทพ - ปริมณฑล เพือ่เผยแพร่ต่อผู้ทีสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2085 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... | มท | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรม
การพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดย ร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2545 2. กำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย 3. แบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ออกเป็นราชการบริหารส่วนกลาง ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการกรม กองการเจ้าหน้าที่ กองคลัง กองแผนงาน ศูนย์สารสนเทศเพื่อการ พัฒนาชุมชน สถาบันการพัฒนาชุมชน สำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน สำนักเสริมสร้าง ความเข้มแข็งชุมชน และราชการบริหารส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด และสำนัก งานพัฒนาชุมชนอำเภอ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด 4. ให้มีกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และกลุ่มตรวจสอบภายในขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2086 | ขออนุมัติกู้ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) กู้ยืมเงินจากกองทุนสง เคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ยืมภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาดตามมติ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้ อ.ส.ค. ประสาน งานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดซื้อนมโรงเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนวทางแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด และเรื่อง การ ให้ อ.ส.ค. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) และให้จัดสรรเงินจากกองทุน ฯ ให้ อ.ส.ค. ยืม จำนวน 185 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด ตามมติคณะ กรรมการ ฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม ให้สำนักงบประมาณจัดงบประมาณเพื่อชดเชยแก่ อ.ส.ค. เพื่อนำ ไปชำระหนี้เงินยืมต่อไป ตามนัยมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ให้ อ.ส.ค. ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดในการจัดซื้อนม โรงเรียนเพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม และ อ.ส.ค. มีรายได้สำหรับชำระคืนกองทุนสง เคราะห์เกษตรกรได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดทั้งระบบโดยสร้างการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำได้ในระยะยาว ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนิน การแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนว ทางแก้ปัญหานมล้นตลาด และเรื่อง การให้ อ.ค.ส. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2087 | ขออนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) กู้ยืมเงินจากกองทุนสง เคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ยืมภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาดตามมติ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้ อ.ส.ค. ประสาน งานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดซื้อนมโรงเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนวทางแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด และเรื่อง การ ให้ อ.ส.ค. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) และให้จัดสรรเงินจากกองทุน ฯ ให้ อ.ส.ค. ยืม จำนวน 185 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด ตามมติคณะ กรรมการ ฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม ให้สำนักงบประมาณจัดงบประมาณเพื่อชดเชยแก่ อ.ส.ค. เพื่อนำ ไปชำระหนี้เงินยืมต่อไป ตามนัยมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ให้ อ.ส.ค. ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดในการจัดซื้อนม โรงเรียนเพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม และ อ.ส.ค. มีรายได้สำหรับชำระคืนกองทุนสง เคราะห์เกษตรกรได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดทั้งระบบโดยสร้างการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำได้ในระยะยาว ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนิน การแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนว ทางแก้ปัญหานมล้นตลาด และเรื่อง การให้ อ.ค.ส. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2088 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ได้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพที่ได้รับรวมกับบำนาญปกติ ถ้ามีจำนวนเงิน รวมไม่ถึงเดือนละ 15,000 บาท ให้ได้รับบำนาญพิเศษเพิ่มขึ้นอีกจนครบ 15,000 บาท และหากจะยื่นขอเปลี่ยน เป็นการรับบำเหน็จพิเศษแทนก็ให้ได้รับเป็นจำนวนเงินเท่ากับบำนาญพิเศษ 60 เดือน 2. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ได้รับบำนาญปกติ หรือผู้มีสิทธิจะได้รับบำนาญปกติ หรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะ เหตุทุพพลภาพตาย ให้จ่ายเงินเป็นบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเป็นจำนวน 30 เท่าของบำนาญราย เดือน รวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ 3. ให้ยกเลิกมาตรา 51 หลักการเกี่ยวกับสิทธิการรับบำนาญปกติหรือบำนาญตกทอดกรณีผู้รับบำนาญ ปกติหรือบำนาญตกทอดที่กระทำความผิดต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย โดยยังคงมีสิทธิได้ รับบำนาญปกติหรือบำนาญตกทอดต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2089 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2552 พ.ศ. .... | มท | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการ
ประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2552 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ใน การประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับ ปี พ.ศ. 2551 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2552 ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกรา คม 2552 เป็นต้นไป และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (25 ธันวาคม 2550) ที่ให้ปรับปรุงราคาปานกลางของที่ดิน หรืออัตราภาษีบำรุงท้องที่ตามสมควร เพื่อให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนมาก เกินไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2090 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณา การประชุม และการแสดงข้อคิดเห็นของประชาชนในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. .... | มท | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณา
การประชุม และการแสดงข้อคิดเห็นของประชาชนในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎ กระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้การวางและจัดทำผังเมืองรวมต้องจัดให้มีการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงที่สามารถ รับฟังได้ในท้องที่นั้น หรือทางหนังสือพิมพ์ หรือทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า เจ็ดวัน และเมื่อได้มีการโฆษณาดังกล่าวแล้ว ต้องจัดให้มีการปิดประกาศแสดงรายการเกี่ยวกับการวางและจัด ทำผังเมืองรวมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 2. ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นจัดให้มีเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมืองรวมให้แก่ประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองรวม 3. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัด ทำผังเมืองรวม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2091 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณา การประชุม และการแสดงข้อคิดเห็นของประชาชนในการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พ.ศ. .... | มท | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณา การ
ประชุม และการแสดงข้อคิดเห็นของประชาชนในการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้การวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะต้องจัดให้มีการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงที่สามารถรับ ฟังได้ในท้องที่นั้น หรือทางหนังสือพิมพ์ หรือทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และเมื่อได้มีการโฆษณาดังกล่าวแล้ว จะต้องจัดให้มีการปิดประกาศแสดงรายการเกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมือง เฉพาะตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 2. ให้กรมโยธาธิการและผังเมือ งหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นจัดให้มีเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยว กับการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะให้แก่ประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ 3. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในท้องที่ที่จะวางและจัดทำผัง เมืองเฉพาะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2092 | ขออนุมัติโครงการและงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต และขออนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าชดเชยในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ (มีการปรับแก้ไขมติครม.) | นร | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 1.1 กรณีที่ดินที่เป็นราชพัสดุที่มีผู้ใช้ประโยชน์เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ (ยกเว้นโรงรียนโยธิน บูรณะ) เช่น กรมอุตสาหกรรมทหาร องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กรมการขนส่งทหารบก เป็นต้น สามารถดำเนิน การได้โดยไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 57 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวคือ ไม่ จำเป็นต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น จึงสามารถพิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเลขาธิ การสภาผู้แทนราษฎรใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าชดเชยในการรื้อย้าย การชดเชยค่าที่ดิน รวมทั้งสิ่งก่อสร้างให้แก่ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจดังกล่าวไปได้ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 1.2 กรณีที่ดินที่เป็นชุมชนที่อาศัยของประชาชน (ชุมชนตระกูลดิษฐ์) และโรงเรียนโยธินบูรณะ ต้อง ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นนั้นก่อนตามมาตรา 57 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ ฯ การจะอนุมัติให้ใช้งบประมาณเป็นค่าชดเชยในการรื้อย้าย การชดเชยกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้างในที่ดินที่เป็น ชุมชนดังกล่าว ในขณะนี้จึงไม่สามารถกระทำได้ เว้นแต่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะได้ดำเนินการรับ ฟังความคิดเห็นของชุมชนท้องถิ่นตามมาตรา 57 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ ฯ แล้ว 1.3 กรณีการอนุมัติการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เจ้า ของโครงการต้องดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ฯ เช่น การศึกษาและประเมินผลกระทบ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (EIA) เป็นต้น 2. รับทราบและเห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่าเงินชดเชยค่าที่ดินและสิ่ง ก่อสร้างที่จัดสรรงบประมาณไว้ยังไม่มีความชัดเจนว่าค่าชดเชยรวมอยู่ในรายการผูกพันการก่อสร้างอาาครรัฐสภา แห่งใหม่หรือไม่ ซึ่งตามผลการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ รัฐสภา รัฐบาล กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ ได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณไปหารือสำนักงานคณะกรรม กฤษฎีกาว่างบประมาณผูกพันโครงการดังกล่าว จะสามารถแยกเป็นค่าชดเชยให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่ จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเพื่อการโยกย้ายสถานที่ หรือเพื่อปรับปรุงที่ดินและสิ่งก่อสร้างทดแทนสถานที่เดิม เพื่อเป็น การเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการต่อไป 3. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกค่าใช้จ่ายในรายการต่าง ๆ ที่ไม่ขัดกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องได้ โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ส่วน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเร่งดำเนินการให้เป็นไป ตามบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2093 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2550 | พม | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2550 ตามที่ประธานกรรมการผู้
สูงอายุแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. จำนวนประชากรผู้สูงอายุ (ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป) ในปี พ.ศ. 2550 มีประมาณ 7 ล้านคน 2. ด้านสถานการณ์สุขภาพผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ประเมินสุขภาพตนเองว่ามีสุขภาพดี คิด เป็นร้อยละ 43.0 โดยผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไปพบว่ามีปัญหาสุขภาพมากกว่าผู้สูงอายุช่วงอื่น 3. ด้านการดูแลผู้สูงอายุ สถานภาพของผู้สูงอายุในครัวเรือน ส่วนใหญ่อยู่ในฐานะหัวหน้าครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 56.5 ส่วนผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวมีเพียงร้อยละ 7.7 4. ด้านการทำงาน รายได้ และการออม พบว่า ผู้สูงอายุที่ทำงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 ส่วน ใหญ่ทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม สำหรับผู้สูงอายุที่มีสถานภาพเป็นลูกจ้างส่วนใหญ่อยู่ในภาคเอกชน มีราย ได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 6,246 บาท/เดือน ชั่วโมงการทำงานเท่าเดิมคือ 41.8 ชั่วโมง/สัปดาห์ 5. ด้านการเข้าถึงข้อมูลการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เข้ารับการศึกษาในลักษณะ การศึกษานอกโรงเรียน ประมาณ 6 ล้านคน 6. สถานการณ์เด่นของผู้สูงอายุปี พ.ศ. 2550 ประกอบด้วยสถานการณ์เด่น 4 กิจกรรม ได้แก่ การ สรรหาผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2550 มาตรการทางภาษีสำหรับผู้สูงอายุ บทบาทท้องถิ่นในการดูแลผู้ สูงอายุ และเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2094 | แนวทางแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการชดเชยราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและการตรวจสอบ ข้อมูลการบริหารจัดการน้ำนมดิบทั้งระบบ รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดไม่มีที่จำหน่ายระหว่าง รอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามผลการหารือร่วมกับเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืมเงิน จำนวน 346 ล้านบาท จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ไปใช้เพื่อการดัง กล่าว สำหรับชดเชยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีเพื่อชดเชยให้กับกองทุน ฯ ให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดเป็นผู้พิจารณาแนวทางและ วิธีการในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายในวงเงินไม่เกิน 346 ล้านบาท ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการปรับลดราคากลางนมโรงเรียนและผลิตภัณฑ์นมในตลาดทั่วไป ให้สอด คล้องกับต้นทุนและกลไกตลาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรม การกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเร่งพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อพิจารณาปรับแผนการใช้ จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการจัดซื้อนมพร้อมดื่มให้เด็กนักเรียนดื่มนมตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 โดยให้พิจารณาระยะเวลาตามเกณฑ์เดิมในวงเงิน 2,030.529 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณ พิจารณาเสนอตั้งงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป 4. เห็นชอบให้มีการตรวจสอบและกำกับดูแลการใช้นมดิบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการผลิตนมพร้อมดื่มใน โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และตลาดทั่วไป ให้ถูกต้องตามฉลาก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ 5. เห็นชอบในหลักการให้มีการรณรงค์การบริโภคนมเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินกิจกรรมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีงบประมาณประชาสัมพันธ์ด้านสุข ภาพ เช่น กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น 6. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด แนวทางการดำเนินการแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืน 7. เห็นชอบในหลักการให้ อปท. หรือหน่วยงานของรัฐที่มีงบประมาณจัดซื้อนมพร้อมดื่มจัดซื้อจากองค์ การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้โดยวิธีกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ อ.ส.ค. ได้รับสิทธิพิเศษ ดังกล่าวจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2552 ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง 8. อนุมัติในหลักการให้ อ.ส.ค. ขยายวงเงินกู้เบิกเกินบัญชีกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่ม จาก 100 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้เงินและการค้ำประกันให้เป็นไปตามความ เห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2095 | การให้ อ.ส.ค. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการชดเชยราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและการตรวจสอบ ข้อมูลการบริหารจัดการน้ำนมดิบทั้งระบบ รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดไม่มีที่จำหน่ายระหว่าง รอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามผลการหารือร่วมกับเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืมเงิน จำนวน 346 ล้านบาท จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ไปใช้เพื่อการดัง กล่าว สำหรับชดเชยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีเพื่อชดเชยให้กับกองทุน ฯ ให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดเป็นผู้พิจารณาแนวทางและ วิธีการในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายในวงเงินไม่เกิน 346 ล้านบาท ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการปรับลดราคากลางนมโรงเรียนและผลิตภัณฑ์นมในตลาดทั่วไป ให้สอด คล้องกับต้นทุนและกลไกตลาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรม การกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเร่งพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อพิจารณาปรับแผนการใช้ จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการจัดซื้อนมพร้อมดื่มให้เด็กนักเรียนดื่มนมตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 โดยให้พิจารณาระยะเวลาตามเกณฑ์เดิมในวงเงิน 2,030.529 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณ พิจารณาเสนอตั้งงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป 4. เห็นชอบให้มีการตรวจสอบและกำกับดูแลการใช้นมดิบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการผลิตนมพร้อมดื่มใน โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และตลาดทั่วไป ให้ถูกต้องตามฉลาก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ 5. เห็นชอบในหลักการให้มีการรณรงค์การบริโภคนมเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินกิจกรรมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีงบประมาณประชาสัมพันธ์ด้านสุข ภาพ เช่น กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น 6. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด แนวทางการดำเนินการแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืน 7. เห็นชอบในหลักการให้ อปท. หรือหน่วยงานของรัฐที่มีงบประมาณจัดซื้อนมพร้อมดื่มจัดซื้อจากองค์ การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้โดยวิธีกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ อ.ส.ค. ได้รับสิทธิพิเศษ ดังกล่าวจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2552 ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง 8. อนุมัติในหลักการให้ อ.ส.ค. ขยายวงเงินกู้เบิกเกินบัญชีกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่ม จาก 100 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้เงินและการค้ำประกันให้เป็นไปตามความ เห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2096 | สรุปผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัยเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 กระทรวงคมนาคม | คค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยการความสะดวก มั่นคง และปลอดภัยเพื่อรองรับ การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2551-วันที่ 5 มกราคม 2552 รวม 7 วัน ตามแผนงานหลัก 3 แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานการให้บริการและอำนวยความสะดวก แผนงาน ด้านความมั่นคง และแผนงานด้านความปลอดภัย โดยสรุป ผลการจากดำเนินงานตามแผนดังกล่าวในช่วงเทศ กาลปีใหม่ 2552 มีเสียชีวิตจำนวน 367 คน บาดเจ็บจำนวน 4,107 คน ลดลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ และเมาสุรา ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดจาก ระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ มีผู้โดยสารเสียชีวิตจำนวน 3 คน บาดเจ็บจำนวน 119 คน และอุบัติเหตุทางน้ำ (เรือล่ม) มีผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ราย 2. รับทราบข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทศกาลตรุษ จีน สงกรานต์ และภาวะปกติ ดังนี้ 2.1 ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับปรุง แก้ไขบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะทางร่วมทางแยกระหว่างถนนทางหลวงแผ่นดินต่อเนื่องกับถนนทาง หลวงชนบท และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อการสัญจร 2.2 ให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการเข้มงวดกวดขันในการควบคุมรถโดยสารสาธารณะในเส้น ทางไกลให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น จำนวนพนักงานขับรถ ระยะพักของพนักงานขับรถ และการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ตรวจวัดความเร็วประจำรถ เป็นต้น 2.3 ให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีกวดขัน ดูแลสภาพเรือ ท่าเทียบเรือ ให้พร้อมต่อการ ใช้งาน และเข้มงวดให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพขณะเดินทางบนเรือโดยสารสาธารณะให้ครอบคลุมถึงแหล่งท่องเที่ยว ทางน้ำ แม่น้ำ ลำคลองและเขื่อนต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2097 | ขออนุมัติหลักการการดำเนินงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสถานกีฬาใน "ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย" | กก | 19/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยวใหม่ และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและแผนบริหารราชการ แผ่นดินให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของงบประมาณดำเนินการ อนุมัติงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้ง สิ้น 374.797 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการเพื่อมิให้การอนุมัติงบประมาณซ้ำซ้อนกับ โครงการในเรื่องเดียวกันของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรงบประมาณราย จ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นว่า การดำเนินงานตามโครง การ ฯ ควรดำเนินการตามแนวทางดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัดและมุ่งเน้น การส่งเสริมและสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวที่อนุรักษ์ปัญญาไทย วัฒนธรรม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของ ชุมชนในท้องถิ่น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2098 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 19/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งคณะกรรม การประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราช บัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 เพิ่มบทนิยามคำว่า "ผู้บริหารท้องถิ่น" เพื่อให้เกิดความชัดเจน และแก้ไขจำนวนผู้มีสิทธิเข้า ชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นโดยให้ปรับลดจำนวนลงจาก "จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง" เป็น "จำนวนไม่น้อยกว่า หนึ่งในห้าหรือไม่น้อยกว่าห้าพันคน" 1.2 เพิ่มเติมเรื่องการเสนอข้อบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน โดยกำหนดว่าจะเสนอได้เฉพาะที่สอด คล้องกับนโยบายแห่งรัฐและแผนพัฒนาท้องถิ่น และมีคำรับรองของผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1.3 แก้ไขรายละเอียดคำร้องขอให้ประธานสภาท้องถิ่นดำเนินการให้สภาท้องถิ่นพิจารณาออก ข้อบัญญัติท้องถิ่น ซึ่งคำร้องขอดังกล่าวต้องมีเนื้อหาสาระของร่างข้อบัญญัติที่ประสงค์จะตราขึ้นอย่างชัดเจน เพียงพอ โดยประชาชนไม่ต้องจัดทำร่างข้อบัญญัติเสนอมาพร้อมกับคำร้องขอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีที่สภาท้องถิ่น ได้พิจารณาข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ประชาชนเสนอดังกล่าวแล้ว ให้แจ้งผลการดำเนินการให้ประชาชนทราบ ไป พิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2099 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (จำนวน 17 คน 1. นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา) | ศธ | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งประะธาน
กรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 17 คน เนื่องจากประธาน กรรมการและกรรมการชุดเดิมครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (11 พฤศจิกายน 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานกรรมการ 2. นายสุกิจ เดชโภชน์ ผู้แทนองค์กรเอกชน 3. นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4. นายสมศักดิ์ โล่ห์เลขา ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ 5. นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. นายมังกร กุลวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7. ศาสตราจารย์ พันตำรวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 8. ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 9. นายสำรวม พฤกษ์เสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 10. นายประพัฒน์พงศ์ เสนาฤทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 11. นายดิเรก พรสีมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 12. นายสิทธิรักษ์ จันทร์สว่าง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 13. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เรืองเดช วงศ์หล้า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 14. นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 15. นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 16. นายสุชาติ เมืองแก้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 17. พระธรรมโกศาจารย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2100 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
