ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 101 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2001 - 2020 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2001 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานตามกรอบแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | นร | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานตามกรอบแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ของรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ กระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการจะให้มีหน่วยงานกลางในรูปแบบองค์กรอิสระรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาประชากรแฝง อย่างยั่งยืน ไปประกอบการพิจารณา 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง อุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดระยองโดยควบรวมสถาบันการศึกษาระดับปริญญาตรีใน จังหวัดระยองแล้วจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาสุขภาพอนามัยของประชาชนและชุมชน การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบพิเศษ รวมทั้งการมอบหมายให้มีหน่วยงานกลางรับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาประชากรแฝงอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2002 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนพัฒนาการกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหา
ริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนพัฒนาการกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างและขยายทางหลวง ท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนพัฒนาการกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในท้องที่แขวงประเวศ กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะ รัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 2003 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กับถนนสิรินธร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริม
ทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กับถนนสิรินธร เป็นกรณีที่ มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวง ท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กับถนนสิรินธร ในท้องที่แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพ มหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริม ทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 2004 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหา
ริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สาย เชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชรในท้องที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสัง หาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 2005 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 14 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหา
ริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 14 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 14 ในท้องที่แขวงท่า แร้ง เขตบางเขน และแขวงจรเข้บัว แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่ง ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 2006 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต ของกรุงเทพมหานครและกรรมการของสภากรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง เงินค่า
เบี้ยประชุมและเงินตอบแทนอื่นของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขตของกรุงเทพมหานคร และกรรม การของสภากรุงเทพมหานคร โดยให้พิจารณาแนวทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นประกอบด้วย แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
| 2007 | ร่างพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้
ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยวัฒนธรรม แห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เพื่อปรับปรุงให้มีการอนุรักษ์และฟื้นฟู จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะและวัฒนธรรมอันดีของชาติและของท้องถิ่น รวมทั้งการยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้แก่บุคคลที่สมควรเป็นศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมหรือบุคคลที่มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม อัน เป็นการรองรับและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนที่มีส่วนร่วมในการสืบสวนเรื่องดังกล่าว 2. ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยุบเลิกสำนัก งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติและเปลี่ยนเป็นกรมวัฒนธรรมวิถีชีวิตและภูมิปัญญาเพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบ งานด้านวัฒนธรรมวิถีชีวิตและภูมิปัญญา
|
||||||||||||||||||||||||
| 2008 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการปัญหาราคาผลไม้อย่างยั่งยืน | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การบริหารจัดการปัญหาราคาผลไม้อย่างยั่งยืน" และรับทราบตาม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอ แนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านปัจจัยการผลิตและต้นทุน 1.1 การจัดการที่ดิน โดยเร่งฟื้นฟู ปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะ ปลูก มีความรู้และระมัดระวังในการใช้ปุ๋ย การใช้สารเคมี และการปรับสภาพพื้นที่โดยใช้วิธีชีวอินทรีย์แบบ ผสมผสานเพื่อพัฒนาคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม 1.2 การจัดการแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการเพาะปลูกของเกษตรกร รวมทั้งพัฒนาระบบ ชลประทานให้เหมาะสมกับพืชที่เพาะปลูก 1.3 นำเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่มาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อประสิทธิภาพในการ ผลิตและคุณภาพผลผลิต 1.4 พัฒนาแหล่งทุนในภาคเกษตรกรรมเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนสะดวกขึ้น รวมทั้งพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขเงื่อนไขของสถาบันการเงิน และกองทุนอื่น ๆ เพื่อการเกษตรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม 2. ด้านการตลาด 2.1 ส่งเสริม แนะนำ สาธิต การบริโภค และแปรรูปผลไม้ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศหรือ ต่างภูมิภาคให้กว้างขวางมากขึ้น 2.2 ขยายตลาดต่างประเทศสู่ประเทศผู้บริโภคใหม่ ๆ 2.3 พัฒนาการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสให้เกษตรกรในการ ซื้อขายสินค้าเกษตรผลไม้ล่วงหน้าได้ (รวมทั้งดูแลความเป็นธรรมการเกษตรแบบสัญญาจ้างปลูก จ้างผลิต และ ประกันราคาซื้อที่เหมาะสม 3. ด้านนโยบาย 3.1 กำหนดทิศทางยุทธศาสตร์และแผนงานเพื่อคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรใน การผลิตและการตลาด ส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุด รวมทั้งกำหนดพื้นที่ปลูก (Zoning) ที่ เหมาะสมสามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.2 ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อจัดทำแผนงานการเกษตร และรักษาผลประโยชน์ร่วม กันของเกษตรกรในรูปแบบสภาเกษตรกรโดยองค์กรเกษตรกร สหกรณ์มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน การป้องกัน และแก้ไขปัญหา กำหนดมาตรการดำเนินการในภาคเกษตรกรรม 3.3 ส่งเสริม สนับสนุน และกำหนดทิศทางการผลิตไม้ผลสายพันธุ์ดี มีเอกลักษณ์ผลไม้ไทยตาม ที่ตลาดและผู้บริโภคนิยมและมีความต้องการสูงให้กว้างขวางยิ่งขึ้น 3.4 มีมาตรการป้องกันคุ้มครองการทุ่มตลาดและการกีดกันผลไม้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2009 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน" และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความ เห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอและของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. จัดทำแผนการพัฒนาจังหวัดในแม่น้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนให้สอดคล้องกับศักย ภาพของพื้นที่ และกำหนดให้เป็นพื้นที่สำคัญที่จะเป็นครัว และปอดของภาคกลาง และเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิ เวศน์ 2. ศึกษาและทดลองการปรับปรุงกลุ่มจังหวัดบูรณาการใหม่ตามลุ่มน้ำหลักโดยจัดให้จังหวัดในลุ่มน้ำ ท่าจีนเป็นกลุ่มจังหวัดบูรณาการนำร่อง ประกอบด้วยจังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาครเพื่อ ให้กลุ่มจังหวัดสามารถประสานการพัฒนา และจัดระบบการบริหารจัดการลุ่มน้ำท่าจีนร่วมกันอย่างมีประสิทธิ ภาพ มีการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ วิถีวัฒนธรรมของท้องถิ่น และรักษาระบบนิเวศน์แม่น้ำท่า จีน 3. ให้กรมชลประทาน และจังหวัดนครปฐมสร้างกระบวนการวางแผน โดยการมีส่วนร่วมของประชา ชนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากประตูระบายน้ำอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดสภาพน้ำเน่าเสีย และการเกิดปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากการขวางกั้นของประตูระบายน้ำ 4. เร่งรัดจัดทำผังเมืองโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเร่งด่วนในจังหวัดลุ่มน้ำท่าจีน 5. จัดให้มีแผนงานและมาตรการคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำท่าจีน ตามกรอบมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วย พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 2010 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การติดตามประเมินผลการพัฒนาประเทศในปีแรกของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การติดตามประเมินผลการพัฒนาประเทศในปีแรกของแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 และรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการ และปรับปรุงแผนบริหารราชการแผ่น ดินให้สอดคล้องกับเป้าหมาย แนวทางพัฒนา และแผนงานในแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 รวมทั้งในกรณีที่มีการ ปรับปรุงครึ่งแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 (Mid Plan Review) โดยเฉพาะแผนงานและโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง กับดัชนีชี้วัดที่ไม่เป็นไปตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 หรือต่ำกว่าเป้าหมายของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 และใน การปรับปรุงครึ่งแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 ควรสนับสนุนให้มีหลักประกันสุขภาพตลอดชีวิต เพื่อการยกระดับ ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย 2. ให้ส่วนราชการระดับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ความสำคัญกับความสอด คล้องกันระหว่างแผนพัฒนาจังหวัดและแผนของ อปท. กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้มากขึ้นเพื่อ ให้เป็นประโยชน์ต่อการบรรลุความสำเร็จของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 ในระดับต่าง ๆ 3. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบการจัดทำแผน พัฒนาระดับภูมิภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาพื้นที่เฉพาะ รวมทั้งแผนพัฒนาที่เป็นนโยบายสำคัญ ของรัฐบาล และให้พิจารณาความเหมาะสมในการปรับปรุงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน โดย เพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำนโยบายของรัฐบาล การแถลงนโยบายและผลงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาต้อง แสดงความสอดคล้องระหว่างนโยบายของรัฐบาลกับวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 2011 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | มท | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณชดเชยค่าใช้น้ำประปาที่อยู่อาศัยของระบบประปาเทศ
บาลที่ดำเนินการไปแล้ว ในระหว่างเดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนมีนาคม 2552 ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เป็นเงิน รวม 311,751,016.37 บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณชดเชยดังกล่าว ให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) ประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนิน การตามกระบวนการงบประมาณและระยะเวลาตามความเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2012 | สรุปผลการประเมินองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 | นร | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประเมินองค์การมหาชนและข้อเสนอการปรับปรุงองค์การมหาชน ตามมติคณะกรรม การพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ 5/2552 วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยมอบหมาย ให้ ก.พ.ร. รับข้อเสนอการปรับปรุงเกี่ยวกับการเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการของหน่วยงานรูปแบบองค์การมหาชนให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ไปดำเนินการต่อไป และมอบหมาย ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งขององค์การมหาชน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (สอซช.) รับข้อเสนอการปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการองค์การมหาชนแต่ละแห่ง ต่อไป 2. ส่วนองค์การมหาชน (กลุ่มที่ 3) อีก 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้น ที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณี สคพ. และ สพพ. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่าง ประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกันเพื่อบูรณาการ องค์การมหาชนทั้งสองแห่ง และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการองค์การมหาชนดังกล่าวให้เหมาะสม 2.2 กรณี อพท. มอบหมายผู้บริหาร อพท. หารือการปรับปรุงองค์กรในรายละเอียดร่วมกับ ก.พ.ร. และเสนอให้คณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาด้วยเพื่อกำหนดแนว ทางการบริหารและพัฒนา อพท. ให้สามารถดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูป ธรรมมากยิ่งขึ้น 3. ให้ ก.พ.ร. และผู้เกี่ยวข้องตามข้อ 1. และข้อ 2. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 2013 | ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบแผนการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ประเภทที่ 1 ภายใต้ระบบ e-Budgeting SP วงเงิน 1,063,659 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ รัฐบาลรับภาระการลงทุน จำนวน 824,162 ล้านบาท และโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่รัฐวิสาหกิจรับภาระการ ลงทุนเอง จำนวน 239,497 ล้านบาท 1.2 อนุมัติกรอบการจัดสรรวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและ เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 200,000 ล้านบาท สำหรับโครงการลงทุนของรัฐบาลและ รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลรับภาระการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2552 ประเภทที่ 1 1.3 เห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนความเหมาะสมกรอบวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ ที่จะใช้สมทบเงินคงคลังเพื่อนำมาสนับสนุนโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ในวงเงิน 100,000 ล้านบาท 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไป พิจารณาด้วยว่า การพิจารณาโครงการที่จะบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติ ฯ ควรมีความชัดเจนของหน่วยงานรับผิดชอบโครง การ และพิจารณาความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 3. ให้ทุกกระทรวงรับไปพิจารณาทบทวน และเสนอเพิ่มเติมโครงการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ว่าโครงการใด มีความพร้อม และประสงค์ที่จะรับการจัดสรรเงินกู้จากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและ เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 หรือร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ พ.ศ. .... แจ้งให้กระทรวงการคลังทราบภายใน 2 สัปดาห์ 4. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดสรรเงิน จำนวน 23,000 ล้านบาท จากเงินกู้ตาม พระราชกำหนด ฯ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป) ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผน ฯ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2014 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ....
ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอเป็นหลัก และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้อง ถิ่น พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใช้ประกอบการตรวจพิจารณาต่อ ไป แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติ ฯ ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมี หลักการทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผ่านกระบวนการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียแล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการเมื่อวัน ที่ 16 มิถุนายน 2552 ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
| 2015 | ซักซ้อมแนวทางการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะ | มท | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการซักซ้อมแนวทางการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะ
โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงองค์กรปครองส่วนท้องถิ่นในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินกรณีตู้โทรศัพท์ สาธารณะ โดยถือปฏิบัติตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 และที่แก้ไขเพิ่ม เติม และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่ารายปีของทรัพย์สิน ดังนี้ 1. กรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มีค่าเช่า ให้นำค่าเช่ามาประเมินเป็นค่ารายปี 2. กรณีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ไม่สามารถหาค่าเช่าได้ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ 2.1 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรสำหรับตู้โทรศัพท์ สาธารณะแยกตามทำเลที่ตั้งซึ่งมีความเจริญทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.2 การหาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร ให้ใช้หลักการเทียบเคียงกับค่าเช่าจริงของทรัพย์ สินประเภทอาคาร หรือค่าเช่าแผงลอยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงแต่ละทำเลที่ตั้งหรือเทียบเคียงกับอัตราค่าเช่าของอาคาร อาคารลักษณะพิเศษ หรือแผงลอยที่กรมธนารักษ์กำหนด 3. การประเมินค่ารายปีตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่ควรสูงกว่าค่ารายปีที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บในอัตราค่า เช่าสูงสุด 250 บาทต่อตู้ต่อเดือน
|
||||||||||||||||||||||||
| 2016 | ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552 - 2556 | ทก | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบต่อร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะส่ง เสริมและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการ บริหารและบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทค โนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร พัฒนาบุคลากรด้าน ICT และบุคคลทั่วไปให้มีความรู้ ความสามารถในการสร้าง สรรค์ ผลิต และใช้ ICT อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม วิจารณญาณและรู้เท่ากัน ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยและการ พัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศ 1.2 ให้ทุกกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด ทำและ/หรือปรับแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหน่วยงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) 1.3 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนัก งานปลัดกระทรวง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (กทสช.) รับผิดชอบ การดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และเป็นหน่วยงานประสานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผน ปฏิบัติการ และแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) รวมถึงการติดตามประเมินผลเพื่อให้เกิดผลที่ เป็นรูปธรรมต่อไป 1.4 ให้หน่วยงานกลางซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร และการบริหารจัดการภาครัฐ ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ นำแผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ ปรับปรุงโครงสร้าง รวมทั้งจัด สรรทรัพยากรทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาของ แผนแม่บท ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552-2556 ต่อไป 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวง การคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการพัฒนากลไกการบริหารจัดการแผนให้มีประสิทธิ ภาพ เกิดบูรณาการ และหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในการลงทุน และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาค รัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และสร้างความเข้าใจและสนับสนุนบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดย เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้ความสำคัญในการติดตามประเมินผลและพัฒนาตัวชี้วัดทั้งในเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้สามารถสะท้อนผลสัมฤทธิ์ของแผน ฯ ได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้นำความ เห็นของคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) เกี่ยวกับการนำแผนไปสู่การ ปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น ไป ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยให้คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้ม ค่าและประหยัด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2017 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของผู้สูงอายุในเชิงรุกเพื่อให้พึ่งพาตนเองได้" | สสป | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนา ศักยภาพและสมรรถภาพของผู้สูงอายุในเชิงรุกเพื่อให้พึ่งพาตนเองได้" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 1.1.1 กำหนดให้มีการส่งเสริมสุขภาพและสมรรถภาพของผู้สูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ 1.1.2 ผลักดันแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2550-2554) ในยุทธศาสตร์การ พัฒนากีฬาเพื่อมวลชนและแผนพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นและให้ความสำคัญกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้นเพื่อเป็น การรองรับเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุไทย 1.1.3 ส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตบุคลากรทางด้านการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจผู้ สูงอายุเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของประชากรผู้สูงอายุที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น 1.1.4 จัดให้มีหน่วยงานนำร่องเพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 1.1.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชนและภาคประชาสังคมได้มีส่วนร่วมในการสนับ สนุนกิจกรรมการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ โดยสร้างแรงจูงใจด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การ กำหนดให้มีมาตรการทางภาษี เป็นต้น 1.1.6 ส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองท้องถิ่นจัดให้มีสถานที่ อุปกรณ์และเครื่องมือ รวม ทั้งกระบวนการจัดการการเสริมสร้างสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างเพียงพอและทั่วถึง เช่น จัดให้มีสวนสุขภาพในทุก อำเภอและทุกตำบล เป็นต้น 1.2 ข้อเสนอแนะเชิงการผลักดันยุทธศาสตร์ 1.2.1 พัฒนาระบบประกันสุขภาพเพื่อดูแลสุขภาพ จัดสวัสดิการความปลอดภัย และส่งเสริม สุขภาพและสมรรถภาพของผู้สูงอายุ 1.2.2 จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ เพื่อเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้สูง อายุในทุกมิติ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิ การ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพระ พุทธศาสนาแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 2018 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | นร | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ 4
สิงหาคม 2552 โดยให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามความเห็นคณะกรรม การประสานงานด้านนิติบัญญัติ ดังนี้ 1. แก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติ ฯ ในบรรทัดที่ 5 ให้ตัดคำว่า "และ" ออก และเติมข้อความ "และ สาขาอื่น ๆ" หลังคำว่า "สาธารณสุข" และในบรรทัดที่ 8 ให้เติมข้อความ "รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" หลังคำว่า "ชุมชน" 2. แก้ไขร่างมาตรา 75 โดยตัดคำว่า "ประธานสภากรุงเทพมหานคร" ออกตามสรุปผลการประชุม ฯ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2019 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 15
กรกฎาคม 2552 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษา สำรวจ ออกแบบโครงการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลตามที่ได้เสนอของบประมาณภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP 2) รอบที่ 2 โดยกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสม และให้เสนอขอแปรญัตติงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 2. ที่ประชุมมีมติเรื่อง การโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในส่วนที่เกี่ยวกับ ระบบ ดังนี้ 2.1 จัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศโดย มีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ 2.2 จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศทั้งระบบ ได้แก่ การสำรวจออกแบบ ก่อสร้าง การปรับปรุงซ่อมแซม ดูแล และบำรุงรักษา รวมทั้งการบริหารจัดการ โดยให้กรม ทรัพยากรน้ำเสนอของบประมาณดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.3 ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่นในการจัดหาแหล่งน้ำในพื้นที่หา น้ำยาก โดยพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลและจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน 2.4 ให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ เสนอเรื่องขอทบทวนการถ่ายโอนภารกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและปรับปรุง ซ่อมแซมระบบประปาให้คณะกรรมการกระจายอำนาจ ฯ พิจารณา ในกรณีที่ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้หรือ ดำเนินการได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแทน
|
||||||||||||||||||||||||
| 2020 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิ หน้าที่กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" | สสป | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิหน้าที่ กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ข้อเสนอด้านกฎหมาย 1.1.1 กำหนดระยะเวลาการออกกฎหมายให้แน่ชัด โดยกฎหมายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้อง เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด 1.1.2 ให้ประชาชนมีบทบาทในกระบวนการบัญญัติกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบ คลุมเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรคมนาคม การจัดการชลประทาน และเก็บข้อ มูลจากประชาชนที่ถูกผลกระทบก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายในเรื่องดังกล่าว 1.1.3 ควบคุมให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 1.1.4 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคมยอมรับกฎกติกาของสังคม หากมีปัญหาในการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญ ให้ใช้วิธีออกเสียงประชามติ ไม่ยอมรับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 1.1.5 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนต้องยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด 1.1.6 ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 1.2 ข้อเสนอแนะด้านสิทธิ หน้าที่และการมีส่วนร่วมของประชาชนในเชิงนโยบาย 1.2.1 ปรับท่าทีเพื่อส่งเสริมให้การใช้สิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ พัฒนาประเทศเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ และภาครัฐควรให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศแก่ ประชาชนให้มากที่สุดและไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง 1.2.2 เสริมสร้างความสมานฉันท์ ความเป็นปึกแผ่น และความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยให้ วัดและโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการสร้างความสามัคคี ให้ผู้นำทางศาสนา ปราชญ์ชาวบ้าน ครู และหมอพื้นบ้าน เป็นต้น เป็นกลไกการเชื่อมประสานความสามัคคี และจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อย่าง เท่าเทียม 1.2.3 ยกระดับความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นสิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการพัฒนาประเทศโดยรัฐรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงานและสนับสนุนให้มีบรรยากาศเอื้อต่อการเป็นสังคม แห่งการเรียนรู้ 1.2.4 ส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระที่เอื้อให้ประชาชนได้เข้ามามีสิทธิ หน้า ที่ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง 1.2.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งองค์กรจากภาคประชาชน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 47 หน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||
.....
