ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 110 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2181 - 2200 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2181 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 39 และถนนสุขาภิบาล 5 พ.ศ. .... | มท | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 39 และถนนสุขาภิบาล 5 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงท้อง ถิ่น สายซอยรามอินทรา 39 และถนนสุขาภิบาล 5 ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ และแขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุง เทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2182 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยแจ้งวัฒนะ 14 พ.ศ. .... | กทม | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยแจ้งวัฒนะ 14 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยแจ้งวัฒนะ 14 ในท้องที่แขวงทุ่งสอง ห้อง เขตหลักสี่ และแขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้ บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2183 | การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม | นร | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอเกี่ยวกับการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง
ของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม ดังนี้ ให้ถือเป็นหลักการให้ข้าราชการพลเรือนสตรีมีสิทธิ ไปถือศีลและปฏิบัติธรรม ณ สถานปฏิบัติธรรมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติครั้งหนึ่ง ตลอดอายุราชการ เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน โดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาต จากผู้บังคับบัญชาก่อน และให้นำหลักการนี้ไปใช้กับข้าราชการทหาร ตำรวจ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาห กิจ ลูกจ้างส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นสตรีด้วย กับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับหลักการดังกล่าว ไปพิจารณาปรับใช้กับข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นสตรี และให้สำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการและติดตามประเมินผลเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่ากรณีการถือศีลและปฏิบัติธรรมของ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ที่เป็นชายสมควรจะดำเนินการอย่างไรให้เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2184 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร | นร | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดสมุทรสงคราม ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2550 สรุปได้ดังนี้ การดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการจัดสรร 53 ล้านบาท โดยได้ พิจารณาอนุมัติโครงการ 265 โครงการ และได้รับการจัดสรร (งบเพิ่มเติม) 21 ล้านบาท โดยได้พิจารณาอนุมัติ โครงการ 120 โครงการ ในด้านการพัฒนา ได้มีการพัฒนาศูนย์กลางการผลิตและแปรรูปสับปะรดและมะพร้าว ที่ได้มาตรฐานในการส่งออก การเพิ่มขีดความสามารถของการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กและพัฒนาระบบขนถ่าย สินค้า การทำประจวบคีรีขันธ์ให้เหมาะแก่การเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวและสุขภาพ การพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การพัฒนาสภาพแวดล้อมชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมเมือง และการพัฒนา ระบบบริหารงานให้มีความเป็นเลิศ ส่วนการแก้ปัญหาสำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ ปัญหาการกัดเซาะ ชายฝั่งทะเล ได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาและสำรวจออกแบบเพื่อแก้ไข ปัญหาในพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกับสาเหตุ สภาพภูมิประเทศ และมีความเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์พื้นที่ สำหรับจังหวัดสมุทรสงคราม จากการตรวจเยี่ยมโครงการหมู่บ้านเศรษฐ กิจพอเพียง ที่ดำเนินการโดยความร่วมมือของชุมชนในท้องถิ่นบ้านบางพลับ หมู่ที่ 4 ตำบลบางพรม อำเภอบาง คนที ซึ่งได้มีการรวบรวมภูมิปัญญาของชุมชนในท้องถิ่นจากปราชญ์ชาวบ้านในทุกระดับ อาทิ ความรู้ของปราชญ์ ชาวบ้านอายุ 87 ปี เกี่ยวกับพิธีกรรม ประเพณีท้องถิ่น และศาสนา ความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านอายุ 14 ปี เกี่ยว กับวิธีการจับกุ้ง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2185 | ผลการดำเนินงานของศูนย์สนับสนุนการป้องกันและลดความรุนแรง (ศปลร.) ประจำปี 2550 | พม | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยว
กับการดำเนินงานของศูนย์สนับสนุนการป้องกันและลดความรุนแรง (ศปลร.) ประจำปี พ.ศ. 2550 โดยมีผลการ ดำเนินงานที่สำคัญดังนี้ โครงการสนับสนุนการป้องกันและลดความรุนแรง เป็นการส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือ ให้ประชาชนมีความพร้อมรับความรุนแรงอย่างรู้เท่าทัน พัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายพลเมือง ในอันที่จะสร้าง ให้สังคมไทยน่าอยู่ อย่างมีสุขภาวะ และมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต และพัฒนาช่องทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการทำงานร่วมกัน โครงการสันติยุติธรรม เป็นโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดยใช้กระบวนการการดำเนินงาน แบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายภาคประชาชน รัฐ เอกชน และองค์กรสาธารณประโยชน์ โดยเครือข่ายภาคประชา ชนเป็นกลไกหลักในการประสานการทำงาน การติดตาม ตลอดจนการพัฒนารูปแบบวิธีการในการเข้าไปคลี่คลาย ปัญหาเพื่อลดความรุนแรงและความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น โครงการเวทีขับเคลื่อนประชาธิปไตยชุมชนเพื่อความมั่น คงของมนุษย์ เป็นโครงการที่เปิดช่องทางให้ท้องถิ่นในทุกอำเภอทั่วประเทศได้มีเวทีกลางพูดคุย เพื่อร่วมกันค้นหา ประเด็นสาธารณะที่มีความสำคัญต่อประชาชนและสังคมในทุกระดับท้องถิ่น และการจัดการตัวเองของชุมชนผ่าน เวทีประชาธิปไตยชุมชน รวมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากเวทีแล้วนำมาประมวลผล วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อจัดทำ ข้อเสนอเชิงนโยบาย และโครงการเวทีเรียนรู้สู่สวัสดิการสังคมวิถีอิสลาม เป็นการศึกษา รวบรวม และวิเคราะห์ ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขทางสังคมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีผลต่อการจัดสวัสดิการของมุสลิมเพื่อนำมาใช้พัฒนาสวัสดิ การสังคมในชุมชนมุสลิม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2186 | รายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | รง | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า กระทรวงแรงานได้รายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจว่า
ด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของสอง ประเทศได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ ฯ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ณ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ซึ่ง การจัดทำบันทึกความเข้าใจ ฯ ครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการจ้างแรงงานไทยมากขึ้น สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการ เดินทางไปทำงาน และลดปัญหาแรงงานไทยที่จะเกิดขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสหรัฐอาหรับเอมิ เรตส์ยืนยันว่าแรงงานต่างชาติในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะได้รับการคุ้มครองดูแล และได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎ หมายท้องถิ่นอย่างเท่าเทียมกับแรงงานชนชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2187 | ผลความก้าวหน้าโครงการรณรงค์ก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" | มท | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าโครงการรณรงค์ก่อ
สร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" โดยผลการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย 64 จังหวัด ต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2549 ถึงเดือนกันยายน 2550 ฝายที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 161,041 ฝาย เกินเป้าหมายโครงการ ปี พ.ศ. 2549-2550 (160,000 ฝาย) จำนวน 1,041 ฝาย งบประมาณที่ใช้ดำเนินการรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,011,606,132 บาท ซึ่งทางจังหวัดได้ บูรณาการงบประมาณจากงบยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข งบประมาณปกติของส่วนราชการ และงบประมาณอื่น ๆ รวมทั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณจากภาคประชาชนสมทบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2188 | แผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก | ศธ | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอเกี่ยวกับงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2553 วงเงินรวม 2,750 ล้านบาท เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ขออนุมัติหรือขอผูกพันงบประมาณ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 กระทรวงศึกษาธิการจะพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ได้รับการ จัดสรร ไปดำเนินการต่อไป และอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติ เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอเพื่อวางระบบ วางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจำกัดจำนวนโรงเรียนขนาดเล็กให้ดำรงอยู่เฉพาะที่มีความจำเป็น และพัฒนาให้มี คุณภาพและประสิทธิภาพ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และ ความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็น ว่า ในการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กควรมีเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเป็นการพัฒนาเพื่อโอนให้กับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กกับการถ่ายโอนควรมีการดำเนินการควบคู่กันไป และควรมีข้อมูลเกี่ยว กับจำนวนโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวนนักเรียน จำนวนบุคลากร รวมถึงครุภัณฑ์ที่จำเป็นให้มีความถูกต้องและเป็น ปัจจุบัน เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นไปอย่างเหมาะสมตามความจำเป็นและง่ายต่อการนำ ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า การโอนโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไปให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ อันอาจเกิด ขึ้นจากการดำเนินการถ่ายโอนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้รวดเร็ว และเหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมทั้งในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนขนาดเล็กที่โอนไปให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรประเมินผลและสามารถรักษาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาไว้ดังเดิม โดยกระทรวง ศึกษาธิการต้องร่วมรับผิดชอบในส่วนนี้ แต่ในส่วนของบุคลากรผู้สอน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรพิจารณา จัดหาบุคลากรในท้องถิ่นเพื่อทำหน้าที่แทนผู้สอนเดิมตามความจำเป็น นอกจากนี้ การจัดหลักสูตรการสอนควร พิจารณาสอดแทรกเนื้อหาวิชาที่สอดคล้องกับสภาพสังคม ชุมชน และวิถีชีวิตในท้องถิ่นด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2189 | การบูรณาการแผนงานและงบประมาณในระดับท้องถิ่นและจังหวัด | นร | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอการบูรณาการแผนงานและงบประมาณในระดับ
ท้องถิ่นและจังหวัด โดยให้กระทรวงจัดทำข้อมูลแผนงาน/โครงการและงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2551 ทุกประเภท ที่ดำเนินการในจังหวัด จำนวน 74 จังหวัด (เว้นจังหวัดพิษณุโลก) ไม่ว่าจะเป็นงบบุคลากร งบดำเนินการ ฯลฯ ของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (SDU) ในสังกัด โดยระบุพื้นที่ดำเนิน การในจังหวัดให้เกิดความชัดเจน หากไม่สามารถดำเนินการระบุพื้นที่ดำเนินการได้ให้กระทรวงมอบหมายให้จังหวัด กำหนดพื้นที่ดำเนินการได้ตามความเหมาะสม และให้กระทรวงจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำแนกเป็นรายจังหวัด (ระบุรายละเอียดของระยะเวลาดำเนินการ/และ ประมาณการค่าใช้จ่ายด้วย) ทั้งนี้ ให้กระทรวงจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วนต่อไป และให้ สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นเพิ่มเติมของกระทรวงมหาดไทยกรณีให้ ทุกหน่วยเตรียมการจัดแผนงาน/โครงการ และงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยระบุพื้นที่ดำเนิน การในจังหวัด พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการ และแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของทุกจังหวัด นั้น ควรมีการวางแผนและเชื่อมโยงปัญหา/ความต้องการจากพื้นที่ (จังหวัด) กับการจัดทำคำของบ ประมาณและแผนงานโครงการของส่วนราชการด้วย และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการบูรณาการแผนงานและงบประมาณตามข้อเสนอของ ก.พ.ร. อาจทำให้ เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจัดทำแผนพัฒนาและ งบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 นอกจากนี้ การกำหนดให้ส่วนราชการส่งข้อมูลแผนงานและงบประมาณที่ดำเนินการในจังหวัดให้สำนักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 นั้น ต้องชี้แจงวัตถุประสงค์และแนวทางที่สำนักงาน ก.พ.ร. จะนำมาทำการ วิเคราะห์ให้ชัดเจน และควรที่จะได้มีการเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อที่สามารถจะกำหนดแนว ทางและบทบาทจังหวัดในการจัดทำงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 ได้ และเห็นควรให้ใช้องค์กรกลไกตามร่างพระ ราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... เป็นกลไกในการประสานและบูรณาการแผนงานและงบประมาณของกระทรวง กรมในระดับจังหวัดเมื่อร่างพระราช กฤษฎีกา ฯ มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2190 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา และเรื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความประสงค์เข้ารับการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยถือเป็นวันปฏิบัติราชการและไม่ถือเป็นวันลา | พศ | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร เสรีรัง
สรรค์) เสนอขอปรับปรุงถ้อยคำในหนังสือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ พศ 0001/8650 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2550 ข้อ 1 จากเดิม "1. ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ..." เป็น "1. ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราช การและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงพนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ..." และที่เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ การอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงพนักงานและลูกจ้างของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลาอุปสมทบเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามง คลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตั้งแต่วันที่ 1-15 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการได้รับเงินเดือนตามปกติ โดยให้ผู้อุปสมบทที่เคยใช้สิทธิในการลาแล้ว แต่ยังไม่เคย เข้าร่วมโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ ให้สามารถลาอุปสมบทในโครงการนี้ได้ ส่วนผู้อุปสมทบเฉลิมพระ เกียรติกับหน่วยงานอื่นให้ใช้สิทธิในการลาครั้งนี้ได้ สำหรับการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ฯ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่สมัครเข้าปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวัน ที่ 3-7 ธันวาคม 2550 เข้าร่วมกิจกรรมได้โดยถือเป็นวันปฏิบัติราชการและไม่ถือเป็นวันลา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2191 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 | ทส | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการ
ประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2550 โดยประเด็นสำคัญของการประชุม ฯ คือ การเร่งสร้างหุ้นส่วนเครือข่ายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือขององค์กรบริหาร จัดการน้ำภาครัฐและภาคส่วนอื่น การเสริมสร้างขีดความสามารถในการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในเมืองและ พื้นที่ชุมชน และการขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมประเทศภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (รวม 49 ประเทศ) โดยจัดตั้ง Council of Ministers on Water Resources for Asia-Pacific รวมทั้งได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับกรอบการดำเนินงาน ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการนำผลการประชุมไปสู่การปฏิบัติ เช่น การนำผลการประชุมนำเสนอในการประชุม ผู้นำอาเซียน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อเข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Water Summit ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2550 ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้ง ได้ให้การรับรองแถลงการณ์ปุตราจารยาโดยมีสาระสำคัญคือ ที่ประชุมยอมรับพันธกิจที่มีตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ใน แถลงการณ์เชียงใหม่ โดยจะรับรองแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบผสมผสาน และจากแถลงการณ์บา หลี โดยยืนยันจะดำเนินการให้มีนโยบายและโครงการที่เป็นรูปธรรมในการดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แบบผสมผสานตามแผนปฏิบัติการรวม 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนิน การตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบผสมผสาน ทั้งในระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น/ภูมิภาค การจัดการ น้ำและสุขาภิบาลสำหรับทุกคน การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และความมั่นคงด้านน้ำ เป็น ต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2192 | ร่างพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. .... | สธ | 20/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน โดย กำหนดให้มีคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินขึ้นเพื่อกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแพทย์ ฉุกเฉิน และกำหนดให้มีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินนเรนทรขึ้นเป็นหน่วยรับผิดชอบการบริหารจัดการ การประสาน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทใน การบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกัน เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับ การคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียมกัน มีคุณภาพมาตรฐาน โดยได้รับการ ช่วยเหลือและรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น และส่งคณะกรรมการประสานงานสภา นิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2193 | ขออนุมัติดำเนินโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน ตามแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว ด้านการใช้ที่ดินและป้องกันน้ำท่วม | นร | 13/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
หลักเกณฑ์การเตรียมความพร้อมของโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน ของกระทรวงมหาดไทย รวม 2 ประการ คือ การมีส่วนร่วมและการยอมรับของจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ซึ่งควรเป็นเจ้าของโครงการ ร่วมกัน และการกำหนดความรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ และการแบ่งภาระงบประมาณระหว่างหน่วยราช การส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น และมอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการตามหลักเกณฑ์ดัง กล่าวให้เกิดความชัดเจน แล้วนำเสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนโครงการตาม ความเหมาะสมต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาด้วยว่า โครงการออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน จำนวน 4 โครงการ งบประมาณ 72.10 ล้านบาท เป็นโครงการ 2 ปี (พ.ศ. 2551-2552) ถึงแม้จะใช้งบประมาณ จำนวนไม่มาก แต่เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะมีภาระการใช้งบประมาณเป็นค่าก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมอีก จึง เห็นสมควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำเป็นแผนงบประมาณต่อไป และโครงการก่อสร้างระบบป้องกัน น้ำท่วมพื้นที่ชุมชน จำนวน 4 โครงการ งบประมาณ 2,143 ล้านบาท มีวงเงินงบประมาณสูง และมีระยะเวลา ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-2553 จึงต้องมีภาระผูกพันงบประมาณเพื่อจะดำเนินการในปีต่อ ๆ ไป หากจะใช้ จ่ายจากเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 แล้ว จะมีผลกระทบถึงการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ การดำเนินความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรกำหนด ขอบเขตความรับผิดชอบในการดำเนินการและจำนวนงบประมาณให้ชัดเจน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2194 | แผนปฏิบัติการโครงการขยายผลโครงการหลวงระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2551 - 2554) | กษ | 13/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแผนปฏิบัติการโครงการ
ขยายผลโครงการหลวงระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติการของโครงการขยายผล โครงการหลวงทุกพื้นที่สอดคล้องกับแนวทางของโครงการและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตอบสนองต่อแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2550-2554 และแผนพัฒนาของจังหวัด รวมทั้งเพื่อบูรณาการกิจ กรรมพัฒนาชุมชนของหน่วยงานรัฐทั้งในระดับกรม และในระดับจังหวัดให้สอดคล้องกับกิจกรรมขององค์กรท้องถิ่น และเอกชนในพื้นที่ และเพื่อใช้เป็นกรอบและตัวชี้วัดในการกำกับและติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยมีเป้า หมายเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่โครงการมีการประกอบอาชีพโดยอาศัยฐานความรู้จากโครงการหลวงที่มีการปรับใช้ อย่างเหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมและภูมิปัญญาเดิมของท้องถิ่น และสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีการ รวมกลุ่มและการจัดการกลุ่มเพื่อการพึ่งพาตนเอง จัดตั้งกลุ่มต้นแบบในทุกพื้นที่โครงการทั้งกลุ่มอาชีพ กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มเยาวชน กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมของท้องถิ่น และการกำหนดเขตป่าไม้และ พื้นที่ทำกินและการจัดการเชิงพื้นที่ที่อาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมทั้งการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติเพื่อให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่กับป่าได้อย่างเหมาะสมและยั่งยื่น สำหรับงบประมาณในการดำเนิน งานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วไปดำเนินการโดยให้ขอทำ ความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2554 ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องเสนอขอตั้งงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2195 | มาตรการและแนวทางเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 13/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมาตรการและแนวทางเร่งรัดติด
ตามการใช้จ่ายงบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ดังนี้ กำหนดแผนงานและวิธีการการประสานงานระหว่างหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายระบบสาธารณูปโภค และดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่วนโครง การที่มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อนที่ จะดำเนินโครงการ และการจัดหาผู้รับจ้าง ให้พิจารณาถึงความพร้อมของผู้รับจ้างทุกด้านเพื่อมิให้เกิดปัญหาในการ ดำเนินการในภายหลัง รวมทั้งกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดทำรายละเอียดเงินอุดหนุนที่ได้รับ การจัดสรรจากรัฐบาลว่ามีรายการใดบ้าง และนำไปใช้จ่ายเพื่อโครงการ/กิจกรรมใดเพื่อสะดวกแก่การตรวจสอบและ ติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่จัดสรรให้ อปท. ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควร เร่งจัดสรรงบประมาณให้เร็วขึ้นเพื่อ อปท. จะได้นำไปใช้จ่ายได้ทันในปีงบประมาณ และจัดฝึกอบรมให้คำแนะนำเกี่ยว กับวิธีปฏิบัติทางการเงิน การคลังและงบประมาณ ตลอดจนซักซ้อมความเข้าใจให้กับบุคลากรของ อปท. เป็นระยะ ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2196 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางนา - อาจณรงค์ ในท้องที่เขตพระโขนง และเขตบางนา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | สว | 13/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานสรุปผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะ
กรรมาธิการการปกครองพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางนา-อาจ ณรงค์ ในท้องที่เขตพระโขนงและเขตบางนา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สรุปได้ว่า การ ทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีพื้นที่ในเขตทางพิเศษที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จำนวนทั้งสิ้น 494,343 ตาราง วา และได้อนุญาตให้หน่วยงานท้องถิ่น คือ กรุงเทพมหานคร ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นไปตามข้อสังเกตของ คณะกรรมาธิการการปกครอง ฯ จำนวน 80 แห่ง โดยจัดทำเป็นสวนสาธารณะ สวนหย่อม ลานกีฬา เส้นทางจักร ยาน ทางลัดและกิจกรรมอื่น ๆ รวมเนื้อที่ 151,051.97 ตารางวา และยังได้อนุญาตให้หน่วยงานและองค์กรอื่น ๆ ใช้พื้นที่ในเขตทางเพื่อสาธารณประโยชน์ในกิจกรรมดังกล่าวอีก จำนวน 68 แห่ง เป็นเนื้อที่ 47,348.15 ตารางวา รวมเนื้อที่ในเขตทางพิเศษที่ได้อนุญาตให้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์แล้วทั้งสิ้นจำนวน 198,400.12 ตารางวา คิดเป็น ร้อยละ 40.14 ของพื้นที่ในเขตทางพิเศษที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2197 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550) | มท | 13/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัย ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถาน
การณ์อุทกภัยจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ ระหว่างวันที่ 7-12 พฤศจิกายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ใน 11 อำเภอ 50 ตำบล 343 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความ เดือดร้อน 42,659 คน 2,335 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 3,747 ไร่ ถนนได้รับความเสียหาย 432 สาย สะพาน 3 แห่ง ฯลฯ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 15,110,000 บาท โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชสถานการณ์อุทกภัยได้คลี่คลายแล้ว โดยปัจจุบันยังคง มีน้ำท่วมขังเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย บริเวณพรุเฉวง ตำบลบ่อผุด และตลาดดาว ตำบลแม่ น้ำ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม. สำหรับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยหนาวปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการ เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อติดตาม สถานการณ์และประสานการช่วยเหลือ รวมทั้งบริจาคเครื่องกันหนาวเพื่อสนับสนุนให้แก่จังหวัดที่ประสบภัย และให้ จังหวัดจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัด และให้อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยหนาวปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ ได้จัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2551 ให้สำนักงานป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยจังหวัด จำนวน 46 จังหวัด ในวงเงินจังหวัดละ 350,000 บาท เพื่อจัดหาเครื่องช่วยกันหนาวเพื่อช่วย เหลือประชาชนผู้ประสบภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2198 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 06/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการ
ฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดมาตรฐานควบคุมกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการ ฆ่าสัตว์เพื่อจำหน่าย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากเนื้อสัตว์ที่ใช้บริโภค และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทยที่เห็น ว่ามาตรา 283 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีภารกิจที่เกี่ยวข้อง กับการจัดให้มีและควบคุมการฆ่าสัตว์ ตั้งแต่การตั้งโรงฆ่าสัตว์ การฆ่าสัตว์ จนถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการ ฆ่าสัตว์ จึงควรแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถแต่งตั้ง "พนักงานตรวจโรคสัตว์" ได้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริการ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันต่อเหตุการณ์ ส่วนกรณีการอนุญาตตั้ง โรงฆ่าสัตว์ และโรงพักสัตว์ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรกำหนดให้ผ่านการพิจารณา ชั้นต้นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ดูแลการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมก่อน นอกจากนี้ ค่าอากร และค่าธรรมเนียมตามท้ายร่างพระราชบัญญัติ ฯ รวมทั้งค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นในส่วนที่พนักงานท้องถิ่นจัด เก็บและเปรียบเทียบปรับ ควรกำหนดให้เป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำรายได้ไปใช้แก้ปัญหาสิ่ง แวดล้อมที่เกิดขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2199 | ขอความเห็นชอบหลักการและการนำไปสู่การปฏิบัติให้ "โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน" เป็นวาระแห่งชาติ : สร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมพลังทุกหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรมสายใยชุมชนสู่ชุมชน เพื่อสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน | วธ | 06/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ "โครงการวัฒนธรรมไทยสายใย
ชุมชน" เป็นวาระแห่งชาติ : สร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมพลังทุกหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรมสายใย ชุมชนสู่ชุมชน เพื่อสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน โดยมีหลักการพื้นฐานมุ่งให้ประชาชนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยึด หลักพึ่งตนเอง พัฒนาชุมชนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เน้นการมีส่วนร่วมในการคิด การลงมือทำ และการร่วมรับ ประโยชน์ การนำความหลากหลายทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ความเชื่อตามหลักศาสนา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรัชญาทาง เศรษฐกิจพอเพียงมาสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้บังเกิดผลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ให้ปรับถ้อยคำจากเดิม "... เป็น วาระแห่งชาติ ..." เป็น "... เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ ..." ด้วย และให้กระทรวง กรมที่เกี่ยวข้องและจังหวัดรับไปดำเนิน การตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานเพื่อขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การส่งเสริมสนับสนุนการบริหารจัดการโครงการ ฯ และสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็น และให้กระทรวง วัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานต่าง ๆ นำแผนงาน โครงการ กิจ กรรมที่สอดคล้องกับโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนมาพิจารณาเพื่อบูรณาการหรือเชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน ในระดับพื้นที่ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีบทบาทในการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาวัฒนธรรม ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทใน การสนับสนุนการสร้างกระบวนการเรียนรู้ และเชื่อมโยงกับภารกิจของงานบริหารท้องถิ่น และความเห็นของสำนัก งบประมาณที่ให้กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการโครงการโดยเชื่อมโยงแนวทางการดำเนินงานในกรอบภารกิจของหน่วยงาน กำหนดเป้าหมาย และจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2200 | โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่างๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว (เกาะมุกด์ เกาะสุกร และเกาะลิบง จังหวัดตรัง) | มท | 06/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการ
ก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว (เกาะมุกด์ เกาะสุกร และเกาะลิบง จังหวัดตรัง) โดยก่อสร้างเชื่อมโยงระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้ต้ำระบบ 33 เควี จากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะมุกด์ เกาะสุกร และเกาะลิบง จังหวัดตรัง ในวงเงินลงทุน 338 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 โดยให้ กฟภ. ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของ ประเทศ และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ กฟภ. ศึกษาและจัดทำแผนปฏิบัติการ สำรวจทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่บริเวณแนววางสายเคเบิลใต้น้ำให้ชัดเจน โดยให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่จะวาง สายเคเบิลเข้าใกล้ปะการังในรัศมีที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อปะการัง รวมทั้งกำกับ ดูแล และติดตามตรวจสอบการ ปฏิบัติงานของบริษัทที่รับหน้าที่ในการวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ดำเนินการกำหนดมาตรการป้องกันความเสียหายอัน เกิดจากปริมาณสารแขวนลอยและอัตราการตกตะกอนไม่ให้เพิ่มจากเดิมเกินร้อยละ 10 และให้ปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกัน แก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแนวปะการัง หญ้าทะเล ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่มีความสำคัญ พร้อมทั้งดำเนินการติดตามตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และภายพลังการดำเนินการวางสายเคเบิลใต้น้ำอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ให้ กฟภ. สนับสนุนงบประมาณให้องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบง และเกาะสุกร อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม เพื่อ ใช้ในการจัดทำโครงการเพื่อลดผลกระทบ ตามแผนปฏิบัติการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมของโครงการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานและติดตามให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดทำโครงการ/กิจกรรมเพื่อลดผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครง การอย่างจริงจังด้วย ตามความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
