ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1108 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22141 - 22160 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22141 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๒) และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๔๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักรให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดแนวทางที่เป็นมาตรฐานสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องจักรเพื่อให้สามารถดำเนินการประเมินราคาเครื่องจักรไปในแนวทางเดียวกัน ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความถูกต้องแม่นยำในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22142 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) | กค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) โดยเป็นการกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน ๓ ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นจำนวนร้อยละ ๒๐ ของค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดในระหว่างวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้แล้วเสร็จภายในช่วงเวลาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22143 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่ากรมราชทัณฑ์ควรปรับปรุงกฎกระทรวง ระเบียบ หรือคำสั่ง และการดำเนินการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง รวมทั้งการออกกฎกระทรวงตามความในพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องการใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังต้องคำนึงถึงผู้พิการที่ครอบคลุมถึงผู้พิการทางจิต วิกลจริต หรือบกพร่องทางจิต โดยต้องกำหนดเรื่องการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ต่อการใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังที่มีความบกพร่องทางจิตใจให้ใช้ดุลพินิจอย่างระมัดระวัง เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทบสิทธิของผู้พิการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22144 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. ....) | พม | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. ....] ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยสรุปความเห็นเป็น ๔ กลุ่มประเด็น ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มประเด็นที่เห็นด้วย ได้แก่ การออกกฎหมายว่าด้วยระบบประกันสังคมถ้วนหน้า สวัสดิการกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ คนชายขอบ สวัสดิการคนไร้สัญชาติ สวัสดิการที่อยู่อาศัย โดยควรปรับตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ ๑.๒ กลุ่มประเด็นที่ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ สวัสดิการเด็กปฐมวัย และการปฏิรูประบบกลไกบริหารจัดการระบบสวัสดิการสังคมของประเทศไทย โดยเห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาตินำไปศึกษาและทบทวนกฎหมายสวัสดิการสังคมต่อไป ๑.๓ กลุ่มประเด็นที่ควรเพิ่มเติมสาระสำคัญ คือ สวัสดิการสำหรับกลุ่มผู้พิการ ๑.๔ กลุ่มประเด็นที่เห็นว่าควรทบทวน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ ๒.๑ แจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป ๒.๒ แจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22145 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....) ในขณะที่แพทยสภาไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเห็นควรให้เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลโดยการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๑ โดยขยายวงเงินการรักษาพยาบาลให้สูงขึ้น เป็นการช่วยเหลือแบบสิ้นสุดและขยายให้ครอบคลุมทั้งระบบสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอข้อมูลการขอจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเนื่องจากการดำเนินงานของกองทุนมีวัตถุประสงค์และลักษณะงานที่ซ้ำซ้อนกับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22146 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พน | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปชี้แจงทำความเข้าใจต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) และองค์กรพัฒนาเอกชน (Non Government organizations : NGOs) เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการแก้ไขแผนพลังงานของประเทศ และในประเด็นที่ยังมีข้อขัดแย้งในสังคม เช่น จำนวนแหล่งปิโตรเลียมและปริมาณปิโตรเลียมที่พบ ปริมาณการผลิต รายได้ของรัฐบาลภายใต้ระบบให้สัมปทาน บริษัทต่างประเทศที่สนใจต่อการเปิดระบบสัมปทาน ข้อดีข้อเสียของระบบสัมปทาน ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบจ้างผลิต การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ และแนวทางแก้ไขการขาดแคลนพลังงาน เป็นต้น ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปปรับแก้ไขตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ๓.๑ กรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยืนยันให้กระทรวงพลังงานแก้ไขกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในประเด็นการเพิ่มระบบสัญญาจ้างผลิต (service contract) และการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาตินั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปเพิ่มหลักการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยอาจกำหนดรายละเอียดไว้ในกฎหมายเฉพาะหรืออนุบัญญัติต่อไป ๓.๒ กรณีประเด็นที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังเห็นว่า สามารถดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดเป็นกฎกระทรวงหรือประกาศได้นั้น เห็นควรให้กระทรวงพลังงานชี้แจงให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ คปพ. และ NGOs ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงเหตุผลของการดำเนินการดังกล่าวอย่างชัดเจนด้วย ๓.๓ กรณีประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยของร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับที่กระทรวงพลังงานชี้แจว่า อยู่นอกกรอบของร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการไปแล้วนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ไปแก้ไขเพิ่มเติมหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้สามารถแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการของสภา และให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ให้กระทรวงพลังงานไปชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ |
||||||||||||||||||||||||
22147 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในกรอบวงเงินจำนวน ๙,๖๒๕ ล้านบาท ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง สำหรับค่าก่อสร้างงานโยธา ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ทบทวนมูลค่างานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้เป็นปัจจุบัน โดยพิจารณาดำเนินการตามนโยบายการลงทุนด้านระบบรางของรัฐที่เน้นให้การกำหนดมูลค่าการลงทุนมีความเหมาะสมและประหยัด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังความซ้ำซ้อนของการจ้างที่ปรึกษาออกแบบและการจ้างบริษัทก่อสร้างด้วย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายใน ๓๐ วัน ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เกี่ยวกับการทบทวนมูลค่างานโยธาให้เป็นราคาปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ การเร่งนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้สามารถสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้า และการเดินรถ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเอกชนพร้อมกันทั้งสองช่วงในคราวเดียวกัน การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเร่งดำเนินงานในส่วนระบบรถไฟฟ้าที่จะให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการอย่างรอบคอบและคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทั้งเส้นทาง รวมทั้งการเร่งรัดการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะให้สอดคล้องกับเส้นทางและระยะเวลาการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เพื่อให้โครงข่ายการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความสมบูรณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการลงทุนงานระบบไฟฟ้าและการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะใช้วิธีการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยระมัดระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น รับไปพิจารณาหาแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟฟ้าและรางรถไฟภายในประเทศให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการดำเนินโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง และลดภาระการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
22148 | แผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 | คค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ กองทัพเรือ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานและเสนอรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองการบินทหารเรือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายให้กองทัพเรือ (การท่าอากาศยานอู่ตะเภา) ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสนับสนุนและกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาต่อไป ๒. สำหรับในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้หน่วยงานที่มีความพร้อมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ เช่น เงินรายได้ของกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ/หรือเงินรายได้ของกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง ฯลฯ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ให้ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นกรณี ๆ ไป โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี ตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของท่าอากาศยานอู่ตะเภาเห็นสมควรแยกอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศออกจากกันให้ชัดเจน การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางเชื่อมโยงจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าสู่เมืองพัทยาหรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก และเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงเส้นทางไปยังจังหวัดตราดเพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความสะดวกและปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางราง สำหรับกิจกรรมใดภายใต้แผนที่จะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และนำเสนอขออนุมัติงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากลไกการขับเคลื่อนเพื่อบูรณาการทั้งในด้านการดำเนินงานตามภารกิจและงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามประเมินผลความก้าวหน้าการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ อย่างต่อเนื่อง และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กองทัพอากาศ กองทัพบก และกองทัพเรือ ร่วมกันพิจารณาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือการพัฒนาห้วงอากาศ PBN Airspace ให้มีการประสานงานอย่างเป็นระบบและทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้การบริหารจัดการห้วงอากาศของประเทศสามารถตอบสนองภารกิจด้านความมั่นคงและการบินพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น รับไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าอากาศยานอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งภูมิภาคเพื่อใช้เป็นฐานบริการซ่อมบำรุงอากาศยานจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคและลดภาระค่าใช้จ่ายในการส่งอากาศยานไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ โดยพิจารณาถึงรูปแบบการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการเพื่อลดภาระงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
22149 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22150 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฮ่องกง | คค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฮ่องกง และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฮ่องกง มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศฉบับใหม่ และเพิ่มเติมสิทธิการรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||
22151 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) | นร | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๖/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ แล้ว โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นประธานกรรมการ และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติมอบหมาย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมอบหมาย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง ร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ เพื่อทำหน้าที่ประสานและขับเคลื่อนการทำงานในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ๑๑ ด้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งติดตามและรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22152 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ | ตช | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ (the MOU between ASEAN and China in the Field of Non-Traditional Security Issues) ต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22153 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทน | สธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งในประเด็นนโยบาย ด้านการกำกับติดตามและดำเนินคดีความ และด้านการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22154 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า | พน | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการปรับแก้ตามคำขอของฝ่ายเมียนมาในสองประเด็น ได้แก่ (๑) ปรับระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า ให้สั้นลงจาก ๑๐ ปี เป็น ๕ ปี และ (๒) ปรับวิธีการสิ้นสุดและการต่อระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า จาก “การต่ออายุโดยอัตโนมัติตามอายุของบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อครบระยะเวลา โดยยกเลิกได้หากคู่สัญญารายใดรายหนึ่งแสดงความประสงค์ก่อนหมดอายุเป็นเวลา ๖ เดือน” เป็น “บันทึกความเข้าใจนี้ จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อครบระยะเวลา เว้นแต่ประเทศคู่สัญญาจะแจ้งความประสงค์ขอต่ออายุความเข้าใจฯ ล่วงหน้าเป็นเวลา ๖ เดือนก่อนวันสิ้นสุดหมดอายุ” ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้กระทรวงพลังงานพิจารณาติดตามดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อสามารถหารือกับฝ่ายเมียนมาในการต่ออายุบันทึกความเข้าใจฯ ให้ทันก่อนบันทึกความเข้าใจฯ จะสิ้นอายุลง เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ และพิจารณาถึงความเหมาะสมของบริบทความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าของทั้งสองประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตร่วมด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการดำเนินการในลักษณะนี้ขึ้นอีก และให้รายงานผลการพิจารณาให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
22155 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายประชาคม จันทรชิต) | ศธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประชาคม จันทรชิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22156 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอภิชาติ รอดสม) | สธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรศักดิ์ จันทรแสงอร่าม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรีเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. นายอภิชาติ รอดสม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
22157 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดนครพนม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22158 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดลำพูน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22159 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดหนองคาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22160 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....