ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1106 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22101 - 22120 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22101 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2558 และแนวโน้มปี 2558 - 2559 | นร11 | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๘ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยด้านการใช้จ่าย การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๑.๗ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาลขยายตัวร้อยละ ๑.๐ การลงทุนรวมลดลงร้อยละ ๑.๒ โดยการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่องร้อยละ ๑๕.๙ ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงร้อยละ ๖.๖ ด้านภาคต่างประเทศ การส่งออกสินค้ามีมูลค่า ๕๔,๒๒๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๔.๗ โดยปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ ๑.๘ และราคาสินค้าส่งออกลดลงร้อยละ ๒.๙ ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า ๔๔,๖๐๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑๔.๕ ด้านการผลิต สาขาโรงแรมและภัตตาคาร และสาขาก่อสร้างขยายตัวในเกณฑ์ดี สาขาบริการอื่น ๆ ขยายตัวต่อเนื่อง สาขาอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ในขณะที่สาขาเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๐.๙ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ -๐.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒๒๔,๐๑๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๘ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๐.๙ ในปี ๒๕๕๗ โดยการส่งออกและการผลิตภาคเกษตรทั้งปีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดไว้ แต่มีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีที่คาดว่าจะสูงกว่า ๓๐ ล้านคน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปีจะลดลงร้อยละ ๕.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๐ และร้อยละ ๔.๖ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -๐.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๖.๓ ของ GDP ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐-๔.๐ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การเร่งขึ้นของการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ (๒) แรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (๓) การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลกและราคาส่งออก (๔) แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทซึ่งจะช่วยให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทขยายตัวเร่งขึ้น (๕) การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของราคาสินค้าเกษตรตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (๖) ราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะสนับสนุนอำนาจซื้อของประชาชนและภาคธุรกิจ และเอื้ออำนวยต่อการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง และ (๗) การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||
22102 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2558 เรื่อง การอำนวย ความสะดวกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (ให้สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานธุรการให้แก่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 42/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ 2 (เพิกถอนทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมง) | สลธ.คสช. | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๑/๒๕๕๘ เรื่อง การอำนวยความสะดวกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ สั่ง ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ (ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานธุรการให้แก่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ ๒ สั่ง ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ (เพิกถอนทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมง)
|
|||||||||||||||||||||
22103 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๗๐/๒๕๕๘ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
22104 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการระดมทุนในตลาดทุนเพื่อนำมาสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยเร่งรัดการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ขนาดใหญ่ เป็นต้น ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) เพื่อให้การบริหารจัดการในส่วนของระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการและประเทศเป็นสำคัญ ๑.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ การลงทุนภาครัฐ การส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน การนำเข้า-ส่งออก รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว ๑.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการยกระดับราคาสินค้าเกษตร โดยส่งเสริมการสร้างวงจรการผลิตที่เชื่อมโยงกันและเหมาะสมกับศักยภาพในแต่ละพื้นที่ ทั้งในด้านแหล่งผลิตวัตถุดิบ แหล่งการแปรรูปผลิตภัณฑ์ และแหล่งจัดจำหน่าย ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในรูปแบบใหม่และมีความหลากหลายเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในแต่ละกลุ่มจังหวัด และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้ใช้กลไก “ประชารัฐ” ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ รวมทั้งให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ในเรื่องดังกล่าวด้วย ๒. ด้านการต่างประเทศ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการจัดการประชุมร่วมในระดับคณะรัฐมนตรีกับประเทศกลุ่มเป้าหมายทางเศรษฐกิจ (เช่น สหพันธรัฐรัสเซีย สิงคโปร์) เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า เพิ่มบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก รวมทั้งพิจารณาการจัดทำข้อตกลงร่วมทางด้านการค้า (เช่น การแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรกรของไทยกับสินค้าของประเทศกลุ่มเป้าหมาย) และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคติดต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลที่สำคัญ เช่น โรคไข้เลือดออก เป็นต้น โดยให้ข่าวสารทั้งในด้านสถานการณ์ภาวะการระบาดของโรคและความรู้เกี่ยวกับการดูแลและป้องกันโรค รวมทั้งเฝ้าระวังและกำจัดพาหะนำโรคด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22105 | ร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | นร | 11/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
22106 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ ค.ศ. ๒๐๑๕ ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-สหรัฐฯ (๓) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามความเป็นหุ้นส่วน (ที่เพิ่มพูน/เชิงยุทธศาสตร์) อาเซียน-สหรัฐฯ (ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐) (๔) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐) (๕) ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียน-นิวซีแลนด์ในวาระ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-นิวซีแลนด์ : หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ สู่ผลประโยชน์และความมั่นคั่งร่วมกัน (๖) ร่างรายงานเพื่อติดตามการดำเนินตามข้อเสนอแนะของกลุ่มวิสัยทัศน์เอเชียตะวันออก (อีเอวีจี ๒) (๗) ร่างแถลงการณ์ร่วมโดยผู้นำอาเซียนบวกสามว่าด้วยการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและเสถียรภาพทางการเงิน (๘) ร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (๙) ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยขบวนการผู้ยึดทางสายกลางระดับโลก (๑๐) ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลในเอเชีย-แปซิฟิก (๑๑) ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการต่อต้านลัทธิสุดโต่งที่มีความรุนแรง (๑๒) ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยประเด็นไซเบอร์ และ (๑๓) ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๑๐ ว่าด้วยการเพิ่มพูนความร่วมมือระดับภูมิภาคในด้านความมั่นคงทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อที่มีศักยภาพในการระบาดเป็นวงกว้างและร้ายแรง ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามหรือรับรองเอกสารในข้อ ๑.๑ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายมีหนังสือแจ้งให้ความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามความเป็นหุ้นส่วน (ที่เพิ่มพูน/เชิงยุทธศาสตร์) อาเซียน-สหรัฐฯ (ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการปรับปรุงข้อความของร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-สหรัฐฯ รวมถึงการปรับถ้อยคำในรายงานเพื่อติดตามการดำเนินตามข้อเสนอแนะของกลุ่มวิสัยทัศน์เอเชียตะวันออก (อีเอวีจี ๒) ในบางประเด็น ตลอดจนการระบุเกี่ยวกับความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนการรวมตัวของภูมิภาคอาเซียนในร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียน-นิวซีแลนด์ในวาระ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-นิวซีแลนด์ : หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ สู่ผลประโยชน์และความมั่งคั่งร่วมกัน ร่างรายงานเพื่อติดตามการดำเนินตามข้อเสนอแนะของกลุ่มวิสัยทัศน์เอเชียตะวันออก (อีเอวีจี ๒) และร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22107 | รายงานผลการดำเนินงาน "นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs" ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม | วท | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงาน “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้จัดนิทรรศการ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ในระหว่างวันที่ ๓-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ (รวม ๒๓ วัน) เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ของหน่วยงานในสังกัด และหน่วยงานเครือข่ายของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเครื่องจักร เครื่องมือทางการเกษตรที่เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของคนไทย รวมถึงการจำหน่ายสินค้าและบริการที่ได้รับการพัฒนาโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs นักวิจัย นักพัฒนา นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงผลงาน รวมทั้งผู้ผลิตสินค้าและผู้ขายมีโอกาสได้ซื้อขายสินค้าวิทยาศาสตร์ รวมถึงการสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในงานด้วย ๑.๒ กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือผลงานที่ได้รับการสนับสนุนและพัฒนาโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ การจัดฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมและต่อยอดการสร้างอาชีพ การจัดกิจกรรมบนเวทีเพื่อสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ การให้บริการคำปรึกษาและงานบริการผู้ประกอบการ SMEs ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านการเงินหรือสินเชื่อจากแหล่งสถาบันการเงิน ๑.๓ ผลการดำเนินงาน จำนวนผู้เข้าชมงาน รวมทั้งสิ้น ๕๔,๖๙๒ คน ยอดจำหน่ายสินค้า รวมทั้งสิ้น ๑๖๖,๑๗๕,๔๗๘ บาท แบ่งเป็น ยอดจำหน่ายภายในงาน ๔,๘๔๖,๗๗๘ บาท และยอดสั่งซื้อภายในงาน ๑๖๑,๓๒๘,๗๐๐ บาท การให้สัมภาษณ์และทำรายการของสื่อมวลชน รวมทั้งสิ้น ๑๗ ครั้ง และสินค้าที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย รวมจำนวน ๒๐๗ ผลงาน ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรวบรวมข้อเสนอและความต้องการของทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการวิจัยและพัฒนาในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการจัดกิจกรรมและการดำเนินการทางด้านการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินการทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในทิศทางเดียวกัน และลดการซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22108 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 40/2558 เรื่อง การได้มาซึ่งคณะกรรมการประกันสังคม ที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคม คณะกรรมการการแพทย์ และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เป็นการชั่วคราว | สลธ.คสช. | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๐/๒๕๕๘ เรื่อง การได้มาซึ่งคณะกรรมการประกันสังคม ที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคม คณะกรรมการการแพทย์ และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เป็นการชั่วคราว ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22109 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 3 | กห | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Retreat) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : ADMM-Plus) ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒ ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Retreat) จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้นำเสนอในที่ประชุมเกี่ยวกับความริเริ่มของไทยเพื่อเผชิญกับความท้าทาย การสร้างความมีเสถียรภาพ และความมั่นคงให้กับภูมิภาคผ่านทางกลไกความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมอาเซียน โดยการจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN Center of Military Medicine : ACMM) ซึ่งจะสามารถปฏิบัติงานได้ภายในปี ๒๕๕๘ และจะมีการฝึกร่วมของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติเพื่อทดสอบขีดความสามารถของศูนย์ดังกล่าวในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ และขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนให้การสนับสนุน รวมทั้งได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามระหว่างผู้แทนกระทรวงกลาโหมบรูไนกับบริษัทผู้ประกอบการในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งเครือข่ายการติดต่อสื่อสารด้านความมั่นคงแบบเร่งด่วนระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (Direct Communications Link) ๒. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : ADMM-Plus) ครั้งที่ ๓ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับความสำคัญของกิจกรรมของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญทั้ง ๖ ด้าน (Experts’ Working Groups : EWGs) ได้แก่ (๑) การแพทย์ทหาร (๒) การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (๓) ความมั่นคงทางทะเล (๔) การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ (๕) การต่อต้านการก่อการร้าย และ (๖) การปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ในปี ๒๕๕๘ ในการจัดการประชุม สัมมนา การฝึกต่าง ๆ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเน้นเรื่องความมั่นคงทางทะเลในทะเลจีนใต้ การแพร่ขยายแนวความคิดนิยมความรุนแรง การต่อต้านการก่อการร้าย ภัยคุกคามด้าน Cyber และ HADR นอกจากนี้ ได้หารือเกี่ยวกับการตอบสนองต่อภัยคุกคามและความท้าทายของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และแสวงหาโอกาสในการเพิ่มความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในการเผชิญกับภัยคุกคามและความท้าทายในอนาคต และยินดีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการเป็นประธาน ADMM ในปี ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
22110 | ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 4 โครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 | มท | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๔ โครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ระยะที่หนึ่ง โครงการ/กิจกรรม การปลูกพืชใช้น้ำน้อยและอาศัยความชื้นของดินที่ต้องดำเนินการภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ให้จังหวัดเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ พิจารณาและเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติพร้อมกรอบวงเงิน และสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อโอนเงินให้ชุมชนเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๑.๒ ระยะที่สอง โครงการ/กิจกรรม ด้านการเกษตรอื่น ๆ อาชีพนอกภาคการเกษตร งานหัตถกรรม และการจ้างงาน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ พิจารณาและเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติพร้อมกรอบวงเงิน และสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อโอนเงินให้ชุมชนเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้จังหวัด อำเภอ และตำบล ดำเนินการตามกรอบแนวทางตามคู่มือการดำเนินงานตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ รวมทั้งกรอบเวลาการดำเนินการตามแผนดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ตามความต้องการของชุมชน เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคม สอดคล้องกับสถานการณ์ และประชาชน/ชุมชน/เกษตรกรได้รับประโยชน์ และแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ภาพรวมของประเทศ โดยตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการประเภทเดียวกัน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสม และในการใช้จ่ายและเบิกจ่ายเงินอุดหนุนจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเงินอุดหนุนตามรายการและวงเงินที่ได้รับจัดสรร รวมถึงมีการติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้แนวทางการดำเนินงานแก่หน่วยงานในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการให้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ และการดำเนินงานในระยะที่ ๑ การปลูกพืชน้ำน้อยที่กำหนดให้ดำเนินการภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการจัดหาปัจจัยในการผลิตให้เพียงพอ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนการสนับสนุนน้ำที่จะใช้เพื่อให้พืชเจริญเติบโตให้ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพที่ดีจนถึงระยะการเก็บเกี่ยว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22111 | เอกสารสำคัญที่จะมีการรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 23 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 27 | กต | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๓ และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารดังกล่าวในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญระบุผลการดำเนินการตามเป้าหมายต่าง ๆ ภายใต้ประเด็นสำคัญของเอเปคประจำปี ๒๕๕๘ ได้แก่ การยกระดับวาระการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ การบ่มเพาะการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในห่วงโซ่คุณค่าโลก การลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ การสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๗ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญระบุถึงความคืบหน้าของการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ภายใต้เอเปค โดยแบ่งเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) ประเด็นต่อเนื่อง อาทิ เป้าหมายโบกอร์ การสนับสนุนการค้าระบบพหุภาคี การศึกษาการเปิดเสรีการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรอบความร่วมมือภาคบริการเอเปค และยุทธศาสตร์เอเปคเพื่อสร้างเสริมการเติบโตอย่างมีคุณภาพ (๒) สนับสนุนผลการประชุมรัฐมนตรีต่าง ๆ และ (๓) สนับสนุนการดำเนินงานภายใต้ประเด็นหลักของเอเปค ๒๐๑๕ ใน ๔ ประเด็น ได้แก่ การยกระดับวาระการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ การบ่มเพาะการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ในห่วงโซ่มูลค่าโลก การลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ และการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22112 | การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม | รง | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม โดยการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ จะผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ประสงค์จะทำงานในกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวที่อายุไม่เกิน ๑๕ ปี อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรและอนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา ๑ ปี และในระหว่างการอนุญาตทำงาน หากแรงงานประสงค์ที่จะตรวจสัญชาติก็เปิดโอกาสให้มีการตรวจสัญชาติควบคู่กันไปด้วย โดยให้ไปดำเนินการที่สถานทูต (เมียนมา ลาว กัมพูชา) ประจำประเทศไทย ส่วนแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม (ไม่รวมผู้ติดตาม) จะดำเนินการใน ๒ ลักษณะ คือ (๑) ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอยู่ในราชอาณาจักร และ (๒) การนำเข้าแรงงานเวียดนาม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติ เพื่อให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราวมารายงานตัวและเข้าสู่กระบวนการจ้างงานตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22113 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 3 ราย 1. นางอัจจิมา จันทร์สุวานิชย์ ฯลฯ) | นร | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางอัจจิมา จันทร์สุวานิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. พันตำรวจโท เธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. นายวีระชัย ชมสาคร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
22114 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายวรรณชัย บุญบำรุง) | นร09 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรรณชัย บุญบำรุง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22115 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์) | กต | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน โดยในส่วนของการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๑ ราย ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายนภดล เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
22116 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 4 ราย 1. นายไกรรวี ศิริกุล ฯลฯ) | กต | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยในส่วนของการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๑ ราย ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายไกรรวี ศิริกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส ๒. นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ๓. นางนันทนา ศิวะเกื้อ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
|
|||||||||||||||||||||
22117 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) (นายโกวิท สัจจวิเศษ) | รง | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโกวิท สัจจวิเศษ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22118 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงสาธารณสุข) (จำนวน 3 ราย 1. นายประภัสสร เจียมบุญศรี ฯลฯ) | สธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายปภัสสร เจียมบุญศรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายณรงค์ สายวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
22119 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเพิ่มเติม (พลตำรวจตรี ปิยะ อุทาโย และนางสาวจิตพัต ฉอเรืองวิวัฒน์) | พม | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตำรวจตรี ปิยะ อุทาโย และนางสาวจิตพัต ฉอเรืองวิวัฒน์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
22120 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการ และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (จำนวน 5 ราย 1. นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ ฯลฯ) | ยธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จำนวน ๕ คน และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
๑. นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ ประธานกรรมการ ๒. นายจีระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการ ๓. พลตำรวจเอก จรัมพร สุระมณี กรรมการ ๔. พลเอก ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ กรรมการ ๕. นายอนุสิษฐ คุณากร กรรมการ
|
.....