ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1104 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22061 - 22080 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22061 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... | พณ | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอบรมเพื่อให้ความรู้และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ขอความร่วมมือกับบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation : IFC) ในเครือธนาคารโลก (World Bank) เพื่อให้การช่วยเหลือด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจในประเทศต่าง ๆ จัดให้มีการประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเตรียมความพร้อมการรองรับภารกิจ รวมทั้งได้จัดให้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการออกกฎหมายอนุบัญญัติและเพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลประกอบการจัดทำร่างกฎหมายด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22062 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 33 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย | พน | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๓ (33rd AMEM) ๑.๑ ที่ประชุมได้รับรองแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน ปี ๒๐๑๖-๒๐๒๕ (ASEAN Plan of Action on Energy Cooperation : APAEC) ฉบับใหม่ ภายใต้หัวข้อ “Enhancing energy connectivity and market integration in ASEAN to achieve energy security, accessibility, affordability and sustainability for all” ๑.๒ รัฐมนตรีอาเซียนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ เห็นชอบให้มีโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ [Lao PDR, Thailand, Malaysia, Singapore (LTMS) Power Integration Project] เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคของการซื้อขายไฟฟ้าข้ามแดนขนาดไม่เกิน ๑๐๐ เมกะวัตต์ จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวไปสิงคโปร์ผ่านระบบเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าที่มีอยู่ โดยมีการแบ่งแผนการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการดังกล่าวออกเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ (๒๕๕๙-๒๕๖๓) และระยะที่ ๒ (๒๕๖๔-๒๕๖๘) ๑.๓ ที่ประชุมได้ผลักดันโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน โดยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงภายในอาเซียนเพื่อความมั่นคงและการเข้าถึงพลังงานผ่านท่อส่งก๊าซและสถานีเปลี่ยนก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นก๊าซ ๒. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน+๓ ด้านพลังงาน ครั้งที่ ๑๒ (12th AMEM+3) ที่ประชุมได้ขอให้ประเทศในกลุ่มอาเซียน ๑๐ ประเทศ+๓ (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น) คงการสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในสถานการณ์พลังงานของโลกและอาเซียน+๓ การพัฒนาแนวทางการสำรองน้ำมันในอาเซียน และการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติในอาเซียน เป็นต้น ๓. การประชุมรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านพลังงาน ครั้งที่ ๙ (9th EAS EMM) ที่ประชุมได้ประกาศจุดยืนที่จะร่วมมือกันอย่างจริงจังในสาขาพลังงานต่าง ๆ รวมทั้งให้ความสำคัญในการแบ่งปันการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานพลังงานของภูมิภาคเอเชียตะวันออก และยินดีต่อการเปิดตัวรายงานคาดการณ์พลังงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉบับปี ๒๕๕๘ ของทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) ๔. รางวัล ASEAN Energy Awards จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีควบคู่กับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนด้านพลังงาน เพื่อเป็นกำลังใจและกระตุ้นการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียน และพลังงานถ่านหินในกลุ่มผู้ประกอบการของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยประเทศไทยได้รับรางวัลทั้งหมด ๒๖ รางวัล แบ่งเป็น (๑) ด้านอนุรักษ์พลังงาน ๑๒ รางวัล (๒) ด้านพลังงานทดแทน ๖ รางวัล และ (๓) ด้านถ่านหิน ๘ รางวัล
|
|||||||||||||||||||||
22063 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาร์เจนตินาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายมาร์กอส อันโตนิโอ บีดัล ดัสเฟลด์ (Mr. Marcos Antonio Bidal d'Asfeld)] | กต | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาร์กอส อันโตนิโอ บีดัล ดัสเฟลด์ (Mr. Marcos Antonio Bidal d’Asfeld) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวอานา มารีอา รามีเรซ (Miss Ana Maria Ramirez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22064 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กรณีการใช้อำนาจเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องของอธิบดีกรมศุลกากรหรือคณะกรรมการเปรียบเทียบงดการฟ้องร้อง กรมศุลกากรได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาและปรับปรุงเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้อง เพื่อศึกษาและรวบรวมเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้อง พิจารณาและปรับปรุงเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องให้ทันสมัยและเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นในการพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องให้เป็นไปโดยเรียบร้อย โดยคณะทำงานฯ จะเชิญผู้แทนจากกรมป่าไม้ และกรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วมในการพิจารณากำหนดเกณฑ์การเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องดังกล่าวด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22065 | รายงานประจำปี 2557 และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | ศธ | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๗ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาแล้วเห็นว่า งบการเงินของ สสวท. แสดงฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และผลการดำเนินงานทางการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22066 | รายงานการพิจารณาศึกษายุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยืน | สว | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษายุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยืน และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาศักยภาพและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสตรีไทย (๒) การพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างภาวะผู้นำกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองและการตัดสินใจในระดับต่าง ๆ ของสตรี (๓) การพัฒนาการเสริมสร้างความตระหนักรู้และยอมรับความเสมอภาคระหว่างเพศ (๔) การพัฒนาสุขภาวะ คุณภาพชีวิต และเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต และ (๕) การสร้างกลไกและพัฒนาศักยภาพองค์กรสตรีระดับชาติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันพระปกเกล้า สภาพัฒนาการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22067 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีการดำเนินงานของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอสำโรง (Samrong) และจงกัล (Chongkal) ในจังหวัดโอดอร์ เมียนเจย (Oddar Meanchey) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา | สม | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะ เรื่อง สิทธิมนุษยชน กรณีการดำเนินงานของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอสำโรง (Samrong) และจงกัล (Chongkal) ในจังหวัดโอดอร์ เมียนเจย (Oddar Meanchey) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกหรือกำหนดภารกิจการกำกับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยนำหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน : การปฏิบัติตามกรอบการคุ้มครอง เคารพ เยียวยา [United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights : Implementing the Protect, Respect, Remedy Framework (2554)] มาเป็นกรอบในการดำเนินการ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22068 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟบริเวณทางหลวงชนบท ปข. ๑๐๑๔ เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22069 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ปข. ๑๐๒๑ เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22070 | การจัดงาน "ย่านธุรกิจสร้างสรรค์และสินค้าจีไอ" | พณ | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการจัดงาน “ย่านธุรกิจสร้างสรรค์และสินค้าจีไอ” ภายใต้แนวคิดหลัก “ตื่นตาสินค้าจีไอ ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน” ระหว่างวันที่ ๑-๒๗ กันยายน ๒๕๕๘ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม โดยการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๐ ราย กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ สินค้าเกษตร อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องประทินผิว ของขวัญของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง และเครื่องประดับ มูลค่าการจำหน่ายปลีกรวม ๓๔,๗๗๐,๐๐๐ บาท มูลค่าการสั่งซื้อมีผลการเจรจาธุรกิจรวมกว่า ๔๐๐ ล้านบาท ผู้เข้าเยี่ยมชมงานตลอด ๒๗ วันของการจัดงาน รวมทั้งสิ้น ๑๕๐,๗๔๓ ราย นอกจากนี้ ยังมีการให้คำปรึกษาการประกอบธุรกิจ และการบรรยายพิเศษ และกิจกรรมพิเศษอื่น ได้แก่ การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในราคาพิเศษ อาทิ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ไข่ไก่ ข้าวหอมกาญจน์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งการประกวดภาพถ่ายชิงรางวัลในกิจกรรมตลาดคลองผดุงกรุงเกษม โดยมีผู้ส่งภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดผ่าน Facebook “ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม” รวมกว่า ๑๐๐ ภาพ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น จัดทำบัญชีรายการสินค้าที่มีศักยภาพของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตได้ในระดับชุมชนของแต่ละภูมิภาค เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง กระเป๋า เป็นต้น และให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าดังกล่าว เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมสินค้าแบรนด์ไทยให้สามารถยกระดับเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ ทั้งนี้ ให้เน้นการประชาสัมพันธ์เพื่อให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ๓. ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ออกใบอนุญาต ตรวจสอบ หรือรับรองมาตรฐานสินค้าต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นต้น เร่งรัดการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนสินค้าที่มีศักยภาพของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ ให้รายงานผลการออกใบอนุญาตฯ และผลการปฏิบัติงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๑ เดือน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๘ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22071 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ปข. ๑๐๑๙ เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22072 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ศก. ๔๐๐๓ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22073 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ตามรายงานการพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ | ทช | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ตามรายงานการพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ อาทิ การปรับปรุงกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเช่นเดียวกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐอื่น การนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลมในการจ้างที่ปรึกษา การกำหนดหลักเกณฑ์การเดินทางไปต่างประเทศ การปรับลดจำนวนคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน จากเดิม ๑๐๐ กว่าคณะ คงเหลือเพียง ๔๐ กว่าคณะ การตรวจสอบการบริหารงบประมาณการใช้จ่ายเงินของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เน้นความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22074 | ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของ ผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ กรณีการเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง) | สม | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุข กรณีการเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังได้รับการรักษาอาการป่วยจากภาวะทางจิตและได้รับยาที่เหมาะสม และการให้ผู้ต้องขังในประเทศไทยได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพที่พึ่งจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นสิทธิทางสุขภาพอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ กติการะหว่างประเทศหรือพันธกรณีระหว่างประเทศ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แพทยสภา และสภาการพยาบาล เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22075 | สรุปผลการประชุมเปิดตัวมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ("ข้อกำหนดแมนเดลา") ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 70 | ยธ | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเปิดตัวมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (“ข้อกำหนดแมนเดลา”) ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๐ ระหว่างวันที่ ๔-๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ สหประชาชาติได้มีการเปิดตัวข้อกำหนดขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ได้รับการแก้ไขใหม่ ในนามของ “ข้อกำหนดแมนเดลา” อย่างเป็นทางการ โดยสาระสำคัญของข้อกำหนดแมนเดลาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ (๑) เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในแง่สิทธิการเข้าถึงสุขภาวะของผู้ต้องขัง โดยจะต้องได้รับบริการสาธารณสุขตามมาตรฐานเดียวกันกับโลกภายนอก และการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากอัตราการแพร่เชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อร้ายแรงอื่น ๆ ในเรือนจำนั้นสูงกว่าในประชากรปกติมาก (๒) มีการระบุที่ชัดเจนขึ้นมากเกี่ยวกับการขังเดี่ยว (Solitary Confinement) โดยให้นิยามการขังเดี่ยวว่าเป็นการขังเป็นเวลา ๒๒ ชั่วโมง หรือ ๑ วัน โดยไม่มีการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ขอบเขตของการนำการขังเดี่ยวมาใช้ และการระบุว่าการยึดระยะเวลาการขังเดี่ยวออกไปนั้นหมายถึงการขยายเวลาเกิน ๑๕ วัน และ (๓) มีการระบุคำแนะนำเรื่องการตรวจค้นที่ล่วงล้ำ (Intrusive Search) เป็นครั้งแรก ทั้งการตรวจค้นแบบเปลือยกาย หรือการตรวจค้นทางช่องทวารของร่างกาย และการกำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำรายงานการเสียชีวิตระหว่างคุมขังโดยเร็ว การหายสาบสูญหรือการบาดเจ็บร้ายแรง และต้องปฏิบัติสืบสวนในสถานการณ์ และสาเหตุของกรณีนั้น ๆ โดยปราศจากอคติ และมีประสิทธิภาพ ๒. มุมมองในด้านสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติเห็นว่าข้อกำหนดแมนเดลาควรมีการปรับปรุงเพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้นใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) การห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากยังมิได้มีการกำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อเพศที่ ๓ ในข้อกำหนดแมนเดลา ในขณะที่สนธิสัญญาอื่น ๆ ด้านสิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่มีการระบุในเรื่องนี้แล้ว (๒) การใช้ภาษาหรือศัพท์เฉพาะด้านที่แตกต่างจากที่คณะกรรมการสิทธิผู้พิการ (The Committee on the Rights of Persons with Disabilities) ใช้ และ (๓) การใช้โทษจำคุกกับผู้กระทำความผิดในคดีทางแพ่ง ซึ่งขัดแย้งกับมาตรา ๑๑ ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (the International Covenant on Civil and Political Rights)
|
|||||||||||||||||||||
22076 | ร่างกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 จำนวน 5 ฉบับ | รง | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการหรือลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดลูกจ้างตามมาตรา ๔(๖) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชกฤษฎีกากำหนดลูกจ้างตามมาตรา ๔(๖) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพแก่ผู้ประกันตนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพแก่ผู้ประกันตนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน |
|||||||||||||||||||||
22077 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | มท | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรยกเว้นให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทที่ไม่มีมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมหรือมีแต่น้อยมากตามที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมจะกำหนด เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนตามนโยบายของรัฐบาล และเนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีมีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินริมฝั่งแม่น้ำ ลำคลองหรือแหล่งน้ำสาธารณะอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการรุกล้ำลำน้ำ รวมทั้งที่เว้นว่างตามแนวขนานลำน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของจังหวัดสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการขยายตัวของเมืองได้อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22078 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาบราซิเลีย (Brasilia Declaration) | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาบราซิเลีย (Brasilia Declaration) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนของโลกร่วมกัน และยินดีกับบทสรุปของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) รวมทั้งรับทราบรายงานสถานการณ์โลกเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีแนวทางการดำเนินการในก้าวต่อไปของทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนแบ่งออกเป็น ๕ เสาหลัก ได้แก่ (๑) การจัดการความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Management) (๒) ถนนและการสัญจรที่ปลอดภัย (Safer Road and Mobility) (๓) ยานพาหนะที่ปลอดภัย (Safer Vehicles) (๔) ผู้ใช้ถนนอย่างปลอดภัย (Safer Road Users) และ (๕) การตอบสนองหลังเกิดเหตุ (Post-Crash Response) ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุม High Level Global Conference on Road Safety ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ให้การรับรองปฏิญญาดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำในปฏิญญาบราซิเลียในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการปรับเปลี่ยนได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22079 | การลงนามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. โดยที่กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าสาระสำคัญของกรอบความร่วมมือฉบับนี้อยู่ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ แล้ว ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในกรอบความร่วมมือฯ ดังกล่าวในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูง (High Level Joint Committee) เพื่อผลักดันโครงการตามความร่วมมือดังกล่าวอย่างจริงจังและให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในวาระครบรอบความสัมพันธ์ ๔๐ ปี ของทั้ง ๒ ประเทศ รวมถึงให้รับความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการกำหนดผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ด้านการรถไฟ ควรกำหนดเพิ่มเติมให้สถาบันการศึกษาและภาคเอกชนของไทยมีส่วนร่วมด้วย เพื่อให้เกิดการวิจัยพัฒนาด้านเทคโนโลยีการขนส่งและการจัดการองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรกำหนดนโยบายสนับสนุนการวิจัยพัฒนาหรือเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการขนส่งทางรถไฟเพื่อให้ประเทศไทยมีการพัฒนาการขนส่งและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เพื่อให้การดำเนินการตามความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบและเป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ ๔.๑ หากการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้เกิดข้อผูกพันที่กำหนดให้ต้องมีการแก้ไขข้อกฎหมายหรือต้องร่างกฎหมายใหม่ หรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการกู้เงินอย่างมีนัยสำคัญ ให้กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันต่อไป ๔.๒ ในขั้นตอนการเสนอขออนุมัติโครงการ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๖ (เรื่อง การเสนอขอความเห็นชอบโครงการหรือกิจการที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ |
|||||||||||||||||||||
22080 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยสากล โดยวิธีการเฝ้าตรวจตราอย่างต่อเนื่อง [Universal Security Audit Programme-Continuous Monitoring Approach: (USAP-CMA)] ระหว่างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศและราชอาณาจักรไทย | คค | 17/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติในการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยสากล โดยวิธีการเฝ้าตรวจตราอย่างต่อเนื่อง (Universal Security Audit Programme-Continuous Monitoring Approach : USAP-CMA) ระหว่างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศและราชอาณาจักรไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามของฝ่ายไทย ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักดำเนินการศึกษารายละเอียด องค์ประกอบ และวิธีการตรวจสอบแบบใหม่ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่จะดำเนินการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนภายใต้โครงการ USAP-CMA โดยประเมินสถานะปัจจุบัน ปัญหาอุปสรรค และจัดทำแนวทางแก้ไขระบบการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทยที่เป็นระบบและสอดคล้องกับข้อกำหนดของ ICAO อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการตรวจสอบของ ICAO หรือหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของต่างประเทศในอนาคต ไปดำเนินการต่อไป |
.....